Share

บทที่ 1046

Author: จิ้งซิง
“เจ้าโง่สองคนนี่”

แม้แต่หลานซื่อก็คาดไม่ถึงว่า โอวหยางอวี้เทียนและโอวหยางอวี้ซู่จะเป็นญาติของหนิงหย่วนโหว

นางกลับไม่ได้เชื่อคำพูดของสองพี่น้องคู่นี้ในทันที

นางเพียงแต่นึกย้อนไปถึงเรื่องเมื่อตอนกลางวัน

มิน่าเล่า ตอนที่พวกเขาอยู่ที่ด่านจูหยางและต้องการจะเข้าพบหนิงหย่วนโหว ถึงได้ถูกปฏิเสธโดยตรง หรือแม้กระทั่งถูกขับไล่ด้วยท่าทีที่ไร้มารยาทอย่างยิ่ง

เดิมทีนางก็รู้สึกแปลกใจอยู่แล้ว ต่อให้ฝ่าบาทไม่ได้ส่งคนมาแจ้งหนิงหย่วนโหว แต่ด้วยการจัดการของหนิงหย่วนโหวในเมืองหลวง ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ได้รับข่าวคราวใดๆ เลย

ในเมื่อมีข่าวคราว ก็ย่อมไม่มีทางที่จะไม่พบพวกเขา

นอกจากว่าจะมีคนคอยขัดขวางอยู่เบื้องหลัง

และตอนนี้ดูเหมือนว่า คนที่ขัดขวางอยู่เบื้องหลังก็คือสองพี่น้องสกุลโอวหยางคู่นี้นี่เอง

แต่เหตุผลที่ทำให้หลานซื่ออดไม่ได้ที่จะด่าพวกเขาว่าเป็น ‘เจ้าโง่’ นั้น ไม่ใช่เรื่องนี้ แต่เป็นเพราะพวกเขากล้าพูดความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับหนิงหย่วนโหวออกมาต่อหน้าชนต่างเผ่า

ถ้านี่ไม่ใช่การรนหาที่ตายแล้วจะเป็นอะไรได้อีก?!

ในตอนนี้เจ้าโง่สองคนนั่น ควรจะภาวนาให้ชนต่างเผ่าพวกนั้นฟังคำพูดของพวกเขาไม่รู้เรื่อง

Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Latest chapter

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 1062

    “ไม่ใช่อย่างนั้น...”เวินฉางอวิ้นเอ่ยคำหนึ่งด้วยน้ำเสียงแผ่วระดับต่ำสุดหลานซื่อเพียงจ้องเขาเช่นนั้นบรรยากาศเงียบงันไปครู่หนึ่ง เสียงของเวินฉางอวิ้นก็ดังขึ้นอีกครั้ง เพียงแต่คราวนี้ในน้ำเสียงของเขาเจือความสั่นเครือเล็กน้อย “ไม่ใช่ว่าต้องการหลบหน้าเจ้า เพียงแต่กลัว... กลัวว่าจะทำทำร้ายถูกเจ้า”“ทำร้ายถูกข้าหรือ?”หลานซื่อยิ้มเล็กน้อย น้ำเสียงแฝงความเย้ยหยัน “เช่นนั้นท่านก็คงประเมินตัวเองสูงเกินไป ไม่ว่าจะเป็นท่านหรือใครก็ตาม เรื่องคราวก่อนจะไม่มีทางเกิดขึ้นเป็นครั้งที่สองแน่”เวินฉางอวิ้นไม่เอ่ยสิ่งใด ได้แต่จ้องมองนางนิ่ง ๆหลานซื่อขมวดคิ้วเล็กน้อย เอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย “อีกอย่างวันนั้นที่ข้าให้คนไปช่วยท่านก็เพียงแค่เอ่ยปากไปอย่างนั้นเอง หากเป็นคนอื่น ข้าก็จะทำเช่นเดียวกัน”เมื่อได้ยินคำนี้ เวินฉางอวิ้นกลับยิ้มออกมาเล็กน้อย“ข้ารู้ดี ความจริงแล้วน้องห้าจิตใจดีงามมาตลอด”ทันทีที่ได้ยินคำชมว่า “จิตใจดีงาม” จากปากเวินฉางอวิ้น สีหน้าของหลานซื่อพลันขรึมลงในชั่วพริบตานางเห็นท่าทางเช่นนี้ของเวินฉางอวิ้น ในใจพลันบังเกิดโทสะที่ไม่อาจจางหายอย่างไม่มีสาเหตุ “เอ่ยคำชวนคลื่นไส้เช่นนี้ต

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 1061

    เวินฉางอวิ้นจะเลือกหนทางใดเล่า?เขาไม่อาจเลือกทางใดได้เลย“ข้าต้องบอกน้องห้า ให้นางระวังแผนการอันชั่วร้ายทั้งหมดของท่านแน่”เวินฉางอวิ้นเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเยียบเย็น“แน่นอน ข้าก็บอกแล้วว่าจะไม่ขัดขวางเจ้า”เวินเฉวียนเซิ่งทำท่าทีมิใส่ใจแม้แต่น้อยแต่ยิ่งเวินฉางอวิ้นเห็นเขาเป็นเช่นนี้ ในใจก็ยิ่งเต็มไปด้วยความระแวดระวังเขาเพียงปรายตามองเวินเฉวียนเซิ่งลึกซึ้งคราหนึ่ง ก่อนหันกายจากไปจากตรงนี้ทว่าเขามิได้ทำตามคำพูดของเวินเฉวียนเซิ่งที่ให้ไปหาหลานซื่อ หากแต่ก้าวออกไปจากโรงเตี๊ยมโดยไม่เหลียวหลังเมื่อเห็นเงาร่างเวินฉางอวิ้นลับหายไปที่ประตู เวินจื่อเยวี่ยก็ขมวดคิ้วมองไปยังเวินเฉวียนเซิ่ง“ท่านพ่อ นี่พี่ใหญ่เขาจะไปทำอะไรท ท่านไม่ได้บอกให้เขาไปหาเวินซื่อหรอกหรือ?”เหตุใดกลับเดินออกไปข้างนอกเล่า?เขาจึงเอ่ยถามว่า “ให้ข้าไปตามพี่ใหญ่กลับมาดีหรือไม่? คงยังไปได้ไม่ไกลนัก”เวินเฉวียนเซิ่งชายตามองเขาแวบหนึ่ง “เจ้าดูแลตัวเองให้ดีก็พอ ส่วนเขา? หากรู้สถานการณ์ ก็ย่อมรู้ว่าควรกระทำสิ่งใด”หากไม่รู้สถานการณ์เล่า?เวินจื่อเยวี่ยเผลอตั้งคำถามเช่นนี้ในใจโดยไม่รู้ตัว?แน่นอนว่าหาได้คำตอบจากเวิน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 1060

    ไม่ว่าท่านพ่อและพวกเขาจะพูดอะไรกับพี่ใหญ่ เขาก็ไม่มีท่าทีตอบสนองใด ๆ เฉยเมยราวกับหุ่นเชิดไม้เลยทีเดียวแต่บางครั้งก็ยังพอมีปฏิกิริยาอยู่บ้าง อย่างเช่นตอนที่เวินซื่ออยู่ พี่ใหญ่ก็จะมองดูนางอยู่ตลอดไม่รู้จริง ๆ ว่าผู้หญิงที่หันหลังให้ครอบครัวคนนี้ พี่ใหญ่ยังมีอะไรให้อาลัยอาวรณ์นางอีกแต่เวินจื่อเยวี่ยเองก็ไม่รู้ตัวเช่นกันว่า จนถึงตอนนี้เขาก็ยังเคยชินกับการเรียกหลานซื่อด้วยชื่อเดิมทั้งที่นางไม่ได้ชื่อ “เวินซื่อ” มานานแล้ว“ให้เจ้าไปก็จงไปแต่โดยดี”เวินเฉวียนเซิ่งเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา “ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเจ้าสองพี่น้องต่างก็ไร้ประโยชน์ไม่แพ้กัน ข้าก็ไม่จำเป็นต้องพานังลูกเนรคุณนั่นมาด้วย”เวินเยวี่ยไม่กล้าพูดอะไรเวินจื่อเยวี่ยที่โดนด่าเสียยกใหญ่อย่างไร้เหตุผลใบหน้าแดงก่ำ ก่อนจะลุกขึ้นไปชั้นบนด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วนไม่นาน เขาก็เรียกเวินฉางอวิ้นลงมา“มีเรื่องอะไรหรือ?”เวินฉางอวิ้นเดินมาหยุดยืนที่หน้าโต๊ะ แม้แต่คำว่า “ท่านพ่อ” ก็ไม่เรียกสักคำ เพียงถามด้วยเสียงอันเฉยชาเวินเฉวียนเซิ่งเงยหน้ามองลูกชายคนโตผู้นี้ที่หมดอาลัยตายอย่างแล้วเขานึกเย้ยหยันในใจ คนโน้นคนนี้ก็อยากจะต่อต้า

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 1059

    “ท่านพ่อ คนประหลาดนั่นคือใคร? เหตุใดหลานซื่อยังเรียกเขาว่าน้องชายด้วย?”คนที่ทนไม่ไหวเป็นคนแรกคือเวินจื่อเยวี่ยเขาที่ในเวลานี้บาดแผลตามร่างกายยังไม่หายดี จ้องไปยังหลานซื่อและเล่อตุนที่บรรยากาศดูสนิทสนมกลมเกลียวอยู่ทางนั้นด้วยใบหน้าซีดเซียวทั้งยังหม่นหมอง แววตาทั้งสองมืดมน ไม่รู้ว่ากำลังคิดสิ่งใดเวินเยวี่ยก็กำลังมองไปทางนั้นเช่นกัน แต่ต่างจากเวินจื่อเยวี่ย ตรงที่แววตาของนางเป็นความประหลาดใจระคนสงสัยเกิดอะไรขึ้น?คนประหลาดผู้นี้โผล่ออกมาจากที่ใดอีก?ชาติก่อนนางไม่เคยเห็นคนผู้นี้มาก่อนเลยให้ตายสิ ก็เพราะนังสารเลวเวินซื่อนั่นดันไม่ตาย บัดนี้สถานการณ์หลายอย่างก็เปลี่ยนไปหมดแล้ว!กระทั่งคนและเหตุการณ์ที่ไม่เคยปรากฏในชาติที่แล้วยังโผล่มา!การเปลี่ยนแปลงมากมายเพียงนี้ สำหรับนางแล้วเป็นเรื่องที่แย่มากจริง ๆเมื่อตอนแรกที่กลับมาเกิดใหม่ นางคิดว่าตัวเองโชคดีที่ได้กลับมาเกิดพร้อมความทรงจำ สามารถใช้ประสบการณ์จากชาติที่แล้วมาใช้ควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดได้แต่ไม่คิดเลยว่าจะไม่มีอะไรเอามาใช้ประโยชน์ได้เลยทั้งหมดนี้ต้องโทษเวินซื่อตามคาดนางยังต้องคิดหาทาง ขจัดปัญหาใหญ่ในใจนี้เสียแต่เนิ่

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 1058

    “ให้ตายสิ!”“นี่...นี่คือคนหรือ?”“นี่มันทั้งสูง ทั้งใหญ่ ทั้งกำยำเกินไปแล้วกระมัง?!”แทบจะไม่ใช่คนปกติแล้ว!บอกว่าจวี้เอ๋าเป็นยักษ์ก็เกินไปหน่อย แต่ถ้าบอกว่าเป็นยักษ์ตัวเล็กก็ไม่เกินจริงเลยแม้แต่ประตูใหญ่ของโถงโรงเตี๊ยมเขายังต้องก้มตัวผ่านเข้าไปด้วยซ้ำ โต๊ะเก้าอี้ข้างในที่เรียงรายอยู่ตรงหน้า ดูเล็กจิ๋วผิดปกติ ถึงขั้นที่จวี้เอ๋านั่งไม่ได้เลย“นาย...นายท่านขอรับ โรงเตี๊ยมของเราไม่มีโต๊ะเก้าอี้และม้านั่งที่ใหญ่กว่านี้แล้วขอรับ หรือว่าท่าน...ท่านจะลองไปดูโรงเตี๊ยมอื่น...”“ไม่ใช่ว่าเราอยากจะไล่นายท่านไปนะขอรับ เพียงแต่กลัวว่าจะดูแลนายท่านได้ไม่ดีพอ...”เจ้าของโรงเตี๊ยมและเสี่ยวเอ้อร์เดินเข้ามาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ พลางเอ่ยเสียงสั่นเครือด้วยความหวาดกลัวเถ้าแก่โรงเตี๊ยมนี้พูดภาษาจงหยวนได้ ดูจากหน้าตาแล้วน่าจะเป็นลูกครึ่งสองเผ่าคนประเภทนี้มักไม่เป็นที่ชื่นชอบของทั้งสองฝ่าย ถูกดูแคลนเป็นอย่างมากแต่การที่เขาสามารถเปิดโรงเตี๊ยมในตลาดการค้าชายแดนได้ ก็แสดงว่าไม่ธรรมดาเช่นกันแม้จะไม่ธรรมดาสักเพียงใด เวลานี้ก็ยังถูกจวี้เอ๋าที่วางมาดดุดัน (ตามที่จู๋เยวี่ยสอนมา) ข่มเสียจนอกสั่นขวัญแขวน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 1057

    แม้เป่ยเฉินหยวนปรารถนาจะติดตามอยู่ข้างกายหลานซื่อ เพื่อคุ้มกันนางอย่างใกล้ชิด แต่เขาก็รู้ว่าสิ่งที่หลานซื่อพูดนั้นหาได้ไร้เหตุผลไม่ทั้งสองคนพูดคุยตกลงกันได้อย่างรวดเร็วก่อนจากไป เป่ยเฉินหยวนยื่นมีดแขนเสื้อขนาดเล็กที่ประณีตเล่มหนึ่งให้แก่หลานซื่อ พร้อมกับพลุสัญญาณอีกดอกหนึ่ง“ดูแลตัวเองให้ดี หากเจออันตราย ให้ยิงพลุสัญญาณดอกนี้ขึ้นฟ้าเพื่อยืนยันตำแหน่งของท่าน ข้าจะรีบไปถึงตัวท่านทันที”หลานซื่อมองดูมีดแขนเสื้อเล่มนั้น แล้วมองดูพลุสัญญาณอีกคราหนึ่งหลังจากนางรับมาแล้ว ก็นำขวดกระเบื้องเคลือบหลายขวดออกมามอบให้เป่ยเฉินหยวนเช่นกัน“ขวดนี้คือยาถอนพิษผงทำลายไส้เจ็ดวัน หลายขวดเหล่านี้พวกท่านน่าจะใช้ได้ในยามคับขัน มียาสมานแผล ยาถอนพิษ ยาชูกำลัง แล้วก็ขวดนี้...”หลานซื่อเน้นย้ำกับเป่ยเฉินหยวนถึงยาขวดหนึ่งในนั้นที่วาดสัญลักษณ์สีแดงเอาไว้ “นี่คือยาสำหรับใช้ในยามวิกฤต สามารถรีดเค้นเอ็น กระดูก และกล้ามเนื้อทั่วร่างกายให้ระเบิดพลังออกมาได้มากกว่าปกติเป็นเท่าตัวในช่วงเวลาสั้น ๆ สรรพคุณยอดเยี่ยม แต่ผลข้างเคียงก็รุนแรงมากเช่นกัน ออกฤทธิ์ต่อเนื่องเพียงหนึ่งเค่อเท่านั้น หลังจากหนึ่งเค่อผ่านไปจะหมดแ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status