บทที่ 25 ขอแยกจวนจากมารดาหยางมี่นั่งอยู่ในห้องเงียบ ๆ มองกระดาษที่เต็มไปด้วยตัวเลขบัญชีของร้าน ทว่าความคิดของนางกลับล่องลอยไปไกลคำพูดของจางกุนเหยายังคงก้องอยู่ในหัวของนาง“หากเจ้ากลับมา ข้าจะแยกจวนกับมารดา…”เขากล้าตัดสินใจเช่นนี้จริงหรือเว่ยเว่ยมองสหายที่กำลังจมอยู่ในความคิด นางใช้ตะเกียบเขี่ยของในจานไปมาอย่างไร้จุดหมาย ก่อนจะถอนหายใจ “มี่เอ๋อร์ เจ้ายังรักเขาอยู่หรือไม่”หยางมี่ชะงัก นางไม่ได้ตอบในทันทีเว่ยเว่ยเห็นท่าทีนั้นก็หัวเราะเบา ๆ “ถ้าเจ้าไม่รัก ข้าคงไม่เห็นเจ้ามานั่งคิดมากถึงเพียงนี้” ก็จริง ปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้จะไม่เกิดถ้าแต่งแล้วแยกบ้านกัน ในโลกที่นางจากมาทุกครอบครัวมีปัญหาเช่นนี้ อยู่บ้านเดียวกันต้องกระทบกระทั่งกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ก็ดันรักผู้ชายคนเดียวกัน อีกคนก็แม่ อีกคนก็เมียหยางมี่วางตะเกียบลง “ข้ากลัว…”“กลัวว่าเขาจะทำไม่ได้อย่างที่พูดหรือ”“ใช่” นางพยักหน้า “ข้าเคยเชื่อใจเขาครั้งหนึ่ง แต่สุดท้ายแล้วข้าก็ต้องเป็นฝ่ายเดินจากมา”เว่ยเว่ยมองสหายด้วยความเข้าใจ นางรู้ดีว่าหยางมี่ผ่านอะไรมาบ้าง “แต่เจ้าก็รู้ดีว่า หากยังเดินหนีปัญหา เจ้าจะไม่มีวันได้คำตอบที่แท้จริง”
บทที่ 24 ผู้ช่วยผู้ยิ่งใหญ่หลังจากจางกุนเหยาเข้ามาช่วยงานในร้านทุกวัน หยางมี่ก็เริ่มชินกับการที่เขาอยู่ใกล้ ๆ โดยไม่รู้ตัว แต่ถึงอย่างนั้น นางก็ยังไม่เปิดใจให้เขาง่าย ๆในค่ำคืนหนึ่ง เมื่อร้านปิดลง หยางมี่นั่งตรวจบัญชีอยู่ที่โต๊ะ จางกุนเหยานั่งอยู่ไม่ไกลนัก กำลังช่วยเช็ดถ้วยชาม นางมองเขาครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้น“ท่านจะทำเช่นนี้ไปอีกนานแค่ไหน”จางกุนเหยาหยุดมือ เงยหน้ามองนาง ดวงตาของเขายังคงแน่วแน่“ตราบใดที่เจ้ายังไม่ไล่ข้าไป ข้าก็จะอยู่”หยางมี่นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มเย็น “ถ้าข้าบอกว่าไม่มีวันยกโทษให้ท่านล่ะ”จางกุนเหยาไม่ได้มีท่าทีหวั่นไหว เขาเพียงวางถ้วยลงอย่างใจเย็น แล้วตอบเสียงหนักแน่น “ข้าก็จะอยู่… จนกว่าเจ้าจะเปลี่ยนใจ”วันต่อมา หยางมี่เดินออกไปตลาดเพื่อซื้อวัตถุดิบ นางไม่เอ่ยปากชวนเขา แต่จางกุนเหยากลับเดินตามไปโดยไม่พูดอะไรเมื่อถึงร้านขายผัก นางตั้งใจเลือกอยู่นาน พ่อค้าจึงอดบ่นไม่ได้ “แม่นาง เลือกนานขนาดนี้แล้ว เห็นทีข้าต้องเพิ่มราคาให้เสียแล้ว”หยางมี่ชะงัก นางยังไม่ทันโต้ตอบ แต่จางกุนเหยากลับก้าวมาขวางหน้า นัยน์ตาดุดันขึ้นทันที “เหตุใดเจ้าถึงพูดเช่นนั้น ลูกค้าควรมีสิทธ
บทที่ 23 ถามใจ หยางมี่นั่งเงียบอยู่ที่มุมหนึ่งของร้าน ภายในร้านยังคงวุ่นวายเช่นทุกวัน ตอนนี้นางมีเสี่ยวหลันเป็นกำลังสำคัญ มีลูกจ้างอีกสองสามคนช่วย สายตานางจับจ้องไปที่หน้าต่าง แต่จิตใจกลับล่องลอยไปไกลตั้งแต่วันที่จางกุนเหยามาพบ นางคิดว่าหัวใจของตนเองเย็นชาไปแล้ว แต่ทำไม… ความรู้สึกบางอย่างยังคงติดค้างอยู่ในใจคืนนั้น นางออกมาเดินเล่นที่ลานกว้างหน้าร้าน ลมเย็นของปลายฤดูหนาวพัดผ่านร่างบาง นางเงยหน้ามองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว แล้วถอนหายใจเบา ๆ“มี่เอ๋อร์”เสียงคุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลัง นางชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปมองจางกุนเหยายืนอยู่ตรงนั้น ดวงตาของเขาสะท้อนแสงจันทร์ ดูเหนื่อยล้าแต่แน่วแน่“ท่านมาอีกแล้ว” นางเอ่ยเสียงเบา“ข้าจะมาจนกว่าเจ้าจะฟังข้า” เขาตอบตรงไปตรงมาหยางมี่หัวเราะในลำคอ “ท่านกุนซือผู้ยิ่งใหญ่ ถึงกับต้องมาตามขอให้สตรีเช่นข้าฟังคำพูดของท่าน”“เจ้ามีค่ากับข้ามากกว่านั้น” เขาตอบทันที ดวงตาของเขามีแววจริงจัง “ข้าทำผิดกับเจ้า ข้ายอมรับ และข้าไม่ขอให้เจ้าลืมมันไป แต่ข้ายังอยากขอโอกาสจากเจ้า”หัวใจของนางสั่นไหวนางเคยบอกตัวเองว่าไม่ต้องการเขาอีกแล้ว แต่เมื่อได้ยินคำพูดเห
บทที่ 22 ขอโอกาส เสียงฝีเท้าหนักแน่นหยุดลงหน้าร้าน ครัววสันต์ ในเช้าวันหนึ่ง หยางมี่เงยหน้าขึ้นจากบัญชีที่กำลังตรวจสอบ เมื่อเห็นบุคคลที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู หัวใจของนางกระตุกวูบ ไม่คิดว่าหลังจากนางตัดรอนวันนั้น เขาจะกลับมาอีกจางกุนเหยาสามีที่นางเคยรักสุดหัวใจ แต่วันนี้เป็นเพียงอดีตที่นางคิดว่าปล่อยวางได้แล้วบรรยากาศภายในร้านเงียบลงทันทีเมื่อทุกคนเห็นชายหนุ่มผู้มีอำนาจยืนอยู่ที่นั่น ดวงตาคมเข้มของเขาจ้องมองนางไม่วางตาหยางมี่สูดลมหายใจเข้า ก่อนจะวางพู่กันในมือลงอย่างสงบ “ท่านมาทำอะไรที่นี่อีก”“ข้ามาหาเจ้า” จางกุนเหยาเอ่ยเสียงหนักแน่น เขาก้าวเข้าไปใกล้ ท่ามกลางสายตาของทุกคนในร้านนางยังคงนั่งนิ่งไม่สะทกสะท้าน “ข้าคิดว่าเราคงไม่มีอะไรต้องพูดกันแล้ว”ชายหนุ่มเม้มริมฝีปาก ดวงตาของเขามีความเจ็บปวดแฝงอยู่ “มี่เอ๋อร์ ข้าผิดไปแล้ว…”เขาให้เวลานางทำสิ่งที่อยากทำ อย่างที่เจียงซีเว่ยออกปากขอร้องเขา หรือเรียกว่าสั่งดี แต่นี่มันก็นานมากแล้ว ครัววสันต์ประสบความสำเร็จ หยางมี่ นางพิสูจน์ตนเองแล้วว่าทำได้หลังจากที่นางจากไป ทุกอย่างในจวนกลับเงียบเหงา วันที่จัดงานแต่งอนุ หยางมี่หายไป จางกุนเหยาจึงยก
บทที่ 21 ไม่ต้องพึ่งบุรุษ ยามเช้าของฤดูหนาว แสงแดดสีทองทอดผ่านหน้าต่างกระจกของ ครัววสันต์ หยางมี่นั่งจัดบัญชีอยู่ที่มุมหนึ่งของร้าน“แม่นางหยาง พวกเรามีปัญหาแล้วขอรับ!”เสียงของอาหวัง เด็กหนุ่มที่ทำหน้าที่ส่งของของร้านดังขึ้นด้วยความร้อนรน หยางมี่เงยหน้าขึ้นจากบัญชี มองดูใบหน้าซีดเผือดของเขา“เกิดอะไรขึ้น” นางถามเสียงเรียบอาหวังกลืนน้ำลาย ก่อนจะตอบ “ร้านอาหารที่อยู่ท้ายตลาดส่งคนมาข่มขู่พ่อค้าผักและเครื่องเทศที่ส่งของให้เรา พวกเขาขู่ไม่ให้ขายของให้เราอีก มิฉะนั้นจะถูกเล่นงาน”หยางมี่นิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะยกยิ้มเย็นเยียบ“พวกเขากล้าทำถึงเพียงนี้เชียวหรือ”เมื่อได้ยินเรื่องนี้ เสี่ยวหลันก็ขมวดคิ้วแน่น “พวกนั้นคงเห็นว่าเรากำลังได้รับความนิยมเลยพยายามตัดเสบียงของเรา นี่มันสกปรกเกินไปแล้ว!”“ใช่” หยางมี่พยักหน้า “แต่ครั้งนี้ข้าจะไม่ยอมให้ใครมากดหัวหรือรังแกข้าได้อีก”นางลุกขึ้น จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนจะเดินออกจากร้าน เสียวหลันรีบเดินตามไปติด ๆ“บอกฮูหยินท่านแม่ทัพดีหรือไม่” แม้ใจจะสู้ แต่เจ้านายของนางก็เป็นเพียงหญิงสาวตัวเล็ก ๆหยางมี่ส่ายหัว นางพึ่งพาเว่ยเว่ยมาตลอด และคงอาศัยให้เว่ยเ
บทที่ 20 ความจริง “แล้วท่านคิดว่าคำพูดของท่านจะลบล้างสิ่งที่ข้าต้องเผชิญหรือ” นางถามเสียงเย็นชา “ข้าถูกท่านทอดทิ้ง ถูกทำร้ายทั้งกายและใจ ข้าต้องต่อสู้เพียงลำพังเพื่อยืนขึ้นใหม่ แล้ววันนี้ท่านกลับมาบอกข้าว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเพราะท่านต้องการปกป้องข้า”จางกุนเหยาก้มหน้าลง ราวกับไม่อาจสบตานางได้อีก “ข้าไม่หวังให้เจ้าจะยกโทษให้ข้า ข้ารู้ว่าข้าผิด แต่ข้าอยากให้เจ้ารู้ความจริง ข้าไม่เคยหยุดรักเจ้าเลย”หยางมี่ยิ้มเยาะ รอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยความขมขื่น“บางครั้งความจริงก็ไม่จำเป็นหรอก เพราะมันไม่ได้เปลี่ยนสิ่งที่ข้าต้องเผชิญในช่วงเวลาที่ผ่านมา”จางกุนเหยามองนางอย่างสิ้นหวัง “เจ้าคงไม่กลับมาหาข้าอีกใช่หรือไม่”หยางมี่ยืนขึ้น มองเขาด้วยสายตาเด็ดเดี่ยว “ข้าเลือกทางของข้าแล้ว ท่านเองก็ควรอยู่บนเส้นทางของท่าน อย่ามารั้งข้าไว้อีกเลย”คำพูดนั้นทำเอาจางกุนเหยานิ่ง เขาทำได้เพียงมองดูนางเดินกลับเข้าครัว ปล่อยให้เขายืนอยู่ในความเงียบและความเจ็บปวดที่เขาเป็นผู้ก่อขึ้นเองเรื่องราวทั้งหมดนี้เริ่มมาจากเขาความจริงในคืนนี้จากปากอดีตสามี ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรสำหรับหยางมี่ นางยังคงเลือกที่จะเดินต่อไปบนเส้นทา
บทที่ 19 นับหนึ่งด้วยตนเอง ค่ำคืนหนึ่งในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ลมเย็นพัดผ่านเข้ามาในร้าน ครัววสันต์ ที่ปิดไฟเกือบหมด เหลือเพียงแสงตะเกียงที่หยางมี่จุดไว้ในครัวเล็ก ๆ นางกำลังล้างถ้วยชามหลังจากวันที่ยุ่งเหยิง เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าหนัก ๆ เดินเข้ามาในร้าน“ร้านปิดแล้วเจ้าค่ะ” หยางมี่เอ่ยโดยไม่ได้เงยหน้ามอง แต่เสียงที่ดังตอบกลับมาทำให้นางชะงัก“มี่เอ๋อร์…”เสียงทุ้มนั้นช่างคุ้นเคย ราวกับลมหนาวที่พัดพาความทรงจำเก่า ๆ กลับมาหานาง หยางมี่หันขวับไป เผชิญหน้ากับจางกุนเหยา ผู้เป็นอดีตสามี“ท่าน…” นางเอ่ยอย่างตกใจ ก่อนจะรีบดึงตัวเองกลับมาสู่ความสงบนิ่ง “เหตุใดท่านจึงมาที่นี่” แม้ว่านางจะเปิดร้านอาหารในเมืองหลวง แต่เมืองหลวงกว้างใหญ่ ร้านของนางเป็นร้านเล็ก ๆ คนที่มาทานก็เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา และตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยมีชื่อของเขากระทบหูนางเลยสักครั้งจางกุนเหยายืนมองนางอยู่ครู่หนึ่ง ใบหน้าที่เคยสง่างามตอนนี้กลับดูโทรมลง เขาดูเหมือนคนที่ผ่านเรื่องหนักหนามามากมาย ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าและความรู้สึกผิด“ข้ามีเรื่องอยากพูดกับเจ้า” เขากล่าว น้ำเสียงหนักแน่นแต่ก็แฝงความอ่อนโยนไว้หยางมี่ยืนนิ
บทที่ 18 พระเอกหรือลาโง่ เจียงซีเว่ยถอนหายใจ นางเองก็เคยคิดว่าจางกุนเหยาเป็นคนดี เป็นพระรองผู้น่าสงสาร แต่ตอนนี้นางก็เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้านาง พอกลายเป็นพระเอกจริง ๆ ก็เป็นเพียงชายโง่ที่เพิ่งรู้ใจตัวเองตอนสายเกินไป “ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของหยางมี่ ไม่ใช่ข้า”แล้วสุดท้ายเขาก็พยักหน้า“อาเหยาเจ้ารับปากแล้วจะให้เวลาหยางมี่” อี้หยางเฉิงจับไหล่สหายและออกแรงดันเล็กน้อยให้ถอยออกไปหลายก้าว “แต่นี่มันก็หลายเดือนแล้ว ร้านก็เปิดกิจการไปด้วยดี ข้าเป็นสามีของนาง นางควรอยู่กับข้า”หลังจากเขาส่งคนออกตามหาภรรยา ไม่ว่าจะใช้ทหารมือดี หรือแม้แต่สายลับของกองทัพ ก็หาหยางมี่ไม่เจอ จนวันที่อี้หยางเฉิงเอาหนังสือรับรองมาให้เขาลงนาม เขาถึงรู้ว่าหยางมี่อยู่ในความดูแลของเจียงซีเว่ย อี้หยางเฉิงขอร้องให้เขาจัดการเรื่องวุ่นวายให้เรียบร้อยแล้วค่อยมาคุยกับเจียงซีเว่ยว่าจะทำเช่นไรต่อ เขาก็จัดการทุกอย่างหมดแล้ว ขอพบเจียงซีเว่ยเพื่อขอที่อยู่ของภรรยาแต่นางก็ยังไม่ยอมคุยกับเขา จนเขาทนไม่ไหวอีกต่อไปถึงได้บุกมาถึงจวนเจียงซีเว่ยหัวเราะเบา ๆ ดวงตาของนางสะท้อนแสงโคมราวกับจะแฝงความเย้ยหยัน “สามีงั
บทที่ 17 ทนไม่ไหวอีกต่อไปจางกุนเหยาเร่งฝีเท้าเข้าไปในจวนแม่ทัพในทันทีที่มาถึง เขาไม่สนใจแม้แต่บ่าวรับใช้ที่เข้ามาขวาง เพียงสะบัดแขนเล็กน้อยก็สามารถหลบหลีกไปได้โดยง่าย“คุณชาย ท่านเข้าไปเช่นนี้ไม่ได้…”“บอกเจียงซีเว่ยว่าข้าขอพบ!” เขากล่าวเสียงเข้ม ทำให้บ่าวรับใช้ที่พยายามขวางหน้ารีบถอยไปอย่างหวาดหวั่นไม่นานนัก ร่างของเจียงซีเว่ย ฮูหยินแม่ทัพก็ปรากฏตัวขึ้น นางยืนกอดอกมองเขาด้วยสายตาเรียบนิ่ง แต่แววตากลับซ่อนรอยขบขันไว้เล็กน้อย“จางกุนเหยา เจ้าถึงกับบุกเข้ามาในจวนของข้าเช่นนี้เชียวรึ” นางกล่าวเสียงเย้ยหยัน“เว่ยเว่ย…” เขากัดฟันแน่น “เจ้าซ่อนหยางมี่ไว้หรือไม่”นางกระพริบตาช้า ๆ รอยยิ้มบนริมฝีปากบางยิ่งชัดขึ้น “เหตุใดท่านจึงคิดว่าข้าจะซ่อนนางไว้ล่ะ”“เพราะข้ารู้!”“อาเหยา เจ้ารับปากข้าแล้ว” อี้หยางเฉิงกระโดดลงจากหลังม้า เขารีบควบม้ากลับมาจากค่ายฝึกทหารหลังจากสหายเขาผลุนผลันออกจากค่ายเว่ยเว่ยหัวเราะเบา ๆ “ในเมื่อรู้อยู่แล้ว ใช่ ข้าซ่อนนางเอาไว้เอง ข้าจะซ่อนนางไว้เพื่อไม่ให้สามีเลว ๆ อย่างเจ้าเจอนาง”จางกุนเหยาไม่ตอบ แต่สายตาของเขาฉายแววคาดคั้น“เว่ยเอ๋อร์…” อี้หยางเฉิงเรียกภรรยาอย่างใจเ