ปัทมาสาวสวยโสด ลาออกจากงานกลับมาอยู่บ้าน อาศัยอยู่กับย่าและแม่ พบปัญหาหลากหลายอย่าง ล้วนสำคัญกับชีวิต อุปสรรคมากมายที่ต้องพบเจอ เธอจะฝ่าฟันและผ่านมันไปได้หรือไม่ ไม่อาจรู้ได้ แต่เธอจะสู้ให้ถึงที่สุด
View Moreวันนี้ฝนตกแต่เช้า เข้าสู่ฤดูฝนแล้ว บ่ายสามโมงสามสิบสองนาที ปัทมาปิดโทรศัพท์ ปิดโน๊ตบุ๊ค เธอรู้สึกปวดเอวนิดหน่อย บวกกับอากาศที่เย็นสบาย หญิงสาวเตรียมผ้าห่ม ที่ทำมาจากผ้าต่อผืนกำลังดี เธอชอบผ้าผืนนี้มาก ห่มแล้วเย็นสบายตัวดี บรรยากาศเวลานี้เงียบสนิท เหมาะกับการนอนพักผ่อนนอนหลับมาก วันนี้ตั้งแต่เช้าเธอนั่งเย็บผ้านานเกินไป หญิงสาวล้มตัวลงนอน ที่ปลายเท้าเธอเป็นพัดลมสีขาวตัวใหญ่ เธอปิดมันไปแล้วเพราะอากาศเย็นมาก ได้ยินเพียงเสียงฝนที่กำลังตกและลมเริ่มแรง
ลมฝนแรงจนต้องลุกจากที่เตียง เปิดหน้าต่างมองไปรอบด้าน ด้วยตัวบ้านสูงทำให้มองเห็นเกือบรอบบริเวณ ต้นจำปีที่กำลังออกดอกเต็มต้นส่งกลิ่นหอม ต่างกับต้นจำปาที่ไม่ค่อยออกดอก บ้านต่างจังหวัดมีพื้นที่เหมาะสำหรับปลูกไม้ใหญ่
ครบหนึ่งเดือนแล้วที่เธอกลับมาอยู่บ้านเพื่อดูแลย่าและแม่ บ้านปูนหลังเล็กสีขาวหลังนี้ ย่าเธอเป็นคนปลูกให้เธอ เพราะเห็นว่าเธอต้องทำงานเย็บผ้า อยากให้เป็นส่วนตัว
ส่วนย่ากับแม่อยู่บ้านหลังเดิม เป็นบ้านครึ่งปูนครึ่งไม้ สมัยก่อนที่จะเข้าไปเรียนที่กรุงเทพฯ ปู่ ย่าตัวเธอและน้องชายอาศัยอยู่ด้วยกัน ปู่กับย่ารักกันมาก พ่อเธอเคยเล่าให้ฟังว่า ตั้งแต่พ่อเกิดมา พ่อไม่เคยได้ยินย่ากับปู่ทะเลาะกันเลย พ่อเธอเป็นลูกชายคนเดียว นายแพทย์ประสิทธิ เกียรติกุล หมอผู้เชี่ยวชาญด้านหัวใจ
นายแพทย์ประสิทธิ์ทำงานที่โรงพยาบาลของรัฐ ประจำอยู่ที่กรุงเทพฯส่วนแม่เป็นพยาบาลทำงานที่โรงพยาบาลเดียวกัน พ่อกับแม่คบหาเจอกันตั้งแต่สมัยที่ยังเรียน พอเรียนจบก็แต่งงานกันเลย หลังแต่งงานไม่นานแม่ก็ตั้งท้องลูกคนแรกก็คือเธอ
ปู่กับย่าไปช่วยพ่อกับแม่เลี้ยงเธอได้หกเดือน จากนั้นพาเธอกลับมาเลี้ยงที่ต่างจังหวัด เพราะพ่อกับแม่ไม่มีเวลาดูแล ด้วยอาชีพหมอและพยาบาล ต้องทำงานหนักด้วยทั้งคู่ และตั้งบัดนั้นเป็นต้นมาเธอก็กลายเป็นลูกของปู่กับย่า
ทุกสองสัปดาห์พ่อกับแม่จะต้องมาเยี่ยมเธอ มาแล้วก็ต้องรีบกลับ อาชีพหมอและพยาบาล ทุกคนเข้าใจ สองปีต่อมาเธอก็มีน้องชายอีกหนึ่งคน ช่วงน้องเกิดปู่ย่าพาเธอไปอยู่กรุงเทพฯเพื่อช่วยแม่ดูแลน้องแรกเกิด เหมือนเดิม พอแม่แข็งแรง ปู่กับย่าพาน้องกลับมาดูแลที่ต่างจังหวัด เพื่อให้พ่อกับแม่ได้ทำงานเต็มที่ หากพ่อกับแม่ว่างจะต้องเดินทางกลับมาเยี่ยมปู่ ย่าและเธอกับน้องบ่อยๆ
ปัทมากับประภาษเรียนที่ต่างจังหวัดจนถึงมัธยมปีที่หก จากนั้นเข้ากรุงเทพฯเพื่อเรียนต่อปริญญาตรี อีกสองปีถัดมาน้องชายก็ตามมาเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯด้วยกัน เธอได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาพ่อกับแม่อีกครั้ง แต่นั่นแหละ ด้วยอาชีพของพ่อกับแม่ อยู่ด้วยกันเหมือนไม่ได้อยู่ เวลาไม่ค่อยตรงกันสักเท่าไหร่ วันหยุดเสาร์และอาทิตย์ ถ้าเธอกับน้องไม่มีงานพิเศษทำ ทั้งสองคนก็จะกลับบ้านต่างจังหวัดไปหาปู่กับย่า
ครอบครัวอยากให้เธอกับน้องเรียนหมอ หรือไม่ก็พยาบาล หรือไม่ก็รับราชการ
เธอคุยกับน้องชายแล้ว จะไม่ยอมเรียนเด็ดขาด ถึงแม้ว่าเธอกับน้องจะหัวดีมาก เรียนเก่งทั้งคู่ ทั้งสองไม่อยากรับราชการ ซึ่งทุกคนก็ตามใจไม่ได้บังคับอะไร ปัทมาเลือกเรียนภาษา น้องชายเธอเขาเลือกเรียนวิศวะ
ทั้งครอบครัวไม่มีใครเห็นด้วย แต่ก็ต้องยอม เพราะพวกเขารู้เหตุผล ปัทมากับประภาษ ต้องกลายเป็นลูกปู่กับย่า เพราะพ่อกับแม่ทำงานหนัก และเป็นงานที่ต้องเสียสละทั้งร่างกายและจิตใจ แต่ก็เป็นความภูมิใจของครอบครัว งานดีมีคนนับหน้าถือตา แต่ไม่ค่อยมีเวลาให้ครอบครัวอย่างแท้จริง
มันคื่อเรื่องจริง พ่อกับแม่เธออยู่ที่โรงพยาบาลมากกว่าอยู่ที่บ้าน อยู่กับคนป่วยมากกว่าอยู่กับลูก
ปู่กับย่าของเธอ เป็นข้าราชการเกษียณทั้งคู่ เดิมบ้านของปู่มีฐานะอยู่แล้ว
ปัทมาเรียนจบ ทำงานที่บริษัทฯเอกชนในกรุงเทพฯ อุตสาห์ไม่เรียนตามความต้องการของครอบครัว ไม่สอบงานราชการ เลือกที่จะทำงานบริษัทเอกช นสุดท้ายบริษัทฯเอกชนงานก็เยอะเหมือนกัน แถมเรื่อง ค่าของคนอยู่ที่คนของใคร ยังคงมีอยู่ทุกองค์กร แต่ดีตรงที่ว่าเงินเดือนเยอะกว่า อิสระมากกว่างานราชการ
ปัทมาทำงานได้สองปี พ่อของเธอก็เสียชีวิต ตลกมากพ่อเป็นหมอช่วยเหลือคนป่วย แต่พ่อป่วยซะเอง ใช้เวลารักษาไม่นานพ่อก็จากไป นั่นทำให้ทุกคนเสียใจมาก คนที่อาการหนักที่สุดคือปู่
พ่อเป็นลูกชายคนเดียว เป็นความภาคภูมิใจของปู่ แต่เมื่อพ่อเสียชีวิต ปู่ทำใจไม่ได้ อาการทรุดตั้งแต่ที่ลูกชายเสียชีวิต ปู่กลายเป็นคนแก่ที่เงียบขรึม เก็บตัวอยู่แต่บ้าน จมปลักอยู่แต่กับอดีต รับไม่ได้ที่ลูกชายมาด่วนจากไป
นอกจากปู่แล้วแม่ของเธอก็เช่นกัน แม่กับพ่อรักกัน รักกันมาก ตัวติดกันตลอด ตั้งแต่จำความได้พ่อกับแม่ของเธอไม่เคยทะเลาะกันเลย แม่เสียใจมากไม่เป็นอันทำงาน ย่าตัดสินใจพาแม่กลับบ้าน และแม่ลาออกจากงานพยาบาลมาดูแลปู่ การได้ดูแลปู่กับย่าทำให้แม่คลายความโศกเศร้าไปได้บ้าง
ย่ามีอาชีพเสริมคือทำขนมไทยขาย ทำขายตั้งแต่สมัยยังรับราชการ พอเกษียณแล้วย่ายังทำต่อ มีร้านขายขนมไทย
แม่เหมือนเป็นลูกสาวคนหนึ่งของย่า แปลกที่แม่ไม่สนิทกับครอบครัวฝั่งตากับยายเลย ติดปู่กับย่ามากกว่า และนั่นทำให้เธอกับน้องไม่สนิทกับฝั่งตากับยายเหมือนกัน
ย่าเป็นผู้หญิงที่เก่ง สูญเสียลูกชายคนเดียว แถมยังต้องเหนื่อยกับอาการของปู่ ที่ไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นเลย
เมื่อครั้งที่เธอยังทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯและดูแลน้องชายแทนแม่ช่วงที่น้องชายยังเรียนไม่จบ สองคนพี่น้องอาศัยอยู่ที่บ้านของพ่อกับแม่ที่กรุงเทพฯตามลำพัง ปัทมาทำงานและดูแลน้องไปด้วย เธอเป็นคนออกค่าใช้จ่ายในส่วนของน้องทั้งหมด โดยอาศัยเงินเดือนจากการทำงาน ย่ากับแม่ช่วยบ้างเป็นบางครั้ง
ปัทมาตั้งใจว่าถ้าน้องชายเรียนจบ เธอจะกลับไปอยู่กับย่าและแม่ที่ต่างจังหวัด ส่วนน้องชายจะทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯหรือจะกลับบ้านด้วยกันก็ตามใจเขา
เวลาผ่านไปไม่ถึงสองปี ปู่ก็เสียชีวิตด้วยโรคชรา ทุกคนในครอบครัวรู้ดีว่าสาเหตุหลักก็คือ ปู่ทำใจไม่ได้ที่เสียลูกชายไป นั่นเป็นสาเหตุหลัก
ปัทมาตัดสินใจลาออกจากงาน กลับมาอยู่บ้านเพื่อดูแลย่าและแม่ ส่วนน้องชายเหลืออีกเทอมเดียวเขาก็จะเรียนจบปริญญาตรี หญิงสาวปล่อยให้น้องชายอยู่คนเดียวที่กรุงเทพฯ
ประภาษเป็นเด็กดี ไม่เกเร ตั้งใจเรียน เขารู้ว่าเขาต้องดูแลคนในครอบครัว เพราะมีแต่ผู้หญิง ย่า แม่ และพี่สาว เขารอเวลาสอบเสร็จ จัดการทุกอย่างแล้วจะรีบกลับบ้านไปหาทุกคน เรื่องงานค่อยว่ากัน บางทีเขาอาจกลับไปรับช่วงร้านขนมไทยของย่าก็ได้ เป็นงานที่เขากับพี่สาวทำมาตั้งแต่เด็ก
บ้านกึ่งไม้กึ่งปูนหลังใหญ่ของย่า ปลูกอยู่บนเนื้อที่เกือบห้าไร่ และอยู่ท้ายซอย ด้านหลังเป็นสวนที่ปลูกทุกอย่าง ผลไม้ทุกอย่างที่อยากกิน พืชผักสวนครัว
ย่าเป็นคนมีฝีมือในการทำอาหาร สมัยที่แต่งงานกับปู่ใหม่ๆ ทั้งคู่รับราชการ ย่าใช้เวลาว่างทำขนมไทยส่งขายที่ตลาด รายได้ดีทีเดียว บางเดือนย่าขายขนมได้มากกว่าเงินเดือนซะอีก นั่นทำให้ปู่กับย่ามีเงินเก็บมากพอสมควร ปู่กับย่าของเธอไม่ฟุ่มเฟือย
ปัทมามีงานพิเศษหญิงสาวมีฝีมือตัดเย็บเสื้อผ้า เธอชอบแค่ไปเรียนเพิ่มนิดหน่อยก็สามารถตัดเย็บเสื้อผ้าได้เกือบทุกแบบ โชคดีที่แถวนี้ไม่มีร้านตัดเสื้อผ้า ย่ากับแม่สงสัยว่าก่อนหน้าทำไมเธอไม่เรียนตัดเย็บเสื้อผ้าโดยตรง ปัทมาตอบว่าเธอก็ไม่คิดว่าการที่เธอตัดเย็บเสื้อผ้าได้ จะทำให้มันกลายมาเป็นอาชีพๆ หนึ่งของเธอ บางเดือนทำรายได้ดีมากกว่าสมัยทำงานประจำซะด้วยซ้ำ บ้านของย่าอยู่ใกล้สถานที่ราชการ แน่นอนพวกเครื่องแบบเธอทำได้ ด้วยความที่เป็นคนสมัยใหม่ ปัทมาสามารถตัดชุดแบบใหม่ๆ ได้เสมอ เป็นที่ชื่นชอบของคนที่นิยมตัดเสื้อผ้าใส่
“หนูปัท เดือนนี้ย่าไม่เห็นว่างเลย งานเยอะจังเลยนะลูก”
“ค่ะย่า มีออเดอร์จากลูกค้าที่กรุงเทพฯค่ะ”
“เขามาวัดตัวกันตอนไหนล่ะลูก ทำไมย่าไม่เคยเห็นมากันเลย”
“วัดกันทางออนไลน์นี่ล่ะคะย่า”
“ยังไงลูก ย่าไม่เข้าใจ”
“ก็ลูกค้าก็จะบอกไซส์มาค่ะย่า ว่าอก เอว สะโพก เท่าไหร่ ต้องการยาวหรือสั้นเท่าไหร่ แบบเป็นของปัทอยู่แล้ว แค่เพิ่มหรือลด แค่นั้นเองค่ะย่า ง่ายมาก”
“เออ...สมัยนี่ดีจังเลยเนอะ ไม่มีลูกค้าที่บ้านก็มีลูกค้ามาจากที่อื่น”
“ใช่ค่ะย่า นี่ขนมของย่ากับแม่ เราก็ทำออนไลน์ได้นะคะ ไม่ต้องไปตั้งที่แผงที่ตลาดก็ได้”
“ยังไงเหรอลูก ย่าไม่เข้าใจ”
“เราก็เปิดหน้าร้านที่บ้านเลยซิคะย่า แม่กับย่าจะได้ไม่ต้องเหนื่อยตื่นไปตลาดแต่เช้า ทำที่บ้านเราได้อยู่บ้านทำโน่นทำนี่ได้ตั้งหลายอย่าง”
“ก็ดีนะ แล้วแผงที่ตลาดล่ะลูก ย่าก็เสียดาย ร้านนั้นย่าขายมาตั้งนาน”
“ไม่ยากหรอกค่ะย่า ก็ให้เขาเช่าต่อหรือถ้าย่าอยากเซ้งต่อให้คนอื่นก็ได้”
“แล้วจะมีใครมาซื้อของเราล่ะลูก บ้านเราอยู่สุดซอยเลย”
“ย่าขา ไม่ต้องกลัวเรื่องนั้นเลย ปัทว่าบ้านเราทำเลดี ของดีต้องลึกลับหน่อย มาไม่ยากเลย อีกอย่างขนมของย่าก็ขึ้นชื่ออยู่แล้วคนรู้จักทั้งเมือง แค่ติดป้ายที่แผงว่าเราขายที่บ้าน พร้อมเบอร์โทร ขี้คร้านคนจะตามมา”
“ย่าสนใจนะหลาน แต่เรื่องวิธีการเราต้องมาคุยกันอีกที ต้องถามแม่เขาด้วย เพราะแม่เขาเป็นกำลังหลักที่สำคัญ”
“ปัทว่าแม่ไม่น่ามีปัญหานะคะย่า แม่น่ะชอบอยู่บ้าน ชอบทำงานบ้าน แม่ไม่ค่อยชอบที่จะไปนั่งที่แผง ถ้าได้ทำอะไรที่บ้านปัทว่าแม่คงจะพอใจมาก”
“แต่ว่า....”
“แต่ว่าอะไรหลาน”
“ย่าจะยอมแบ่งที่ว่างๆ สักหน่อย เอาไว้เป็นที่จอดรถลูกค้าได้ไหมคะ เผื่อรถเยอะ เพราะบ้านเราก็อยู่สุดซอยแล้วต้องมีที่จอดรถและกลับรถให้ลูกค้า”
“ถ้ามันจะขายดีเหมือนอยู่ที่แผง ย่าก็ไม่มีปัญหาหรอก ที่ว่างเปล่าของเราก็เยอะแยะ”
“งั้นเดี๋ยวมื้อค่ำนี้ เราคุยกับแม่อีกทีดีไหมคะย่า ถ้าแม่เห็นด้วยเดี๋ยวปัทจัดการต่อเอง”
ปัทมาดีใจที่ย่าเห็นด้วยกับเธอ หญิงสาวไม่อยากให้ย่าลุกทำขนมตั้งแต่ดึกดื่น จริงๆ เธอกับแม่อยากให้ย่าพักได้แล้ว แต่ย่าบอกว่าการทำงานหรือทำขนมพวกนี้ ทำให้ย่าคลายความคิดถึงปู่และพ่อของเธอ
ไม่ใช่แค่ย่าหรอก แม่ของเธอก็คงเหมือนกัน พ่อกับแม่รักกันมากตัวติดกัน อยู่ด้วยกันตลอด สมัยแม่กับพ่อทำงานที่โรงพยาบาลเดียวกัน กินข้าวด้วยกันแทบทุกมื้อ เธอเห็นแม่กับย่าเศร้าแล้วก็สงสาร การที่ผู้หญิงสองวัยทำงานร่วมกัน เพื่อเป็นการปลดปล่อยอารมณ์เศร้าโศกจากการที่สูญเสียคนที่รัก แรกๆ เธอคิดว่ามันเป็นเรื่องเศร้า แต่พอได้กลับมาอยู่บ้าน มันทำให้เธอรู้ว่า หัวใจของย่าและแม่ของเธอเข้มแข็งที่สุด
การทำขนมคือการผ่อนคลาย ทำให้สมองไม่เฉื่อยชา ความจำดีด้วย ทุกวันย่ากับแม่จะทำขนมวันละห้าอย่าง ขนมไทยซะส่วนมาก นั่นทำให้ทั้งเธอและน้องชายชอบขนมไทยเป็นพิเศษ ชาวสวนแถวนี้ก็ได้มีรายได้ ย่ารับซื้อมะพร้าว ใบเตย อัญชัน ฟักทอง และวัตถุดิบอีกมากมายจากชาวสวน
หลายคนแปลกใจที่รู้ว่า แม่เป็นลูกสะไภัของย่า เพราะทั้งสองคนดูเหมือนเป็นแม่ลูกกันมากกว่า
ปัทมาก็เดินทางเข้ากรุงเทพฯโดยมีน้องชายมาส่ง สองพี่น้องออกจากบ้านตั้งแต่เช้ามืด หยิงสาวแอบดูแล้วบ้านของราวียังไม่เปิดไฟ เธอรู้ว่าวันหยุดราวีตื่นสาย เลยอาศัยช่วยเวลานี้ออกเดินทาง หญิงสาวขนสัมภาระมาไม่มาก เอาแค่ที่จำเป็น เพราะห้องเธอที่กรุงเทพฯยังมีเสื้อผ้าที่พอใช้ได้อีกหลายชุด ไหนจะชุดของแม่ที่ยกให้เธอทั้งตู้ไม้ใบใหญ่นั่นอีก เหลือเฟือ ประภาษอยู่เป็นเพื่อนพี่สาวหนึ่งคืน รุ่งเช้าเขาเดินทางกลับทันที“พี่ปัท ดูแลตัวเองด้วยนะครับ มีอะไรก็โทรหาภาษได้เลย แต่ที่นี่ภาษว่าปลอดภัย ผู้ชายคนนั้นไม่รู้หรอกว่าบ้านเราที่กรุงเทพฯนี่อยู่ตรงไหน”“ขอบใจนะภาษ ขับรถดีๆ ล่ะ ฝากบ้านด้วยนะ ดูแลย่ากับแม่ด้วย”“ครับพี่ปัท ไม่ต้องห่วงอะไรเลย พี่ปัทตั้งใจเรียนนะครับแล้วจะได้กลับบ้านเรา”หลังจากประภาษกลับไป ปัทมาล็อคบ้าน เริ่มทำความสะอาด พรุ่งนี้สายๆ เธอมีเรียนทำกาแฟ อยู่ไม่ไกลจากบ้านมากนัก ที่บ้านมีรถเก๋งคันเก่าของพ่อกับแม่ ทุกคนตั้งใจเอาไว้ที่นี่เพื่อจะได้ใช้เวลาที่ขึ้นมากรุงเทพฯปัทมาเลือกทำความสะอาดห้องทำงาน เมื่อวานเธอกับน้องทำความสะอาดห้องนอน น้องชายเธอเป็นคนสะอาด บ้านไม่รก เขาเป็นคนมีระเบียบ เอ็นดูน้องชาย แอบ
พี่ปัท นั่นใช่ไหมพี่โยธินไหม ทำไมผมคุ้นมากเลย คนแถวนี้เหรอครับ”“บ้านเขาอยู่ฝั่งโน้น สมัยเด็กคงเคยเห็นหน้ากันมั้ง”“ถึงว่าคุ้นหน้าจัง คนบ้านเดียวกันนี่เอง”“แต่พี่ไม่คุ้นเลย เพิ่งเคยเห็นนี่แหละ”“สวัสดีครับพี่โยธิน ผมประภาษนะครับ น้องพี่ปัท”“ครับ มานานแล้วเหรอ ปัทมาบอกพี่เหมือนกันว่า น้องชายจะมา ไม่คิดว่าจะเดินทางมาถึงเร็วขนาดนี้”“ครับพี่พอรู้ว่ามีเรื่องไม่ค่อยดี เลยรีบมา เป็นห่วงครับอยู่กันแต่ผู้หญิง ขอบคุณพี่โยธินนะครับ ที่มาอยู่เป็นเพื่อน”“ไม่เป็นไร ภาษมาก็ดีแล้วพี่ขอคุยด้วยหน่อย” โยธินไม่อยากให้ผู้หญิงรู้กับสิ่งที่เขาเห็นมา“พ่อโยธิน ว่ามาเลยลูกไม่เป็นไร พูดคุยกันที่นี่แหละ” ย่ากุลสงสัยว่าโยธินต้องไปเจออะไรมาแน่ๆ“คือเมื่อกี้ผมไปดูพื้นที่เพิ่มเติมที่ท้ายสวนติดคลองครับ ไปเจอสิ่งนี้ ผมเลยแอบถ่ายวีดีโอไว้ “โยธินเปิดโทรศัทพ์คลิปวีดีโอให้ทุกคนดู มีเพียงประภาษเท่านั่นที่ดูตื่นเต้น ส่วนผู้หญิงกลับนิ่ง เหมือนรู้ว่าสักวันต้องมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแน่นอน แต่อยู่ที่จะช้าหรือเร็ว เลยพอที่จะทำใจกันได้“โชคดีจังเลยนะครับที่พี่โยธินไปเจอ แสดงว่าพวกนี้กำลังหาทางขึ้นมาที่สวนเรา โห...เข้าหน้าบ้
โยธินเดิมตามหลังปัทมา เขาสังเกตุเห็นว่ามีใครบางคนด้อมๆ มองอยู่แถวหน้าบ้าน เขาสังเกตุเหตุตั้งแต่เดินมาจากบ้านปัทมาแล้ว ผู้ชายรูปร่างผอมสูงเดินไปเดินมาหลายรอบ เหมือนว่าอยากจะเข้ามาภายในบ้าน แต่ก็ไม่ได้เข้ามา เขารู้ว่าผู้ชายคนนั้น สงสัยว่าเขาเป็นใคร เข้ามาทำอะไรที่บ้านของบ้านหลังนี้ บางทีอาจจะเห็นตั้งแต่เขาลงไปในสวนกับปัทมาแล้วก็ได้ ยังไงก็ดูออกว่าไม่ปกติ เล่นเดินจากหัวมุมมาชะเง้อคอยืดคอยาวเข้ามาในเขตร้ัวบ้าน ทำแบบนั้นหลายรอบ“ปัทมาอย่าหันไปหน้าบ้านนะ พี่ว่า คนที่ชื่อราวี มาแอบดูแน่เลย”“พี่โยธินรู้จักเขาด้วยเหรอคะ”“เปล่า พี่จำได้ว่าเขามีลักษณะแบบนี้ แม่กับย่าเล่าให้ฟัง”ปัทมาปรายตามองไปที่บริเวณหน้าบ้าน เป็นราวีจริงๆ หญิงสาวถอนหายใจรีบเดินนำโยธินเข้าไปบ้านย่าย่ากุลเห็นหน้าหลานสาวแล้วเข้าใจ เพราะนั่งอยู่ในห้องอาหารนี่มองออกไปด้านนอกก็ยังเห็นราวีมาเดินป้วนเปี้ยน หญิงชราเริ่มรู้สึกว่าเพื่อนบ้านรายนี้ไม่ธรรมดา นี่คงเห็นว่ามีผู้ชายมาที่บ้านตั้งแต่เช้า คงสงสัยว่าเป็นใครแถมยังดูสนิทสนมกับปัทมา“เขามาตั้งแต่เช้าแล้วนะลูก แต่คงไม่กล้าเข้ามาแม่เห็นมาเดินวนไปวนมาหลายรอบแล้ว ชะเง้อมองตั้งแต่หนูคุ
ปัทมาเก็บใบเตยได้เกือบเต็มตะกร้าใบแรก และเริ่มเก็บตะกร้าที่สอง จากนั้นจะเก็บฟักทอง และดอกอัญชัญ ถึงจะมีย่าและแม่คอยมองอยู่บนบ้าน แต่เธอก็ไม่ไว้ใจ ยิ่งเข้าไปใกล้คลองยิ่งอันตราย นี่ถ้ามีใครพายเรือมาขึ้นทางนี้ แล้วแอบเข้าหลังบ้านย่า คนในบ้านจะไม่มีใครรู้เลย กำลังคิดอะไรเพลินๆ หญิงสาวได้ยินเหมือนใครเรียกชื่อเธอ“ปัทมา ปัทมา อยู่ตรงไหน พี่เองนะครับ โยธิน ไม่ต้องตกใจ”“พี่โยธิน มายังไงคะเนี้ย เจอย่ากับแม่แล้วเหรอคะ”“ครับเจอแล้ว พี่ขออนุญาตย่ากับแม่ลงมาหาปัทมา ““เห็นว่าจะมาพรุ่งนี้ไม่ใช่เหรอคะ ทำไมมาเร็วจัง”“พี่ตั้งใจมาที่นี่ ทำไมไม่เล่าให้ฟังบ้าง หรือโทรเร่งก็ได้ พี่จะได้รีบมาทำให้ อันตรายมากรู้ไหม ย่ากับแม่เล่าให้ฟังหมดแล้วเรื่องนายราวีนั่น”“ก็......ปัทเกรงใจค่ะ เห็นพี่ภาบอกว่าพี่โยธินงานเยอะ”“เยอะยังไงพี่ก็ต้องมาทำให้ก่อน มันอันตรายมากเลยรู้ไหม ทีหลังมีอะไรโทรหาพี่ก่อนเลยนะ ไลน์หรืออะไรก็ได้ โทรศัพท์อยู่กับพี่ตลอดเวลา”“ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”“พาพี่ไปดูแนวคลองกับสวนผักก่อนได้ไหม แล้วเดี๋ยวพี่มาช่วยเก็บ”“ได้ค่ะ ตามมาเลย”ชายหนุ่มเดินตามหลังหญิงสาวไป เขาคิดว่าบริเวณนี้น่ากลัวมาก สมัยก่อนอ
เช้าวันหยุดของร้านขนมไทย ทุกคนพักผ่อนอยู่กับบ้าน และลุ้นว่าน้องชายจะกลับมาบ้านไหม ประภาษเรียนจบครบหนึ่งเดือนแล้ว แรกเลยอยากให้น้องหางานทำที่กรุงเทพฯไปพลางๆ ก่อน แต่เวลานี้ปัทมาอยากให้น้องกลับมาอยู่บ้าน เริ่มรู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยปลอดภัย เมื่อวานก่อนลงไปเก็บใบเตย กับดอกอัญชัญในสวน กลับออกมาเจอราวีมายืนรออยู่หน้าสวนแล้ว เธอใจหาย บ้านเธอไม่มีรั้วถึงสวนจะอยู่ไม่ไกลจากบ้าน แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นมีหวังเธอคงไม่รอดราวีแสดงออกว่าชอบเธอมาก เขาไปทำงานวันจันทร์-วันศุกร์ หยุดเสาร์ อาทิตย์ มักหาโอกาสมาพูดคุยกับเธอเสมอ แต่เธอก็เลี่ยงเกือบทุกครั้ง อ้างว่าต้องทำงานตัดเย็บไม่มีเวลา เขาก็ยังอุตสาห์ขอเข้ามานั่งในห้องทำงานของเธอ ซึ่งแน่นอนเธอไม่เคยอนุญาต เช้าๆ ไปส่งย่ากับแม่ที่ตลาด รู้ว่าเขาแอบมองลงมาจากห้องของเขาบ่อยๆ เวลาที่เธอขับรถผ่านหน้าบ้านเขา เขามักจะคอยซื้อของและดักรอยื่นให้ประจำ ไม่ว่าจะเป็นขนม ดอกไม้ เป็นแม่ที่รับแทน บ้านเธอและบ้านย่า สามารถมองเห็นเวลาที่คนจะเข้ามาหาที่บ้าน ปัทมาเป็นต้องหลบทุกครั้ง เมื่อเห็นราวีเดินมา พอเกิดขึ้นบ่อยเธอเริ่มที่จะรำคาญ และดูว่าราวีจะตื้อซะจริงๆ“ย่าค่ะ แม่ ปัทมีเรื่อ
เยาวภาและโยธินเดินทางกลับพร้อมพ่อและแม่ ทุกครั้งที่สองสามีภรรยาออกมาจากสวนเพื่อเข้ามาทำธุระในเมือง มักจะมาพักที่บ้านของเยาวภาเสมอ บ้านของลูกสาวสะดวกมีห้องไว้รับรองพ่อกับแม่ บ้านของโยธิน ไม่มีคนทำความสะอาด ปกติลูกชายจะอยู่ที่กรุงเทพฯเขาไม่ค่อยกลับต่างจังหวัดนัก มาทีก็พักบ้านพี่สาว หรือไม่ก็มาเช้ากลับเย็นเขาบอกว่างานที่กรุงเทพฯเยอะและยุ่งมากนายยุทธนาไม่สงสัยว่าทำไมอยู่ๆ ภรรยาอยากเข้ามาพักในเมือง ปกติจะไม่ค่อยชอบเข้าในเมืองชอบอยู่ในสวนมากกว่า แต่นั่นแหละจะยังไงก็ตาม ไม่ว่าภรรยาจะคิดหรือทำอะไรเขาก็เห็นด้วยทั้งนั้น ก็ถือว่ามาอยู่กับลูก นานๆ ลูกชายจะกลับบ้านและมาค้าง“นี่แม่เยาวภา แม่ชอบจังเลยนะชุดนอนเนี้ยผ้านุ่มมากใส่สบาย”“หนูดีใจนะคะที่แม่ชอบ แล้วพ่อชอบไหมคะแม่”“ชอบซิ แม่ชอบอะไรพ่อเขาก็เห็นด้วยทั้งนั้น นี่ให้เขาตัดให้ครบวันเลยนะลูก”“ก็เดี๋ยวเราจะไปที่ร้านอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะแม่ ไปบอกน้องที่ร้านเลยก็ได้”“งั้นพรุ่งนี้เดี๋ยวเราไปตลาดกัน แม่เยาวภาก็ปิดร้านไปอีกสักวันสองวัน ไว้แม่กลับค่อยเปิดก็ได้ ไม่เป็นไรหรอก”“ได้ค่ะแม่”“แล้วนี้น้องเราเขาจะกลับเมื่อไหร่ ครั้งนี้มาหลายวันนะ”“สงสัยน้อง
Comments