LOGINหลิวเสียงเหย่าบุตรีของแม่ทัพใหญ่ถูกหลอกใช้ให้กำจัดองค์ชายรัชทายาทยังไม่พอ กองกำลังรักษาเมืองหลวงที่บิดาของตนก่อขึ้นก็ต้องตกเป็นของคนผู้นั้น องค์ชายสามผู้สง่างาม หล่อเหลาและเปี่ยมไปด้วยคำหวานๆ เมื่ออยู่ต่อหน้าของนาง จากลูกแม่ทัพที่ติดตามบิดาไปฝึกทหารอยู่บ่อยครั้งจึงมีวิชาติดกายอยู่มาก แต่ในเมื่อเกิดรักใครกับองค์ชายในวังก็เปลี่ยนไป แต่ถึงกระนั้นเขากับสหายสนิทของนางก็หักหลังนาง แม้กระทั่งยอมเป็นอนุเพราะความรัก เขาบอกว่าจะรักนางและบุตรที่เกิดผู้อื่น แต่เมื่อบุตรชายของนางมีอายุครบหกปี เขาก็ให้นางลวงบิดาของบุตรนางมา และสังหารพวกเขาทั้งสาม ก่อนตายนางกำแหวนหยกปาจือสี่ม่วงลาเวนเดอร์ที่หนามกงฟู่มอบให้ นางตื่นขึ้นมาอีกครั้งซึ่งหนามกงฟู่ถูกวางยากำลังฉวยโอกาสกับนาง มือของนางสัมผัสแหวนหยกปาจือสี่ม่วงลาเวนเดอร์ที่อยู่ในมือเขา นางไม่สามารถแก้ไขให้เขาไม่ลงมือกับนางได้ หลิวเสียงเหย่าคิดหาหนทางที่จะหลีกหนีองค์ชายสามผู้ที่ทำร้ายและหลอกใช้ความรักของนางเป็นเครื่องมือทำให้ตัวเขาได้เป็นองค์ชายรัชทายาท ในเมื่อตอนนี้นางได้หลับนอนกับองค์ชายรัชทายาทแล้ว และชาติที่แล้วเขาก็ดีกับนางไม่น้อย ครั้งนี้นางก็จะสนับสนุนเขา
View Moreในเทศกาลสิ้นปีโคมไฟรูปทรงต่างๆลอยขึ้นสู่ฟากฟ้ามีแสงสว่างเรืองรองต่อกันเป็นสาย ทุกคนต่างอธิษฐานขอให้ใต้ล่าสงบสุขในเร็ววัน ช่วงสงครามอย่างนี้หลายๆผู้หลายๆคนไม่มีกระจิตกระใจที่จะจัดงานปีใหม่ เหล่าแม่ทัพน้อยใหญ่ต่างก็ประจำกันอยู่ที่ด่านต่างๆ บันดาลูกและภรรยาต่างนั่งสวดมนต์อธิษฐานให้ท่านพ่อและสามีนั้นปลอดภัยจากสงคราม มีแต่รัชทายาทผู้เดียวเท่านั้น ที่ป้องกันอยู่ ณ ดินแดนทางเหนือของแคว้นตง ที่เขาถูกเรียกตัวกลับมาเมืองหลวง เพื่อที่จะเฉลิมฉลองในวันเทศกาลปีใหม่นี้ คราแรกเขาไม่เต็มใจมากนักเนื่องจากสถานการณ์ของสงครามนั้น ยังอยู่ช่วงวิกฤตอยู่ แต่เสด็จพ่อของเขาสั่งแล้วมิสามารถที่จะขัดคำสั่งได้ เป็นห่วงบ้านเมืองก็เป็นห่วงแต่ท่านพ่อของเขาเป็นถึงฮ่องเต้จะให้ขัดคำสั่งได้อย่างไร องค์ชายรัชทายาทมีกองกำลังอยู่นับครึ่งของแคว้น เขาได้สั่งแม่ทัพต่างๆก่อนที่เขาจะเดินทางกลับวังหลวงให้ดูแลเข้มงวด เพราะไม่รู้ว่าข้าศึกจะใช้ช่วงที่เขากลับวังนั้นโจมตีด่านต่างๆหรือไม่ มารดาของเขาได้เสียชีวิตไปในยามสงครามครั้งที่เขาอายุเพิ่งได้หกขวบ ครั้งนั้นเกิดวิกฤตใหญ่หลวงยังดีที่ฮ่องเต้ทรงหลุดพ้นออกมาได้ ถึงแม้ว่าภรรยาสุดที่รักจะเสียไป แต่เขาก็ยังกอบกู้แคว้นตรงขึ้นมาได้ ครั้งนี้ที่เสด็จพ่อได้เรียกตัวขององค์ชายรัชทายาทกลับมาเนื่องจากว่าเขาเองก็มีอายุยี่สิบปีแล้วจึงเหมาะสมที่จะหาคู่ครองเสียที แต่เนื่องจากเขาออกรบและประจำการอยู่ที่ด่านทางด้านทิศเหนือตลอดเวลา จึงไม่สามารถที่จะหาสตรีมาแต่งงานกับตนได้ ฮ่องเต้ไม่เคยต้องการให้บุตรชายออกไปรบแต่อย่างใด เป็นเพราะองค์ชายรัชทายาทนั้นฝังใจเรื่องมารดาที่เสียไปตั้งแต่ตอนที่ตัวเองอายุได้เพียงหกขวบซึ่งครั้งนั้น ข้าศึกบุกเข้ามายังวังหลวงและจับสตรีทุกคนของฮ่องเต้จนในที่สุดก็ได้ฆ่ามารดาของเขา เขาไม่ต้องการที่จะสูญเสียใครในสงคราม จึงต้องสละตัวเองที่ออกไปจัดการกับข้าศึกด้วยตัวเอง เรื่องแต่งงานนี้นเขาไม่เคยที่จะคิดถึงมันด้วยซ้ำ เดิมทีตำแหน่งรัชทายาทนั้นเขาไม่ต้องการแต่เพราะฮ่องเต้รักและชื่นชมในตัวของมารดาของเขาจึงมอบตำแหน่งนี้ให้ตั้งแต่ที่มารดาของเขาเสียไป บุรุษที่ใบหน้าหล่อเหลา ผิวกลับคล้ำเนื่องจากถูกแสงแดดเป็นเวลานาน ได้ขี่ม้ากลับมากับลูกน้องคนสนิท
"นายน้อยขอรับเราจะถึงวังหลวงแล้วจะเข้าไปเลยไหมขอรับหรือเราจะกลับตำหนักองค์ชายรัชทายาทเสียก่อน" ซูเสวี่ยลูกน้องของคนสนิทของหนามกงฟู่กล่าวถามผู้เป็นนายขึ้น "ไปถวายบังคมเสด็จพ่อก่อนเถอะเดี๋ยวค่อยกลับตำหนัก" หนามกงฟู่กล่าวขึ้นพลางลงจากหลังม้าและยื่นเชือกให้ลูกน้องของตัวเองแล้วเดินเข้าไปในวังทันที "เสด็จพ่อลูกของคารวะพะยะค่ะ ขณะนี้ทางค่ายทหารของทิศเหนือกำลังเตรียมตัวเพื่อที่จะรอให้ทหารฝ่ายแคว้นอี้โจมตีก่อนพวกเราสู้กับแน่นอนขอรับ" หนามกงฟู่กล่าวขึ้น "อ้ามาแล้วหรือ เราเรียกตัวเจ้ากลับมาเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ เราไม่ได้เรียกตัวเจ้ากลับมาเพื่อที่จะมารายงานเรื่องสนามรบ เจ้าพอกับเรื่องรบได้แล้ว เจ้าให้แม่ทัพที่อยู่ฝ่ายเหนือนั้นทำเถอะเจ้ากลับมาอยู่ในพระราชวัง เราจะหาบุตรีแม่ทัพ หรือบุตรีขุนนางให้สักคนเพื่อที่จะตกแต่งกับเจ้า เรื่องของมารดาเจ้าก็ปล่อยวางเสียเถอะพ่อคิดว่าแม่ทัพของพวกเรา ก็มีแต่คนที่เก่งกาจซึ่งเขาก็เป็นลูกน้องของเจ้าทั้งนั้น เจ้าก็น่าจะเชื่อใจในตัวลูกน้องของเจ้านะ พวกเขาน่าจะพาแคว้นตงของเราให้อยู่รอดได้" ฮ่องเต้หนามกงเฉินกล่าวกับบุตรชาย "มันไม่เหมือนกันนะขอรับท่านพ่อ หากข้าได้ออกรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับทหารและท่านแม่ทัพทุกคนมันก็จะเป็นขวัญและกำลังใจให้พวกเขาต่อด้านศัตรูได้ดี ข้าเองเป็นถึงราชวงศ์แต่ยังออกรบด้วยตนเองนั่นแหละทำให้พวกเขารู้ว่าพวกเขานั้นสำคัญขนาดไหนข้าถึงทำงานร่วมกับพวกเขา" องค์ชายรัชทายาทหนามกงฟู่กล่าวขึ้น "พ่อไม่เถียงเจ้าแล้วก็ได้ เจ้ากลับมาก็ดีแล้ว งานเทศกาลปีใหม่นี้ข้าให้แม่เจ้าจัดเตรียมสาวงามลูกหลานของเหล่าแม่ทัพ ในการแต่งงานของเจ้า ถึงข้าจะเป็นบิดาแต่ข้าก็จะไม่บังคับเจ้า ข้าอยากให้เจ้าเปิดใจให้สาวงามพวกนั้นหากเจ้าสนใจผู้ใดเจ้ามารายงานกับท่านแม่เจ้าได้เลย" ฮ่องเต้หนามกงเฉิงกล่าวขึ้น องค์ชายรัชทายาทหนามกงฟู่ได้ฟังก็ยิ้มเล็กน้อย ตัวเขาเองยังไม่คิดที่จะมีชายานะเวลานี้ หากเขามีชายา ณ เวลานี้ก็จะทำให้เขาต้องอยู่ในพระราชวังเพื่อที่จะปกป้องดูแลชายา และเขาก็คิดอยู่เสมอว่าท่านพ่อของเขานั้นมี ชายามากจึงทำให้ท่านพ่อปวดหัวไม่น้อย เขาจึงสาบานกับตัวเองแล้วว่าเขาจะมีเพียงชายาอย่างเดียว หลังจากกลับตำหนักไปเขาก็ให้ลูกน้องคนสนิทซูเสวี่ย ไปตามสืบข้อมูลของลูกหลานแม่ทัพ ว่ามีผู้ใดพอใช้ได้บ้าง ผู้ที่จะเป็นผู้บังหน้าในการเป็นชายาของเขาเพราะเขายังไม่ได้คิดเรื่องนี้จริงจัง เขาคิดว่าหลังจากจบจากเทศกาลปีใหม่เขาต้องรีบขึ้นเหนือเพื่อที่จะไปเฝ้าประจำการอยู่ที่ด่านเหนือ "ท่านแม่ขอรับเจ้าฟู่กลับมาแล้วหรือขอรับ ข้าจะเริ่มแผนของพวกเราพรุ่งนี้เลยนะขอรับ" หนามกงเฉียวองชายสามกล่าวกับมารดา ซึ่งตอนนี้มารดาของตนได้กลายเป็นฮองเฮาแล้ว หลังจากที่มารดาของหนามกงฟู่สิ้นไป แต่ถึงมารดาของตนจะได้เป็นฮองเฮา แต่ผู้เป็นบุตรก็ไร้ตำแหน่งองค์รัชทายาท เขาก็คิดตลอดว่าตำแหน่งนี้ต้องเป็นของบุตรชายของเขา ถ้ามันไม่มีหนามกงฟู่อยู่ กลางคืนพรุ่งนี้เขาต้องจัดการหนามกงฟู่ให้อยู่มัด ถึงแม้เขาจะรู้ว่าบุรุษผู้นั้นมีทหารอยู่ในมือมากเพียงใดแม่ทัพคนใดบ้างที่อยู่ข้างของเขา แต่ตอนนี้เขาก็ได้แม่ทัพผู้นึงที่อยู่ในเมืองหลวงมาอยู่ข้างตนแล้วนั่นก็คือคนตะกูลหลิว เพราะตอนนี้เขาทำให้บุตรีที่เกิดขึ้นกับฮูหยินของแม่ทัพหลิวนั้นตกหลุมรักอย่างมาก ไม่มีทางที่กองทับรักษาวังหลวงแห่งนี้จะตกเป็นของรัชทายาทไปได้ เดิมทีหลิวเสียงเหย่านั้นก็แทบจะเป็นแม่ทัพน้อยอยู่แล้ว แต่เป็นหนางกงเฉียวที่เข้าไปทำให้นางปั่นป่วน จนล้มเลิกที่จะฝึกวรยุทธและหันกลับมาเย็บปักถักร้อยเพื่อที่จะได้ออกเรือนกับหนามกงเฉียว นางปฏิบัติตัวราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ เมื่อก่อนตื่นเช้านางต้องฝึกร่างกายให้แข็งแรงเนื่องจากว่านางติดตามบิดาออกไปซ้อมกับทหารจึงทำให้นางนั้นซ้อมด้วย จนทุกทุกคนในกองทหารของท่านพ่อชอบนางและเคารพนางเป็นอย่างมากแสงอาทิตย์แรกของวันแหวกทะลุม่านหมอกบางที่ลอยคลุมเหนือทุ่งหญ้ากว้าง เสียงนกป่าขานรับรุ่งอรุณกลายเป็นเพียงความทรงจำอันแผ่วเบา เมื่อเสียงกลองศึกดังสนั่นขึ้นจากแนวหน้าทัพ กองธงของแคว้นตงปลิวสะบัดรับลมเช้า แสงแดดย้อมเกราะโลหะให้เปล่งประกายดั่งเพลิงอรุณ พลทหารทั้งหลายเรียงแถวแน่นขนัด ดวงตาทุกคู่สะท้อนความมุ่งมั่นและความหวาดหวั่นปะปนกัน“ขึ้นม้า!” เสียงองค์ชายสี่หนามกงหยุ่นตะโกนก้อง วันนี้เขาจะประกาศศักดาผู้ที่ดูถูกเขา ฝุ่นดินปลิวฟุ้งขณะม้าศึกนับพันกระทืบพื้นพร้อมกัน เสียงเกือกเหล็กกระแทกดินดังระรัวราวกับสายฟ้าที่โหมกระหน่ำลงบนแผ่นดิน กลิ่นเหล็ก กลิ่นเหงื่อ และกลิ่นหญ้าที่เพิ่งถูกเหยียบย่ำผสมปนเปกันเป็นกลิ่นของสงครามที่ไม่อาจลืมเลือน เมื่อดวงอาทิตย์ยกตัวขึ้นเหนือขอบฟ้า เสียงเป่าหอยศึกก็ประกาศเริ่มการรบ กลุ่มอัครราชทูตกลับไปกองทัพของแคว้นเป่ยได้ทันก่อนที่กองทัพของแคว้นตงจะบุกเข้ามา "ห๊ะอะไรกองกำลังจากวังหลวงของแคว้นตงจะเข้ามาสมทบ แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าพวกนั้นเรียกกองกำลังไปกี่พันนาย แล้วองค์ชายสี่ไม่รับข้อเสนอของเราหรือ เราสามารถสนับสนุนให้เขาเป็นฮ่องเต้ได้"เสียงแม่ทัพแคว้นเป่ยกล่าวขึ้น"
ทางด้านตะวันตกก็ไม่ต่างกัน ข้าศึกแคว้นเป่ยตรึงกำลังมานานแล้ว ข่าวของแคว้นตงเปลี่ยนขั้วอำนาจมาถึง องค์ชายสี่หนามกงหยุ่นรู้สึกว่าเป็นธรรมอยากมาก เขาอยากให้เสด็จพี่องค์ชายรัชทายาทเป็นฮ่องเต้นานแล้ว แต่ก่อนตำแหน่งแม่ทัพของเขาเป็นแม่ทัพลำดับสองของแคว้นตง ต่อไปนี้เขาจะได้เป็นแม่ทัพที่เก่งลำดับที่หนึ่งแล้วละ เขายินดีเป็นอย่างมาก"ท่านแม่ทัพข้ามีเรื่องเกี่ยวกับค่ายใหม่ของแคว้นตงของเราพะยะค่ะ ค่ายใหม่ของแคว้นตงอยู่ทางทิศตะวันออกซึ่งเป็นน่านน้ำนำทัพโดยองค์ชายรัชทายาทหนาวกงฟู่ ในบันทึกศึกมีแคว้นจิ้นและแคว้นอี้ที่ร่วมมือกันบุกมายังน่านน้ำและถูกตอบโต้โดยองค์ชายรัชทายาทจนในที่สุดพระองค์สามารถจับแม่ทัพฉี่ฉ่างของแคว้นจิ้นได้ และกุมตัวไปวังหลวงและต่อมาก็ได้เปลี่ยนเป็นฮ่องเต้พะยะคะ"รองแม่ทัพรายงานขึ้น"ขนานนี้ยังจะสร้างชื่อเสียงส่งท้ายอีกนะเสด็จพี่ แล้วเรื่องขององค์ชายสามละ ไหนว่าถูกประหารชีวิต"องค์ชายสี่หนามกงหยุ่นถามขึ้น"ได้ข่าวว่าถูกข้อหากบฏพะยะคะ เป็นองค์ชายรัชทายาทใส่ร้าย"รองแม่ทัพกล่าวขึ้น"แล้วเจ้าคิดว่าเสด็จพ่อของข้าไม่มีหัวสมองเลยหรือ มีคนโดนใส่ร้ายก็จะไม่รู้ถึงขึ้นประการชีวิตขนาดนั้น"องค
"ท่านพ่อเจ้าค่ะตอนนี้เสด็จพี่ก็ได้เป็นฮ่องเต้แล้วข่าวนี้น่าจะแพร่ออกไปในไม่ช้า ท่านพ่อน่าจะมอบกำลังทหารให้ฮ่องเต้เพื่อที่จะไปเป็นกองทัพหนุนหลังให้กองทัพทัพหลัก เพราะหากข่าวนี้แพร่ออกไปแล้วอาจจะมีบางแคว้นที่ใช้เหตุการณ์นี้เข้ามาโจมตีแคว้นของเรา เนื่องจากว่าภายในนั้นก็น่าจะยังไม่มั่นคงพอ ด้านนอกจึงคิดจะมาแทรกแซงได้ง่าย เพราะลูกเองก็ไม่รู้ว่าแม่ทัพต่างๆนั้นส่วนมากจะเป็นองค์ชายเขาจะยินยอมกับเรื่องนี้หรือไม่"หลิวเสียงเหยากล่าวกับแม่ทัพหลิว ขนะที่เขาเข้ามาดูหลานชาย"เรื่องนี้พ่อกับฮ่องเต้องค์เดิมจัดการแล้วเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงตอนนี้เจ้าคือฮองเฮาเจ้าเป็นสตรีวังหลัง เจ้าจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับบ้านเมืองได้อย่างไร"แม่ทัพหลิวกล่าวขึ้น เพราะเรื่องนี้เขาคุยกับฮ่องเต้คนเก่าแล้วและได้จัดการเรียบร้อยแล้วตอนนี้กองทัพน่าจะกำลังไปถึงชายแดนต่างๆ ส่วนแม่ทัพทางตะวันออกนั้นยังปรึกษาหารือไม่ลงตัว เมื่อหลายแคว้นรับรู้ถึงเรื่องนี้ก็เกิดการปั่นป่วนจริงๆเนื่องจากว่า ผู้ที่เป็นแม่ทัพนั้นก็คือองค์ชายสองและองค์ชายสี่เมื่อพวกเขารับรู้ว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงในวังขึ้นมาอย่างรวดเร็วแบบนี้ และอีกอย่างองค์ชายสามนั้นก็ถูกประ
รุ่งเช้า ณ ท้องพระโรงทุกคนต่างเข้ามาประชุมก็เห็นสามคนที่นั่งอยู่กลางท้องพระโรง พวกเขานั้นถูกมัดไว้ราวกับนักโทษ เดิมองค์ชายรัชทายาทเองยังไม่อยากที่จะออกจากตำหนักเนื่องจากว่าพระโอรสของเขาพึ่งลืมตาดูโลกเขาต้องการจะอยู่ต่อ แต่ด้วยราชกิจที่บิดาบอกว่าเขาจำเป็นต้องมาด้วยตนเอง เพราะมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับสายลับผู้นั้นเขาจึงต้องจำใจจากโอรสน้อยมา เมื่อเขามานั่งบัลลังก์รองและมองลงไปก็เห็นทั้งสามที่ถูกจับไว้อยู่กลางท้องพระโรง ฮ่องเต้เองก็เหนื่อยๆกับเรื่องนี้เต็มทน หากเขาไม่จัดการบทพรุ่งนี้ก็จะกำเริบสืบสาน แต่คดีนี้เป็นคดีใหญ่คดีกบฏขนาดนี้ผู้เป็นบุตรชายจะต้องถูกประหาร เขาเองก็ไม่รีรอเนื่องจากว่าถ้าทนเห็นความเจ็บปวดของลูกเขาเองก็จะเจ็บปวดเขาจึงยื่นจดหมายให้ทันทีข้างกายเพื่อให้เขาอ่านออกไป"เสียงเหย่าลูกรัก หากจดหมายฉบับนี้ของแม่ได้ส่งถึงมือเจ้าแล้วเจ้าคงจะรู้แล้วว่าแม่ผู้นี้ไม่ใช่แม่แท้ๆของเจ้า แม่ขอโทษที่พรากพวกเจ้าออกจากกันเมือหลายปีก่อน จนแม่ได้เข้ามาอยู่ในจวนได้รู้ถึงความรักและความผูกพัน แม่เองเป็นคนของแคว้นอื่น คราแรกแม่เต็มใจที่จะเข้ามาเป็นสายลับเข้ามาหวังจะสืบข้อมูลในตระกูลหลิวของเจ้า เป็นบิด
เมื่อหลู่ชิงเหยาเข้ามาในวังก็เป็นไปตามที่ท่านยายนั้นกล่าวไว้ คือว่าตำหนักองค์ชายรัชทายาทปิดไม่ให้ผู้ใดเข้าเลยสักคน นางพยายามร้องตะโกนว่านางคือจะสหายของพระชายาแต่ก็ไม่มีผู้ใดเปิดให้นาง นางจึงตัดสินใจเข้าพระราชวังเพื่อไปหาฮองเฮา แต่ก็พบว่าฮองเฮาทรงเสวยพระยาหารกับฮ่องเต้อยู่ นางจึงตั้งใจที่จะรอ เมื่อทั้งสองเสวยพระยาหารเสร็จก็ออกจากตำหนักก็พบว่าหลู่ชิงเหยารออยู่แล้ว"ถวายพระพรฮ่องเต้ ถวายพระพรฮองเฮาเพค่ะ พอดีหม่อมฉันจะมาดูว่าพระชายานั้นคลอดแล้วหรือยัง แต่ตอนนี้ตำหนักขององค์ชายรัชทายาทปิดไม่ให้ผู้ใดเข้าไปได้เลยเพคะ"หลู่ชิงเหยากล่าวขึ้น"เจ้ากลับไปก่อนนะ พอดีวันนี้มีเรื่องวุ่นวายนิดหน่อยเกี่ยวกับคนของตำหนักองค์ชายรัชทายาทรวมไปถึง พระชายากำลังจะคลอดจึงดูคนเข้าออกได้ยาก ทั้งตำหนักก็คงจะปิดเพื่อมิให้คนนอกเข้า และหาการคลอดออกมาไม่ราบรื่นก็คงจะปิดเพื่อไม่ให้คนในออก"ฮ่องเต้กล่าวขึ้นและเดินจากไป หลู่ชิงเหยามองพระพักตร์ฮองเฮานางก็ได้แต่ยิ้มแล้วเดินจากไปเพราะนางต้องเอาเรื่องที่องค์ชายรัชทายาทนั้นจะต้องกลับค่ายอีกครั้งไปบอกกับบุตรชายของเขา เพราะเขาจะได้จัดการกับองค์ชายรัชทายาท หลู่ชิงเหยาได้แต่เดิน
ในตำหนักขององค์ชายรัชทายาทครึกครื้นขนาดนั้นจึงทำให้ฮองเฮารู้ว่าพระชายาหลิวกำลังใกล้จะคลอดแล้ว นางจึงอยากไปดูด้วยตาตัวเองว่าเป็นพระราชธิดาหรือพระราชโอรสเขาจึงมุ่งไปตำหนักขององค์ชายรัชทายาททันที เสี่ยวไป๋กับซูเสวี่ยไม่กล้าที่จะห้ามปลาม เข้าทั้งสองจึงต้องจำใจปล่อยให้ฮองเฮาเข้าไปข้างใน ทั้งสองมองหน้ากันเพราะตัวเองเป็นผู้น้อยจึงไม่สามารถทำสิ่งใดได้เลย "เสด็จพี่อยู่ที่นี่นี่เองหม่อมฉันได้ข่าวว่าลูกสะใภ้กำลังจะคลอดจึงรีบมาเพคะ ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างเพคะ ลูกสะใภ้เราได้เพราะราชโอรสหรือพระราชธิดาเพค่ะ"ฮองเฮากล่าวขึ้น เมื่อฮ่องเต้มองเห็นฮ่องเฮาก็ทรงตกพระทัยเล็กน้อย"ยังไม่คลอดเลยทั้งหมอหลวงกับหมอตำแยพึ่งเข้าไปเมื่อครู่หมอหลวงยังไม่ออกมาเลย ข้าว่าเราไปรอที่ตำหนักของพวกเราดีกว่า หากพระชายาคลอดแล้ว เจ้าอย่าลืมส่งคนไปแจ้งพ่อนะว่าได้พระราชโอรสหรือพระราชธิดา พ่อจะได้ให้คนนำของมารับขวัญหลาน"ฮ่องเต้พูดขึ้นและพาฮ่องเฮาจากไป จึงทำให้องค์ชายรัชทายาทหลังกงฟู่รู้สึกสงสัยเนื่องจากว่าท่านพ่อพูดคุยกับเขาเหมือนท่านพ่อจะรอให้หมอหลวงออกมาก่อน แล้วท่านพ่อค่อยไปแต่นี้หมอหลวงยังไม่ออกมา ท่านพ่อก็จากไปแล้วหรือว่ามีค






Comments