“หยูเอ๋อร์ ข้าขออะไรสักอย่างจากเจ้าได้ไหม” หลี่หยวนเจ๋อกล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่นปนความห่วงใย ขณะประครองพระชายาให้ค่อย ๆ นั่งลงบนม้านั่งไม้แกะสลักท่ามกลางเสียงลมพลิ้วและกลิ่นหอมจางของดอกไม้ยามค่ำคืน ใต้เงาจันทร์ที่ส่องประกายอ่อนโยนในสวนส่วนตัวของตำหนัก“ท่านจะขออะไรจากหม่อมฉันหรือเพคะ” เหวิ่นจือหยูช้อน
ในเช้าวันรุ่งขึ้นภายในท้องพระโรง ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าขุนนางข้าราชบริพารที่มาร่วมชมการพิพากษา ฮ่องเต้ประทับอยู่บนบัลลังก์ทองคำด้วยสีพระพักตร์เคร่งขรึม ด้านข้างของพระองค์มีฮองเฮาที่ทรงประทับเคียงข้างและมองลงมาด้วยพระเนตรเย็นชา หลี่หยวนเจ๋อและเหวิ่นจือหยูยืนอยู่ด้านข้างในชุดเต็มยศ ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด
“นั่นควันอะไร” เสียงชาวบ้านเริ่มตื่นตระหนก ขุนนางบางคนเริ่มกระซิบกระซาบด้วยความวิตก“นี่คงเป็นข้อบกพร่องของเตารุ่นนี้” ชายแปลกหน้าคนหนึ่งในฝูงชนกล่าวเสียงดัง กระตุ้นให้คนอื่นเริ่มสงสัย เสียงผู้คนเริ่มซุบซิบด้วยความสงสัย“ข้าก็คิดไว้แล้วเชียว ว่ามันจะดีและปลอดภัยไปกว่าการใช้ฟืนใช้ถ่านได้อย่างไร ไม่เช
ในค่ำคืนเดียวกันที่โรงน้ำชาที่เงียบสงบอันเป็นจุดนัดพบลับของสองขุนนาง ฉินไท่หลงและหานจิ้นหยูนั่งประชุมเคร่งเครียด หลังจากที่ได้ยินข่าวใหม่จากสายลับของเขารายงานเรื่องเตาพลังแสงอาทิตย์รุ่นใหม่ แสงไฟจากตะเกียงน้ำมันส่องสว่างเพียงริบหรี่ เสียงใบไม้เสียดสีกันตามแรงลมยิ่งเพิ่มความอึดอัดในบรรยากาศ หานจิ้นหย
“เสนาลู่ ท่านพอจะทราบหรือไม่ว่าตระกูลฉินมีการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติอะไรในช่วงนี้หรือไม่”ลู่ชิงหมิงถอนหายใจเบา ๆ “พะย่ะค่ะ กระหม่อมสังเกตเห็นว่าพ่อค้าฟืนที่เกี่ยวข้องกับตระกูลฉินเริ่มขยายกิจการอย่างรวดเร็วในช่วงสี่ห้าเดือนที่ผ่านมา แต่หม่อมฉันไม่ได้คิดว่าจะมีสิ่งใดผิดปกติจนกระทั่งวันนี้”หลี่หยวนเจ๋อพ
เหวิ่นจือหยูพยักหน้า “มีคนต้องการทำลายชื่อเสียงของเรา พวกเขาคงไม่หยุดแค่นี้แน่”ขณะที่เปลวเพลิงดับลง แต่ความสงสัยกลับลุกโชนขึ้นในใจของทุกคน เหวิ่นจือหยูและหลี่หยวนเจ๋อรู้ดีว่านี่ไม่ใช่แค่การลอบวางเพลิงธรรมดา มันคือแผนการลึกซึ้งที่ต้องการจะทำลายชื่อเสียงขององค์รัชทายาทและพระชายายามรุ่งเช้าในค่ายพักแ