หลิวเสียงเหย่าบุตรีของแม่ทัพใหญ่ถูกหลอกใช้ให้กำจัดองค์ชายรัชทายาทยังไม่พอ กองกำลังรักษาเมืองหลวงที่บิดาของตนก่อขึ้นก็ต้องตกเป็นของคนผู้นั้น องค์ชายสามผู้สง่างาม หล่อเหลาและเปี่ยมไปด้วยคำหวานๆ เมื่ออยู่ต่อหน้าของนาง จากลูกแม่ทัพที่ติดตามบิดาไปฝึกทหารอยู่บ่อยครั้งจึงมีวิชาติดกายอยู่มาก แต่ในเมื่อเกิดรักใครกับองค์ชายในวังก็เปลี่ยนไป แต่ถึงกระนั้นเขากับสหายสนิทของนางก็หักหลังนาง แม้กระทั่งยอมเป็นอนุเพราะความรัก เขาบอกว่าจะรักนางและบุตรที่เกิดผู้อื่น แต่เมื่อบุตรชายของนางมีอายุครบหกปี เขาก็ให้นางลวงบิดาของบุตรนางมา และสังหารพวกเขาทั้งสาม ก่อนตายนางกำแหวนหยกปาจือสี่ม่วงลาเวนเดอร์ที่หนามกงฟู่มอบให้ นางตื่นขึ้นมาอีกครั้งซึ่งหนามกงฟู่ถูกวางยากำลังฉวยโอกาสกับนาง มือของนางสัมผัสแหวนหยกปาจือสี่ม่วงลาเวนเดอร์ที่อยู่ในมือเขา นางไม่สามารถแก้ไขให้เขาไม่ลงมือกับนางได้ หลิวเสียงเหย่าคิดหาหนทางที่จะหลีกหนีองค์ชายสามผู้ที่ทำร้ายและหลอกใช้ความรักของนางเป็นเครื่องมือทำให้ตัวเขาได้เป็นองค์ชายรัชทายาท ในเมื่อตอนนี้นางได้หลับนอนกับองค์ชายรัชทายาทแล้ว และชาติที่แล้วเขาก็ดีกับนางไม่น้อย ครั้งนี้นางก็จะสนับสนุนเขา
ดูเพิ่มเติมในเทศกาลสิ้นปีโคมไฟรูปทรงต่างๆลอยขึ้นสู่ฟากฟ้ามีแสงสว่างเรืองรองต่อกันเป็นสาย ทุกคนต่างอธิษฐานขอให้ใต้ล่าสงบสุขในเร็ววัน ช่วงสงครามอย่างนี้หลายๆผู้หลายๆคนไม่มีกระจิตกระใจที่จะจัดงานปีใหม่ เหล่าแม่ทัพน้อยใหญ่ต่างก็ประจำกันอยู่ที่ด่านต่างๆ บันดาลูกและภรรยาต่างนั่งสวดมนต์อธิษฐานให้ท่านพ่อและสามีนั้นปลอดภัยจากสงคราม มีแต่รัชทายาทผู้เดียวเท่านั้น ที่ป้องกันอยู่ ณ ดินแดนทางเหนือของแคว้นตง ที่เขาถูกเรียกตัวกลับมาเมืองหลวง เพื่อที่จะเฉลิมฉลองในวันเทศกาลปีใหม่นี้ คราแรกเขาไม่เต็มใจมากนักเนื่องจากสถานการณ์ของสงครามนั้น ยังอยู่ช่วงวิกฤตอยู่ แต่เสด็จพ่อของเขาสั่งแล้วมิสามารถที่จะขัดคำสั่งได้ เป็นห่วงบ้านเมืองก็เป็นห่วงแต่ท่านพ่อของเขาเป็นถึงฮ่องเต้จะให้ขัดคำสั่งได้อย่างไร องค์ชายรัชทายาทมีกองกำลังอยู่นับครึ่งของแคว้น เขาได้สั่งแม่ทัพต่างๆก่อนที่เขาจะเดินทางกลับวังหลวงให้ดูแลเข้มงวด เพราะไม่รู้ว่าข้าศึกจะใช้ช่วงที่เขากลับวังนั้นโจมตีด่านต่างๆหรือไม่ มารดาของเขาได้เสียชีวิตไปในยามสงครามครั้งที่เขาอายุเพิ่งได้หกขวบ ครั้งนั้นเกิดวิกฤตใหญ่หลวงยังดีที่ฮ่องเต้ทรงหลุดพ้นออกมาได้ ถึงแม้ว่าภรรยาสุดที่รักจะเสียไป แต่เขาก็ยังกอบกู้แคว้นตรงขึ้นมาได้ ครั้งนี้ที่เสด็จพ่อได้เรียกตัวขององค์ชายรัชทายาทกลับมาเนื่องจากว่าเขาเองก็มีอายุยี่สิบปีแล้วจึงเหมาะสมที่จะหาคู่ครองเสียที แต่เนื่องจากเขาออกรบและประจำการอยู่ที่ด่านทางด้านทิศเหนือตลอดเวลา จึงไม่สามารถที่จะหาสตรีมาแต่งงานกับตนได้ ฮ่องเต้ไม่เคยต้องการให้บุตรชายออกไปรบแต่อย่างใด เป็นเพราะองค์ชายรัชทายาทนั้นฝังใจเรื่องมารดาที่เสียไปตั้งแต่ตอนที่ตัวเองอายุได้เพียงหกขวบซึ่งครั้งนั้น ข้าศึกบุกเข้ามายังวังหลวงและจับสตรีทุกคนของฮ่องเต้จนในที่สุดก็ได้ฆ่ามารดาของเขา เขาไม่ต้องการที่จะสูญเสียใครในสงคราม จึงต้องสละตัวเองที่ออกไปจัดการกับข้าศึกด้วยตัวเอง เรื่องแต่งงานนี้นเขาไม่เคยที่จะคิดถึงมันด้วยซ้ำ เดิมทีตำแหน่งรัชทายาทนั้นเขาไม่ต้องการแต่เพราะฮ่องเต้รักและชื่นชมในตัวของมารดาของเขาจึงมอบตำแหน่งนี้ให้ตั้งแต่ที่มารดาของเขาเสียไป บุรุษที่ใบหน้าหล่อเหลา ผิวกลับคล้ำเนื่องจากถูกแสงแดดเป็นเวลานาน ได้ขี่ม้ากลับมากับลูกน้องคนสนิท
"นายน้อยขอรับเราจะถึงวังหลวงแล้วจะเข้าไปเลยไหมขอรับหรือเราจะกลับตำหนักองค์ชายรัชทายาทเสียก่อน" ซูเสวี่ยลูกน้องของคนสนิทของหนามกงฟู่กล่าวถามผู้เป็นนายขึ้น "ไปถวายบังคมเสด็จพ่อก่อนเถอะเดี๋ยวค่อยกลับตำหนัก" หนามกงฟู่กล่าวขึ้นพลางลงจากหลังม้าและยื่นเชือกให้ลูกน้องของตัวเองแล้วเดินเข้าไปในวังทันที "เสด็จพ่อลูกของคารวะพะยะค่ะ ขณะนี้ทางค่ายทหารของทิศเหนือกำลังเตรียมตัวเพื่อที่จะรอให้ทหารฝ่ายแคว้นอี้โจมตีก่อนพวกเราสู้กับแน่นอนขอรับ" หนามกงฟู่กล่าวขึ้น "อ้ามาแล้วหรือ เราเรียกตัวเจ้ากลับมาเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ เราไม่ได้เรียกตัวเจ้ากลับมาเพื่อที่จะมารายงานเรื่องสนามรบ เจ้าพอกับเรื่องรบได้แล้ว เจ้าให้แม่ทัพที่อยู่ฝ่ายเหนือนั้นทำเถอะเจ้ากลับมาอยู่ในพระราชวัง เราจะหาบุตรีแม่ทัพ หรือบุตรีขุนนางให้สักคนเพื่อที่จะตกแต่งกับเจ้า เรื่องของมารดาเจ้าก็ปล่อยวางเสียเถอะพ่อคิดว่าแม่ทัพของพวกเรา ก็มีแต่คนที่เก่งกาจซึ่งเขาก็เป็นลูกน้องของเจ้าทั้งนั้น เจ้าก็น่าจะเชื่อใจในตัวลูกน้องของเจ้านะ พวกเขาน่าจะพาแคว้นตงของเราให้อยู่รอดได้" ฮ่องเต้หนามกงเฉินกล่าวกับบุตรชาย "มันไม่เหมือนกันนะขอรับท่านพ่อ หากข้าได้ออกรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับทหารและท่านแม่ทัพทุกคนมันก็จะเป็นขวัญและกำลังใจให้พวกเขาต่อด้านศัตรูได้ดี ข้าเองเป็นถึงราชวงศ์แต่ยังออกรบด้วยตนเองนั่นแหละทำให้พวกเขารู้ว่าพวกเขานั้นสำคัญขนาดไหนข้าถึงทำงานร่วมกับพวกเขา" องค์ชายรัชทายาทหนามกงฟู่กล่าวขึ้น "พ่อไม่เถียงเจ้าแล้วก็ได้ เจ้ากลับมาก็ดีแล้ว งานเทศกาลปีใหม่นี้ข้าให้แม่เจ้าจัดเตรียมสาวงามลูกหลานของเหล่าแม่ทัพ ในการแต่งงานของเจ้า ถึงข้าจะเป็นบิดาแต่ข้าก็จะไม่บังคับเจ้า ข้าอยากให้เจ้าเปิดใจให้สาวงามพวกนั้นหากเจ้าสนใจผู้ใดเจ้ามารายงานกับท่านแม่เจ้าได้เลย" ฮ่องเต้หนามกงเฉิงกล่าวขึ้น องค์ชายรัชทายาทหนามกงฟู่ได้ฟังก็ยิ้มเล็กน้อย ตัวเขาเองยังไม่คิดที่จะมีชายานะเวลานี้ หากเขามีชายา ณ เวลานี้ก็จะทำให้เขาต้องอยู่ในพระราชวังเพื่อที่จะปกป้องดูแลชายา และเขาก็คิดอยู่เสมอว่าท่านพ่อของเขานั้นมี ชายามากจึงทำให้ท่านพ่อปวดหัวไม่น้อย เขาจึงสาบานกับตัวเองแล้วว่าเขาจะมีเพียงชายาอย่างเดียว หลังจากกลับตำหนักไปเขาก็ให้ลูกน้องคนสนิทซูเสวี่ย ไปตามสืบข้อมูลของลูกหลานแม่ทัพ ว่ามีผู้ใดพอใช้ได้บ้าง ผู้ที่จะเป็นผู้บังหน้าในการเป็นชายาของเขาเพราะเขายังไม่ได้คิดเรื่องนี้จริงจัง เขาคิดว่าหลังจากจบจากเทศกาลปีใหม่เขาต้องรีบขึ้นเหนือเพื่อที่จะไปเฝ้าประจำการอยู่ที่ด่านเหนือ "ท่านแม่ขอรับเจ้าฟู่กลับมาแล้วหรือขอรับ ข้าจะเริ่มแผนของพวกเราพรุ่งนี้เลยนะขอรับ" หนามกงเฉียวองชายสามกล่าวกับมารดา ซึ่งตอนนี้มารดาของตนได้กลายเป็นฮองเฮาแล้ว หลังจากที่มารดาของหนามกงฟู่สิ้นไป แต่ถึงมารดาของตนจะได้เป็นฮองเฮา แต่ผู้เป็นบุตรก็ไร้ตำแหน่งองค์รัชทายาท เขาก็คิดตลอดว่าตำแหน่งนี้ต้องเป็นของบุตรชายของเขา ถ้ามันไม่มีหนามกงฟู่อยู่ กลางคืนพรุ่งนี้เขาต้องจัดการหนามกงฟู่ให้อยู่มัด ถึงแม้เขาจะรู้ว่าบุรุษผู้นั้นมีทหารอยู่ในมือมากเพียงใดแม่ทัพคนใดบ้างที่อยู่ข้างของเขา แต่ตอนนี้เขาก็ได้แม่ทัพผู้นึงที่อยู่ในเมืองหลวงมาอยู่ข้างตนแล้วนั่นก็คือคนตะกูลหลิว เพราะตอนนี้เขาทำให้บุตรีที่เกิดขึ้นกับฮูหยินของแม่ทัพหลิวนั้นตกหลุมรักอย่างมาก ไม่มีทางที่กองทับรักษาวังหลวงแห่งนี้จะตกเป็นของรัชทายาทไปได้ เดิมทีหลิวเสียงเหย่านั้นก็แทบจะเป็นแม่ทัพน้อยอยู่แล้ว แต่เป็นหนางกงเฉียวที่เข้าไปทำให้นางปั่นป่วน จนล้มเลิกที่จะฝึกวรยุทธและหันกลับมาเย็บปักถักร้อยเพื่อที่จะได้ออกเรือนกับหนามกงเฉียว นางปฏิบัติตัวราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ เมื่อก่อนตื่นเช้านางต้องฝึกร่างกายให้แข็งแรงเนื่องจากว่านางติดตามบิดาออกไปซ้อมกับทหารจึงทำให้นางนั้นซ้อมด้วย จนทุกทุกคนในกองทหารของท่านพ่อชอบนางและเคารพนางเป็นอย่างมาก"คุณหนูเจ้าคะมีคนจากทางการติดตามเรามาเจ้าค่ะ พวกเราจะทำอย่างไรดีเจ้าคะ"บ่าวรับใช้ที่เดินทางมาด้วยกันถามผู้เป็นคุณหนูขึ้น"พวกเราแค่ไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สำนักเต๋าก็ไม่น่าจะมีผู้ใดว่าเราหรอกไปกันเถอะช่างคนของทางการเถอะ เพราะช่วงนี้พวกเขาก็ต้องทำงานของเขา"หลู่ชิงเหยากล่าวขึ้นแบบไม่ร้อนใจอะไรเลยสักนิด ไม่นานคุณหนูตระกูลหนูก็ไปถึงสำนักเต๋า"ท่านอาจารย์เจ้าคะช่วงนี้วังหลวงมีเรื่องราวมากมายเลยเจ้าค่ะ ข้าเองก็อยากจะให้ท่านอาจารย์ถอนของที่ทำให้องค์ชายสามผู้นั้นตกหลุมรัก เพราะช่วงนี้องค์ชายสามช่างทำตัวเหลวไหลไม่เป็นดังที่ข้าปรารถนาเสียเลยเจ้าคะ"หลู่ชิงเหยากล่าวขึ้นทันทีที่มาถึง "หลังจากที่ข้านั่งดูมาสักพักมันก็ไม่ยากหรอกที่จะทำให้บุรุษผู้นั้นลืมเลือนความสัมพันธ์ของพวกเจ้าทั้งสองในอดีต แต่เจ้าตัดสินใจดีแล้วใช่หรือไม่ บุรุษผู้นี้ยังมีประโยชน์ต่อเจ้าไม่มากก็น้อย"ท่านนักพรตกล่าวถามขึ้น"ตัดสินใจดีแล้วเจ้าค่ะท่านอาจารย์ ถึงเขาจะมีประโยชน์ต่อถ้าไม่มากก็น้อย แต่ตอนนี้ถ้าข้ายังติดต่ออยู่กับเขาก็เกรงว่าข้าจะถูกลากตัวลงไปเกี่ยวข้องกับเรื่องที่แคว้นถูกศัตรูทำลายได้เลยนะเจ้าคะ"หลู่ชิงเหยากล่าว
"ท่านพ่อเจ้าค่ะลูกมีสิ่งใดจะขอร้องท่านพ่อสักหน่อย ตอนนี้องค์ชายรัชทายาทออกไปรบซึ่งมีแนวโน้มที่จะชนะกลับมาเจ้าค่ะ ลูกจึงอยากจะขอเสด็จพ่อให้เสด็จพ่อทูลขอกลับฮ่องเต้ให้ลูกนั้นแต่งเป็นชายารองขององค์ชายรัชทายาทสักคนนะเจ้าคะ"หลู่ชิงเหยากล่าวกับบิดา"อะไรของเจ้าลูกผู้นี้ ทั้งที่แต่ก่อนก็ตามติดองค์ชายสาม ซึ่งเมื่อก่อนนั้นเหมือนว่าองค์ชายสามกับพระชายาหลิวนั้นชอบพอกัน เจ้าก็ตามติดพวกเขา และครั้งนี้พระชายาได้ตกแต่งกับองค์ชายรัชทายาทแล้วเจ้าก็หันมาหาองค์ชายรัชทายาท ผู้เป็นบิดาแบบข้าก็ต้องการให้เจ้านั้นได้ดิบได้ดีก็จริง แต่เมื่อเจ้าทำแบบนี้มันไม่งามเอาเสียเลย"อัครฝ่ายซ้ายหลู่กล่าวกับบุตรสาวอย่างไม่พอใจเพราะครั้งก่อนนั้นบุตรสาวให้เขาสนับสนุนองค์ชายสาม แต่เมื่อครั้งนี้องค์ชายรัชทายาทนั้นออกไปรบแทนที่จะกลัวว่าองค์ชายรัชทายาทนั้นจะสิ้นพระชนม์ระหว่างรบ กับบอกให้เขาเข้าไปกราบทูลขอฮ่องเต้ให้พระราชทานสมรสให้ลูกสาวของตัวเอง นั้นเป็นอนุภรรยาซึ่งไม่มีใครต้องการให้บุตรสาวของตัวเองเป็นอนุภรรยาแม้แต่อย่างใด แต่ในทางกลับการซึ่งองค์ชายรัชทายาทนั้นมีหวังที่จะได้ตำแหน่งฮ่องเต้ แต่ตำแหน่งภรรยารองนั้นเขาเองก็ไม่ได้
"ท่านพ่อให้คนไปบอกเขาว่า ข้าพระชายาองค์ชายรัชทายาทเรียกตัวคนผู้นั้นเข้าพบ พรุ่งนี้เช้าจะเชิญตัวมาเข้าวัง ท่านให้ทหารพูดให้มากความหน่อย ให้แถบนั้นรู้กันและลองซุ้มดักดู หากเราไม่มีหลักฐานและบุรุษผู้นั้นไม่ยอมบอกอะไรสักอย่าง หากทรงมอบให้ฮ้องเต้จัดการก็คงไม่พ้นถูกตำหนิแน่ แต่หากเรื่องที่บุรุษผู้นั้นจะถูกนำตัวเข้าพระราชวังในวันพรุ่งนี้เช้า แพ่งพายออกไปกลุ่มบุรุษที่อยู่ด้านนอกก็น่าจะเกิดการเคลื่อนไหวแล้วล่ะ"หลิวเสียงเหย่ากล่าวขึ้น ผู้เป็นพ่อจึงกลับไปทำตามที่บุตรีพูดทันที ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาผู้เป็นพ่อไม่เคยที่จะขัดเรื่องที่บุตรีของเขานั้นต้องการสิ่งใด แม้บุตรีจะตามใจตัวเองสักเท่าไหร่ แต่นางก็ย่อมมีเหตุผลอยู่ทุกที ทางด้านองค์ชายสามเมื่อรู้ถึงข่าวว่าองค์ชายรัชทายาทนั้นบุกไปทางด้านทิศตะวันออกของแคว้นแล้ว และทางนั้นเขาก็รู้ดีว่าจะมีข้าศึกบุกมาฝั่งนี้จึงทำให้เขาต้องวางแผนการใหม่เสียแล้ว แต่ตอนนี้ผู้คนที่จะออกจากเมืองได้นั้นก็จะมีคนจับตามองเป็นอย่างดี"ผู้ที่ถูกจับได้นั้นพรุ่งนี้เช้ามันต้องไม่มีชีวิตอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นเรื่องต้องไปถึงท่านพ่อแน่ๆไปจัดการแล้วพวกที่เหลืออยู่ด้านนอกนั้นก็จัดการให้หม
"ใต้เท้าปล่อยลูกข้า หากท่านปล่อยลูก ข้าจะบอกกับท่านทุกอย่าง"สตรีผู้นั้นกล่าวขึ้น พลางกับดึงมือบุรุษชายตัวเล็กที่กำลังร้องไห้โฮอยู่ บุรุษที่บอกว่าเป็นครอบครัวเดียวกันขว้าเด็กนั้นไวทันที"ปล่อยลูกข้าเดียวนี้นะ ปล่อยๆๆๆ อย่าใายุ่งกับลูกข้านะ ไหนเจ้าบอกว่าถ้าออกไปแล้วจะไม่ทำร้ายพวกข้า เจ้าจะไม่ทำให้ข้าเดือดร้อนไง ปล่อยลูกข้าเดียวนี้"เมื่อถูกดึงบุตรชายจึงทำให้สตรีผู้นั้นโวยวายขึ้น นางทั้งร้องไห้และโวยวายจนทหารต้องแยกบุตรของนางออกมา เพียงรำพังและปิดปากเด็กไว้ เพราะเด็กผู้นั้นร้องไห้เสียจนน่ารำคาญ "ไปถ้าเจ้าพูดความจริงลูกของเจ้าจะปลอดภัย มา"ทหารลากตัวเด็กออกมาเพื่อให้สตรีผู้นั้นยอมพูดออกมา ผู้เป็นมารดายอมให้ทหารลากตัวบุตรชายออกไป และตัวเองก็เดินตาม"้จ้าต้องการบอกสิ่งใดกับท่านแม่ทัพ พวกข้าจะให้เจ้าได้พูด"ทหารที่ลากตัวสองแม่ลูกออกไปพูดกับสตรีผู้นั้น หลังจากที่ลากมาห้องสอบสวนข้างๆที่แม่ทัพหลิวรออยู่ เพราะเห็นว่าสตรีผู้นี้น่าจะกล่าวเรื่องมีประโชยน์ทหารจึงรีบนำตัวมาให้แม่ทัพหลิว"มีผู้อื่นๆที่ต้องการออกจากวังหลวงในช่วงนี้อีกหรือไม่"แม่ทัพหลิวถามขึ้น"ช่วงนี้ไม่มีแล้วขอรับ ตั้งแต่ครั้งที่ม
แม่ทัพหลิวจัดเตรียมทหารไว้ตั้งแต่คราแรกที่อ่องเต้ได้อ่านจดหมายขององค์ชายรัชทายาทแล้ว เนื่องจากว่าบุตรรีของเขาได้กำชับกับเขาเป็นหมั้นเป็นเหมาะว่าจะต้องสนับสนุนองค์ชายรัชทายาทให้เต็มที่ เมื่อเขาต้องการคนผู้เป็นพ่อตาจึงต้องจัดเตรียมให้ แม่ทัพหลิวเข้าไปในกองทหารของตนเอง และกล่าวกับทหารทุกคนอย่างพร้อมเพรียงกัน หากผู้ใดจะออกไปรบก็ให้ร่วมลงนามเนื่องจากว่าครั้งนี้ไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นใด ผู้ที่ร่วมลงนามนั้นจะต้องพร้อมใจที่จะออกไปรับใช้บ้านเมืองเท่านั้นหากผู้ที่มีภาระอยู่ไม่ต้องออกไปลงนามทั้งสิ้น ทหารของแม่ทัพหลิวเองมีราวๆห้าหมื่นกว่านาย ผู้ที่พร้อมลงนามราวๆสามหมื่นกว่านายแต่ท่านแม่ทัพหลิวก็ยังไม่ได้ส่งทั้งสามหมื่นนายออกไปเขาจึงคำนวณอยู่ในใจว่าจะส่งไปซักสองหมื่นนายก็น่าจะเพียงพอ ส่วนเรื่องเสบี่ยงอะไรก็จนปัญญาอย่างยิ่งถ้าหากว่าฮ่องเต้ไม่ทรงอนุญาตก็คงจะต้องใช้เบี้ยของตัวเองจัดเตรียมให้ แล้ว เขาต้องการจะให้บุตรีเพียงคนเดียวของเขาสบายใจ หากสวามีของนางอยู่ยังแดนไกลแล้วไร้ทหารคอยป้องกันนาง ก็คงจะหวั่นวิตกไม่น้อย และตอนนี้นางก็ตั้งครรภ์แล้ว จะให้นางคิดหนักกับเรื่องสามีได้อย่างไรและอีกอย่างอาจคิ
"นายน้อยขอรับแล้วแบบนี้พวกเราจะทำอย่างไรดีขอรับ ไม่คิดเลยว่าจะเป็นดังที่นายน้อยคิดเอาไว้ไม่มีผิดแล้วทางนี้เราก็นำทหารมาเพียงห้าร้อยนายเท่านั้นเราจะจัดการอย่างไรดี"ซูเสวี่ยกล่าวขึ้น"ท่านแม่ทัพถึงคนของเราจะน้อย แต่มีข้าผู้นึงแหละที่จะสู้แบบไม่ถอย และข้าเชื่อว่าทหารทุกคนที่อยู่ทางนี้ก็จะสู้เช่นเดียวกัน"ทหารผู้หนึ่งกล่าวขึ้นเขาเห็นพวกข้าศึกบุกมาขนาดนี้ทำให้เขาฮึกเหิมที่จะออกไปสู้รบ ทหารที่อยู่ใกล้ๆและได้ยินพยักหน้ากัน"เราเขียนจดหมายขอคนจากวังหลวงตั้งแต่ที่เราจะออกเดินทางมาตะวันออกแล้วอีกไม่นานกลุ่มนั้นน่าจะมาถึงให้ทหารหนึ่งนายที่มีความเร็ววิ่งย้อนไปเพื่อที่จะตามหากลุ่มทหารที่ส่งมาจากวังหลวงให้เร่งเดินทางมาให้เร็วที่สุด และเข้าไปแจ้งวังหลวงว่าทิศตะวันออกนั้นมีข้าศึกบุกมา ให้เขารายงานเป็นคำพูดเลย"องค์ชายรัชทายาทหนามกงฟู่กล่าวขึ้น ทหารผู้ที่กล่าวว่าเขายินดีที่จะอยู่ต่อสู้แม้คนน้อยนั้นรีบหมอบเคารพและรีบวิ่งไปหาทหารผู้หนึ่งเพื่อที่จะส่งข่าวและทหารผู้นั้นก็วิ่งออกไปทันทีทหารผู้ที่ไปส่งข่าวนั้นรีบกลับเข้ามาเพื่อที่จะฟังว่าท่านแม่ทัพจะสั่งการเช่นไรอีก ณ เวลานี้แม่ทัพใหญ่ก็คือองค์ชายรัชทายาทน
ความคิดเห็น