Beranda / รักโบราณ / วสันตกาลพานพบ / ตอนที่ 5 ลู่ฟางหรงเข้าช่วยเหลือ

Share

ตอนที่ 5 ลู่ฟางหรงเข้าช่วยเหลือ

last update Terakhir Diperbarui: 2024-10-23 18:03:37

“ซิ่วอิง ตรงนั้นเกิดเรื่องอันใดขึ้น ทำไมคนมุงเต็มไปหมด” เสียงเล็กจากเด็กหญิงผู้หนึ่งถามขึ้นด้วยความสงสัย เพราะนาน ๆ ทีถึงได้ออกมาเที่ยวในเมือง จึงรู้สึกสงสัยใคร่รู้ทุกสิ่งทุกอย่าง

“ฟางหรง เจ้าไม่ต้องรู้ทุกเรื่องหรอก วันนี้ท่านพ่อให้เจ้ามาทำธุระกับเถ้าแก่ร้านหยกไม่ใช่หรือ ไปช้าเดี๋ยวก็โดนดุอีกหรอก” ซิ่วอิงที่ดูโตกว่านางสักสามปีตักเตือน

“เอ๋! นาน ๆ ทีได้ออกมาเที่ยวในเมืองบ้าง ช้าไปนิดหน่อย ท่านลุงไม่กล้าว่าอะไรนางหรอกน่า เจ้าก็จริงจังเกินไปแล้ว” หนิงเหอผู้เป็นน้องสาวของนางโต้แย้งอย่างมีเหตุผล

“ใช่ ๆ หนิงเหอพูดถูก เจ้าเคยเห็นท่านพ่อดุข้าหรือ” ฟางหรงยิ้มร่าแล้ววิ่งไปทางนั้นพร้อมกับหนิงเหอ

“พวกเจ้าสองคนนี่ เล่นเป็นเด็กไปได้ เมื่อไรจะโตเสียที” ซิ่วอิงบ่นเสียงดังก่อนรีบตามทั้งสองคนไป

ฟางหรงเดินแหวกฝูงชนที่กำลังมุงดูเสิ่นชิว นางมุดลอดช่องว่างเข้าไปจนเข้าถึงตัวเขาในไม่ช้า เลือดที่ไหลรินบนใบหน้าทำให้นางตกใจ ทั้งยังเสื้อผ้ายับเยิน มีแต่รอยเท้าฝากฝังไว้ทั่วร่าง ฟางหรงทำใจเห็นคนที่อายุพอกันกับนางมีสภาพเช่นนี้ไม่ได้จริง ๆ นางจึงแตะไปที่ตัวเขา เรียกเบา ๆ เผื่อเขาจะตื่น

“นี่ นี่ เจ้าได้ยินข้าหรือไม่” ฟางหรงจับที่ไหล่เขา เมื่อเห็นว่าเด็กชายที่นอนอยู่ไม่ขยับตัว นางจึงรีบบอกให้หนิงเหอและซิ่วอิงช่วยพยุงตัวเขา

“พาไปที่หมู่บ้านเราดีกว่า แม่เฒ่าน่าจะช่วยเขาได้” นางบอกซิ่วอิงและหนิงเหอ

ทั้งสามคนพาเสิ่นชิวเข้ามาที่หมู่บ้าน ผู้คนในนั้นต่างรีบวิ่งมาดูเหตุการณ์ รวมถึงบิดาของลู่ฟางหรง ผู้นำหมู่บ้านที่กำลังยืนรอนางอยู่ทางเข้า สีหน้ายิ้มแย้มเปลี่ยนเป็นซีดเซียว

“ฟางหรง เกิดเรื่องใดขึ้น แล้วเจ้าพาผู้ใดมาที่หมู่บ้านของเรา”

“ไม่มีเรื่องใดหรอกท่านพ่อ เพียงแค่ข้าเจอเด็กคนนี้ที่ตลาด แล้วนึกสงสารเขา ท่านแม่เฒ่าช่วยเขาได้หรือไม่”

ลู่ฟางหรงตอบพ่อของนางเสร็จก็ชะเง้อมองหาแม่เฒ่า ผู้มีวิชารักษาเก่งกาจที่สุดในหมู่บ้าน

“พาเขาไปที่บ้านข้า” แม่เฒ่าพูดขึ้น เพียงแค่ปรายตามอง นางก็รู้ได้ว่าเขาเจ็บป่วยที่ตรงไหน จึงหันไปบอกให้คนดูแลเอาสมุนไพรสามตัวจากสวนท้ายหมู่บ้านมาให้นางทำยารักษา

ครั้นได้ยาขนานหนึ่งจากแม่เฒ่า เสิ่นชิวจึงได้นอนหลับรักษาตัวสามวันสามคืน ร่างกายเริ่มฟื้นฟูดีขึ้นกว่าที่เคยเป็น ตอนสาย ๆ เสิ่นชิวได้สติ ค่อย ๆ ลืมตา ภาพที่อยู่ตรงหน้าทำให้เขางุนงง กระพริบตามองอยู่สองสามครั้ง

“นี่เจ้าฟื้นแล้วหรือ เป็นอย่างไรบ้าง แม่เฒ่า! ท่านมาดูนี่สิ เขาฟื้นแล้ว” ลู่ฟางหรงเรียกแม่เฒ่าด้วยความดีใจ นางมาคอยนั่งเฝ้าเขาทุกวันเพราะรู้สึกกังวลใจ

แม่เฒ่าเดินมาตรวจอาการของเขา กำชับว่าให้กินยากินข้าวอย่าได้ขาด แล้วนอนพักผ่อนเยอะ ๆ ก่อนจะเดินออกไปข้างนอก เสิ่นชิวกำลังมึนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า ชีวิตที่ผ่านมาเขาไม่เคยได้รับการดูแลที่ดีเช่นนี้จากคนอื่นมาก่อน

“ข้าอยู่ที่ไหน เจ้าเป็นใคร” เสิ่นชิวถามขึ้น สายตามองไปรอบตัว ไม่เจอผู้ใดนอกจากนาง

“ข้าชื่อฟางหรง สามวันก่อน เจ้านอนสลบอยู่ที่ตลาด ข้าเลยพาเจ้ามาที่นี่ แล้วแม่เฒ่าก็ช่วยรักษาเจ้า”

“ที่ตลาด สามวัน! ผ่านไปสามวันแล้วหรือ” สีหน้าของเสิ่นชิวเปลี่ยนไป สายตาของเขาลนลาน ใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ ใบหน้าของมารดาปรากฏขึ้น จากนั้นเขาก็วิ่งออกไปทั้งที่ยังไม่สวมรองเท้า แล้วหยุดยืนอยู่ที่หน้าหมู่บ้าน เสิ่นชิวหันซ้ายหันขวาไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ใดและเขาควรจะต้องวิ่งไปทางใดกันแน่

“รอข้าด้วย เจ้าจะไปไหน” ฟางหรงตะโกนเสียงดังตามหลัง

พลันได้ยินเสียงนาง เขาหันกลับไปถามอีกครั้ง “ที่นี่ที่ไหน ข้าต้องรีบกลับบ้าน” น้ำเสียงสั่นเครือ น้ำตาหยดหนึ่งร่วงหล่น

“หมู่บ้านของข้า ตลาดที่ข้าเจอเจ้าไปทางซ้ายเรื่อย ๆ ก็ถึง เดี๋ยวข้าไปเป็นเพื่อน”

เสิ่นชิวไม่รอนางพูดจบ เขาพุ่งตัวไปยังทางที่นางบอก กำลังที่มีทั้งหมดส่งไปที่ฝีเท้าของเขา เสิ่นชิวไม่สนใจสิ่งรอบข้าง แม้ฝ่าเท้าเหยียบก้อนหินจนได้แผล เขาแทบไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว ในใจนึกถึงแต่นางเพียงเท่านั้น สามวันที่เขาหลับไป นางจะเป็นเช่นไรบ้าง

เมื่อมาถึงหน้าบ้าน เสิ่นชิวกลับไม่กล้าเข้าไปข้างใน ยามที่มารดาของเขาได้ยินเสียงประตูบ้าน นางมักจะเรียกขานให้เขาเข้าไปหา แม้ครั้งนี้เขาเปิดประตูเสียงดังกว่าปกติด้วยความร้อนรน แต่ไม่ได้ยินเสียงนางเลย ในใจเขาเต้นแรงขึ้นมากกว่าเดิม ค่อย ๆ ก้าวขาเดินเข้าข้างในอย่างช้า ๆ เขาปวดมวนท้อง คลื่นไส้ ความคิดในหัวตีกันไปหมด

“ท่านแม่ ข้ากลับมาแล้ว” เสิ่นชิวพูดออกไปตอนกำลังเดินไปหานาง “ท่านแม่ ท่านหลับอยู่หรือ” เพียงแค่มองไปที่ร่างอันสงบนิ่งของนาง ในใจเขานึกอยากจะให้นางนอนหลับอย่างเช่นเคย เขาเดินเข้าไปใกล้ ๆ ถามนางอีกครั้ง “ท่านแม่ ข้าขอโทษที่รบกวนเวลานอนของท่าน แต่ว่า ท่านช่วยตื่นมาพูดคุยกับข้าได้หรือไม่”

ลู่ฟางหรงที่ตามมาถึงมองเห็นร่างของนางก็เข้าใจได้ทันที นางเดินเข้าไปหาหญิงวัยกลางคนแล้วจับที่เส้นชีพจร เมื่อแน่ใจแล้ว นางจึงหันมาหาเสิ่นชิว “นางจากไปแล้ว ข้าเสียใจด้วย”

เสิ่นชิวไม่อยากยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น น้ำตาที่กลั้นไว้ไหลพรากลงมา จิตใจของเขาอ่อนแอลงอีกครั้ง คนที่สำคัญในชีวิตได้จากไปแล้ว

“ท่านแม่ ข้าขอโทษ ข้าขอโทษที่ทำให้ท่านต้องรอ ขอโทษที่ทำให้ท่านทรมาน ข้าขอโทษ” เสิ่นชิวพร่ำพูดคำขอโทษกับร่างไร้วิญญาณของนางอยู่นาน ภาพที่เกิดขึ้นต่อหน้าลู่ฟางหรง ทำให้นางรู้สึกสงสารเขาจับใจ ไม่รู้ว่าเหตุใดชีวิตเขาและนางถึงได้แตกต่างกันเพียงนี้ ทำไมคนคนหนึ่งถึงต้องพบเจอเรื่องราวเลวร้ายขนาดนี้ นางทรุดตัวลงข้างเสิ่นชิวที่กำลังกอดร่างของท่านแม่อยู่ เอื้อมมือกอดเขาพลางปลอบประโลม

ไม่นานนัก บิดาของฟางหรง รวมถึงซิ่วอิง หนิงเหอก็มาถึงบ้านของเสิ่นชิว เขาเดินเข้ามาหาบุตรสาวแล้วแตะไหล่นางให้ถอยออกมา ก่อนจะค่อย ๆ พูดกับเสิ่นชิว

“ข้าเสียใจด้วยกับการสูญเสียครั้งนี้ แต่นางได้จากเจ้าไปแล้ว นางคงไม่อยากเห็นเจ้าต้องร้องไห้เสียใจถึงเพียงนี้หรอก หากเป็นไปได้จงมีชีวิตที่ดีเถิด นางจะได้หายห่วง” เสิ่นชิวได้ยินเช่นนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองหน้าของมารดาอีกครั้งหนึ่ง “ข้าจะทำเช่นไรดีขอรับ” เสียงสะอึกสะอื้นถามขึ้น ดวงตาแดงก่ำมีน้ำใส ๆ คลออยู่

“ข้าจะช่วยเจ้าทำพิธีจัดงานศพให้นางตามธรรมเนียมของหมู่บ้านข้า” เขามองเสิ่นชิวเหมือนเป็นลูกชายคนหนึ่ง

“ขอรับ” เสิ่นชิวพยักหน้าตอบเขา “ได้โปรดช่วยข้าด้วยขอรับ” เขาอ้อนวอน อย่างน้อยพิธีส่งดวงวิญญาณของนางก็ควรจะทำให้ดีที่สุดเพราะเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาจะทำเพื่อนางได้

เช้าวันรุ่งขึ้น บิดาของฟางหรงจัดแจงทำพิธีส่งวิญญาณครั้งสุดท้ายตามธรรมเนียมของหมู่บ้านให้เสิ่นชิวตามสัญญา ก่อนจะมานั่งปลอบเสิ่น ชิวอีกครั้ง

“เสิ่นชิว หากเจ้าไม่รู้จะไปที่ใด อยู่ที่หมู่บ้านนี้เถิด ข้ายินดี”

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 56 จบบริบูรณ์

    ณ ตำหนักโคมดวงจิตเจียลี่นั่งรำลึกความหลังตอนที่นางเป็นเซียนน้อยดูแลตำหนัก แล้วชี้ให้หลินเซินดูว่าโคมดวงจิตของเขาเคยตั้งอยู่ตรงนี้“ข้าไม่นึกเลยว่าจะเป็นเจ้า” เจียลี่หันมามองหลินเซิน “ผู้เฒ่าหยางคงจะหมดห่วงแล้วล่ะ”“ข้าติดหนี้เจ้าแล้ว มากมายจนนับไม่ถ้วน หากไม่มีเจ้า จิตวิญญาณของข้าคงแตกสลายไป” น้ำเสียงของหลินเซินแผ่วเบา“ไม่มีทางยอมให้เป็นเช่นนั้นหรอก” เจียลี่ส่ายหน้า นางกุมมือเขาเอาไว้ ทำสีหน้าจริงจัง “ข้าจะปกป้องเจ้าเอง ไม่ว่าใครหน้าไหนกล้าทำร้ายเจ้าอีก ข้าไม่ปล่อยไว้แน่”หลินเซินเลิกคิ้วแล้วยิ้มให้นาง “เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าข้าเป็นถึงอดีตเทพสงคราม จะมีใครกล้าทำอะไรข้า”“นั่นสิเนอะ” เจียลี่หัวเราะกับคำตอบของเขา “หลินเซิน ไปดูก้อนเมฆสีรุ้งกันเถอะ ข้าไม่ได้เห็นนานแล้ว” นางเอ่ยปากชวนเขาไปที่ผาน้ำตกทั้งสองนั่งเล่นชมทิวทัศน์อยู่นานจนถึงเวลาพลบค่ำที่ตะวันเริ่มลาลับขอบฟ้า จู่ ๆ เจียลี่ก็นึกได้ว่าเวลาบนดินแดนสวรรค์กับดินแดนมนุษย์ไม่เหมือนกัน“ข้าว่ารีบกลับลงไปที่บ้านเถอะ ไม่รู้ป่านนี้เยี่ยนฟางกับหมิงเฟยจะเป็น

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 55 สลาย

    ช่วงสายของวันหนึ่งที่อากาศแจ่มใส หลินเซินนั่งกินถังหูลู่อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ริมบ่อน้ำ เขาหันมามองเจียลี่ที่กำลังหัดร่ายเวทด้วยความจริงจังนึกขำในใจ“เจียลี่ ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปเถิด เจ้าทำหน้าเครียดเกินไปแล้ว” นับตั้งแต่ที่เขาคืนพลังเซียนเพื่อฟื้นชีวิตนาง หลินเซินก็กลายเป็นชนเผ่าหมาป่าธรรมดาที่มีพลังเวทนิดหน่อย กระนั้นยังคงเป็นหมาป่ากินพืชเช่นเดิม“ข้าอยากเป็นเร็ว ๆ นี่ ถ้าเกิดอะไรขึ้น ข้าจะได้ช่วยพวกเจ้าได้” เจียลี่ยังคงพยายามจ้องไปที่มือข้างหนึ่งของนางที่มีพลังเซียนส่องแสงวิบวับ“เจ้าต้องผ่อนคลายให้มากกว่านี้แล้วเจ้าจะเข้าใจว่าต้องทำเช่นไร” หลินเซินให้กำลังใจ เขารินน้ำชาดอกท้อให้นาง “ดื่มก่อน”“อื้ม” เจียลี่พยักหน้า แล้วนึกถึงเรื่องที่นางมีความสุข พลันกลีบดอกท้อปรากฏขึ้นอยู่รอบตัวทั้งคู่ นางโบกมือไปทางซ้ายขวาบังคับสายลมพัดกลีบดอกท้อปลิวไสวไปทั่วทั้งป่า “ข้าเข้าใจแล้วหลินเซิน” นางยิ้มดีใจทั้งคู่พูดคุยกันกระหนุงกระหนิงทั้งวันจนตะวันลับฟ้าจึงพากันเดินกลับบ

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 54 สัญญา

    เจียลี่ลุกขึ้นมานั่งร้องไห้เป็นเผาเต่าทันทีที่ฟื้นขึ้นมา นางไม่อยากให้หลินเซินต้องทำเช่นนี้ จนหมิงเฟยต้องเข้ามาปลอบใจ“ท่านพี่ ทำใจดี ๆ ไว้เถิด ถ้าเขาเห็นว่าท่านเป็นเช่นนี้ วิญญาณคงจะไม่สงบสุข” หมิงเฟยยื่นผ้าเช็ดหน้าให้นางซับน้ำตา“ข้าขออยู่คนเดียวได้หรือไม่” นางคงยังไม่อยากพูดกับใคร ในใจเศร้าสร้อยเกินจะคิดอะไร“ขอรับ” หมิงเฟยพยักหน้าแล้วเดินออกมานอกห้องในป่าลึกท้ายหมู่บ้าน เยี่ยนฟางกำลังนั่งกอดเข่าอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ น้ำตานองหน้าเพราะนึกถึงสิ่งที่นางทำ ทั้งยังไม่กล้าสู้หน้าหมิงเฟยจึงหลบออกมานั่งคนเดียวครั้นเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ นางจึงเงยหน้ามองผู้มาเยือน“หลินเซินนนน” เยี่ยนฟางกลั้นใจไม่ไหว ร้องไห้โฮจนตัวโยนหลินเซินจึงนั่งลงข้าง ๆ ลูบหัวของนางเหมือนอย่างเคย “จำได้หรือไม่ วันแรกที่ข้าเจอเจ้า”“อื้ม”“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ได้ตั้งใจ อย่าโทษตัวเองนักเลย” หลินเซินยื่นขนมหวานให้นาง “หมิงเฟยตามหาเจ้าอยู่ ไม่อยากเ

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 53 ไม่มีทางเลือก

    เวลานี้ หลินเซินจำเรื่องราวในอดีตได้หมดทุกอย่างแล้ว พลังตบะเซียนและร่างกายของเขากลับมาเป็นเช่นเดิม เขาร่ายเวทก้าวเข้าสู่หุบเขากองกระดูกในทันทีการปรากฏตัวของเขาทำให้หมิงเฟยและพรรคพวกรู้สึกโล่งใจ ยามนี้เขาแทบจะทนแรงฟาดฟันของเยี่ยนฟางไม่ไหวแล้ว หลินเซินมองเห็นความโกลาหลที่พื้นเบื้องล่าง เขามองหาเยี่ยนฟางและหมิงเฟยเป็นลำดับแรก จากนั้นก็เคลื่อนที่มาหยุดตรงหน้านางในพริบตา“จงหลับ!” นิ้วชี้ของเขาจิ้มไปหว่างกลางหน้าผากของเยี่ยนฟาง เขาเอื้อมมือคว้าตัวนางเอาไว้ แล้วส่งให้หมิงเฟย จากนั้นตรงดิ่งไปที่ร่างของเจียลี่พูดกับหมิงเฟยว่า “พาคนออกไปจากที่นี่แล้วร่ายเวทหล่อเลี้ยงร่างของนางเอาไว้”หมิงเฟยพยักหน้ารับคำ ครั้นหลินเซินร่ายม่านเขตแดนของตนขึ้นมา หุบเขากองกระดูกที่แสนอึมครึมจึงมีโพรงแห่งแสงสว่างเล็ก ๆ ปรากฏขึ้น“เฉิงซาน ทางนี้” หมิงเฟยตะโกนบอกพรรคพวกเมื่อทุกคนในที่แห่งนี้มองเห็นทางออกต่างพยายามสลัดให้หลุดจากคู่ต่อสู้ของตนเองหลินเซินมองเห็นเทพมารลอยอยู่เหนือเทพอาวุโส กำลังจะร่ายเวทใส่ร่างของเขา เพียงแต่ได้ยินเสียงร้อ

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 52 ซ่งเทียนเย่

    “เทียนจวิน วันนี้มีเรื่องอะไรหรือถึงได้อารมณ์ดี” ซ่งเสวี่ยหยางถามเขา“แค่วันธรรมดาหนึ่งวันบนดินแดนสวรรค์ เห็นเจ้าเพิ่งกลับมาเลยอยากทวงของฝาก” ซ่งเทียนเย่ยิ้มแป้นให้เขา“ท่านก็รู้ว่าข้าไม่ได้ไปเที่ยวเล่น ปราบปีศาจที่มีพลังมารก็ทำให้ข้าเหนื่อยไม่น้อย” เขาส่ายหน้าพลางเดินไปที่มุมหนึ่งของตำหนัก “แต่ก็เอาเถอะ ข้าได้ยินมนุษย์พูดกันว่าสุราแคว้นเป่ยรสชาติดีจึงได้ถือติดมือมาด้วย” เขายื่นสิ่งที่พอจะเรียกว่าของฝากให้ซ่งเทียนเย่“เจ้าช่างรู้ใจ ดื่มเป็นเพื่อนกันสักหน่อยดีหรือไม่”หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ออกไปนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่บนเกาะลอยฟ้าของตำหนักเทพสงคราม ดื่มสุรากันคนละจอกสองจอกพลางพูดคุยเรื่องที่ได้พบเจอในแต่ละวัน“ท่านอา” เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กน้อยสองคนเรียกซ่งเสวี่ยหยาง เขาหันไปมองต้นเสียงแล้วพูดว่า “พวกเจ้าสองคน ช้า ๆ หน่อย” แต่เด็กทั้งสองกลับวิ่งเร็วขึ้นกว่าเดิมเพราะคิดถึงเขา“เฮ้อ ดูสิ บิดาของเขานั่งอยู่ตรงนี้แท้ ๆ” ซ่งเทียนเย่พูดหยอกผู้เป็นน้องชาย“ช่วยไม่ได้ ข้าไม่อยู่ตำหนักตั้งนาน เอ้า! นี่ของฝากพวกเจ้า” เขาร่ายเวทเรียกไข่ของวิหคเพลิงออก

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 51 ด้ายสีทอง

    TW: ความรุนแรง อดีตของหลินเซินและเจียลี่ราวกับเรื่องราวของเยว่เล่อกับนางยังไม่หนักหนาพอ ใต้เท้าหนุ่มเปิดประตูเข้ามาเห็นภาพที่นางกำลังนั่งกอดเขาอยู่บนเตียงจึงเกิดความเดือดดาล ปรี่เข้ามากระชากคอเสื้อของเยว่เล่อแล้วออกหมัดใส่หน้าเขาไปหนึ่งทีนางรีบวิ่งเข้ามาประคองเขาพยายามห้ามไม่ให้เยว่เล่อโต้ตอบแต่กลับกลายเป็นว่าใต้เท้าหนุ่มยิ่งไม่พอใจที่ผู้หญิงของเขาทำเช่นนั้น“มันเป็นชู้รักของเจ้างั้นรึ” เขาตวาดเสียงดังก้องแล้วเข้าไปกระชากตัวนางจากเยว่เล่อ บีบข้อมือของนางแรงจนช้ำแดงเถือกเยว่เล่อไม่อาจทนเห็นใครทำร้ายนางได้อีก เขาขัดคำสัญญาของนางแล้วพุ่งตรงมาบีบคอของใต้เท้าหนุ่มในทันที เยว่เล่อกัดคอของเขาแล้วสูบเลือดที่มีจนหมดตัว ทิ้งร่างเหี่ยว ๆ กองไว้บนพื้นนางไม่เคยเห็นเขาในสภาพเช่นนี้มาก่อนจึงตกตะลึงไปชั่วขณะแต่แล้วก็เดินมากอดเขาเอาไว้“ไปจากที่นี่กันเถิดนะเยว่เล่อ” นางมองหน้าเขาสายตาอ้อนวอนทั้ง ๆ ที่บริเวณบ้านเงียบงันแต่กลับมีเสียงหนึ่งคล้ายเสียงของใต้เท้าหนุ่มตะโกนโวยวายไม่เป็นเรื่อง คนใช้ในจวนจึงรีบวิ่งตาลีตาเหลือกเข้ามาในห้อง ครั้นได้เห็นภาพเ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status