/ รักโบราณ / วสันตกาลพานพบ / ตอนที่ 6 พิธีอัญเชิญจิตวิญญาณ

공유

ตอนที่ 6 พิธีอัญเชิญจิตวิญญาณ

last update 최신 업데이트: 2024-10-26 20:51:33

ห้าปีผ่านไป

เสิ่นชิวเติบโตขึ้นที่หมู่บ้านแห่งนี้ เขาคอยช่วยงานคนในหมู่บ้าน มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ผู้คนรอบตัวต่างมีน้ำใจต่อเขา

“ท่านแม่ ท่านคงไม่ต้องเป็นห่วงข้าแล้วล่ะ ท่านเห็นหรือไม่ ข้าเติบโตมาอย่างดี หวังว่าท่านจะอยู่บนสวรรค์อย่างมีความสุขนะขอรับ” เสิ่นชิวมองท้องฟ้าสีครามยามเช้าสีหน้ายิ้มแย้ม ไม่มีวันไหนเลยที่เขาจะไม่คิดถึงนาง ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาตั้งใจใช้ชีวิตอย่างที่นางหวัง เพียงแค่กินอิ่ม นอนหลับ ร่างกายแข็งแรง นางก็ดีใจมากแล้ว

“เสิ่นชิว ทำอะไรอยู่หรือ” ฟางหรงนั่งลงข้าง ๆ เขา ซบหัวลงพิงไหล่อย่างสนิทสนม “มัวแต่คิดอะไรอยู่หรือ วันนี้มีงานสำคัญ อย่าบอกนะว่าเจ้าลืมแล้ว” นางถามออกไปทั้ง ๆ ที่รู้ว่า เขาไม่มีทางลืมอย่างแน่นอน

“อ้อ จริงด้วยสิ วันนี้มีงานสำคัญของเจ้านี่นา ข้าเกือบลืมไปเสียสนิท” เสิ่นชิวได้ทีแกล้งนางกลับ ทำให้เขาโดนทุบด้วยฝ่ามือน้อย ๆ ของนางไปหนึ่งที จนไม่อาจกลั้นหัวเราะได้อีก การแกล้งนางนั้นสนุกยิ่งกว่าอะไร

“เสิ่นชิว เจ้าแกล้งข้าอีกแล้ว” ทันทีที่พูดจบ นางหยัดกายลุกขึ้นยืนแล้วเดินกลับเข้าหมู่บ้าน ได้ยินแต่เสียงตะโกนของเสิ่นชิวดังมา “ฟางหรง อย่างอนข้าเลยนะ แต่ถึงงอนก็ไม่เป็นไรหรอก ตอนเจ้างอนช่างน่ารักจริง ๆ ฟางหรง ได้ยินข้าไหม”

ทางด้านหนึ่ง ซิ่วอิงและหนิงเหอเห็นท่าทางของทั้งสองคนแล้วอดไม่ได้ที่จะเบ้ปากกรอกตา เอียนกับการหยอกล้อของพวกเขาจริง ๆ ยิ่งสองปีให้หลังนี้ ยิ่งหนักข้อขึ้นทุกวัน

“ท่านพี่ ไปที่ลานพิธีเถอะ” หนิงเหอคล้องแขนซิ่วอิงแล้วเดินไปข้างในหมู่บ้าน

“เฮ้อ!” ซิ่วอิงได้แต่ถอนหายใจ เดินตามน้องสาวไปแต่โดยดี ครั้นจะห้ามไม่ให้เสิ่นชิวกับฟางหรงแสดงอาการออกนอกหน้ามากไปก็คงไม่เป็นผล ทั้งหมู่บ้านรู้กันหมดแล้วว่าทั้งสองสนิทสนมกันมากเพียงใด

ช่วงสายของวัน หมู่บ้านแห่งนี้ได้จัดพิธีอัญเชิญจิตวิญญาณ สำหรับเด็ก ๆ ในหมู่บ้านที่อายุครบสิบห้า ลู่ฟางหรงและหนิงเหอเข้าร่วมพิธีด้วยความตื่นเต้น โดยเฉพาะลู่ฟางหรง ผู้เป็นบุตรสาวของผู้นำหมู่บ้าน นางจะได้รับการสืบทอดจิตวิญญาณอันสูงส่งให้สมเกียรติ

แต่เดิมทีที่เสิ่นชิวเข้ามา เขารู้สึกได้ว่าผู้คนที่นี่ดูแตกต่างจากคนทั่วไปที่เขาเคยพบเจอ วิถีการดำเนินชีวิตที่เรียบง่ายแต่ลึกลับ คล้ายกับมีบางอย่างซ่อนอยู่ จนกระทั่งเขาได้เห็นพิธีอัญเชิญจิตวิญญาณ

วันนั้นลู่ฟางหรงยืนข้างเขาแล้วบอกให้เขาตั้งใจดูสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น นางอยากให้เขาตื่นตะลึงจึงไม่ได้เล่าเรื่องราวใด ๆ ให้เขาฟังล่วงหน้า แล้วก็เป็นดังเช่นที่นางคาดไว้ เสิ่นชิวอ้างปากค้าง ดวงตาจ้องไปที่ใจกลางลานพิธีอย่างใจจดใจจ่อ

เสิ่นชิวมองเห็นร่างโปร่งแสงของสัตว์ตัวหนึ่งกำลังลอยลงมาจากท้องฟ้า มันวิ่งช้า ๆ ไปที่เด็กสาวคนหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงกลางลานพิธี พอจ้องมองดี ๆ แล้ว จึงได้รู้ว่าสัตว์เรืองแสงสีครามคือกวางตัวหนึ่ง ลู่ฟางหรงจึงได้บอกความลับหมู่บ้านให้เขาฟังในเวลานั้น

นางและคนในหมู่บ้านคือเผ่าพันธุ์กวางนำทาง ร่างโปร่งแสงของกวางเรืองแสงสีครามที่เขาเห็นคือส่วนหนึ่งของจิตวิญญาณทุกคนในหมู่บ้าน เมื่ออายุครบสิบห้า พวกเขาจะจัดพิธีรวมวิญญาณให้เป็นอันหนึ่งเดียวกัน หากแต่นางไม่บอกว่าจิตวิญญาณเผ่าพันธุ์นางนั้นมีความสำคัญมากเพียงใดเพราะถือเป็นความลับที่แม้แต่คนรักนอกเผ่าพันธุ์นางก็บอกไม่ได้

ในวันนี้ ลู่ฟางหรงได้เข้าร่วมพิธีครั้งใหญ่ เสิ่นชิวมองตามนางตาไม่กระพริบ จนเห็นกวางตัวหนึ่งปรากฏร่างขึ้น จิตวิญญาณกวางของนางแตกต่างจากคนอื่น ๆ กวางทองเดินเข้าหานางอย่างช้า ๆ ก่อนที่แสงสีทองจะหายวับไป ดวงตาของฟางหรงกลายเป็นสีทองแวบหนึ่ง หน้าผากของนางมีแต้มสีทองประดับอยู่ตรงกลาง

หลังจากเสร็จพิธี เสิ่นชิวเดินเข้ามาแสดงความยินดีกับลู่ฟางหรงและหนิงเหอ จากนี้ทั้งคู่มีหน้าที่สำคัญของเผ่าพันธุ์ที่ต้องรับผิดชอบในฐานะผู้ใหญ่แล้ว โดยเฉพาะฟางหรง

“ทีนี้ข้าก็มีคนช่วยงานเพิ่มขึ้นแล้วสิ ฟางหรง หนิงเหอ” ซิ่วอิงกอดคอทั้งสองคนอย่างหมั่นไส้ ตอนที่นางเข้าพิธีเมื่อสองปีก่อน งานของนางก็เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังต้องคอยดูแลลู่ฟางหรงกับหนิงเหอไม่ให้เล่นซนจนเกินไป นางแทบไม่ได้หยุดพักเลยตั้งแต่นั้น

“เอ๋ ให้หนิงเหอคอยช่วยเจ้าก็แล้วกันนะ วันนี้ข้าขอตัวก่อน” ลู่ฟางหรงพูดจบก็ยกแขนข้างขวาของซิ่วอิงขึ้นแล้วรีบคว้ามือของเสิ่นชิว พากันวิ่งไปนอกหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว

“ฟางหรง!” หนิงเหอพยายามเรียกลูกพี่ลูกน้องของนาง

“หยุดเลยหนิงเหอ ข้าไม่ยอมปล่อยเจ้าไปไหนหรอก วันนี้เจ้าต้องอยู่ช่วยงานข้า” ซิ่วอิงดึงผมเปียข้างหนึ่งของหนิงเหอ นางได้แต่ยิ้มแห้งให้พี่สาว

ไม่กี่วันต่อมา ตอนที่ทุกคนกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนานในลานบ้าน ผู้ดูแลหมู่บ้านรีบเดินมาหาพวกเขาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แววตาสั่นกลัว เสิ่นชิวแปลกใจไม่เคยเห็นเขาเป็นเช่นนี้

“ท่านผู้นำ ข้าได้ข่าวจากหมู่บ้านตอนใต้ เผ่าของเรามีคนหายไปทีละคน ไม่รู้ชะตากรรมขอรับ”

“เป็นไปได้อย่างไร เจ้าไปสืบให้รู้ความ ข้าจะรีบแจ้งเตือนคนในหมู่บ้านให้ระวังตัว” บิดาของลู่ฟางหรงมองหน้าบุตรสาว

นับตั้งแต่วันนั้นมา คนในหมู่บ้านก็ไม่ออกไปที่ใดอีก ผู้ดูแลหมู่บ้านที่ถูกส่งออกไปหาข่าวคราว ทยอยกลับมารายงานอยู่เรื่อย ๆ สีหน้าของเขาเคร่งเครียดมากกว่าเดิม พยายามหาทางที่จะปกป้องคนในหมู่บ้านตนเอง และช่วยเหลือเผ่าพันธุ์เดียวกันในหมู่บ้านอื่น ๆ ที่แยกตัวออกไป

แม่เฒ่าคล้ายได้รับนิมิต นางเห็นลางร้ายคืบคลานเข้ามาใกล้หมู่บ้านแห่งนี้ ภาพของเสิ่นชิวโชกเลือดท่ามกลางศพอื่น ๆ ในหมู่บ้านปรากฏขึ้น นางรีบมาเตือนผู้นำให้เสริมกำลังป้องกันหมู่บ้าน แต่ยังคงไม่เข้าใจว่าทำไมเสิ่นชิวจึงยืนโดดเดี่ยวเนื้อตัวเปื้อนเลือด

ในที่สุด ผู้นำก็เรียกทุกคนในหมู่บ้านมารวมตัวกัน เพื่อแจ้งข่าวสำคัญที่สุดในชีวิต

“พวกเจ้าคงพอจะรู้มาบ้างว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่น้องที่อยู่นอกหมู่บ้านของเรา เจ้ามนุษย์ที่ชั่วร้ายกับเผ่าพันธุ์อื่น ๆ รู้ความลับของจิตวิญญาณเราแล้ว พวกมันกำลังมาล่าเอาชีวิตพวกเรา ข้าพยายามจะช่วยเหลือพวกพ้องของเราให้เข้ามาอยู่ในอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์ของหมู่บ้าน อย่างน้อยก็ซ่อนตัวจากนักล่าทั้งหลายได้ พวกเจ้าแต่ละคนแยกย้ายทำหน้าที่ของตนเองเถิด” ผู้นำกล่าวจบก็เรียกเสิ่นชิวไปพบเพื่อพูดคุยกันเพียงลำพัง

“เสิ่นชิว เจ้ารู้หรือไม่ ทำไมคนพวกนั้นถึงตามล่าเรา” เขาถามเสิ่นชิว “จิตวิญญาณกวางนำทางคือของวิเศษที่สามารถตามหาดวงจิตของคนที่ตายไปแล้วกลับมาได้ คนพวกนั้นฆ่าเราเพื่อช่วยคนของตนเองโดยไม่สนใจความเป็นความตายของเรา”

“ทำไมถึงได้เป็นเช่นนั้นเล่า ชีวิตของทุกคนมีค่าเท่ากันไม่ใช่หรือ” เสิ่นชิวไม่เข้าใจมองหน้าเขาด้วยความสับสน

“จิตใจคนซับซ้อน ข้าไม่อาจเข้าใจได้ ข้าฝากเจ้าอย่างหนึ่งได้หรือไม่ ปกป้องฟางหรงด้วยชีวิต นางคือผู้สืบทอดเผ่าพันธุ์ จะให้นางเป็นอะไรไปไม่ได้ รับปากข้าได้หรือไม่”

“ขอรับ” เสิ่นชิวรับปากเขาโดยไม่มีข้อแม้

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 56 จบบริบูรณ์

    ณ ตำหนักโคมดวงจิตเจียลี่นั่งรำลึกความหลังตอนที่นางเป็นเซียนน้อยดูแลตำหนัก แล้วชี้ให้หลินเซินดูว่าโคมดวงจิตของเขาเคยตั้งอยู่ตรงนี้“ข้าไม่นึกเลยว่าจะเป็นเจ้า” เจียลี่หันมามองหลินเซิน “ผู้เฒ่าหยางคงจะหมดห่วงแล้วล่ะ”“ข้าติดหนี้เจ้าแล้ว มากมายจนนับไม่ถ้วน หากไม่มีเจ้า จิตวิญญาณของข้าคงแตกสลายไป” น้ำเสียงของหลินเซินแผ่วเบา“ไม่มีทางยอมให้เป็นเช่นนั้นหรอก” เจียลี่ส่ายหน้า นางกุมมือเขาเอาไว้ ทำสีหน้าจริงจัง “ข้าจะปกป้องเจ้าเอง ไม่ว่าใครหน้าไหนกล้าทำร้ายเจ้าอีก ข้าไม่ปล่อยไว้แน่”หลินเซินเลิกคิ้วแล้วยิ้มให้นาง “เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าข้าเป็นถึงอดีตเทพสงคราม จะมีใครกล้าทำอะไรข้า”“นั่นสิเนอะ” เจียลี่หัวเราะกับคำตอบของเขา “หลินเซิน ไปดูก้อนเมฆสีรุ้งกันเถอะ ข้าไม่ได้เห็นนานแล้ว” นางเอ่ยปากชวนเขาไปที่ผาน้ำตกทั้งสองนั่งเล่นชมทิวทัศน์อยู่นานจนถึงเวลาพลบค่ำที่ตะวันเริ่มลาลับขอบฟ้า จู่ ๆ เจียลี่ก็นึกได้ว่าเวลาบนดินแดนสวรรค์กับดินแดนมนุษย์ไม่เหมือนกัน“ข้าว่ารีบกลับลงไปที่บ้านเถอะ ไม่รู้ป่านนี้เยี่ยนฟางกับหมิงเฟยจะเป็น

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 55 สลาย

    ช่วงสายของวันหนึ่งที่อากาศแจ่มใส หลินเซินนั่งกินถังหูลู่อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ริมบ่อน้ำ เขาหันมามองเจียลี่ที่กำลังหัดร่ายเวทด้วยความจริงจังนึกขำในใจ“เจียลี่ ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปเถิด เจ้าทำหน้าเครียดเกินไปแล้ว” นับตั้งแต่ที่เขาคืนพลังเซียนเพื่อฟื้นชีวิตนาง หลินเซินก็กลายเป็นชนเผ่าหมาป่าธรรมดาที่มีพลังเวทนิดหน่อย กระนั้นยังคงเป็นหมาป่ากินพืชเช่นเดิม“ข้าอยากเป็นเร็ว ๆ นี่ ถ้าเกิดอะไรขึ้น ข้าจะได้ช่วยพวกเจ้าได้” เจียลี่ยังคงพยายามจ้องไปที่มือข้างหนึ่งของนางที่มีพลังเซียนส่องแสงวิบวับ“เจ้าต้องผ่อนคลายให้มากกว่านี้แล้วเจ้าจะเข้าใจว่าต้องทำเช่นไร” หลินเซินให้กำลังใจ เขารินน้ำชาดอกท้อให้นาง “ดื่มก่อน”“อื้ม” เจียลี่พยักหน้า แล้วนึกถึงเรื่องที่นางมีความสุข พลันกลีบดอกท้อปรากฏขึ้นอยู่รอบตัวทั้งคู่ นางโบกมือไปทางซ้ายขวาบังคับสายลมพัดกลีบดอกท้อปลิวไสวไปทั่วทั้งป่า “ข้าเข้าใจแล้วหลินเซิน” นางยิ้มดีใจทั้งคู่พูดคุยกันกระหนุงกระหนิงทั้งวันจนตะวันลับฟ้าจึงพากันเดินกลับบ

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 54 สัญญา

    เจียลี่ลุกขึ้นมานั่งร้องไห้เป็นเผาเต่าทันทีที่ฟื้นขึ้นมา นางไม่อยากให้หลินเซินต้องทำเช่นนี้ จนหมิงเฟยต้องเข้ามาปลอบใจ“ท่านพี่ ทำใจดี ๆ ไว้เถิด ถ้าเขาเห็นว่าท่านเป็นเช่นนี้ วิญญาณคงจะไม่สงบสุข” หมิงเฟยยื่นผ้าเช็ดหน้าให้นางซับน้ำตา“ข้าขออยู่คนเดียวได้หรือไม่” นางคงยังไม่อยากพูดกับใคร ในใจเศร้าสร้อยเกินจะคิดอะไร“ขอรับ” หมิงเฟยพยักหน้าแล้วเดินออกมานอกห้องในป่าลึกท้ายหมู่บ้าน เยี่ยนฟางกำลังนั่งกอดเข่าอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ น้ำตานองหน้าเพราะนึกถึงสิ่งที่นางทำ ทั้งยังไม่กล้าสู้หน้าหมิงเฟยจึงหลบออกมานั่งคนเดียวครั้นเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ นางจึงเงยหน้ามองผู้มาเยือน“หลินเซินนนน” เยี่ยนฟางกลั้นใจไม่ไหว ร้องไห้โฮจนตัวโยนหลินเซินจึงนั่งลงข้าง ๆ ลูบหัวของนางเหมือนอย่างเคย “จำได้หรือไม่ วันแรกที่ข้าเจอเจ้า”“อื้ม”“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ได้ตั้งใจ อย่าโทษตัวเองนักเลย” หลินเซินยื่นขนมหวานให้นาง “หมิงเฟยตามหาเจ้าอยู่ ไม่อยากเ

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 53 ไม่มีทางเลือก

    เวลานี้ หลินเซินจำเรื่องราวในอดีตได้หมดทุกอย่างแล้ว พลังตบะเซียนและร่างกายของเขากลับมาเป็นเช่นเดิม เขาร่ายเวทก้าวเข้าสู่หุบเขากองกระดูกในทันทีการปรากฏตัวของเขาทำให้หมิงเฟยและพรรคพวกรู้สึกโล่งใจ ยามนี้เขาแทบจะทนแรงฟาดฟันของเยี่ยนฟางไม่ไหวแล้ว หลินเซินมองเห็นความโกลาหลที่พื้นเบื้องล่าง เขามองหาเยี่ยนฟางและหมิงเฟยเป็นลำดับแรก จากนั้นก็เคลื่อนที่มาหยุดตรงหน้านางในพริบตา“จงหลับ!” นิ้วชี้ของเขาจิ้มไปหว่างกลางหน้าผากของเยี่ยนฟาง เขาเอื้อมมือคว้าตัวนางเอาไว้ แล้วส่งให้หมิงเฟย จากนั้นตรงดิ่งไปที่ร่างของเจียลี่พูดกับหมิงเฟยว่า “พาคนออกไปจากที่นี่แล้วร่ายเวทหล่อเลี้ยงร่างของนางเอาไว้”หมิงเฟยพยักหน้ารับคำ ครั้นหลินเซินร่ายม่านเขตแดนของตนขึ้นมา หุบเขากองกระดูกที่แสนอึมครึมจึงมีโพรงแห่งแสงสว่างเล็ก ๆ ปรากฏขึ้น“เฉิงซาน ทางนี้” หมิงเฟยตะโกนบอกพรรคพวกเมื่อทุกคนในที่แห่งนี้มองเห็นทางออกต่างพยายามสลัดให้หลุดจากคู่ต่อสู้ของตนเองหลินเซินมองเห็นเทพมารลอยอยู่เหนือเทพอาวุโส กำลังจะร่ายเวทใส่ร่างของเขา เพียงแต่ได้ยินเสียงร้อ

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 52 ซ่งเทียนเย่

    “เทียนจวิน วันนี้มีเรื่องอะไรหรือถึงได้อารมณ์ดี” ซ่งเสวี่ยหยางถามเขา“แค่วันธรรมดาหนึ่งวันบนดินแดนสวรรค์ เห็นเจ้าเพิ่งกลับมาเลยอยากทวงของฝาก” ซ่งเทียนเย่ยิ้มแป้นให้เขา“ท่านก็รู้ว่าข้าไม่ได้ไปเที่ยวเล่น ปราบปีศาจที่มีพลังมารก็ทำให้ข้าเหนื่อยไม่น้อย” เขาส่ายหน้าพลางเดินไปที่มุมหนึ่งของตำหนัก “แต่ก็เอาเถอะ ข้าได้ยินมนุษย์พูดกันว่าสุราแคว้นเป่ยรสชาติดีจึงได้ถือติดมือมาด้วย” เขายื่นสิ่งที่พอจะเรียกว่าของฝากให้ซ่งเทียนเย่“เจ้าช่างรู้ใจ ดื่มเป็นเพื่อนกันสักหน่อยดีหรือไม่”หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ออกไปนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่บนเกาะลอยฟ้าของตำหนักเทพสงคราม ดื่มสุรากันคนละจอกสองจอกพลางพูดคุยเรื่องที่ได้พบเจอในแต่ละวัน“ท่านอา” เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กน้อยสองคนเรียกซ่งเสวี่ยหยาง เขาหันไปมองต้นเสียงแล้วพูดว่า “พวกเจ้าสองคน ช้า ๆ หน่อย” แต่เด็กทั้งสองกลับวิ่งเร็วขึ้นกว่าเดิมเพราะคิดถึงเขา“เฮ้อ ดูสิ บิดาของเขานั่งอยู่ตรงนี้แท้ ๆ” ซ่งเทียนเย่พูดหยอกผู้เป็นน้องชาย“ช่วยไม่ได้ ข้าไม่อยู่ตำหนักตั้งนาน เอ้า! นี่ของฝากพวกเจ้า” เขาร่ายเวทเรียกไข่ของวิหคเพลิงออก

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 51 ด้ายสีทอง

    TW: ความรุนแรง อดีตของหลินเซินและเจียลี่ราวกับเรื่องราวของเยว่เล่อกับนางยังไม่หนักหนาพอ ใต้เท้าหนุ่มเปิดประตูเข้ามาเห็นภาพที่นางกำลังนั่งกอดเขาอยู่บนเตียงจึงเกิดความเดือดดาล ปรี่เข้ามากระชากคอเสื้อของเยว่เล่อแล้วออกหมัดใส่หน้าเขาไปหนึ่งทีนางรีบวิ่งเข้ามาประคองเขาพยายามห้ามไม่ให้เยว่เล่อโต้ตอบแต่กลับกลายเป็นว่าใต้เท้าหนุ่มยิ่งไม่พอใจที่ผู้หญิงของเขาทำเช่นนั้น“มันเป็นชู้รักของเจ้างั้นรึ” เขาตวาดเสียงดังก้องแล้วเข้าไปกระชากตัวนางจากเยว่เล่อ บีบข้อมือของนางแรงจนช้ำแดงเถือกเยว่เล่อไม่อาจทนเห็นใครทำร้ายนางได้อีก เขาขัดคำสัญญาของนางแล้วพุ่งตรงมาบีบคอของใต้เท้าหนุ่มในทันที เยว่เล่อกัดคอของเขาแล้วสูบเลือดที่มีจนหมดตัว ทิ้งร่างเหี่ยว ๆ กองไว้บนพื้นนางไม่เคยเห็นเขาในสภาพเช่นนี้มาก่อนจึงตกตะลึงไปชั่วขณะแต่แล้วก็เดินมากอดเขาเอาไว้“ไปจากที่นี่กันเถิดนะเยว่เล่อ” นางมองหน้าเขาสายตาอ้อนวอนทั้ง ๆ ที่บริเวณบ้านเงียบงันแต่กลับมีเสียงหนึ่งคล้ายเสียงของใต้เท้าหนุ่มตะโกนโวยวายไม่เป็นเรื่อง คนใช้ในจวนจึงรีบวิ่งตาลีตาเหลือกเข้ามาในห้อง ครั้นได้เห็นภาพเ

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status