รถเก๋งยี่ห้อดังคันใหญ่ มาจอดที่หน้าร้านกาแฟ ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ผิวเข้มหน้าตาดีเป็นเจ้าของ เขาก้าวขาลงมาจากรถ ลูกค้าภายในร้านกาแฟต่างก็จ้องมอง รถราคาแพงแถมคนขับก็หน้าตาและท่าทางดี ชายหนุ่มพาร่างสูงใหญ่ของเขาก้าวขาเข้าไปในบริเวณร้านอาหารที่มีลูกค้านั่งอยู่เกือบเต็มทุกโต๊ะ เพราะเป็นเวลาอาหารกลางวันพอดี
โยธิน เขาขับรถผ่านร้านอาหาร และเหลือบไปเห็นรถเก๋งของพี่สาวจอดอยู่ที่ลานจอดรถ เลยคิดว่าพี่สาวคงออกมากินข้าวและดื่มกาแฟ แปลกใจว่าทำไมวันนี้พี่สาวเขาถึงได้มากินข้าวไกลจัง ปกติพี่สาวเขาไม่ค่อยชอบออกมาข้างนอกจะสั่งข้าวไปกินที่ร้าน หรือไม่ก็กินแถวๆ ร้านขายผ้า
“โยๆ ทางนี้ๆ” เยาวภาโบกไม้โบกมือให้กับน้องชาย
“พี่ภา วันนี้ทำไมมากินข้าวไกลจังเลยครับ ผมกำลังจะกลับไปกินข้าวที่ร้านด้วย พอดีเห็นรถพี่จอดที่นี่เลยแวะมาหา” โยธินเขามองหน้าพี่สาวแค่แว๊บเดียว จากนั้นเขาไม่อาจละสายตาไปจากคนที่นั่งโต๊ะเดียวกับพี่สาวของเขาได้เลย
“โย นั่งลง พี่กำลังกินข้าวมาๆ” เยาวภาขยับเก้าอี้ให้น้องชายมานั่งใกล้ๆ
เยาวภารู้ว่าเมื่อเห็นสายตาของน้องชาย ที่มองมาที่เธอเหมือนพยายามถามว่าผู้หญิงที่มาด้วยเป็นใคร
“นี่พี่จะแนะนำให้รู้จัก จำขนมไทยที่เรากินบ่อยๆ ได้ไหม”
“จำได้ครับ ผมชอบอร่อยทุกอย่าง” ปากก็ตอบพี่สาว แต่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ผู้หญิงตรงหน้า
“นี่ไง ปัทมาหลานสาวคนสวยของย่ากุล และเป็นลูกสาวของคุณน้าประภาพรเจ้าของขนมไทยที่อร่อยที่สุดในโลก”
“น้องปัทคะ นี่น้องชายพี่เองค่ะ ชื่อโยธิน น่าจะเป็นพี่นะคะ โยธิน 31 ปีแล้ว”
“สวัสดีค่ะ” ปัทมายกมือไหว้ผู้ชายที่เยาวภาแนะนำว่าเป็นน้องชายของเธอ ผู้ชายรูปร่างสูงเรียกว่าสูงมาก หน้าตาเขานิ่งเหมือนไม่มีความรู้สึกถึงจะรับไหว้จากเธอ ก็ยังคงนิ่งเหมือนเดิม และเสียงของเขาก็ฟังแล้วก็นิ่งเหมือนกับหน้าตาและบุคลิกของเขา ไม่เห็นเหมือนพี่สาวเลย เยาวภาผิวขาวมาก แต่น้องชายกลับผิวเข้ม หรืออาจเพราะเขาเป็นผู้ชายก็ได้
“สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”
“ว่ายังไง กินข้าวมาหรือยัง ทำไมถึงแวะมาที่นี่ได้ เห็นว่าจะกลับกรุงเทพฯวันนี้ไม่ใช่เหรอ”
“ว่าจะกลับครับ พอดีเห็นรถพี่ภาจอดอยู่หน้าร้าน ผมเลยแวะเข้ามา”
“ดีงั้นมากินข้าวด้วยกัน แล้วค่อยออกเดินทาง”
“น้องปัทจะรีบไปที่ไหนอีกไหมคะ ช่วงบ่าย”
“มีแวะไปซื้อวัตถุดิบที่ตลาดนิดหน่อยค่ะพี่ภา”
“ร้านขนมนี่หยุดทุกวันจันทร์ใช่ไหมคะน้องปัท”
“เมื่อก่อนหยุดทุกวันจันทร์ค่ะ แต่ตั้งแต่ปัทกลับมาอยู่บ้าน ปัทขอให้ย่ากับแม่หยุดสองวันค่ะ จันทร์กับอังคาร เพราะสองคนเหนื่อยย่าอายุมากแล้ว แต่ไม่แน่ค่ะถ้าทำร้านที่บ้าน ย่ากับแม่อาจได้พักผ่อนมากขึ้น อาจกลับมาหยุดแค่วันจันทร์วันเดียวเหมือนเดิม”
“ไว้วันหลังพี่แวะไปหาที่ร้านขนมนะคะ”
“ได้เลยค่ะ แต่ที่ร้านจะเจอแค่ย่ากับแม่สองคนนะคะ ส่วนปัทไปบางวัน ไปส่งแล้วก็กลับมาทำงานที่ร้าน วันไหนไม่มีงานตัดเสื้อผ้า ถึงจะได้ไปช่วยทั้งวันค่ะ”
“เหรอ งั้นวันไหนรู้สึกเบื่อๆ พี่ไปเยี่ยมน้องปัทที่ร้านตัดเสื้อดีกว่า บางทีอยู่ร้านทั้งวันก็เบื่อนะ เราเคยทำงาน แต่พอนั่งรอลูกค้า บางครั้งก็ยังทำใจไม่ได้เลย”
“ยินดีเลยค่ะ แต่อาจจะคับแคบหน่อยนะคะ ปัทกำลังจะขยับขยายค่ะ”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่จะเลือกผ้าสวยๆ ไปให้น้องปัทตัดชุดให้ใส่อีกสักสองสามชุด”
ระหว่างที่นั่งกินข้าวด้วย มีเพียงเยาวภาที่ชวนปัทมาคุย ส่วนผู้ชายที่นั่งร่วมโต๊ะนิ่งฟังอย่างเดียว เขาเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตากินข้าว และดูโทรศัพท์กระทั่งจ่ายเงิน
“ปัทขอบคุณมากนะคะพี่ภา งั้นเดี๋ยวปัทขอตัวกลับก่อนวันไหนว่างก็เชิญที่ร้านนะคะ”
ปัทมาขับรถออกมาจากร้านขายผ้า หญิงสาวตรงไปที่ตลาดเพื่อซื้อวัตถุดิบสำหรับทำขนม แรกเลยเธอตั้งใจจะตระเวณดูคาเฟ่อยากดูให้ทั่วทุกที่ ค้นหาทางโซเชียล จังหวัดที่เธออยู่มีหลายอำเภอ และแต่ละอำเภอก็มีคาเฟ่หลายที่มาก ล้วนแล้วแต่น่าสนใจทั้งนั้น หญิงสาวเคยคิดว่าถ้าหากเธอเปิดคาเฟ่ขนมไทยจริงๆ ต้องทำให้แตกต่าง เธอมีขนมไทยอยู่แล้วไม่เหมือนร้านอื่นๆ ไม่แน่อาจมีของในสวนของย่า หรือผักผลไม้ของคนในชุมชนมาวางขายก็เป็นไปได้
เธอไม่กลัวว่าร้านที่จะเปิดจะเป็นซอยตัน เพราะที่ดินตรงซอยตันเป็นของย่าทั้งหมด และอีกอย่างเธอมีงานฝีมือที่ทำเองหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าถักเชือกร่ม ผ้าห่ม ผ้าพันคอ แบบสมัยใหม่ และผ้าต่อ ไม่ว่าจะเป็นผ้าปูที่นอน ผ้าคลุมเตียง ผ่าม่าน สามารถวางขายได้ ถ้าขยัน
หญิงสาวเริ่มวางแผนการขาย หลายสิ่งหลายอย่างที่อยากทำเต็มไปหมด นี่ถ้าน้องชายเธอกลับมาอยู่บ้านคงจะดีกว่านี้มาก อย่างน้อยเธอเชื่อว่า ถ้าหากจะทำร้าน ประภาษ ต้องทำได้แน่นอน อย่างน้อยก็ลดค่าใช้จ่ายในการจ้างผู้รับเหมา เธอเองไม่มีความรู้ด้านนี้ อีกอย่างไม่คุ้นเคยกับคนแถวนี้สักเท่าไหร่ เพิ่งเริ่มที่จะสนิทคุ้นเคย ก็เมื่อต้องมาช่วยย่ากับแม่
ปัทมาถือกระดาษที่แม่จดให้มาซื้อวัตถุดิบในตลาด สมัยเด็กเธอมากับย่าบ่อย พอที่จะคุ้นเคยกับพ่อค้าแม่ค้าบางคนบ้าง บางคนจำเธอไม่ได้ พอได้พูดคุยทักทายกัน กลับชมเชยว่าหลานย่ากุลสวยมาก เป็นเรื่องธรรมดาที่ใครๆ ก็อยากรู้ว่าเธอมีแฟนหรือยัง ทำไมกลับมาอยู่บ้าน แล้วจะมาทำอะไร หลายคนไม่รู้ว่าเธอรับตัดเสื้อผ้า เพราะส่วนมากเธอรับงานออนไลน์ ต้องอธิบายและพูดคุยกว่าจะซื้อของเสร็จแต่ละร้าน
“นี่หนูปัท ป้าได้ข่าวว่า ย่าเขาจะไปเปิดร้านขนมที่บ้านเหรอลูก แล้วที่ร้านนี่จะทำยังไง” ป้าอุไรเจ้าของแผงมะพร้าว ชวนปัทมาคุยระหว่างที่ลูกน้องปอกมะพร้าวและคั้นกะทิใหม่ๆ ให้เธอ ต้องทำใจเวลาเข้าตลาด ต้องได้หยุดพูดคุยทักท่ายกับบรรดาแม่ค้าแน่นอน และเป็นอย่างที่เธอคิดไว้จริงๆ
“คิดไว้ค่ะป้า น่าจะอีกหลายเดือนค่ะ ปัทเป็นคนเสนอย่ากับแม่เอง สองคนอายุมากแล้วอยากให้หยุดทำและพักผ่อนได้แล้ว ย่ากับแม่ก็ไม่เลิกทำสักที เลยเลือกที่จะทำที่บ้านดีกว่า”
“ก็ดีนะลูก ป้าเห็นด้วย ย่าเราน่ะอายุมากแล้ว แต่ก็นั่นละนะ คนแก่ก็เหงามีอะไรทำก็เพลินไป ดีแล้วลูก แล้วถ้าไปจริงๆ ร้านที่ตลาดนี่จะทำยังไงล่ะหลาน”
“ก็ว่าจะให้เช่า หรือไม่ก็จะให้คนอื่นเซ้งต่อ ต้องรอดูอีกที่ค่ะ หรือไม่บางทีภาษอาจมาขายที่ตลาดก็ได้ค่ะ”
“ป้าน่ะไม่อยากให้หยุดทำหรอกนะ เพราะขนมของย่าเราน่ะอร่อย สะอาด คนเขาติดกันทั่วบ้านทั่วเมือง ร้านค้าทั่วไปเขาหวงเครื่อง ทำอะไรก็ไม่อร่อยเหมือนของย่าหนูหรอก”
“ขอบคุณนะคะป้า ดีใจแทนย่ากับแม่เลยค่ะ”
“เออ นี่แม่คุณเห็นสวยๆ แบบนี้มีแฟนหรือยังล่ะลูก” ป้านอมคนขายไข่ที่มีแผงอยู่ใกล้กันโอกาสที่จะถามคำถามนี้มานานแล้ว
“ยังค่ะป้านอม ปัทเพิ่งอายุยี่สิบหกเอง ไม่รีบหรอกค่ะอยากอยู่ดูแลย่ากับแม่ไปนานๆ”
“โอ้ย....ตั้งยี่สิบหกแล้วลูก นี่ไม่เรียกว่าเด็กแล้วนะ อายุเยอะแล้วเด็กสาวๆ แถวบ้านเราน่ะจบ ม.6 ปุ๊ป ก็แต่งงานแล้ว บางคนยังเรียนไม่จบด้วยซ้ำ เขาก็แต่งงานแต่งการมีลูกมีเต้าแล้ว เรียกว่ามีลูกทันใช้”
ปัทมาได้แต่ยิ้มให้ป้านอม เธอรู้มาว่าลูกสาวป้านอม มีสามีตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ ม.6 และตอนนี้ก็มีลูกแล้วหลายคน มีสามีสองหรือสามคนเธอจำไม่ได้ และมีลูกกับสามีทุกคน สรุปว่าตอนนี้ลูกสาวป้านอมมีลูก 4 คน นั่นหมายความว่า ป้านอมมีลูกเขย 4 คน และตอนนี้ลูกสาวของป้านอมไปทำงานที่ประเทศเกาหลี โชคดีได้สามีเป็นคนเกาหลีฐานะดี ส่งเงินมาให้แม่และลูกใช้ ชีวิตสบายมากกว่าอยู่เมืองไทย เธอเองดีใจกับเขาไปด้วย เธอเคยเห็นหน้าตาของลูกสาวป้านอม ผิวคล้ำๆ แต่มาเห็นอีกทีเมื่อปีที่ผ่านมา กลับมาเที่ยวเมืองไทยพร้อมสามีเกาหลี หน้าตาสวยกว่าเดิมมาก และสีผิวเปลี่ยนไป จากที่คล้ำๆ กลายเป็นขาวออร่า ป้านอมก็พอได้คุยโอ่อวดว่าลูกสาวได้ดีมีเงินมีหน้ามีตา ใส่ทองเต็มตัว เรื่องราวทั้งหมดที่เธอรู้มา ก็มาจากย่าทั้งนั้นเป็นคนเล่าให้ฟัง
“หนูปัทมา นี่หลานป้ากุลลูกแม่ประภาพรใช่ไหม” เสียงแหลมเล็กดังมาจากอีกฟากฝั่งของแผงไข่ไก่ ไม่รู้ว่าเรียกว่าเป็นการทักทายหรือเปล่า แถมกวักมือเรียกให้เธอไปหา น้าเรไรเจ้าของแผงผัก และเธอจะต้องเดินไปซื้อใบเตยอยู่แล้ว จริงๆ ทุกอย่างที่เธอมาซื้อ มีหมดแล้วที่บ้าน แต่ย่าอยากอุดหนุนแม่ค้าด้วยกัน เพื่อไม่ให้เป็นการน่าเกลียด ซื้อแม่ค้าด้วยกันบ้าง ใช้ของในสวนบ้าง อุดหนุนชาวบ้านบ้างสลับกันไป เพราะบางทีเธอกับแม่ก็เตรียมของไม่ทัน เพราะมัวแต่เสียเวลาไปเก็บพวกใบเตย ผ่ามะพร้าว ขูดมะพร้าว โน้นนี่นั่น ทำมากก็ต้องซื้อ เพื่อเป็นการไม่เสียเวลา ร้านทำให้เลย
“สวัสดีค่ะน้าเรไร สบายดีนะคะ ย่าให้มาซื้อใบเตยกับดอกอัญชัญค่ะ ช่วยจัดให้ปัทตามนี้เลยนะคะน้า”
“โอ้ย....แม่คุณ ป้ากุลนี่แกเป็นคนดีจริงๆ นะ ที่บ้านก็มีแต่ก็ยังไม่วายมาอุดหนุนแม่ค้าด้วยกัน น้านี่นับถือย่ากับแม่หนูจริงๆ เลย เดี๋ยวๆ น้าจัดให้เลย จะแถมไปให้ด้วย”
“ขอบคุณมากนะคะน้าเรไร”
“ไม่เป็นไรคนกันเอง แล้วนี่ทำไมวันนี้ถึงได้มาซื้อของเองล่ะลูก ย่ากับแม่ไปไหนล่ะ”
“ปัทให้ย่ากับแม่พักเองล่ะค่ะ เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาย่ากับแม่เหนื่อยกันมาก ปัทเลยอาสาออกมาซื้อของเอง”
“อ่อๆ เข้าใจแล้วลูก นี่หนูปัท แผงไข่เขาคุยอะไรกับหนูล่ะลูก อย่าบอกนะว่าคุยอวดเรื่องลูกสาวไปได้สามีใหม่ที่เกาหลี นี่รู้ไหมว่า นางนิ้งน่ะ ไปทำหน้ามาทำที่เกาหลี เขาพูดกันว่าหมดเป็นล้าน น้าว่าก็น่าจะใช่นะ หนูเคยเห็นรึยัง นิ้งมันสวยมากเลยรู้ไหม สวยแบบจำหน้าเก่าไม่ได้เลยนะ” น้าเรไรเบาเสียงลงเมื่อพูดถึงคนอื่น มือก็จัดของ ปากก็พูด เธอนับถือแม่ค้าในตลาดจริงๆ แยกสมองได้ดีมากๆ
“เคยเห็นค่ะน้า ปัทว่าเขาก็สวยดีนะคะ”
“แต่น้าว่ามันสวยไม่ธรรมชาติ แบบหนูปัทนี่ซิ สวยธรรมชาติ มองสบายตาดี เออ...แล้วนี่ปีนี้อายุเท่าไหร่แล้วลูก มีแฟนหรือยัง นี่น้าจะบอกให้นะ ถ้าจะหาแฟนต้องเอาไอ้ที่รวยๆ นะ เอามาที่เลี้ยงเราได้ ไม่ต้องให้เราลำบาก”
“ค่ะน้า”
“นี่ดูอย่างลูกสาวน้าซิ ตอนนี้สบายแล้ว มันเลิกกับผัวเก่า ที่ขี้หึงคอยตบตีอยู่ตลอด ล่าสุดมันทะเลาะกันรุนแรง ลูกสาวน้าแจ้งตำรวจ เลิกกันแล้วตอนนี้มันอยู่กับเศรษฐีสบายไปแล้ว น้านะขายของก็งั้นๆ แหละ แก้เหงา อาศัยที่ลูกสาวเขาช่วยทุกอย่างก็พออยู่ได้”
“ปัทดีใจด้วยนะคะน้าเรไร”
“นั่นแหละลูก ดูลูกสาวน้าเป็นตัวอย่างนะ เอาเรียบร้อยแล้วลูก วันหลังแวะมาหาน้าใหม่นะ มีหลายเรื่องอยากเล่าให้ฟัง”
“ค่ะน้า ป้ทขอตัวกลับก่อนนะคะ “
ปัทมาก้มหน้าก้มตาหิ้วของเดินออกจากตลาดสด เธอรู้ว่ามีอีกหลายคนที่อยากจะคุยด้วย ทั้งอยากถามเรื่องส่วนตัว และอยากพูดเรื่องของตัวเองให้เธอฟัง ถือเป็นการเปิดโลกอีกอย่างหนึ่ง หญิงสาวยอมรับเลย เจ้าของร้านหลายคนพูดคุยเก่งมาก มีแต่ย่ากับแม่ของเธอที่เป็นแม่ค้าแต่พูดไม่เก่งเลย ขายของอย่างเดียว ขายหมดก็กลับบ้าน พูดคุยเฉพาะเรื่องสำคัญๆ เท่านั้น ตลาดสดเหมือนโลกอีกหนึ่งใบ
ครอบครัวของโยธินส่งผู้ใหญ่มาสู่ขอปัทมา เจ้าบ่าวใจร้อนมาก งานแต่งงานถูกจัดงานถูกจัดขึ้นอย่างสมเกียรติครอบครัวของฝ่ายหญิง นายยุทธนาและนางบุหงาทุ่มทุนสร้างมาก สินสอดมอบให้กับฝั่งเจ้าสาวเต็มที่ และอาสาออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด ไม่ให้บ้านฝ่ายหญิงได้จ่ายเลยแม้แต่บาทเดียว จัดงานถูกต้องตามประเพณีทุกอย่าง ครอบครัวของโยธินตื่นเต้นและดีใจมากกับการที่ลูกชายคนเล็กแต่งงาน เป็นสิ่งที่รอมานานมาก ถือเป็นของขวัญที่ดีที่สุดสำหรับครอบครัวเลยทีเดียว โยธินสร้างบ้านริมน้ำอีกหลังเอาไว้พักผ่อน อยู่ภายในรั้วบ้านของย่ากุล เขาตามใจภรรยาที่อยากอยู่ดูแลย่าและแม่ ขอร้องให้ภรรยาทำงานน้อยลง อยากให้ดูแลแค่ย่ากับแม่ ไม่อยากให้ทำงานหนัก แค่คอยดูแลเขาและเตรียมตัวเป็นแม่ของลูกก็พอ เวลาที่ต้องเข้าไปทำงานที่กรุงเทพฯต้องมีภรรยาไปด้วยเสมอ แค่ต้องตามสามีไปตรวจงานในแต่ละที่ ปัทมาก็ไม่มีเวลาทำอะไรแล้ว บางทีเธออาจต้องยกร้านกาแฟให้น้องชายดูแล งานตัดเสื้อผ้า เธอแทบไม่ได้ทำเลย เพราะไม่มีเวลาจริงๆ “ปัทมา วันนี้กลับไปนอนในเมืองกันดีกว่านะครับ พรุ่งนี้วันหยุดแล้ว พี่มีงานที่ร้านผ้า” “อ้าว.....แล้วพี่ภาไปไหนเหรอคะ” “กำลังมีความรัก แฟ
ตั้งแต่เกิดเหตุร้ายขึ้นกับปัทมา กระทั่งถึงวันนี้ผ่านมาสามเดือนแล้ว ร้านคาเฟ่ขนมไทยของเธอเปิดมาเกือบสองเดือน ผลตอบรับดีมากๆ ลูกค้าไม่ใช่แค่ได้กินแค่กาแฟ และเครื่องดื่มที่อร่อย ยังได้กินขนมไทย ขนมบางชนิด คนรุ่นใหม่ไม่เคยรู้จัก ลูกค้ามาจากหลายพื้นที่ สุดท้ายต้องขยายร้านเพิ่ม เพิ่มโต๊ะ และมีพื้นสำหรับให้ถ่ายรูป โยธินสร้างบ้านให้ประภาษ ย่ากุลวางมือจากการทำขนม ปล่อยให้ลูกสะไภักับลูกชายช่วยกันทำ ด้วยนิสัยที่ขยันของย่า พาคนงานปลูกผักสวนครัว และผักปลอดสารต่างๆ ทำเป็นสวนสวยงาม ยาวไปถึงศาลาริมน้ำ ให้ลูกค้าร้านกาแฟเก็บผักกลับบ้านได้ฟรีๆ ประภาษมองเห็นโอกาส เขาให้โยธินสร้างบ้านหลังเล็กกระทัดรัด ทำเป็นบ้านพัก ลูกค้าชอบมาก และกลายเป็นโฮมสเตย์ เดิมขนมไทยจะทำวันละห้าอย่าง หลังๆ มาไม่พอขาย ต้องเพิ่มทุกอย่างเท่าตัว ทั้งกิจการบ้านพักและร้านคาเฟ่ขนมไทยไปดีสุดๆ พ่อกับแม่ของราวีมาลาทุกคน สองสามีภรรยาประกาศขายบ้านและย้ายกลับไปอยู่กรุงเทพฯเพื่อที่จะได้ดูแลลูกชายเต็มที่ ราวียังคงอยู่ที่โรงพยาบาล ล่าสุดเขาพูดไม่รู้เรื่อง ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์และพยาบาล จำใครไม่ได้เลย แม้กระทั่งพ่อและแม่ของตัวเอง ครอบ
บนศาลาริมน้ำตำรวจทั้งสี่คน กู้ภัยอีกสี่คนเขารวบตัวของราวีไว้ ก่อนที่เขาจะกระโดดน้ำหนีไป ทุกคนต่างก็หดหู่กับภาพที่เห็น ย่ากุลเข้าไปจับมือพ่อกับแม่ของราวีเอาไว้ ราวีดิ้นรนหนี เขาร้องไห้คร่ำควาญไม่เป็นเรื่องเป็นราว ตะโกนเสียงดัง กู้ภัยต้องมัดร่างของเขาไว้ที่เปลผ้าใบ ไม่งั้นเขาไม่ยอมสงบ ช่วงที่ทุกคนกำลังชุลมุนกับการควบคุมตัวราวี โยธินและประภาษช่วยกันดึงร่างของปัทมาขึ้นมาบนฝั่งได้อย่างปลอดภัย หญิงสาวร้องไห้ดีใจที่ตัวเองรอดจากราวีมาได้ หดหู่ใจกับภาพที่เห็น กู้ภัยหามเปลพาร่างของเขาที่นอนดิ้นอยู่บนเปลนั้นไปขึ้นรถฉุกเฉิน บริเวณรั้วหน้าบ้านมีชาวบ้าน มายืนมุงดู ต่างก็แช่งด่าราวีอย่างเกลียดชัง คนแถวนี้นับถือปู่และย่ามาก ย่ากุลกับนางประภาพร ขอบอกขอบใจตำรวจและกู้ภัยที่เข้ามาช่วย ให้กำลังใจพ่อกับแม่ของราวี บอกให้รีบตามไปดูลูกชาย เรื่องที่เกิดขึ้นไว้ค่อยมาคุยกันวันหลัง สองสามีภรรยาเชื่อฟังแต่โดยดี รีบตามไปดูลูกชายที่โรงพยาบาล ทุกคนกลับไปหมดแล้ว ย่ากุลกับนางประภาพรรีบเข้าไปดูปัทมา ที่ตอนนี้ โยธินและประภาษ พาไปพักที่บ้านเรียบร้อยแล้ว ปัทมาปลอดภัยไม่มีบาดแผล มีเพียงรอยแดงที่อาจจะเกิดจาก ช่วงที่รา
หลังจากที่ปัทมาไปบ้านโยธินและช่วยทำความสะอาดและจัดระเบียบบ้าน ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเขาก็ไปนอนที่บ้านเกือบทุกคืน เช้ามาดูงานที่ก่อสร้างร้านกาแฟ เที่ยงกินข้าวที่บ้านปัทมาทุกวัน บ่ายๆ บางวันไปดูงานที่ร้านวัสดุก่อสร้าง เย็นกลับไปนอนที่บ้านทำแบบนี้ทุกวัน อีกไม่น่าจะเกินสองอาทิตย์ร้านกาแฟน่าจะเสร็จ เขามีงานที่จะต้องเข้าไปเคลียร์ที่กรุงเทพฯ เลขาโทรตามให้เข้าไปเซ็นเอกสาร ที่บริษัทฯ ไม่อยากไปแต่ต้องไปเพราะเป็นงานของตัวเอง เขาติดปัทมาเหลือเกิน ไม่อยากห่างเลยแม้วินาทีเดียว “พี่โยธินจะเข้ากรุงเทพฯวันไหนครับ ภาษว่าจะติดรถไปด้วย ต้องไปมหาวิทยาลัยจัดการเรื่องเอกสารนิดหน่อยครับ อาจพักหนึ่งหรือสองคืน” “ไปกับพี่ก็ได้นะ พี่ก็ว่าจะอยู่สักสองคืน “ “เราออกเช้าวันจันทร์ดีไหม จะได้รีบไปรีบกลับ” “ได้ครับพี่โยธิน ภาษไม่อยากทิ้งผู้หญิงอยู่บ้านตามลำพังหลายวัน” “ปัทมาอย่าวางโทรศัพท์ไว้ห่างตัวนะครับ “ “ทราบแล้วค่ะ พี่โยธินกับภาษรีบไปทำธุระเถอะ ไม่ต้องห่วงทางนี้ ปัทไม่ออกไปไหนหรอกค่ะ กล้องวงจรปิดก็มี ภาษเปิดดูได้ตลอดเวลา บ้านเราก็รั้วรอบขอบชิด คนงานก็อยู่เต็มเลย” โยธินมารับประภาษแต่เช้า ย่ากับแม่ทำก
โยธินกำลังขับรถเขาแวะที่ร้านวัสดุก่อสร้างของที่บ้าน เพื่อสั่งของบางอย่างเข้าร้านให้พี่สาว เยาวภางานยุ่งทั้งที่ร้านขายผ้า และที่ร้านสังฆภันฑ์ เขาต้องเข้ามาช่วยดูที่วัสดุก่อสร้าง แปลกใจที่อยู่ๆ ปัทมาโทรหา “ครับ ปัทมามีอะไรหรือเปล่า” “พี่โยธินถึงบ้านหรือยังคะ” “ยังครับพี่แวะมาที่ร้านวัสดุก่อสร้าง” “อ่อ....ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ขับรถดีๆ นะคะ เย็นนี้พี่จะเข้ามาบ้านปัทกี่โมงคะ” “เดี๋ยวพี่เสร็จจากที่ร้านนี่แล้วก็จะแวะหาพี่ภา จะอาบน้ำสักหน่อยแล้วก็จะกลับไปลองเสื้อครับ” “อ่อ...ค่ะเข้าใจแล้ว ขับรถระมัดระวังนะคะ งั้นแค่นี้นะคะ เย็นเจอกันค่ะ” “ครับ ขอบใจนะปัทมา” โยธินวางสาย หลังจากนั้นเขาก็ยิ้มตลอด ยิ้มจนลูกน้องบางคนที่แอบสังเกตยิ้มตามไปด้วย เสร็จจากร้านวัสดุก่อสร้าง เขาแวะไปหาพี่สาวที่ร้ายขายผ้า อาการของน้องชาย เยาวภาเดาเอาว่าต้องมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นแน่ๆ “พี่ภา ทำไมช่วงนี้ผ้าขายดีจังเลยครับ” “พี่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ที่แน่ๆ น้องปัทโทรมาสั่งผ้าเยอะมาก เห็นบอกว่ามีออเดอร์เข้ามา ตั้งแต่กลับจากกรุงเทพฯ พอเปิดรับงานปุ๊ป งานก็เข้าเพียบเลย” “ดีเหมือนกันนะครับ ปัทมาจะได้ทำงานอยู่กับที่ไม
ตีห้าเสียงโทรศัพท์ของย่ากุลดังรัวๆ หลายสาย ปลุกคนทั้งบ้านให้ตื่น มารวมกันที่ห้องของย่า"หนูปัท หรือภาษดูให้ย่าหน่อยลูก ใครโทรมา หลายสายมากเลย ""ครับย่า นี่ป้าช้อยโทรมาครับ""สวัสดีแม่ช้อย มีอะไรกัน ทำไมแม่ค้าที่ตลาดโทรหาฉัน ตั้งแต่เช้าหลายสายมากเลย ""ป้ากุล เกิดเรื่องแล้ว ไม่รู้ใครเอาป้ายงานแต่งหนูปัทกับผู้ชายชื่อราวี ติดไว้หน้าร้านขนม แถมแม่ค้าเกือบทุกคน ได้รับการ์ดงานแต่งของหนูปัทด้วย เนี้ยเดี๋ยวฉันส่งรูปให้ดู วางสายก่อนนะป้ากุล""อะไรนะคะย่า ไหนขอปัทดูหน่อยค่ะ "ภาพและวีดีโอที่ป้าช้อย และแม่ค้าในตลาดส่งมาให้ย่ากุลดูคือ ป้ายไวนิลขนาดใหญ่ ติดอยู่หน้าร้านขนมไทย เป็นรูปของเธอใส่ชุดเจ้าสาวสีขาว และข้างๆ กันราวีอยู่ในชุดเจ้าบ่าวสีน้ำเงิน ป้ายเขียนไว้ว่า ขอเชิญร่วมงานแต่งงาน วัน เวลา และสถานที่ชัดเจน ปัทมาใจเต้นแรง ทั้งโกรธ โทั้งโมโห และอาย ภาพข้างล่าง เป็นการ์ดแต่งงานสีชมพูหวานเชียว หญิงสาวโยนโทรศัพท์ออกไปไกลตัว โมโหจนตัวสั่นทุกคนต่างรุมดูวีดีโอและภาพที่ป้าช้อยส่งมาให้ เสียงพูดคุยของแม่ค้าในตลาดดังแทรกเข้ามาในวีดีโอ ได้ยินว่าปัทมาโดนคนโรคจิต เอารูปไปทำการ์ดแต่งงาน "ใจเย็นๆ นะลูก ไม่ต