Home / รักโบราณ / สตรีในปกครองของจิ้งจอกเก้าหาง / บทที่ 4 เมียของข้า ช่างขี้โวยวายยิ่งนัก

Share

บทที่ 4 เมียของข้า ช่างขี้โวยวายยิ่งนัก

last update Last Updated: 2025-04-03 20:00:24

บทที่ 4

เมียของข้า ช่างขี้โวยวายยิ่งนัก

“ทะ ท่านจะทำอะไรเจ้าคะ”

“เจ้าไม่รู้ หรือแกล้งไม่รู้ หืม?” บุรุษไม่เอ่ยเพียงอย่างเดียว ยังแลบลิ้นเลียริมฝีปากของตนเองอย่างจงใจ

“ขะ ข้าไม่แน่ใจ...”

“เจ้าคิดว่าอย่างไร?”

“ข้า ข้าคิดว่าท่านจะทำให้ข้าเป็นภรรยาของท่าน”

“เจ้าเข้าใจถูก”

“แล้วเหตุใดจึงต้องให้ข้าอ้าขาเช่นนี้เจ้าคะ”

“หึหึ เรื่องนี้เจ้าไม่รู้จริงๆ หรือ?”

บุรุษหยั่งเชิงสตรีตัวน้อย แม้นางจะเพิ่งอายุสิบหกปีในวันนี้ หากแต่สงสัยเสียจริงว่าในเรื่องธรรมชาติของการสืบพันธ์ นางไม่รู้จริงๆ หรือ?

“ไม่รู้เจ้าค่ะ” ทว่าคำตอบกลับเป็นเสียงหวานสั่นเครือเล็กน้อย และนัยน์ตากลมแสนใสซื่อ

“อ่า เจ้านี่ช่าง... ไร้เดียงสาเสียจริง เช่นนั้นคืนนี้ข้าคงต้อง ‘ทำให้เจ้ารู้’ หลายอย่างเลยล่ะ”

“ข้ายินดีรับการสั่งสอนจากท่าน ทว่าโปรดท่านช่วยปล่อยข้า...!”

“มิได้ สิ่งนี้ต้องทำ เจ้าถึงจะรู้” จบถ้อยคำนั้น เรียวลิ้นสากก็ลากเลียตั้งแต่ด้านล่างขึ้นด้านบน ทำเอาสตรีตัวน้อยร้องเสียงหลงกับสัมผัสไม่คุ้นชิน จนก่อให้เกิดอารมณ์วาบหวามที่มิอาจควบคุมได้ง่าย

...อึก ตะ ตรงนั้นมัน...

ฟางเหนียงไม่รู้มาก่อนเลยว่าที่ตรงนั้นมันทำให้เกิดความรู้สึกเช่นนี้ได้ด้วย เรียวลิ้นที่ปาดเลียตามรอยแยกกลีบกายของนางแล้วบดขยี้จุดอ่อนไหว ทำเอาฟางเหนียงเผลอกลั้นหายใจไปหลายรอบ

เรียวลิ้นสากช่างร้ายกาจเหลือเกิน มันไม่เพียงแต่สัมผัสที่ภายนอกเท่านั้น แต่กลับรุกล้ำเข้าไปด้านในสร้างความรัญจวนใจเหลือเกิน ความอุ่นร้อนของกายสตรีโอบรักเรียวลิ้นของบุรุษเอาไว้แน่น

...อ่า หวาน น้ำหวานๆ นี่ข้าดูดเลียทั้งวันทั้งคืนก็ยังได้...

สตรีตัวน้อยสั่นสะท้านไปทั่วทั้งร่าง ยิ่งนางถดถอยสะโพกหนีลิ้นร้ายกาจ มันก็ยิ่งตามติดนางไม่ต่างไปจากเงา เรียวขาที่พยายามหุบเข้าหากันถูกจับอ้าออกกว้างอย่างง่ายดาย สิ่งที่จินหมิงเยว่อนุญาตให้นางทำได้มีเพียงสิ่งเดียว นั่นก็คือการร้องครวญคราง

แต่ฟางเหนียงกลับเขินอายและมีสติเกินกว่าที่จะส่งเสียงน่าอายเช่นนั้น นางอดทนอดกลั้นเม้มริมฝีปากแน่น ไม่ยอมเปล่งเสียงออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว บางครั้งก็เผลอกลั้นหายใจจนหน้าแดงก่ำ มารู้ตัวอีกทีก็ต้องรีบโกยอากาศเข้าปอด

ลิ้นสากจ้วงแทงเข้าไปด้านในซ้ำ แม้จะเป็นครั้งแรกของนางแต่จินหมิงเยว่กลับไม่อ่อนโยนสักเท่าใดนัก นั่นก็เพราะว่าบุรุษเองก็แทบจะคลั่งแล้วเช่นกัน!

สัญชาตญาณดิบเถื่อนของบุรุษถูกเผยออกมาทีละนิด!!

จนในที่สุดฟางเหนียงก็สุขสม แต่นางก็ยังคงเม้มริมฝีปากแน่นจนเลือดซึมออกมา ปลดปล่อยน้ำสีใสไหลเต็มปากบุรุษ เขาดูดเลียอย่างหื่นกระหายจนได้ยินเสียงน่าอาย

“เจ้านี่ช่างดื้อดึงเสียจริง อย่าได้อดกลั้น มิเช่นนั้นเจ้าอาจจะกัดลิ้นตนเองได้” บุรุษเอ่ยเสียงดุ ก่อนจะถอนใบหน้าคมคายออกจากกายสตรี แลบลิ้นเลียน้ำกามที่ติดริมฝีปากก่อนจะปล่อยข้อมือเล็กให้เป็นอิสระ

ฟางเหนียงตะเกียดตะกายลุกขึ้นจากเตียง แต่ก็ไม่ทันบุรุษร่างกำยำที่ตามไปคว้าเอวบางแล้วลากให้มาอยู่ใต้อาณัติตามเดิม

“อย่าทำให้ข้าโกรธ เหนียงเอ๋อร์”

“ข้ากลัว ฮึก ข้ากลัวแล้ว”

แม้ในยามแรกนางจะยินยอมพร้อมเป็นของจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ตนนี้ หากแต่นางยังเยาว์วัยอีกทั้งยังไม่ประสีประสา จะเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาโดยฉับพลันมิใช่เรื่องแปลก

“ชู่ว” จินหมิงเยว่โน้มกายทาบทับบนร่างของนาง ก่อนจะพรมจูบทั่วดวงหน้าหวานเพื่อปลอบประโลมคนขวัญอ่อน “ข้ามิได้จะสังหารเจ้า ข้าปรารถนาเจ้ามาตลอดจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร หืม”

สตรีตัวน้อยร่ำไห้สะอึกสะอื้นอย่างน่าเวทนา บุรุษพรมจูบซับน้ำตาให้นาง ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่วเบา

“ข้าบอกเจ้าแล้วไง หากเจ้ายินยอมแต่โดยดี ข้าผู้นี้จะอ่อนโยนกับเจ้า...”

แล้วก็เป็นอีกครั้งที่จินหมิงเยว่มอบจูบหวานๆ ให้กับนางเพื่อปลอบขวัญ หว่านล้อมให้นางโอนอ่อนยอมตกเป็นของตนเอง อารมณ์วาบหวามที่บุรุษมอบให้ทำให้ฟางเหนียงมิอาจคุมสติได้อยู่ นางพยายามควบคุมมันแล้วแต่ช่างยากเย็น จินหมิงเยว่มีชั้นเชิงในการหว่านล้อมให้ร่างกายของนางตกเป็นทาสกามของเขาเหลือเกิน

กว่าจะรู้ตัวอาภรณ์ของบุรุษก็ถูกจับโยนไปปลายเตียง แล้วจ่อแก่นกายอยู่หน้าปากทางช่องรักนุ่มนิ่มของนาง ดวงหน้าหวานฉายแววหวาดกลัวอย่างชัดเจน ในขณะเดียวกันนั้นจินหมิงเยว่ก็กดแก่นกายของตนเองเข้าไปด้านใน

กึด!

“อ่า” บุรุษถึงกับหลุดครางเสียงกระเส่า ด้วยความต่างของร่างกาย รวมถึงรู้ว่านางยังครองพรหมจรรย์ บุรุษก็รู้แล้วว่าภายในของนางต้องรัดแน่นมากเพียงใด ทว่าความคิดนั้นเทียบมิได้เลยกับความจริงที่กำลังเผชิญอยู่ มันช่าง...

...อ่า แน่นเหลือเกิน...

“ฮึก ท่าน ไม่ อึก มะ เมตตาข้า ได้โปรด!”

“ชู่ว! เจ้าอย่าเกร็ง”

จินหมิงเยว่ถอนแก่นกายออกอย่างเชื่องช้า มันทำให้ฟางเหนียงคิดเข้าข้างตนเองว่าบุรุษคงจะใจอ่อนยอมให้นางแล้ว แต่ยามต่อมากลับต้องร้องเสียงหลง เมื่อสะโพกแกร่งกดกระแทกความแข็งแกร่งเข้ามาด้านในอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้ค่อนข้างหนักหน่วงกว่าเดิม

“อ๊า เจ็บ ฮึก!”

“เหนียงเอ๋อร์ ผ่อนคลายเสีย…!!”

บุรุษเอ่ยเสียงต่ำ หางที่เก็บเอาไว้ถูกปล่อยออกมาเนื่องจากมิอาจวบคุมพลังได้ จิ้งจอกที่กำลังลุ่มหลงมัวเมาในกายของสตรีผู้นี้

สองแขนสอดเข้าใต้แผ่นหลังเล็ก แล้วโอบกอดนางแนบลำตัว รับรู้ได้ถึงหัวใจเต้นระรัวและร่างกายที่สั่นระริกของนาง

...ข้าอยากตอกกระแทกเข้าไปในกายเจ้าแรงๆ เหลือเกิน!...

ทุกสิ่งอย่างที่ฟางเหนียงกระตุ้นกำหนัดของบุรุษได้ดีเกินไป ทั้งกลิ่นเลือดที่ริมฝีปากของนาง กลิ่นกายหอมๆ กลิ่นเหงื่อของนางมันช่างรัญจวนใจ เสียงหวานที่ร้องออกมาเมื่อครู่ด้วยความเจ็บปวดเองก็ช่างน่าฟังเหลือเกิน

“อะ เอาออก ฮึก เอาออกไป!” สองมือเล็กๆ ทุบตีหัวไหล่หนาเต็มแรง มันไม่สร้างความเจ็บให้กับบุรุษเท่าใดนัก มีเพียงความรำคาญเท่านั้น

กึด!

“อื้อ!” ฟางเหนียงหลั่งน้ำตาเป็นสาย นางรู้สึกเจ็บกลางลำตัวราวกับร่างกายจะฉีกออกจากกัน สิ่งแปลกปลอมที่รุกล้ำเข้ามาภายในกายของนางนั้นมันช่างน่ากลัวเหลือเกิน นางอยากเอามันออกไปเดี๋ยวนี้!

“ปล่อยข้า ฮึก เอาออกไป!”

“เมียของข้า ช่างขี้โวยวายยิ่งนัก”

กึด!

“อื้อ!”

จินหมิงเยว่ไม่คิดที่จะถอย พยายามกดแก่นกายลงไปแต่ก็เข้าไปได้แค่เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น กลิ่นคาวเลือดจากใจกลางลำตัวของนางทำเอาเลือดภายในกายบุรุษสูบฉีดพล่าน

การทำให้นางเลือดออกก็มิใช่เรื่องแย่ ทว่ายิ่งยืดเยื้อนางจะยิ่งทรมานเสียเปล่า เช่นนั้นแล้ว...

กึด!!

“กรี๊ด!”

บุรุษกดความแข็งแกร่งของตนเองเข้าไปในกายสตรีรวดเร็ว ความอุ่นร้อนภายในครอบครองแก่นกายของเขา ตอดหนึบเสียจนจินหมิงเยว่แทบคลั่ง กระนั้นช่องรักนุ่มนิ่มของนางก็ยังครอบครองแก่นกายของบุรุษได้ไม่สุดลำเสียที

มือเล็กจิกลงบนแผ่นหลังกว้าง ขูดจนเกิดเป็นรอยเล็บชัดเจน นางมิได้ตั้งใจทำร้ายบุรุษ หากแต่ความเจ็บปวดทำให้นางเผลอจิกเล็บลงไป แล้วโอบกอดบุรุษแนบแน่น

“เด็กดี”

“ฮึก ฮือ”

“ชู่ว ไม่ร้อง เจ็บแค่ชั่วครู่ ข้าจะอ่อนโยนกับเจ้า” ริมฝีปากหยักพรมจูบดวงหน้าหวานแล้วปลอบโยนนาง แม้ว่าสตรีตัวน้อยจะส่ายหน้าไปมาแล้วร่ำไห้ก็ตาม หากแต่จินหมิงเยว่กลับเผยรอยยิ้ม

ไม่ว่านางจะกระทำสิ่งใด เหตุใดบุรุษจึงรู้สึกเอ็นดูถึงเพียงนี้ ไม่แน่ว่าจิ้งจอกตนนี้อาจจะวิกลจริตไปเสียแล้ว

จินหมิงเยว่เก็บหางทั้งเก้าของตนเองก่อนจะขับเคลื่อนแก่นกายเข้าออกอย่างเชื่องช้า ถือว่ายังมีเมตตากับนางอยู่บ้าง ฟางเหนียงร้องเสียงหลงแล้วโอบกอดบุรุษแน่น ความเจ็บปวดกลางลำตัวยากเกินจะรับไหว ใบหน้าคมคายก้มลงบดจูบอย่างอ่อนหวานราวกับปลอบประโลมนาง ดูดดื่มเรียวลิ้นเล็กเข้าไปในปากของตนเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ถอนริมฝีปากออกเล็กน้อย แล้วดูดกลีบปากอวบอิ่มติดปาก ออกแรงขบเบาๆ ตามอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน จินหมิงเยว่อยากที่จะกลืนกินนางไปทั้งตัวเสียเดี๋ยวนี้จริงๆ ยิ่งดวงตาคู่งามจ้องมองบุรุษอย่างหวาดหวั่น เลือดในกายบุรุษสูบฉีดพล่านไปทั่วทั้งร่าง

ในที่สุดก็ได้ครอบครองนาง!!

สตรีตัวน้อยรับรู้ได้ถึงสิ่งแปลกปลอมอันแข็งแกร่งที่พยายามสอดแทรกเข้ามาในร่างกายของนาง มันช่างใหญ่โตยิ่งนัก ราวกับจะทะลุทะลวงช่องท้องของนาง ฟางเหนียงเกร็งไปทั่วทั้งร่าง ยิ่งส่งผลให้ช่องรักของนางตอดลำแก่นของบุรุษแนบแน่น

“อ๊า!” เสียงหวานหลุดร้องเสียงน่าอาย เมื่ออยู่ดีๆ จินหมิงเยว่ก็ปล่อยริมฝีปากของนางให้เป็นอิสระ ซุกเข้าที่ลำคอขาวระหง ทั่งดอมดมและฝากฝังรอยรักเป็นจ้ำๆ ราวกับกลีบของดอกเหมยกุ้ย[1]

แรงขับเคลื่อนของร่างกายบุรุษช่างหนักหน่วงเหลือเกิน คล้ายกับจะกระแทกให้ร่างของนางแหลกสลาย จากความเจ็บปวดมลายหายไปกลายเป็นความรู้สึกอันน่าสับสน ภายในช่วงท้องของนางก่อเกิดอารมณ์บางอย่างวูบวาบขึ้นมา คล้ายกับจะทรมาน หากแต่กลับรู้สึกดีอย่างน่าประหลาดใจ

ฟางเหนียงไม่รู้มาก่อนเลยว่าการร่วมรักจะให้ความรู้สึกเช่นนี้ นางนั้นต่ำต้อยไร้การศึกษา สตรีขุนนางหลายคนจะได้รับการศึกษาในเรื่องของค่ำคืนวสันต์ การปรนนิบัติสามีบนเตียง หากแต่ฟางเหนียงนางไม่แม้แต่จะได้แตะต้องตำราปกขาว ตื่นเช้ามาในวันคล้ายวันเกิด ที่ไม่ต่างจากวันธรรมดา ก็ถูกจับแต่งงานในอาภรณ์แสนล้ำค่าเสียแล้ว

เรียวลิ้นสากแลบลิ้นเลียติ่งหูแล้วลากเลียไปทั่วทั้งใบหู ขณะตอกกระแทกความกำยำเข้าไป แก่นกายบุรุษผงาดขึ้นใกล้สุขสมเต็มทน ทว่าร่างบอบบางกระตุกสุขสมไปก่อนหน้า สองแขนโอบกอดร่างบุรุษแนบแน่น ในขณะเดียวกันนั้นจินหมิงเยว่ยิ่งโหมกระหน่ำแก่นกายของตนเองอย่างรุนแรงและสุขสมตามนางมาติดๆ

“แฮ่ก แฮ่ก!” ฟางเหนียงหอบหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย ร่างบอบบางยังคงสั่นระริกจากการฝืนกำลัง

เม็ดเหงื่อผุดขึ้นแพรวพราวทั่วเรือนร่าง ในสายตาของจิ้งจอกตัวร้ายมันช่างน่าดูชม ราวกับน้ำทิพย์จากสรวงสวรรค์หยดลงบนร่าง เชิญชวนให้บุรุษได้เชยชิม หรืออาจจะราวกับอัญมณีประกายแสงบริสุทธิ์อันหาที่ใดเปรียบมิได้

“เด็กดี” พรมจูบดวงหน้าหวานไม่นึกรังเกียจเหงื่อของสตรี ก่อนจะดึงแก่นกายออก

ฟางเหนียงจึงดีใจที่บุรุษเมตตานาง หากแต่ต่อมาก็แทบกัดลิ้นตนเองเมื่อบุรุษจับขาของนางพาดบ่าข้างหนึ่ง แล้วเริ่มเด้งสะโพกโถมใส่ร่างของนางอีกครั้ง

ริมฝีปากพรมจูบทั่วเท้าของนางอย่างไม่นึกรังเกียจ แล้วอ้าปากกัดจนเลือดซึมออกมา ก่อนจะดูดเลือดของนางราวกับสัตว์ร้าย สตรีตัวน้อยคิดต่อต้านแต่มิอาจทัดทานบุรุษได้เลย

ทรวงอกกระเพื่อมไปตามแรงกระแทกอันดุเดือด สองมือยื่นออกไปกอบกุมมันอย่างย่ามใจ ก่อนจะโน้มตัวไปข้างหน้าแล้วเหยียดขาตรง ตอกกระแทกแก่นกายอย่างรุนแรง

“อ๊า อ๊า!!” สตรีแสนไร้เดียงสา บัดนี้ทำได้เพียงร้องครางเสียงหวาน แม้นางจะพยายามเม้มปากอดกลั้นเสียงนั้น แต่สัมผัสของจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ตัวนี้กระตุ้นกำหนัดของนางเหลือเกิน

จินหมิงเยว่ไม่ปล่อยค่ำคืนนั้นให้ผ่านล่วงเลยไปอย่างเสียเปล่าแม้แต่หนึ่งจิบน้ำชาเดียว ทั้งค่ำคืนนั้นจับร่างบอบบางพลิกคว่ำพลิกหงาย เคี่ยวกรำนางตลอดทั้งคืน

[1] เหมยกุ้ย = ดอกกุหลาบ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • สตรีในปกครองของจิ้งจอกเก้าหาง   บทที่ 36 รักผู้ใดมากกว่า

    บทที่ 36รักผู้ใดมากกว่า“ข้าขอแนะนำตัวอีกครั้ง ข้ามีนามว่าจินหมิงอัน เป็นบุตรชายของพวกท่านในชาติภพหนึ่ง”แม้จะเป็นเรื่องที่รู้อยู่ก่อนแล้ว จากในห้วงแห่งความฝัน หากทว่าก็อดที่จะตกใจมิได้ที่อยู่ดีๆ ก็มีบุตรชายเติบโตอย่างงดงามเช่นนี้แล้ว“ท่านพ่ออาจจะจำข้ามิได้ ทว่าท่านแม่...” ดวงตาของจินหมิงอันนั้นเต็มไปด้วยความคาดหวัง “ท่านจำข้าได้หรือไม่?”“ขออภัย ข้า...”“อ่า เป็นเช่นนั้น...” บุรุษหยักหน้าอย่างเชื่องช้า รู้ดีที่สุดว่านางคงไม่มีทางจำได้ หากแต่ยังคงคาดหวังจินหมิงอันเมื่อครั้นสูญเสียมารดานั้น ก็เป็นเพียงเด็กน้อยเท่านั้น เขายังสูงแค่เพียงอกของมารดาแต่กลับต้องขึ้นเป็นผู้นำดินแดน แบกรับความกดดัน แบกรับความเศร้าเสียใจจากการสูญเสียมารดาอย่างไม่มีวันหวนกลับมา เขาก็แค่...เด็กน้อยผู้หนึ่งที่คิดถึงไออุ่นของมารดาเท่านั้นเองช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาแม้มิได้อยู่ผู้เดียว มีท่านลุงซึ่งเป็นเทพอยู่บ

  • สตรีในปกครองของจิ้งจอกเก้าหาง   บทที่ 35 ฝันเสมือนจริง

    บทที่ 35ฝันเสมือนจริงฟางเหนียงรับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งที่อยู่ภายในกายของนาง ความแข็งแกร่งของบุรุษเพศที่แทบจะทะลุทะลวงช่วงท้องของนาง ความเจ็บปวดที่ถูกทำลายเยื่อพรหมจรรย์เมื่อครู่ แปรเปลี่ยนเป็นความเสียวซ่านในฉับพลัน นางเม้มริมฝีปากแน่นจนเป็นเส้นตรง กลัวว่าจะเอื้อนเสียงอันน่าอายออกมาทว่ายิ่งบุรุษเร่งกระหน่ำเอวระรัว ราวกับมิอาจต้านทานมันได้จึงเผลอร้องครางเสียงหวาน นางยกมือขึ้นปิดปากด้วยความอับอาย แต่ก็ถูกจินหมิงเยว่คว้าข้อมือเล็กทั้งสองข้าขึ้นตรึงเหนือหัว พร้อมทั้งถาโถมสะโพกใส่นางไม่ยั้ง ราวกับเรียกร้องให้นางร้องครางออกมาดังๆ“อ๊ะ อ๊ะ ท่านพี่ อึก”“ข้าชอบเสียงของเจ้า ร้องสิ ร้องออกมาดังๆ”“อื้อ อ๊า นะ เหนียงเอ๋อร์ อาย อึก อายเจ้าค่ะ”“เช่นนั้นข้าจะช่วยมิให้เจ้าร้องออกมาชั่วคราว” เอ่ยจบก็ประกบริมฝีปากดูดกลืนเสียงหวานลงคอไป เพื่อช่วยมิให้นางครวญคราง แม้ว่าบุรุษจะชอบเสียงหวานครางกระเส่าก็ตามเร

  • สตรีในปกครองของจิ้งจอกเก้าหาง   บทที่ 34 คืนวสันต์

    บทที่ 34คืนวสันต์หลังจากปรับความเข้าใจกันได้แล้ว จินหมิงเยว่ก็เทียวมาเที่ยวเล่นที่จวนสกุลฟางทุกครั้งที่มีเวลา กระทั่งถึงคราวผลัดเปลี่ยนอำนาจ ไท่จื่อได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ งานของจินหมิงเยว่ก็หนักขึ้นกว่าเก่าแต่ก็เป็นเกียรติกับวศ์ตระกูลวันหนึ่งจินหมิงเยว่มาหาฟางเหนียงเฉกเช่นที่ผ่านมา พูดคุยและดื่มน้ำชากับนางไม่ต่างไปจากวันอื่น ทว่าข่าวดีก็คือทั้งสองสกุลตกลงวันแต่งงานของพวกเขาได้แล้วงานแต่งงานของทั้งสองนั้นจัดขึ้นอย่างสมเกียรติ ผู้คนต่างเข้ามาร่วมยินดี เพราะคนทั้งคู่ต่างเป็นที่รักของคนในเมืองยามนั้นเองบุรุษผู้หนึ่งก้าวเข้ามาภายในงานเลี้ยงมงคล บุรุษรูปงามจนน่าตกละลึง งดงามเสียจนราวกับไม่มีอยู่ในโลกใบนี้ ฟางเหนียงเผลอจ้องมองอย่างเสียมารยาท เมื่อเกิดความรู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด ก่อนจะสะบัดความคิดนั้นทิ้งไป หากเป็นคนที่นางเคยเจอไม่มีทางที่จะจำมิได้เป็นแน่ ก็รูปร่างหน้าตาโดดเด่นถึงเพียงนี้“อะแฮ่ม!” จินหมิงเยว่กระแอ่มไอ เมื่อเห็นฟางเหนียงจ้องมองบุรุษรู

  • สตรีในปกครองของจิ้งจอกเก้าหาง   บทที่ 33 ให้โอกาสข้าได้หรือไม่

    บทที่ 33ให้โอกาสข้าได้หรือไม่จวนสกุลจินนี่เป็นครั้งแรกที่จินหมิงเยว่พิถีพิถันในการเลือกชุดที่จะสวมใส่ในวันนี้ กว่าจะออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบก็ใช้เวลาไปหนึ่งชั่วยามเต็มๆ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วจินหมิงเยว่ก็เตรียมตัวที่จะออกจากจวน หากแต่ทหารในสังกัดของไท่จื่อก็ได้มารายงานบางอย่างให้กับบุรุษ จินหมิงเยว่ขมวดคิ้ว ใบหน้าเคร่งเครียด...เหตุใดต้องเป็นตอนนี้ด้วย!...ท้ายที่สุดบุรุษก็รีบเดินทางไปยังพระราชวัง!ไท่จื่อเรียกจินหมิงเยว่มาอย่างกะทันหัน เนื่องจากได้รับข่าวจากทหารเฝ้ายามว่าพบเจอกับโจรป่าดักซุ่มจากการสอดแนมพบว่าพวกมันเตรียมที่จะบุกเข้าไปในเมืองหลวง ปั่นป่วนงานเทศกาลหยวนซีที่กำลังครึกครื้นไปด้วยอิสตรี อีกทั้งยังวางแผนที่จะลักพาตัวพวกนางได้ ได้ยินเช่นนั้นจินหมิงเยว่ก็มิอาจนิ่งเฉยได้ เพราะผู้ที่อาจจะถูกลักพาตัวอาจจะมีฟางเหนียงรวมอยู่ด้วย ได้แต่หวังว่านางจะไม่รอเขาและไปเที่ยวงานเทศกาลอย่างสนุกสนานจินหมิ

  • สตรีในปกครองของจิ้งจอกเก้าหาง   บทที่ 32 เฝ้ารอ

    บทที่ 32เฝ้ารอวันต่อมา ณ จวนสกุลฟางงานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดของฟางเหนียงถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย ทว่าฟางเหนียงเป็นสตรีน่าเอ็นดู และมีจิตใจดีและอ่อนโยนกับคนรอบข้างเสมอผู้คนต่างมาร่วมงานเลี้ยงนี้พร้อมกับของขวัญมากมาย นางได้รับความรักมากมายเหลือเกิน กระทั่งจินหมิงเยว่เดินเข้ามาในงานซึ่งส่วนใหญ่มีแต่สหายของฟางเหนียง“เหนียงเหนียง นั่นคือใครน่ะ?”“เขาช่างรูปงามเหลือเกิน”“นั่นมันบุตรชายสกุลจินมิใช่หรือ?”ฟางเหนียงหันไปมองผู้มาใหม่ ก่อนจะละจากทุกคนแล้วเดินไปต้อนรับจินหมิงเยว่ โดยมีสาวใช้ประคองเนื่องจากข้อเท้าของนางยังไม่หายดีสตรีตัวน้อยเตรียมที่จะคำนับบุรุษหากแต่จินหมิงเยว่กลับดึงเก้าอี้มาไว้ที่ด้านหลังของนางแล้วประคองให้นั่งลง พลางเอ่ยเสียงเบาอย่างเอาใจใส่“นั่งเถิด เจ้าบาดเจ็บอยู่ พิธีรีตองอะไรข้าไม่ถือสาหรอก อย่างไรก็จะเป็นครอบครัวเดียวกันอยู่แล้ว” บุรุ

  • สตรีในปกครองของจิ้งจอกเก้าหาง   บทที่ 31 แรกพบสบตา

    บทที่ 31แรกพบสบตาหลังจากนั้นไห่ไท่หยางก็พานางไปยังพระราชวัง ก่อนที่บุรุษจะเดินหนีหายไป…ระหว่างที่ดำเนินการสำเร็จโทษนางนั้น ฟางเหนียงก็ได้ร่ายอาคมเพียงผู้เดียวเงียบๆ ยามนั้นท้องฟ้าแปรเปลึคล้ายกับจะเกิดพายุลูกใหญ่ ผู้คนต่างคิดว่ามันคือลางร้ายในที่สุดฟางเหนียงก็ร่ายอาคมสำเร็จ ลูกแก้วจิ้งจอกกำลังสูญสลายไปจากกายของนาง ความเจ็บปวดจากพิษงูที่แล่นพล่านอยู่ในร่างกายของนางชัดเจนขึ้นเรื่อย งูยักษ์ที่รู้สึกได้จึงเปิดเผยตัวตนกระโจนเข้าไปหมายจะแย่งลูกแก้วจิ้งจอก แต่ก็ถูกไห่ไท่หยางใช้ธนูอาบยาพิษพิเศษ เพื่อกำจัดปีศาจงูโดยเฉพาะยิ่งเข้าที่กลางหัวงูยักษ์ในร่างมนุษย์กลับคืนร่างเดิมสร้างความตกตะลึงให้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ไห่ไท่หยางไม่รอช้ารีบเข้าทูลต่อฝ่าบาทและไท่จื่อเกี่ยวกับเรื่องราวในครั้งนี้ที่เขาทำไปนั้นล้วนแล้วแต่เป็นละครตบตา!!คืนก่อนมีบุคคลปริศนาบุกเข้ามาที่ห้องของไห่ไท่หยาง บุรุษเสียท่าให้มันจนโดนจับตัว ในตอนที่คิดว่าคงหมดหนทางแล้วกลับเจอกับบุ

  • สตรีในปกครองของจิ้งจอกเก้าหาง   บทที่ 30 ข้ารักท่านเจ้าค่ะ

    บทที่ 30ข้ารักท่านเจ้าค่ะ“นางปีศาจร้าย!!”“คืนลูกชายข้ามา!!”ยามนั้นเองงูตัวหนึ่งอาศัยความวุ่นวายกลบกลิ่นอายของตนเองแล้วฉกเข้าที่ขาของนาง ฟางเหนียงตกใจอีกทั้งความเจ็บปวดด้านข้างจากขาไปทั่วทั้งร่าง คล้ายกับร่างของนางกำลังจะเป็นอัมพาต อิทธิฤทธิ์ทั้งหมดของนางเสื่อมคลายลง มนุษย์กรูกันเข้ามาทำร้ายนางจนท้ายที่สุดก็ปางตาย…ร่างบอบบางนอนรวยรินหายใจหอบหมดสภาพของปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง ผู้ครอบครองลูกแก้วจิ้งจอกซึ่งมีพลังมากมายมหาศาล แต่กลับไม่ใช้ป้องกันตนเอง เอาแต่เห็นอกเห็นใจมนุษย์ที่ทำร้ายตนเองจนท้ายที่สุดก็มีสภาพเช่นนี้…ช่างน่าขันเสียจริง แม่นางจิ้งจอก…บุรุษผู้หนึ่งในหมู่ชาวบ้านได้ห้ามทุกคน ในตอนแรกก็ไม่มีใครยอม พยายามทำร้ายนางเอาให้ถึงตาย ทว่าบุรุษผู้นั้นก็ได้เอ่ยว่าควรให้นางรับโทษกับทางการ เสียบหัวประจานที่กำแพงเมือง ด้วยเหตุนั้นพวกมนุษย์จึงยินยอมและพานางกลับไปยังหมู่บ้านสติของฟางเหนียงเลือ

  • สตรีในปกครองของจิ้งจอกเก้าหาง   บทที่ 29 ปีศาจร้ายของมนุษย์

    บทที่ 29ปีศาจร้ายของมนุษย์“ท่านแม่ เหตุใดจึงตัวร้อนเช่นนี้?” จินหมิงอันร้อนรนใจยิ่งนัก ไม่เคยเลยที่จะเห็นมารดาในสภาพเช่นนี้ โดยส่วนใหญ่นางจะเข้มแข็งทว่าอ่อนโยนและใจดีเสมอ แม้บ้างครั้งจะน่ากลัวเวลาดุตนก็ตามฝ่ามือใหญ่ของบุตรสัมผัสผิวกายของมารดาด้วยความร้อนรนใจ ครั้นก่อนหน้ามีฮวาอิน ทว่านางลาคลอดไปหลายเดือนแล้ว เขาควรทำอย่างไรดี?“ตัวร้อนหรือ? ข้าขอเสียมารยาท” ไห่ไท่หยางขยับเข้ามาใกล้และถือวิสาสะสัมผัสหน้าผากของนางอย่างแผ่วเบา “นางไม่สบาย”“ไม่สบายหรือ เป็นอย่างไร ถึงแก่ชีวิตหรือไม่?”จินหมิงอันไม่รู้เลย แม้ในวัยเยาว์จะเคยไม่สบายอยู่บ้างแต่ก็นานมากแล้ว ส่วนมารดาก็ไม่เคยเจ็บปวดให้ได้เห็น มีทั้งลูกแก้วจิ้งจอกช่วยฟื้นฟู และบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์“หากได้รับการรักษาก็ไม่ถึงชีวิต”ในสมัยนี้นั้นผู้คนล้มตายด้วยไข้หวัดธรรมดานั้นมีอยู่มาก เนื่องจากยาที่มิได้ดีหากมิใช่ยาดีจริงๆ ซึ่งมีราคาแพง อีกทั้งสมุนไพรยังเป็

  • สตรีในปกครองของจิ้งจอกเก้าหาง   บทที่ 28 ตัวตนที่แท้จริงของนาง

    บทที่ 28ตัวตนที่แท้จริงของนางจินหมิงอันนางไม่เป็นห่วงเท่าใดนัก เพราะรู้จากไห่ไท่หยางว่าบุตรชายของตนนั้นอยู่ที่ต้นไม้ใหญ่ ศูนย์รวมพลังของดินแดนจิ้งจอกแห่งนี้ อีกทั้งภายในตัวของบุตรชายนั้นมีลูกแก้วจิ้งจอกอันสมบูรณ์ ไม่นานก็คงฟื้นตัวได้แต่กับตนเองนั้นแม้จะมีลูกแก้วจิ้งจอกซึ่งมีพลังมากมายมหาศาล หากแต่มิใช่ลูกแก้วจิ้งจอกซึ่งเป็นพลังต้นกำเนิดของนาง ไม่ต่างไปจากจิตวิญญาณที่อาศัยร่างของนาง การมีลูกแก้วจิ้งจอกทำให้นางทนความเจ็บปวดได้ ขนาดนางมีลูกแก้วจิ้งจอกยังเจ็บปวดถึงเพียงนี้ ไม่อยากจะนึกภาพเลยว่าถ้าหากนางไม่มีมันจะเจ็บปวดเจียนตายที่ขนาดไหนหากเป็นบาดแผลธรรมดาลูกแก้วจิ้งจอกก็สามารถรักษาให้นางหายได้ในชั่วพริบตา หากแต่มันเป็นแผลที่เกิดจากปีศาจ อีกทั้งร่างกายของนางแต่เดิมทีแล้วนั้นเป็นเพียงมนุษย์ มันจึงค่อนข้างใช้เวลาในการรักษาและฟื้นฟูฟางเหนียงบอกทางบุรุษมายังบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ตลอดมานางเคยหลีกเลี่ยงสถานที่แห่งนี้ มันเต็มไปด้วยความทรงจำยากลืมเลือน นางเคยแช่อยู่ที่นี่พร้อมกับร่

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status