Share

5 กลับไปเยี่ยมตระกูลซุนสายหลัก

last update Dernière mise à jour: 2025-04-21 20:39:38

5

กลับไปเยี่ยมตระกูลซุนสายหลัก

เฟยเมี่ยวมาถึงโรงสุราท้ายตรอกแล้ว โรงสุราแห่งนี้ไม่ใช่สถานที่คนทั่วไปรู้จักกัน คนที่มาใช้บริการที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นชาวยุทธภพที่เดินทางเข้าเมืองหลวง และอยากได้ที่พักราคาเป็นกันเองพร้อมกันนั้นแบบไม่ต้องการคนรับใช้มาก เพราะที่นี่ไม่มีเสี่ยวเอ้อให้เรียกรับใช้ มีเพียงห้องและเครื่องนอนให้เท่านั้น ทำความสะอาดวันละครั้ง มีร้านอาหารที่เน้นสุราขนาดเล็ก ให้บริการ ทว่าโรงสุราแห่งนี้มีอีกบริการหนึ่งที่คนในเครือข่ายจะรู้กัน นั่นคือ บริการหางานรับจ้างนั่นเอง เจ้าของที่นี่มีสายสัมพันธ์กว้างขวางรับงานจากใครก็ตามที่ต้องการคนทำงานแบบเงียบ ๆ และหาคนมาทำงานให้ ซึ่งเฟยเมี่ยวก็รู้บริการนี้จากสายข่าวหนึ่งในขอทาน นางจึงมารับงานไปทำบ่อยครา หาเงินเพิ่มจากที่ตระกูลซุนส่งมาให้ใช้ประจำนั่นล่ะ

“ขอข้าวสารหน่อย”

รหัสในการขอรายนามภารกิจในตอนนี้นั่นเอง

เฟยเมี่ยวส่งเงินค่าขอดูข่าวให้และรับกระดาษแผ่นใหญ่มา นางเลือกโต๊ะที่ว่างอยู่มุมร้านเพื่อไล่ดูงาน เกณฑ์การเลือกงานของเฟยเมี่ยวคือ ลงแรงแล้วต้องได้เงินคุ้มค่าเหนื่อย จะเป็นงานอันใดนางทำได้หมด

แต่ไม่ต้องกังวลนะ งานของที่นี่เลือกรับแต่งานสุจริต หรือไม่อย่างมากก็เป็นเนื้องานสีขาวออกเทาหน่อย ๆ เท่านั้น

อย่างงานที่เฟยเมี่ยวเลือกคราวนี้นางอ่านแล้วดูน่าสนใจยิ่งนัก ฮูหยินตระกูลขุนนางระดับกลางท่านหนึ่งต้องการให้

ตามหาสามีขุนนาง เขาออกไปจากจวนไม่ติดต่อกลับมาเป็นเวลาสามวันแล้ว มิใช่เรื่องแปลกที่ขุนนางคนหนึ่งจะออกจากบ้าน แต่คราวนี้เขาออกไปทำงานแล้วก็หายไปเลย ฮูหยินจึงสงสัยกลัวถูกฆ่าหรือเป็นอันตรายนั่นล่ะ จึงจ้างคนสืบข่าวสามีให้หน่อยเท่านั้น ไม่ได้อยากให้ตามกลับมาเลยหรอก

เฟยเมี่ยวตัดสินใจเลือกงานนี้ล่ะ เพราะค่าจ้างสูงดี หากนางทำสำเร็จได้กลับมาสามารถเลี้ยงเด็ก ๆ กลุ่มขอทานของตนได้เป็นปีเลย เนื้องานก็ไม่ได้ดูเสี่ยงอันตรายหรือยืดเยื้ออันใด พรุ่งนี้เฟยเมี่ยวต้องไปพบฮูหยินคนนั้นเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมอีกมาก วันนี้นางจึงไม่อยู่ที่โรงสุรานาน ได้งานแล้วก็รีบออกมาและมุ่งหน้ากลับวังหลวงทันที

ในที่สุดก็ถึงวันที่เฟยเมี่ยวต้องออกจากวังไปเยี่ยมญาติตระกูลซุนแล้ว ก่อนที่บุพการีอย่างแม่ทัพใหญ่ซุนและฮูหยินของเขาจะออกไปรบและทิ้งนางไว้คนเดียวในเมืองหลวงนั้น นอกจากมารดาของนางจะฝากให้ฮองเฮาเลี้ยงดูแล้ว ยังกำหนดวันให้กลับไปอยู่กับตระกูลซุนสายหลักอีกด้วย

โครงสร้างตระกูลซุนเท่าที่เฟยเมี่ยวรู้คือ ก่อนหน้าที่บิดาของเฟยเมี่ยวจะแยกออกมาสร้างจวนใหม่นั้น เขาอยู่กับสายหลักก่อน ก็คือพี่ชายสายเลือดเดียวกัน มียศเป็นถึงตำแหน่งท่านโหวอันได้รับสืบทอดจากท่านปู่ที่สิ้นชีวิตไปแล้วพร้อมกับตำแหน่งประมุขตระกูล มองผิวเผินอาจดูเหมือนอดีตท่านโหวเอาทุกอย่างให้บุตรชายคนโตหรือเปล่า แต่จากที่นางมีความทรงจำของร่างนี้บ้าง นางจำได้ว่าเป็นซุนเหวินเชา บิดาของนางเต็มใจยกให้เอง เพราะพี่ชายของเขานามซุนเหวินเจี๋ยนั้นสละหน้าที่ในกองทัพแล้วมาทำงานในเมืองหลวง เหมาะกับตำแหน่งเหล่านั้นมากกว่านั่นเอง

มารดาของนางไม่ได้ไปฝากตระกูลหลักเลี้ยงแต่มาฝากฮองเฮาที่เป็นสหายเลี้ยงแทนด้วยเหตุผลอันใดเฟยเมี่ยวก็พอรู้บ้างแล้ว จากการได้กลับไปเยี่ยมบ้านเมื่อปีที่แล้วมา

ตระกูลซุนสายหลักนั้นนอกจาก มีครอบครัวของท่านโหวซุนเหวินเจี๋ยแล้ว ยังมีท่านย่าที่ยังมีชีวิตอยู่อีก สตรีชราผู้นี้ล่ะที่อาจเป็นเหตุผลให้บุพการีของเฟยเมี่ยวไม่อยากนำมาฝากเลี้ยงเท่าไหร่นัก

“คารวะท่านย่า ท่านลุงเจี๋ย และท่านป้าสะใภ้ใหญ่ซูเจ้าค่ะ”

เฟยเมี่ยวโค้งคำนับหัวแนบพื้นสักพักก็ยังไม่ได้ยินเสียงใครเอ่ยให้ลุกขึ้นเลยจำต้องค้างอยู่ท่านั้น จวบจวนเสียงของท่านลุงเจี๋ยเอ่ยอนุญาตนั่นล่ะ นางถึงได้ลุกขึ้น เหล่าเลือดลมที่ไหลไปค้างที่หน้าผากไหลกลับมาตำแหน่งเดิมแทบไม่ทันเชียว

ท่านย่าผู้นี้ยังเลือดเย็นกับหลานคนนี้ไม่เสื่อมคลายจริง ๆ ท่านย่ายังไม่มองมาเลยสักวาบเดียว หากไม่มีสองสามีภรรยาคู่นี้คอยทำให้บรรยากาศดีขึ้น เฟยเมี่ยวคงขาดอากาศตายเพราะความอึดนี้เป็นแน่

“มาแล้วก็อย่าลืมไปไหว้บรรพบุรุษที่ศาลบรรพชนเล่า จะได้ไม่ลืมตระกูล ข้ามหัวตระกูลสายหลัก...”

มารดาของซุนเหวินเชาบิดาของนางเปิดปากทีก็ไม่วายแขวะคนที่ไม่รู้เรื่องไม่รู้ราวกับความบาดหมางนี้สักนิดอย่างนาง  ปีที่แล้วนางกลับมาเยี่ยมจวนหลักแห่งนี้เป็นเวลาเจ็ดวันแทบขาดใจ อึดอัดเสียยิ่งอยู่ในวัง เพราะบ่าวรับใช้ที่ท่านย่าผู้นี้ส่งมาดูแลเฟยเมี่ยวเป็นการส่วนตัวนั้นล้วนเหมือนถูกสั่งให้มาพร่ำบ่นเรื่องที่ตระกูลสายรองอย่างนางข้ามหน้าข้ามตาไป ทำให้เฟยเมี่ยวที่ไม่รู้เรื่องความบาดหมางใดใดเริ่มจับทางได้เลยล่ะ

ตามจริงแล้วหากบุพการีของนางจะไม่เอานางไปออกทัพที่ชายแดนด้วยนั้นควรจะฝากญาติด้วยกันเลี้ยงมากกว่าฝากฮองเฮาที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดนอกจากเป็นสหายใช่ไหมเล่า

นั่นล่ะ แต่มารดาของนางก็เลือกฝากให้ฮองเฮาเลี้ยงแทน นางไม่รู้หรอกนะว่าทำอย่างไรถึงทำให้ท่าย่ายอมได้แต่ผลที่ตามมาก็คือ มีข่าวลือไม่ดีเกี่ยวกับสายหลักว่าไม่มีความสามารถพอ หรือบางข่าวลือก็เอ่ยทำนองว่าสายรองกับสายหลักไม่ถูกกัน อันใดทำนองนี้ทำให้ ท่านย่าไม่พอใจนั่นเอง

แต่เฟยเมี่ยวเพียงทำตามที่ผู้ใหญ่จัดการนางไม่รู้เรื่องนี้เสียหน่อยไยเอาความไม่พอใจเหล่านั้นมาลงที่นางได้เล่า เฮ้อ

“เจ้าค่ะท่านย่า อย่างนั้นหลานขอตัวไปห้องบรรพบุรุษก่อนนะเจ้าคะ”

“ไม่ได้มานานเกือบปีก็อยู่คำนับบรรพบุรุษมากหน่อยเล่า เดี๋ยวให้บ่าวไปดูแลอยู่ข้างนอก”

ดูท่าแล้วตลอดเจ็ดวันนี้เฟยเมี่ยวคงต้องนอนที่ศาลบรรพชนตลอดเลยล่ะมั้ง เพราะท่านย่าเล่นไม่กำหนดวันสิ้นสุดอีกทั้งยังบอกให้คนมาเฝ้าอีกด้วย แต่เฟยเมี่ยวไม่ยอมทรมานนานเพียงนั้นหรอกนะ นางพอเตรียมทางหนีทีไล่ไว้บ้างแล้ว

“หลานยินดีคำนับจนเหล่าบรรพชนซาบซึ้งเจ้าคะ เพียงแต่ฮองเฮาได้ฝากฝังให้หลานไปเอาของที่จวนตระกูลซุนสายรอง และอาจต้องรีบกลับไปวังหลวงเจ้าค่ะ ไม่รู้ว่าฮองเฮาทรงรีบใช้ของสิ่งนั้นหรือไม่”

เป็นเพียงข้ออ้างของเฟยเมี่ยวเท่านั้น เจ็ดวันนี้นางคิดจะไปนอนที่จวนตระกูลซุนสายรองและออกไปทำงานที่รับมาเมื่อวานพอดี ครบกำหนดวันเยี่ยมบ้านค่อยกลับวังไป

“เหอะ เอาตามเจ้าเถอะ แต่อย่างน้อยก็คุกเข่าคำนับเสียหนึ่งคืนก็แล้วกัน อย่างไรเสียตระกูลซุนสายหลักก็ไม่อยู่ในสายตาของคนสายรองอยู่แล้ว”

เฟยเมี่ยวฉีกยิ้มจืดเจื่อนไม่โต้ตอบไป นางรอจนท่านย่าบ่นจนเหนื่อยก็ค่อยออกมา เดินตามบ่าวคนหนึ่งไปที่ศาล

บรรพชนตอนนี้เข้าช่วงบ่ายของวันแล้ว บรรยากาศในห้องนี้จึงไม่ได้วังเวงและน่ากลัวมากนัก อย่างน้อยบ่าวคนนั้นก็นำที่รองกันเจ็บเข่ามาให้เฟยเมี่ยวก็แล้วกัน

มาเป็นคราที่สองแล้ว สำหรับศาลบรรพชนของตระกูลซุนนี้ เป็นห้องสี่เหลี่ยมที่ใหญ่กว่าห้องของเรือนหลักอีก เต็มไปด้วยป้ายวิญญาณของบรรพบุรุษมีทั้งเขียนคือ นาม ตำแหน่งก่อนตายและชีวประวัติเล็กน้อย อ่านไปมาก็เพลินเหมือนกัน ปีก่อนนั้นนางเพิ่งอยู่ในยุคนี้ไม่นานยังอ่านตัวหนังสือของยุคนี้ไม่ออกทุกตัว แม้จะมีทักษะความรู้ของเฟยเมี่ยวคนก่อนบ้างแต่ก็ยังไม่คุ้นชินอยู่ดี คืนนี้อย่างไรก็ต้องนอนที่นี่นางอ่านชีวประวัติให้หมดเสียเลย

เมื่อคืนเฟยเมี่ยวกินมื้อเย็นและนอนในศาลบรรพชนนั่นล่ะ ตอนแรกเกือบจะไม่ได้กินมื้อเย็นแล้ว ดีที่บ่าวของท่านป้าสะใภ้ใหญ่นำมาให้ช่วงดึก นางเลยพอมีรองท้องบ้าง

“ลาก่อนเจ้าค่ะ ขอบคุณท่านป้าสะใภ้มาก ไว้หลานมีโอกาสจะมาเยี่ยมนะเจ้าคะ”

ป้าซูเม่ยยิ้มส่งนางขึ้นรถม้าของวังหลวงมา แม้ทั้งลุงและป้าสะใภ้จะไม่ได้แสดงออกถึงท่าทีขับไล่นางเท่าท่านย่า แต่ก็ไม่น่าจะยินดีหรอก ดูจากอาหารที่นางได้เมื่อวานก็ช่วยเพียงรองท้องคลายหิวเท่านั้น มิได้ทำให้อิ่ม

นางคิดไม่ผิดที่หาข้ออ้างเพื่อไม่พักที่นี่ รถม้าขับไปส่ง

เฟยเมี่ยวที่จวนตระกูลซุนสายรอง อันคือจวนที่บิดาและมารดาของร่างนี้ซื้อไว้ก่อนจากเมืองหลวงไปกับพี่ชายและน้องชาย ทิ้งเฟยเมี่ยวไว้กับฮองเฮา

ในจวนแห่งนี้ก็เงียบสงบดี ไม่มีเหล่าบรรดาเจ้านาย มีเพียงบ่าวไพร่อันมีหน้าที่ดูแลทำความสะอาดจวนเท่านั้น อำนาจสูงสุดก็เป็นท่านพ่อบ้านฉิงนั่นล่ะ ด้วยความที่เฟยเมี่ยวไม่ได้บอกคนที่นี่ก่อนว่าจะมาจึงไม่มีใครทำความสะอาดห้องของเฟยเมี่ยวไว้

นางเดินเข้าจวนมาก็ตรงเข้าไปห้องนอนเลย บ่าวอย่างมู่กวาที่ตามมาด้วยจากวังหลวงนางก็ให้ไปพักผ่อนแล้วเช่นกัน

“คุณหนูรองต้องการอันใดเพิ่มไหมเจ้าคะ”

“ไม่หรอก ข้ามาอาศัยอยู่เท่านั้นหากจะกินหรือต้องการอันใดจะให้พี่มู่ไปบอก ไม่ต้องมาถามอันใด”

บ่าวของจวนตระกูลซุนเอ่ยถามก่อนที่เฟยเมี่ยวจะปิดประตูห้องไป อย่างไรนางก็เพียงกลับมาเก็บของและจะออกไปข้างนอกทันทีอยู่แล้วจึงไม่ต้องการคนมายุ่งในเขตของห้องตนเท่าใดนัก

ณ โรงน้ำชาซูฮวา สถานที่ที่นางนัดเจ้าของงานไว้ ห้องส่วนตัวถูกจองไว้โดยฮูหยินขุนนางเจ้าของงาน เฟยเมี่ยวในชุดบุรุษในนามแฝงว่า มี่เฟิง เดินเข้าห้องไป  ฮูหยินท่านนั้นก็รออยู่ก่อนแล้ว

ฮูหยินเจ้าของงานนี้น่าจะอายุประมาณสามสิบกว่าเห็นจะได้ สีหน้าเต็มไปด้วยความวิตกกังวล และคงไม่สบายใจอย่างมากตลอดหลายวันมานี้แน่ เพราะเกิดร่องจาง ๆ ที่หว่างคิ้ว ดูท่าแล้วฮูหยินผู้นี้คงกังวลเรื่องที่สามีหายไปจริง แปลกใจที่ไยไม่ไปแจ้งกับทางการแต่มาจ้างคนอื่นสืบหาแทนนั่นล่ะ เฟยเมี่ยวคิดว่านางคงมีความกังวลอื่นมากกว่าจนไม่อาจเปิดเผยต่อคนของทางการได้  นางคงจะได้รู้ในวันนี้กระมัง

“ท่านคือคนรับงานนี้หรือ ?”

“ขอรับ เรียกข้าว่ามี่เฟิงได้เลยขอรับ ฮูหยินหลี่”

พอฮูหยินหลี่เห็นเฟยเมี่ยวก็ดูเหมือนอยากเปลี่ยนคนรับงานเป็นคนอื่นทันใดเลย คงเพราะนางดูอ่อนเยาว์ กลัวทำงานให้ไม่ได้  แต่เฟยเมี่ยวไม่สนใจท่าทีเหยียดหยามของคนตรงหน้า นางสนใจเพียงทำงานเท่านั้น

“ก่อนหายตัวไปฮูหยินหลี่ช่วยเล่าคร่าว ๆ เกี่ยวกับสิ่งที่ท่านหลี่ทำให้ฟังหน่อยได้ไหมขอรับ โดยเฉพาะสิ่งที่เขาดูทำผิดไปจากวันอื่น ๆ”

ท่าทีอึกอักเหมือนคนไม่อยากเล่าของฮูหยินหลี่นั้นเฟยเมี่ยวแก้ด้วยการนั่งคอยนิ่ง ๆ แต่ดวงตาจ้องมองเจ้าของงานอย่างกดดันแทน นางคิดว่าสตรีผู้นี้แม้ไม่อยากให้นางทำงานให้ แต่ก็ไม่น่ามีทางเลือกอื่นแล้วหรอก ในที่สุดก็ต้องยอมเปิดปากอยู่ดี

“นายท่านก็ออกไปทำงานแต่เช้าตรู่ทุกวัน กลับมาก็ดึกดื่นโดยเฉพาะช่วงเดือนนี้ มีบางวันที่เขาไม่กลับในตอนกลางคืนแต่อย่างไรวันรุ่งขึ้นก็กลับมาอยู่ดี อีกทั้งหลายวันมานี้นายท่านก็ใช้เงินเยอะขึ้นด้วย”

“ฮูหยินเคยคุยกับเขาเรื่องนี้หรือไม่ขอรับ”

“เคยในช่วงแรก ๆ แต่เขาก็มักจะโมโหกลับมา พร้อมเอ่ย บอกว่าเขาทำงานหนักเครียดเพราะพวกข้าอยู่แล้ว อันใดทำนองนั้นน่ะ”

สีหน้าของฮูหยินหลี่บ่งบอกได้ว่ามีบางอย่างที่นางยังเล่าไม่หมด อีกทั้งสังเกตจากชุดและกริยาการเดิน นั่ง ของสตรีผู้นี้แล้ว นางดูเป็นคนขี้กลัว หรือไม่มีความไม่มั่นใจในตนเองบางอย่างอยู่แล้ว ทั้งที่เป็นฮูหยินเอกแต่กลับดูหวาดกลัวไม่ภาคภูมิอย่างที่ควรเป็น ดังนั้นเฟยเมี่ยวจึงสันนิฐานว่าสถานะของฮูหยินหลี่ในจวนต้องไม่ใช้ผู้มีอำนาจมากเท่าไหร่นักแน่ อาจมีอนุอื่นหรือไม่ก็แม่สามีคอยกดข่มไว้...

แต่ข้อมูลจวนตระกูลหลี่ที่นางได้รับมาจากโรงสุราท้ายตรอกคร่าว ๆนั้นบอกไว้ว่าในจวนมีภรรยาคนเดียว เพราะฉะนั้นต้องเป็นผลมาจากแม่สามีนั่นล่ะ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้ฮูหยินหลี่ไม่อยากไปแจ้งทางการเรื่องสามีหายไปก็เป็นได้

“อย่างนั้นเพื่อให้สืบเรื่องต่อได้ข้าต้องรบกวนฮูหยินหลี่ช่วยนำบัญชีรายการใช้จ่ายเงินของสามีท่านมาให้ข้าหน่อยแล้ว”

อาจเพราะร้อนใจฮูหยินหลี่จึงรีบนำใบรายการใช้จ่ายของสามีมาให้เฟยเมี่ยวทันทีในวันต่อมา พวกนางนัดกันที่เดิม

นางไล่สายตาตรวจดูรายการร้านที่ท่านหลี่ใช้จ่ายไปชั่วครู่ก็เงยหน้าถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

“ช่วงนี้ฮูหยินมีไปออกงานบ่อยเลยหรือขอรับ”

เพราะในรายจ่ายนั้นมีบันทึกไว้ว่าใช้จ่ายซื้อชุดที่ร้านชุดสตรีสำหรับชนชั้นสูงด้วย หากเป็นเพียงขุนนางขั้นต่ำคนหนึ่งแล้วอีกทั้งดูจากการแต่งตัวของฮูหยินหลี่ไม่น่าสวมชุดจากร้านนั้นในชีวิตประจำวัน ต้องสวมออกงานทางการหรือใหญ่เท่านั้น

“ไม่เลย หากเจ้าสงสัยว่านายท่านจะซื้อชุดให้สตรีอื่นนั้น ข้าเคยได้คำตอบแล้วว่าเขามักซื้อชุดไปเป็นของกำนัลให้ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่ทำงานด้วยน่ะ เจ้าคงเห็นว่าเขามิได้ไปรับชุดด้วยตนเองแต่ให้ทางร้านส่งให้ทั้งหมด”

“ขอรับ อย่างนั้นข้าน้อยขอยืมใบสั่งชุดนี้ก่อนนะขอรับ”

เฟยเมี่ยวดูใบรายการนั้นต่ออีกหน่อยก็แยกย้ายกับฮูหยินหลี่มา นางเดินทางไปยังร้านขายชุดสตรีที่เขียนไว้ในใบรายจ่ายเพื่อสอบถามสิ่งที่ตนข้องใจอยู่เล็กน้อย

นางถามแบบอ้อม ๆ เรื่องจุดหมายที่ชุดเหล่านั้นไปส่งก็ตัดสินใจว่าจะลองหาเบาะแสเพิ่มจากข้อสังเกตจุดนี้นั่นเอง

ปลายทางของชุดนี้ล้วนถูกส่งไปนอกเมืองหลวงยังเมืองซีเปียน ที่ประหลาดคือจุดหมายมิใช่จวนขุนนางอันใดแต่เป็นโรงเตี๊ยมในเมืองนั้นต่างหาก

ด้วยความที่เวลาที่เฟยเมี่ยวจะมีอิสระอยู่นอกวังหลวงนั้นน้อยลงทุกที นางจึงตัดสินใจออกนอกเมืองในวันนั้นเลย เฟยเมี่ยวอาศัยนามแฝงเป็นชาวยุทธภพนามมี่เฟิงออกทำงาน สวมชุดบุรุษสีขาวพิสุทธิ์เดินทางด้วยรถม้ารับจ้างมุ่งหน้าไปเมืองซีเปียนใช้เวลาราวสองวันก็เข้ามาในเมืองทันก่อนประตูปิดพอดี

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Latest chapter

  • สายลับทะลุมิติ ไปเป็นคุณหนูที่ถูกทิ้ง   บทส่งท้าย

    บทส่งท้าย“ถวายพระพรชินอ๋องพะยะค่ะ”คนตระกูลซุนที่ออกมาต้อนรับยังไม่ทันลงไปทำความเคารพที่พื้นก็ต้องชะงักลงก่อนเพราะคำพูดแปลกประหลาดผู้สูงศักดิ์ที่มาใหม่นั่นเอง“ไม่ต้องเคารพถึงเพียงนั้นหรอกท่านว่าที่พ่อตา...”เฟยเมี่ยวอึ้งเช่นเดียวกันกับคนอื่น เพราะเขาไม่เห็นบอกนางล่วงหน้าให้ทำใจก่อนเล่า ใครจะคิดว่าอยู่ที่ดีก็ยกขบวนหมั้นหมายมาโดยไม่แจ้งล่วงหน้า“ท่านอ๋องหมายความอันใดหรือ ? กระหม่อมไม่เข้าใจ”ขนาดไม่เข้าใจของบิดานางนะเนี่ย น้ำเสียงยังแข็งกร้าวขึ้นเปลี่ยนไปจากตอนแรกมากเลยดูท่าการเป็นอริอย่างเช่นข่าวลือบิดาของนางจะอินเกินจนเข้ากระแสเลือดไปแล้วกระมัง“ก็วันนี้ข้ามาสู่ขอเมี่ยวเมี่ยวไปเป็นพระชายาเอกอย่างไรเล่า เดี๋ยวก็คงจะได้เรียกพ่อตาแล้วในอนาคต”เฟยเมี่ยวเห็นประกายไฟระหว่างสองสายตาที่จ้องกันอยู่ตอนนี้ของแม่ทัพใหญ่ซุนเหวินเชาและชินอ๋องขึ้นมาลาง ๆ แล้ว ดีที่มารดาของนางรีบเข้ามายืนขวางหน้าซุนเหวินเชาเสียก่อน“ท่านอ๋องมาแล้วก็เชิญข้างในจวนก่อนเถอะเพคะ เรื่องนี้คงต้องคุยกันอีกยาว...”“ไม่ให้แต่ง อย่างไรก็ไม่ให้แต่ง !!!”“ใช่ขอรับ ลูกไม่ให้แต่งเช่นกัน!!”สองพ่อลูกตระกูลซุนตะโกนแทบจะพร้อมกันต่อ

  • สายลับทะลุมิติ ไปเป็นคุณหนูที่ถูกทิ้ง   24 ตัดขาด

    24ตัดขาดภายในห้องรับรองตระกูลซุนสายรอง มีเจ้าของจวนนั่งเรียงหน้าเครียด โดยเฉพาะซุนเหวินเชา แม่ทัพไร้พ่ายที่หน้านิ่งแผ่รังสีความไม่พอใจ จนทำให้เหล่าแขกของจวนที่นั่งรวมกันอยู่ฝั่งที่นั่งแขกพากันนั่งเกร็งจนเฟยเมี่ยวที่มองอยู่แทบกลั้นขำไม่ไหวเหล่าแขกที่ว่าคือ พวกตระกูลซุนสายหลักนั่นเอง มีท่านลุงซุนโหว ท่านป้าสะใภ้ซูเม่ย และท่านย่า พวกเขามาคราวนี้เพื่อมาขอขมา ให้สายรองให้อภัยกับเรื่องที่เกิดขึ้น“อาเหวิน เจ้าก็ให้อภัยพี่ชายเจ้าหน่อยเถอะ อย่างไรก็คนตระกูลซุนเช่นเดียวกัน”ท่านย่าเอ่ยเสียงอ่อน รอยยิ้มเหี่ยวย่นของหญิงชราผู้นี้จืดเจื่อนยิ่งนัก แต่ก็ทำใจดีสู้เสือเอ่ยทั้งที่น้ำเสียงติดสั่นระริกจากรังสีกดดันของแม่ทัพไร้พ่าย“ท่านแม่มิคิดหรือเจ้าคะ หากอาเมี่ยวรักษาไม่ทันจะเป็นเช่นไร ท่านพี่สะใภ้นั้นอาจถูกหลอกใช้ก็จริง แต่ว่าอย่างไรเสียเมื่อไม่รู้แหล่งที่มาดีดีไยต้องเสี่ยงให้บุตรสาวของข้ากินด้วย หรือว่าเพราะไม่ใช่บุตรสาวของตนจึงจะให้กินอันใดก็ได้”“ไม่เลย ๆ น้องสะใภ้อย่าได้เข้าใจผิด ข้าไม่ได้ตั้งใจทำร้ายใครทั้งสิ้น เจ้าอย่าได้คิดเช่นนั้น ทว่าอย่างไรบุตรสาวเจ้าก็ไม่เป็นอันใดนี่ เจ้าสบายดีใช่ไหมอาเ

  • สายลับทะลุมิติ ไปเป็นคุณหนูที่ถูกทิ้ง   23 ไปหาหลักฐาน

    23ไปหาหลักฐานเมื่อเป็นเรื่องความเป็นไประดับแคว้น พอเฟยเมี่ยวไปปรึกษากับชินอ๋องนางก็เพิ่งได้รู้ว่าเขากำลังติดตามเรื่องมีคนลักลอบจำหน่ายฝิ่นอยู่เช่นเดียวกัน พอเฟยเมี่ยวเอาสิ่งที่นางสืบมาโดยตลอดผนวกเข้ากับความจริงจากปากมารดามันทำให้เฟยเมี่ยวสงสัยไปที่ตระกูลซุนสายหลักโดยเฉพาะท่านป้าซูเม่ยทันที พอเอ่ยขอให้ชินอ๋องไปติดตามและสืบเชิงลึกที่ตระกูลหลิงก็พบเบาะแสบางอย่างที่พุ่งไปว่าเขาอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลอบค้าฝิ่นจริง โดยประมุขตระกูลหลิงที่เป็นถึงหัวหน้ากรมตุลาการหากลักลอบขายฝิ่นย่อมสะเทือนต่อแคว้นมากแน่ตอนนี้ขอเพียงหาหลักฐานมาก็สามารถจับกุมตัวการหลักแล้ว สิ่งที่ชินอ๋องกำลังทำอยู่ตอนนี้คือติดตามคนของตระกูลหลิงที่มีการเดินทางไปมาที่ชายแดนกับเมืองต่าง ๆ โดยแน่นอนว่าเฟยเมี่ยวขอติดตามมาด้วยซึ่งตอนแรกบิดานางจะไม่ให้ไปแต่เพราะชินอ๋องเอ่ยปากและบอกว่าให้พี่ใหญ่ตามมาด้วยได้ เฟยเมี่ยวจึงมีโอกาสได้ติดตามไปชายแดนเยี่ยงตอนนี้“อาเมี่ยวไหวหรือไม่อีกไม่ไกลก็ได้เข้าเมืองแล้ว”พี่ใหญ่เอ่ยถามนางมาตลอดทางทุก ๆ ครึ่งชั่วยาม เขาเป็นห่วงนางเกินไปจนเฟยเมี่ยวเหนื่อยจะตอบแล้ว คงเพราะการเดินทางครานี้รีบเร่งจนมิอ

  • สายลับทะลุมิติ ไปเป็นคุณหนูที่ถูกทิ้ง   22 ไหน้ำส้มใครแตกกันนะ

    22ไหน้ำส้มใครแตกกันนะวันนี้เฟยเมี่ยวออกจากจวนไปร่วมงานชมดอกไม่ที่ตระกูลไป๋จัดขึ้น นางมาถึงก็มีเหล่าคุณหนูที่ยังไม่ออกเรือนมาบ้างแล้ว พอเลี่ยงเหลียงซูเห็นเฟยเมี่ยวเข้างานมาก็รีบมาเดินด้วยกันทันที ทำให้เฟยเมี่ยวไม่เดินเหงาคนเดียวอีกต่อไปรอเวลาผ่านไปจนเริ่มงานชมดอกไม้แล้ว บ่าวตระกูลไป๋จึงมาเชิญเหล่าคุณหนูไปยังลานนั่งล้อมโต๊ะที่มีชาดอกไม้กลิ่นหอมกรุ่นวางตรงหน้า เป็นการให้ลิ้มรสชาก่อนที่จะไปยังสวนเพื่อชมดอกไม้นั่นล่ะ“ชาดีทีเดียว หนิงอันยังมีรสนิยมดีเยี่ยงเดิมนะ”ท่านหญิงเจียวจินเอ่ยชมเป็นคนแรก แล้วคุณหนูคนอื่น ๆ ก็เอ่ยชมตามมาอีกไม่ขาดส่วนเฟยเมี่ยวนั้นมิได้มางานชมดอกไม้เพียงหาสหาย แต่นางต้องการมารับข่าวสารจากวงสตรีด้วย โดยเฉพาะเรื่องที่พี่ใหญ่สงสัยว่าตระกูลซุนสายหลักกำลังสู่ขอท่านหญิงตรงหน้านี้อยู่“ขอบคุณเจ้าค่ะ ท่านหญิงถูกใจข้าน้อยก็เบาใจลงมากเลยเจ้าค่ะ”หนิงอันยิ้มหวานน้อมรับคำชม บทสนทนาของเหล่าสตรีลื่นไหลอย่างหยุดไม่อยู่ ส่วนเฟยเมี่ยวนั้นก็มีคุยบ้างเป็นครั้งคราวไม่ให้เงียบและแปลกพวกเกินไป แต่ไม่มีใครเอ่ยเข้าประเด็นที่เฟยเมี่ยวอยากรู้เลย“ว่าแต่ท่านหญิงเจียวจินผ่านวัยปักปิ่นมาแล้ว ค

  • สายลับทะลุมิติ ไปเป็นคุณหนูที่ถูกทิ้ง   21 ลอบเข้าตำหนักเฮยลู่

    21ลอบเข้าตำหนักเฮยลู่จากการที่มีข่าวลือในวันต่อมาว่ามีกลุ่มโจรซุ่มทำร้ายซุนฮูหยินที่ขอบเมืองหลวง สิ่งที่ชาวเมืองเดาไปต่าง ๆ นานา ก็คือกลุ่มโจรนั้นอาจเป็นคนของชินอ๋องก็ได้ เหตุเพราะการที่สองฝ่ายไม่ลงรอยกันนั่นเองเฟยเมี่ยวที่คุ้นชินกลยุทธ์การสร้างข่าวเท็จนี้มองออกทันที นางอยากไขข้อสงสัยมากจนตัดสินใจว่าจะไปสอบถามความจริงจากตัวการใหญ่ ทำให้ดึกคืนนั้นเองเฟยเมี่ยวในชุดดำล้วนอาศัยทางลับที่ตนสร้างไว้สมัยอยู่ในวังเข้ามาได้ในที่สุด นางพุ่งตรงไปยังตำหนักเฮยลู่ อันเป็นตำหนักที่มีเวรยามรัดกุมที่สุดจนนางไม่สามารถมีคนของตนในตำหนักแห่งนี้ได้เลยที่น่าแปลกคือ ตอนนี้เฟยเมี่ยวแอบเข้ามาจนจะถึงตำหนักหลักส่วนในแล้ว นางยังไม่เจอทหารเฝ้ายามเลยสักคน เฟยเมี่ยวคิดว่าตนเองอาจกำลังหลงกลไกการเฝ้ายามซับซ้อนอยู่นางจึงรีบหมุนตัวรีบกลับกลังทางเดิมเสียก่อนที่จะถูกจับได้ทันที“เมี่ยวเมี่ยวจะหนีอีกแล้ว เข้ามาไม่ใช่เพราะคิดถึงข้าหรือ ยังไม่ทันเจอก็จะกลับเสียแล้ว...”นั่นอย่างไร ที่แท้ชินอ๋องผู้นี้ก็คิดว่านางต้องมาหาเขาอยู่แล้ว ทหารเฝ้ายามจึงหายไปหมดเช่นนี้เมื่อเจอตัวการที่นางต้องการเจอแล้ว อันใดคือต้องหนีกันเล่า !“ทห

  • สายลับทะลุมิติ ไปเป็นคุณหนูที่ถูกทิ้ง   20 อยากแสร้งเป็นลมล้มสลบให้ไม่ต้องพบหน้าใครอีก

    20อยากแสร้งเป็นลมล้มสลบให้ไม่ต้องพบหน้าใครอีกงืม ๆ“เช้าแล้วหรือ?...”“ใช่ เช้าแล้ว เมี่ยวเมี่ยวตื่นแล้ว ขี้เซายิ่งนัก”หืม นางไม่ได้นอนอยู่ในห้องคนเดียวหรือไร ไยรู้สึกเหมือนเสียงพูดเมื่อครู่เกิดขึ้นที่ข้างหูนางนี้เองกันนะ ลมที่พัดผ่านใบหูมันชวนให้จั๊กกะจี้จนต้องย่นคอหนีทั้งที่ยังหลับตา ไหนจะสัมผัสบางอย่างที่คลอเคลียแก้มจนทนไม่ไหวต้องลืมตาขึ้นดูแล้วค่อยหลับอีกคราก็แล้วกัน“ท่านอ๋องมาอยู่นี่ได้อย่างไร ! โอ๊ะ”ไม่สิ ตอนนี้นางนอนอยู่ในป่านี่นา นางลืมไปเสียได้ คงเพราะเมื่อวานเหนื่อยมากจนหลับไม่รู้เรื่องแน่เลย“แล้วไยถึงถูกท่านกอดได้ !! ปล่อยนะ”ได้สติแล้วเฟยเมี่ยวก็สังเกตว่าตนเองถูกเต๋อรุ่ยกอดอยู่ แก้มของนางแนบคางของเขาจนรู้สึกประหลาดไปหมด แต่แรงกอดรัดของคนที่บาดเจ็บนั้นเฟยเมี่ยวสู้ไม่ไหวจริง นี่ขนาดเขาบาดเจ็บนะแรงยังมากเพียงนี้เลย ไม่อยากจะคิดยามปรกติจะแรงเยอะเพียงใด แต่ที่แน่นอนคือแรงสตรีตัวเล็กอย่างนางสู้เขาไม่ได้แน่นอน“เมี่ยว ๆ กอดข้าเองนะ อีกทั้งยังกอดไม่ปล่อยอีกด้วย ข้าเลยต้องนอนรออยู่เยี่ยงนี้อย่างไรล่ะ”“แต่เมื่อคืนหม่อมฉันไม่ได้นอนท่านี้ หม่อมฉันเพียงให้ความอบอุ่นแก่พระองค์ผ่า

Plus de chapitres
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status