"เธอรับจ้างหลอกผู้ชาย...แต่เขากลับเป็นคนเดียวที่เธอหลอกไม่ได้!" เมื่อจันทร์สิตา หญิงสาวผู้ใช้เสน่ห์เป็นเครื่องมือ ทำงานลับในเงามืดเพื่อแลกกับเงินก้อนโต ต้องปะทะกับ ‘หมออนล’ ศัลยแพทย์ผู้เพียบพร้อม สุขุม เยือกเย็น และไม่เคยสนใจผู้หญิงหน้าไหน แต่เธอไม่รู้เลยว่าเบื้องหลังภาพลักษณ์แสนสงบนั้น... เขาคือ ทายาทมาเฟียที่โหดเหี้ยมที่สุดในประเทศ และรู้ทันทุกเกมที่เธอกำลังเล่น เมื่อเหยื่อตีหน้าซื่อกลับกลายเป็นนักล่า และนักล่าผู้เชี่ยวชาญกลับตกหลุมพรางอารมณ์ตัวเอง เกมที่ไม่มีใครควบคุมได้จึงเริ่มต้นขึ้น “คุณไม่ได้ฉลาดพอจะล่าผม…ในเกมของผม” แต่ใครกันแน่…ที่กำลังตกเป็นเหยื่อของหัวใจ?
View More“ยิ้มอีกนิดสิคะคุณจันทร์ กล้องจะได้รัก”
เสียงจากช่างภาพหนุ่มดังขึ้นพร้อมแฟลชวาบ หญิงสาวเจ้าของชื่อเพียงกระตุกยิ้มเล็กน้อย มุมปากที่ยกขึ้นนิดเดียวกลับเต็มไปด้วยแรงดึงดูดราวกับกำลังปิดบังอะไรบางอย่างเอาไว้ เธอสวมเดรสซาตินแดงเข้มที่แนบไปกับร่างระหง ผิวขาวอมชมพูทำให้แสงไฟที่สะท้อนบนเนื้อผ้าเหมือนเล่นกล เส้นผมสีน้ำตาลเข้มถูกรวบหลวม ๆ ดวงตาคมลึกของเธอมองกล้องโดยไม่มองใครเลย “ได้แล้วครับ!” ช่างภาพยกนิ้ว เขาหันไปพึมพำกับทีม “สวยแบบนี้ไม่ต้องรีทัช” แต่เธอไม่ได้ยิน และถ้าจะได้ยินก็คงไม่ใส่ใจ จันทร์สิตาหันหลังให้แสงไฟ ก้าวเดินออกจากสตูดิโอราวกับทุกการเคลื่อนไหวผ่านการซ้อมมาอย่างแม่นยำ ผู้ช่วยสาวของเธอรีบวิ่งตามมาพร้อมแฟ้มเอกสาร “คุณจันทร์คะ เย็นนี้มีงานเลี้ยงต้อนรับของเครือโรงพยาบาลใหญ่ที่เราจะเข้าไปร่วมงานด้วย ให้ฉันตอบรับไหมคะ?” “ไม่” เธอพูดทันที โดยไม่หันกลับไปมอง “แต่ในลิสต์แขกมีบอร์ดบริหารหลายท่านเลยนะคะ ถ้าเราสร้างสัมพันธ์ไว้ก่อน—” “ฉันไม่ได้สนใจบอร์ดพวกนั้น” เธอหยุดกะทันหัน ทำให้ผู้ช่วยแทบชนหลัง “ฉันสนใจคนที่ไม่มีข้อมูล” เธอพลิกแฟ้มขึ้น “หมออนล ศิระภพ ศัลยแพทย์สมองที่ไม่มีประวัติในโลกออนไลน์ ไม่มีข่าว ไม่มีโซเชียล ไม่มีรูปถ่ายเล่น ๆ ไม่มีแม้แต่ข้อมูลส่วนตัวในระบบโรงพยาบาล” ผู้ช่วยอ้าปากค้าง “แต่เขา...เขาดังมากนะคะ ได้รับรางวัลมาหลายสาขาเลยด้วย” “หมอที่เก่งมีเยอะ แต่คนที่จงใจ ‘ล่องหน’ น่ะ มีไม่กี่คน” หญิงสาวเดินไปยังระเบียงโรงแรม มองลงไปยังวิวเมืองที่เริ่มปกคลุมด้วยเงามืดของเย็นวันฝนครึ้ม ลมแรงเริ่มพัดราวกับเตือนอะไรบางอย่าง “เตรียมตัวให้พร้อม ฉันจะเข้าไปในฐานะเจ้าหน้าที่ฝ่าย CSR ของบริษัทคู่ค้าของโรงพยาบาล เราต้องเริ่มแผนเร็วที่สุด” “รับทราบค่ะ” แต่ในใจผู้ช่วยมีคำถามเต็มไปหมด... สองวันต่อมา — โรงพยาบาล B ห้องประชุมเงียบสนิทเมื่อประตูเปิด หญิงสาวในชุดสูทเรียบหรูเดินเข้ามาอย่างมั่นใจ ไม่มีชื่อของเธอในรายชื่อแขกอย่างเป็นทางการ แต่ไม่มีใครกล้าทักท้วง เธอเลือกนั่งมุมห้อง ปิดบังตัวตนแต่เปิดตาให้กว้างที่สุด แล้วเขาก็ปรากฏตัว อนล ศิระภพ ชายหนุ่มในชุดกาวน์ขาวสะอาด สูง ผิวขาวจัด ผมดำสั้นระเบียบเรียบร้อย ใบหน้าคมเหมือนถูกสลักขึ้นด้วยมือของประติมากรผู้ไร้หัวใจ ดวงตาไร้อารมณ์ แต่เต็มไปด้วยประกายของคนที่ไม่เคยเชื่อใจใคร เขาเดินไปยังหัวโต๊ะอย่างเงียบเชียบ เปิดโน้ตบุ๊กขึ้นแล้วพูดเพียงคำเดียว “เริ่ม” บรรยากาศในห้องประชุมเงียบลงเหมือนถูกตัดเสียง เขาพูดน้อย ใช้ศัพท์ทางการแพทย์แบบกระชับเฉียบคม ไม่เบี่ยงเบน ไม่เสียเวลา แต่ในขณะเดียวกัน...เขาไม่เคยหยุดมองผู้คนรอบตัวเลย จันทร์สิตารู้ว่าเขากำลังจับตาเธออยู่ เมื่อการประชุมจบลง เธอแกล้งเก็บของช้า ๆ แล้วเดินตามเขาออกจากห้อง รอจนแน่ใจว่าระยะห่างพอดี ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ “ขอโทษค่ะ คุณอนลใช่ไหม?”เขาหยุดเดินและหมุนตัวกลับมาช้า ๆ ดวงตาเรียบนิ่งจ้องมาอย่างวิเคราะห์ “ฉันเป็นเจ้าหน้าที่ใหม่ฝ่าย CSR มาช่วยเรื่องโปรเจกต์สนับสนุนชุมชนค่ะ พอดีเพิ่งเริ่ม เลยอยากทำความรู้จักไว้ล่วงหน้า” เขาเงียบไปเพียงครู่ ก่อนตอบเรียบ ๆ “ยินดีครับ” เธอยื่นมือไป “จันทร์สิตาค่ะ” เขามองมือเธอหนึ่งวินาทีก่อนจะจับเบา ๆ แล้วปล่อยทันที “ครับ” นั่นคือทั้งหมดที่เขาพูด...แต่แววตานั้นบอกว่าเขาจดจำเธอแล้ว “เขาเย็นชาชะมัดเลยว่าไหม” ผู้ช่วยบ่นทันทีที่เธอขึ้นรถ “ไม่ใช่แค่เย็นชา” จันทร์สิตาถอดต่างหู พลางมองออกไปนอกหน้าต่าง “เขาระแวดระวังกับทุกคำพูด ทุกการเคลื่อนไหว เหมือนเขารู้ว่ามีคนพยายามเข้ามาใกล้” “แล้วเขารู้ไหมคะ...ว่าเป็นเรา?” “ยัง” เธอยิ้มบาง ๆ “แต่เขาจะรู้แน่ ถ้าเราเผลอ” เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วพิมพ์คำสั่ง “ดึงประวัติการรักษาของหมออนลย้อนหลัง 5 ปี ทั้งหมด ต้องรู้ว่าเขาไปที่ไหน ทำอะไร ป่วยอะไรหรือเปล่า” “ถ้าเขาไม่เคยป่วยเลยล่ะคะ?” “นั่นแหละ จุดที่น่าสงสัยที่สุด” คืนนั้นฝนตกหนักจันทร์สิตานั่งในห้องพักของโรงแรม เปิดโน้ตบุ๊กพร้อมฐานข้อมูลภายในที่ทีมเธอแฮกเข้ามาได้ เธอเจาะลึกลงไปในรายชื่อผู้ป่วยระดับสูง ไล่รายชื่อจนพบสิ่งที่ไม่ควรมี ‘อนล ศิระภพ – ไม่มีประวัติการเข้ารับการรักษา – ไม่มีประวัติเข้าตรวจสุขภาพประจำปี – ไม่มีใบสั่งยา’ “เป็นไปไม่ได้...” เธอพึมพำ แม้แต่คนสุขภาพแข็งแรงก็ยังต้องมีประวัติการตรวจพื้นฐานบ้าง อย่างน้อยก็เพื่อประกัน หรือระบบการเงินของโรงพยาบาล แต่กับเขา ไม่มีอะไรเลย เว้นแต่ว่าเขาจะไม่ใช่แค่ศัลยแพทย์ เว้นแต่ว่าเขาจะควบคุมข้อมูลตัวเองได้หมด... “นายคือใครกันแน่ อนล ศิระภพ”ดวงจันทร์ลอยอยู่เหนือแม่น้ำสะท้อนบนผืนน้ำที่นิ่งงันราวกับกระจกแผ่นใหญ่ แต่ในใจของใครบางคนกลับปั่นป่วนอย่างไม่อาจสงบลงได้ง่าย ๆ จันทร์สิตายืนกอดอกอยู่ตรงระเบียงมืด ดวงตาของเธอทอดมองไปยังผืนน้ำอย่างครุ่นคิด คำพูดของหมออนลในค่ำคืนนั้นยังวนเวียนอยู่ในหัว…“ผมอยู่ในวันที่พ่อคุณหายตัวไป”คำพูดเพียงประโยคเดียว เหมือนโยนระเบิดลูกใหญ่เข้าใส่ใจกลางความทรงจำของเธอพ่อ… ชายผู้หายตัวไปจากชีวิตเธออย่างไร้ร่องรอยเมื่อสิบห้าปีก่อน ทิ้งเพียงคำสั่งเสียที่ไม่มีใครเข้าใจ“อย่าไว้ใจระบบ… จงมองคนจากสิ่งที่เขาไม่ยอมพูด”เธอไม่เคยลืมประโยคนั้น และคืนนี้… จู่ ๆ ก็ดูเหมือนมันจะกลับมามีความหมายอีกครั้งเสียงเคาะประตูเบา ๆ ดังขึ้นจากทางเข้าห้องพัก เธอหันกลับไปเล็กน้อยก่อนเอ่ยเสียงเบา“เปิดเข้ามาได้ค่ะ”ประตูเปิดออกอย่างช้า ๆ ก่อนจะเผยร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตสีกรมและกางเกงสแลคสีเข้มอนล ศิระภพ เดินเข้ามาโดยไม่พูดอะไร ร่างกายสูงสง่าของเขาราวกับกลืนกับความมืดรอบห้อง แต่แววตานั้นกลับคมชัดจนน่ากลัว“คุณยังไม่นอนอีก” เขาถามเบา ๆ“คุณก็เหมือนกัน” เธอตอบโดยไม่หันกลับไปมองเขาเดินมายืนข้างเธอ ห่างแค่ระยะห
สายลมในยามเช้าอบอุ่นและปลอดโปร่งกว่าคืนก่อน แต่ในใจของจันทร์สิตายังเต็มไปด้วยคำพูดที่เขากระซิบข้างหู — อย่าทำตัวเหมือนนางเอกที่คิดว่าความลับของพระเอกจะโรแมนติกเสมอเธอคิดวนอยู่กับคำคำนั้นไม่หยุดตลอดเช้า แม้กระทั่งในเวลาที่ควรจดจ่อกับงานของตน เธอเลือกไปนั่งที่ระเบียงกาแฟด้านหลังโรงพยาบาล แสงแดดอ่อน ๆ ยามสายสาดกระทบผิวของเธอ จนใบหน้าสวยนั้นดูนุ่มนวลกว่าทุกวัน“มาคนเดียวอีกแล้วเหรอครับ?”เสียงนั้นดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้เธอชะงัก มือที่ถือแก้วกาแฟสั่นเล็กน้อยก่อนจะวางลงช้า ๆ“หมออนล” เธอเอ่ยชื่อของเขาโดยไม่ได้หันกลับไปมองเขาเดินอ้อมมานั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม สีหน้าราบเรียบ แต่ในแววตานั้นคล้ายมีรอยยิ้มบาง ๆ“ขอโทษที่เมื่อวานพูดแรงไป” เขาเอ่ยเธอสบตาเขาตรง ๆ “เพราะฉันกำลังล้ำเส้นใช่ไหมคะ?”“เพราะคุณอาจเจอสิ่งที่ไม่ควรรู้”เสียงลมพัดผ่านต้นไม้ในสวนหลังโรงพยาบาลอย่างแผ่วเบา กลิ่นดอกไม้ปนกับกลิ่นยาปฏิชีวนะจากอาคารข้างเคียง“คุณเคยคิดอยากมีชีวิตธรรมดาไหมคะ?” จันทร์สิตาถามโดยไม่มองเขาเขาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “เคย… แต่ผมไม่มีสิทธิ์เลือกตั้งแต่ยังไม่ทันโตเต็มวัย”“แล้ว
ห้องสมุดชั้นล่างของโรงพยาบาล B เงียบสงบในเวลาเกือบค่ำ แสงจากโคมไฟหัวโต๊ะส่องสว่างเฉพาะจุด ท่ามกลางกลิ่นกระดาษเก่าที่ไม่อาจปกปิดได้แม้จะเป็นสถานที่ทันสมัยแค่ไหนก็ตามจันทร์สิตานั่งอยู่มุมหนึ่ง สายตาไล่ไปตามเอกสารปึกหนาที่เธอแอบดึงออกจากคลังข้อมูลลับของโรงพยาบาล — แบบฟอร์มขอเครื่องมือผ่าตัดชนิดพิเศษ พร้อมลายเซ็นดิจิทัลที่ถูกเข้ารหัส“ทั้งหมดนี้…ผูกกับชื่อของเขา” เธอกระซิบกับตัวเอง ขณะพลิกดูเอกสารหน้าแล้วหน้าเล่า “แต่วิธีขอ ไม่ผ่านระบบราชการของโรงพยาบาล…เขาใช้สิทธิ์พิเศษอะไรบางอย่าง”เธอไม่ใช่นักสืบมือใหม่ การดูข้อมูลแบบนี้คล้ายการคลำในความมืด แล้วค้นหาแสงเล็ก ๆ ที่รั่วออกมาจากรอยแยกของความลับและในที่สุด…เธอก็เจอชื่อหนึ่งซ้ำ ๆดร. ก้องภพ ศิระภพ“นามสกุลเดียวกัน…”เธอล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาค้นประวัติเบื้องต้น แต่ข้อมูลแทบไม่มี มีเพียงข่าวเล็ก ๆ เมื่อหกปีก่อน — นักธุรกิจด้านอาวุธรายใหญ่ หายตัวไปกะทันหัน ทิ้งบริษัทที่ไร้เจ้าของ และ…ข่าวลือเรื่องการถูกลอบสังหาร“คุณหมออนลให้เชิญคุณไปรับประทานอาหารกลางวันร่วมกันที่ห้องพักแพทย์ค่ะ”จันทร์สิตาหันไปมองพยาบาลสาวที่ยืนส่งยิ้มหวาน เหมือนข่าวลือว่าหมออน
โรงพยาบาล B – ชั้นบนสุดของตึกศัลยกรรมประสาทเสียงกรีดของลิฟต์ดังขึ้นเบา ๆ ก่อนประตูจะเปิดออก เผยให้เห็นทางเดินยาวที่เงียบสงัด มีเพียงแสงจากหลอดไฟสีขาวนวลส่องลงบนพื้นสะอาดสะอ้านที่สะท้อนเงาร่างของใครบางคน“หือ” จันทร์สิตาก้าวเท้าเข้าไป พลางเหลียวมองป้ายชื่อห้องเล็ก ๆ ที่ติดอยู่หน้าประตูไม้ทึบห้องผ่าตัด 7 – ผู้รับผิดชอบ: นพ. อนล ศิระภพ“ฟู่ว”เธอสูดหายใจลึก แล้วเดินไปยังมุมห้องพักญาติซึ่งติดกระจกใสสามารถมองลอดเข้าไปยังโซนรอผ่าตัดได้เขาอยู่ที่นั่นแล้วอนลในชุดผ่าตัดสีน้ำเงินเข้ม กำลังเช็คผล CT Scan บนจออย่างนิ่งสงบ ใบหน้าคมนั้นถูกปิดครึ่งล่างด้วยหน้ากาก แต่ดวงตานั่นยังคงทรงพลังจนไม่อาจละสายตาได้“เขาไม่ใช่แค่หมอที่เก่ง” เสียงผู้ช่วยของจันทร์สิตาดังขึ้นเบา ๆ ข้างหู “เขาคือเครื่องจักรที่ไร้ร่องรอยของความลังเลทุกครั้งที่อยู่ในห้องผ่าตัด”“ไร้ร่องรอย...” จันทร์สิตาพึมพำ “แม้แต่ในชีวิตส่วนตัวด้วยสินะ”การเผชิญหน้าที่คาดไม่ถึงเย็นวันนั้น ในโรงอาหารของโรงพยาบาล เธอเจอเขาอีกครั้งโดยไม่ตั้งใจ หรือเธอจงใจเดินเข้าไปหาเขาในจังหวะที่ไม่มีใครอยู่โต๊ะ“คุณหมออนล”เขาเงยหน้าจากถาดอาหารที่แทบไม่ได้แตะ
“ยิ้มอีกนิดสิคะคุณจันทร์ กล้องจะได้รัก”เสียงจากช่างภาพหนุ่มดังขึ้นพร้อมแฟลชวาบ หญิงสาวเจ้าของชื่อเพียงกระตุกยิ้มเล็กน้อย มุมปากที่ยกขึ้นนิดเดียวกลับเต็มไปด้วยแรงดึงดูดราวกับกำลังปิดบังอะไรบางอย่างเอาไว้เธอสวมเดรสซาตินแดงเข้มที่แนบไปกับร่างระหง ผิวขาวอมชมพูทำให้แสงไฟที่สะท้อนบนเนื้อผ้าเหมือนเล่นกล เส้นผมสีน้ำตาลเข้มถูกรวบหลวม ๆ ดวงตาคมลึกของเธอมองกล้องโดยไม่มองใครเลย“ได้แล้วครับ!” ช่างภาพยกนิ้ว เขาหันไปพึมพำกับทีม “สวยแบบนี้ไม่ต้องรีทัช”แต่เธอไม่ได้ยิน และถ้าจะได้ยินก็คงไม่ใส่ใจ จันทร์สิตาหันหลังให้แสงไฟ ก้าวเดินออกจากสตูดิโอราวกับทุกการเคลื่อนไหวผ่านการซ้อมมาอย่างแม่นยำ ผู้ช่วยสาวของเธอรีบวิ่งตามมาพร้อมแฟ้มเอกสาร“คุณจันทร์คะ เย็นนี้มีงานเลี้ยงต้อนรับของเครือโรงพยาบาลใหญ่ที่เราจะเข้าไปร่วมงานด้วย ให้ฉันตอบรับไหมคะ?”“ไม่” เธอพูดทันที โดยไม่หันกลับไปมอง“แต่ในลิสต์แขกมีบอร์ดบริหารหลายท่านเลยนะคะ ถ้าเราสร้างสัมพันธ์ไว้ก่อน—”“ฉันไม่ได้สนใจบอร์ดพวกนั้น” เธอหยุดกะทันหัน ทำให้ผู้ช่วยแทบชนหลัง“ฉันสนใจคนที่ไม่มีข้อมูล” เธอพลิกแฟ้มขึ้น “หมออนล ศิระภพ ศัลยแพทย์สมองที่ไม่มีประวัติในโลกออนไ
Comments