Share

หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก
หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก
Author: จิ้งซิง

บทที่ 1

Author: จิ้งซิง
“หม่ำ ๆๆ”

“กินสิ พี่หญิง เหตุใดท่านถึงไม่กินเล่า?”

ภายในห้องลับที่มืดสลัว เวินซื่อบาดเจ็บไปทั่วทั้งร่าง นอนคว่ำอยู่บนพื้นหายใจรวยริน โซ่เหล็กบนตัวนางส่งเสียงดังเคร้ง รัดคอและแขนขาของนางไว้ จนทำให้นางสลัดไม่หลุด

เบื้องหน้าของนางมีดรุณีน้อยสวมชุดสีเหลืองอ่อนถืออาหารสุนัขไว้ในมือ หยอกล้อนางราวกับกำลังหยอกสุนัขก็มิปาน

ส่วนดรุณีน้อยที่ยิ้มแย้มราวกับบุปผาผู้นี้คือน้องสาวของนาง...เวินเยวี่ย

เวินเยวี่ยเอ่ยกับสาวใช้ที่อยู่ข้างหลังอย่างไม่พอใจว่า “ดูสิ พี่หญิงของข้าช่างไร้ประโยชน์เสียจริง แม้แต่สุนัขก็ยังเป็นให้ดีไม่ได้ คุณหนูอย่างข้าป้อนให้นางกินด้วยตัวเอง นางยังกล้าไม่กินอีกหรือ?”

สาวใช้ก้าวเข้ามาเตะคนที่อยู่บนพื้นทันที

เตะจนคนร้องคราง สาวใช้ถึงค่อยเอ่ยเอาใจเวินเยวี่ยว่า “คุณหนูอย่าไปโต้เถียงกับนางเลยเจ้าค่ะ เกรงว่าสุนัขตัวนี้ยังคงคิดว่าตนเองเป็นบุตรสาวภรรยาเอกของจวนกั๋วกง”

เวินเยวี่ยหัวเราะเยาะ “เวินซื่อนับว่าเป็นบุตรสาวภรรยาเอกของประเภทไหน? แม้แต่ท่านพ่อกับพวกท่านพี่ก็ไม่ยอมรับนางแล้ว การได้เป็นสุนัขก็นับว่าเป็นเกียรติที่คุณหนูอย่างข้ามอบให้นาง”

“น่าเสียดายที่ไม่รู้จักเจียมตัว”

หลังจากที่เอ่ยคำพูดประโยคนี้อย่างเย็นชา เวินเยวี่ยก็เอาเท้าข้างหนึ่งเหยียบบนมือของเวินซื่อแล้วขยี้อย่างแรง

บดขยี้จนกระดูกมือดังกรอบแกรบ บดขยี้จนเวินซื่อร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด

“เวินซื่อ คุณหนูอย่างข้าจะให้โอกาสเจ้าครั้งสุดท้าย มอบหยกแขวนชิ้นนั้นมาเสีย!”

“เหอะ...เหอะ ๆ...”

เวินซื่อที่มีสติเลือนรางเล็กน้อยได้ยินคำพูดประโยคนี้ ในที่สุดก็มีปฏิกิริยาเล็กน้อย

นางหัวเราะออกมาอย่างอ่อนแรงสองครั้ง “เวินเยวี่ย เจ้ามันคิดเพ้อฝัน...”

นั่นเป็นของสิ่งเดียวที่ท่านแม่ทิ้งไว้ในนาง ต่อให้ตาย นางก็ไม่มีทางมอบให้เวินเยวี่ยเป็นอันขาด

“นังแพศยา เจ้ามันรนหาที่ตาย!”

เวินเยวี่ยโกรธจนดวงตาแทบลุกเป็นไฟ

ในเวลานี้เอง ประตูห้องลับถูกคนเปิดออกจากด้านนอก ก่อนจะมีหลายร่างเดินเข้ามา

เวินเยวี่ยหันหน้าไปเห็นคนเดินมา นางก็เอาอาหารสุนัขไว้ยัดไว้ในอกของสาวใช้ทันที สีหน้าเหมือนเล่นกลก็ไม่ปาน กลับมาเป็นท่าทางบริสุทธิ์น่ารักในพริบตา ก่อนจะโถมตัวเข้าใส่ผู้ที่มาอย่างมีความสุข...

“ท่านพ่อ พี่ใหญ่ พี่รอง พี่สาม พี่สี่!”

“พวกท่านมาได้อย่างไร?”

คนที่เข้ามาทั้งห้าคนคือเจิ้นกั๋วกงแห่งราชวงศ์ต้าหมิงกับบุตรชายทั้งสี่คนของเขา

เนื่องจากเจิ้นกั๋วกงเกิดมามีรูปร่างสูงใหญ่ รูปโฉมโดดเด่น

บุตรชายทั้งสี่คนของเขาก็ได้รับการถ่ายทอดมาจากเขาเช่นเดียวกัน แต่ละคนไม่เพียงมีรูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาก็ยังหล่อเหล่าสง่างามมาก บุคลิกไม่ธรรมดา

อีกทั้งมีนิสัยของเจิ้นกั๋วกงไม่มากก็น้อย แต่ละคนถ้าไม่มีสีหน้าเย็นชา ก็มีสีหน้าชั่วร้าย

แต่สิ่งที่เป็นข้อยกเว้นคือ เมื่อเวินเยวี่ยใช้เสียงออดอ้อนเรียกขานพวกเขา คนที่ดูเหมือนเย็นชาไร้ความรู้สึกเหล่านี้กลับเปลี่ยนสีหน้า

เวินจื่อเฉินผู้เป็นพี่ชายคนรองมองเวินซื่อที่อยู่บนพื้นด้วยสายตาดูแคลน ก่อนจะเอ่ยปากถามว่า “น้องหก เป็นอย่างไรบ้าง นางมอบหยกแขวนที่ขโมยไปจากเจ้าแล้วหรือยัง?”

ไม่ได้ขโมย!

นางไม่ได้ขโมยนะ!

นั่นเป็นหยกแขวนของนาง!

“เฮ้อ ยังเจ้าค่ะ!”

เวินเยวี่ยถอนหายใจโดยใช้น้ำเสียงที่ผิดหวังอย่างยิ่ง แล้วเอ่ยอย่างน้อยอกน้อยใจว่า “พี่ห้ารู้อยู่แก่ใจว่านั่นเป็นของสำคัญที่สุดของข้า เป็นของที่ระลึกเพียงหนึ่งเดียวที่ท่านแม่ของข้าทิ้งไว้ให้ข้า แต่เมื่อครู่นี้ไม่ว่าข้าขอร้องนางอย่างไร นางก็ไม่ยอมคืนให้ข้าเลย”

“ข้าไม่รู้แล้วจริง ๆ ว่าควรทำอย่างไรดี”

เวินเยวี่ยเอ่ยถึงตอนสุดท้าย เสียงก็สั่นเครือเล็กน้อย ราวกับอยากจะร้องไห้

พวกเวินจื่อเฉินฟังแล้วปวดใจอย่างยิ่ง

“เวินซื่อ ข้าผิดหวังในตัวเจ้าเหลือเกินจริง ๆ”

เวินจื่อเฉินเอ่ยอย่างโกรธเกรี้ยว

เวินจื่อเยวี่ยผู้เป็นพี่ชายคนที่สามซึ่งยืนอยู่ตรงหน้าประตูก็ทำหน้าเย็นชาในพริบตา ในมือเผยให้เห็นมีดคมกริบ

“ในเมื่อปากแข็งถึงเพียงนี้ เช่นนั้นก็ตัดมือของนาง ตัดข้างหนึ่ง ถามหนึ่งครั้ง หากไม่ยอมพูดตลอดก็ตัดมือและเท้าของนางให้หมด กล้าขโมยสิ่งของของน้องหก ข้าจะดูว่ากระดูกของเวินซื่อจะแข็งเหมือนปากของนางหรือเปล่า!”

“ไม่จำเป็นต้องตัดมือแล้ว”

เวลานี้เอง เวินฉางอวิ้นผู้เป็นพี่ชายคนโตเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “มีคนเห็นเวินซื่อเหมือนรีบร้อนกลืนสิ่งของลงท้องก่อนที่จะโดนจับตัวกลับมา”

เวินซื่อตกใจในพริบตา แววตาดูตื่นตระหนก

พวกเวินจื่อเฉินเห็นฉากนี้ก็พากันเข้าใจทันที

เวินจื่อเฉินด่าทออย่างเกรี้ยวกราดว่า “เวินซื่อ เจ้าบ้าไปแล้วหรือ? เจ้ายอมกลืนลงท้องทั้งเป็น แต่ไม่ยอมนำหยกแขวนของน้องหกคืนให้นาง?!”

นัยน์ตาของเวินซื่อฉายแววความบ้าคลั่งออกมาทันที

ในเมื่อถูกจับได้แล้ว นางก็ไม่มีอะไรต้องซ่อนอีก

“ฮ่า ๆ...ใช่แล้ว ข้าบ้าไปแล้ว!”

“เวินเยวี่ยทำร้ายข้าถึงเพียงนี้ และยังอยากแย่งชิงของสิ่งสุดท้ายที่ท่านแม่ทิ้งไว้ให้ข้า ข้าจะไม่บ้าได้อย่างไร?”

เวินซื่อกระชากโซ่เหล็กหลายเส้นอย่างสะเทือนใจ เสียงเคร้งและเสียงของนางดังไปทั่วห้องลับแห่งนี้

“เป็นอย่างไร? ตอนนี้มีทางเลือกอยู่ตรงหน้าพวกท่านเพียงแค่สองทาง ถอดใจ? หรือว่าคว้านท้องข้า?”

พวกเวินจื่อเฉินมีสีหน้าย่ำแย่อย่างยิ่ง รวมถึงเวินอวี้จือผู้เป็นพี่ชายคนสี่ที่ซึ่งเฝ้าชมอยู่ทางด้านข้างด้วยสายตาเย็นชามาโดยตลอด

พวกเขามองไปทางบิดาของพวกเขาตามจิตใต้สำนึก หรือก็คือเจิ้นกั๋วกงเวินเฉวียนเซิ่ง

เวลานี้มีเพียงเขาที่สามารถตัดสินใจได้

ดวงตาของเวินเยวี่ยฉายแววทะมึน นางเม้มปากแล้วเอ่ยเพียงคำพูดประโยคเดียวว่า “ท่านพ่อ ข้าคิดถึงท่านแม่แล้ว”

เวลานั้น เวินซื่อเห็นเวินเฉวียนเซิ่งมีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย

นางรู้ว่านางพ่ายแพ้การเดิมพันแล้ว

เวินเฉวียนเซิ่งถอนหายใจ “เวินซื่อ อย่าโทษพวกพี่ชายของเจ้าเลย จะโทษก็โทษข้าเถิด”

“ชาติหน้า หากเจ้าเป็นบุตรสาวของสกุลเวินอีก สกุลเวินจะชดเชยเจ้าให้มาก”

เวินซื่อมีหน้าคล้ายหัวเราะคล้ายร่ำไห้ คล้ายคลุ้มคลั่งคล้ายสะเทือนใจ

น้ำตาโลหิตสองสายค่อย ๆ ไหลลงมาจากหางตาของนาง

“ไม่ ชาติหน้าข้าจะไม่ขอเป็นบุตรสาวของสกุลเวินเด็ดขาด!”

เมื่อมีดเย็นเยียบกรีดท้องของเวินซื่อ ลมหายใจเฮือกสุดท้ายของนางหายไปจากในห้องลับ หยกแขวนที่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับร่างกายของนางมานานแล้วพลันเผยออกมาให้เห็นเล็กน้อย ส่องรัศมีแสงแสบตาออกมาจากในร่างของนาง

.....

ราชวงศ์ต้าหมิง ปีที่เจ็ดสิบหก

ต้นคิมหันตฤดู

จวนเจิ้นกั๋วกง

วันนี้จวนเจิ้นกั๋วกงครึกครื้นมาก

คนทั้งเมืองหลวงล้วนทราบว่าบุตรสาวทั้งสองคนของเจิ้นกั๋วกงจัดพิธีปักปิ่นด้วยกัน

เวลานี้เอง ในห้องนอนแห่งหนึ่งภายในจวน...

“ไม่ อย่านะ...”

บนเตียง ดรุณีน้อยวัยสิบห้าผู้หนึ่งคล้ายกับกำลังฝันเรื่องน่ากลัวอะไรบางอย่าง พึมพำด้วยเสียงสั่นเครือ

วินาทีต่อมานางลืมตาที่เต็มไปด้วยความหวาดหวั่นขึ้นฉับพลัน ร้องด้วยความตกใจแล้วลุกขึ้นมานั่งบนเตียงทันที ก่อนจะยื่นมือไปบังตนเองตามจิตใต้สำนึก

“อ๊า...!”

แต่ความเจ็บปวดจากการโดนผ่าท้องอย่างที่จินตนาการกลับไม่มา

ผ่านไปสักพัก เวินซื่อจึงค่อยลืมตาขึ้นมาอย่างหวาดกลัวและระมัดระวัง

เมื่อมองดูจึงพบว่าสภาพแวดล้อมแปลกไป ไม่ใช่ห้องลับแห่งนั้น

บิดา พี่ใหญ่และพวกเวินเยวี่ยก็ไม่อยู่เลยสักคน

มีเพียงห้องที่เงียบสงบ และการตกแต่งที่คุ้นเคยเล็กน้อย

เวินซื่อใคร่ครวญอยู่พักใหญ่เต็ม ๆ ด้วยสมองที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว แล้วค่อยนึกขึ้นได้ว่านี่คือที่ใด

“นี่เป็นห้องเก่าของข้าไม่ใช่หรือ?”

เป็นห้องที่นางเคยอาศัยอยู่ตอนที่ยังได้รับความรักความโปรดปรานจากบิดามารดาและพี่ชายในจวนกั๋วกง

“ไม่ เหตุใดข้าถึงอยู่ที่นี่ได้?!”

เวินซื่อที่ได้สติกลับมาในที่สุดกลับตกใจจนรีบเด้งตัวลุกขึ้นมาจากเตียง ก่อนจะโซเซล้มลงไปที่พื้น

“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้? เหตุใดข้าถึงกลับมาที่นี่ได้?!”

นางต้องรีบไป!

จะให้พวกบิดากับพวกพี่ใหญ่จับตัวไม่ได้!

มิฉะนั้นนางจะต้องตายเป็นแน่!

แต่นางยังไม่ทันวิ่งไปถึงหน้าประตู ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังมาจากด้านนอกประตู...

“ก๊อก ๆ”

“คุณหนูห้า ท่านยังจะนอนถึงเมื่อไร วันนี้เป็นพิธีปักปิ่นของท่านกับคุณหนูหก หากสายแล้ว อย่าโทษว่าบ่าวไม่ได้เรียกท่านนะเจ้าคะ”

เสียงที่ไม่มีความเกรงใจแม้แต่น้อยของสาวใช้ดังเข้ามาในหูของเวินซื่อ ทำให้เวินซื่อที่เดิมทีเตรียมตัวจะเปิดประตูตกใจจนเก็บมือกลับมา

แต่คำพูดที่เข้ามาในหูของนางทำให้การเคลื่อนไหวของนางค่อย ๆ หยุดลง สีหน้าแข็งทื่อ

“พะ...พิธีปักปิ่น?”
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (3)
goodnovel comment avatar
rujira
สนุกมากค่ะ
goodnovel comment avatar
Phinnipha Khonhok
อ่านดีโหลดมาอ่านใหม่แต่เสียอย่างเดียวเมื่อก่อนนี้คะแนนรอนานมากแต่ทีนี้อัพเดทใหม่โหลดมาใหม่รู้สึกว่าใช้ line ยิ่งกว่าเดิมค่ะ
goodnovel comment avatar
ไม่มีที่ว่าง สำหรับคนอ่อนแอ
สนุกมากคาะ
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 762

    เวินเยวี่ยจิกเนื้อฝ่ามือจนเป็นแผล เมื่อจิกจนเลือดซึมออกมาถึงได้อดกลั้นไฟโกรธที่เกือบจะทนไม่ได้เอาไว้นางขบฟันแน่น ผ่านไปครู่หนึ่งจึงกล่าวขึ้น “อนุ...ที่พำนักของมารดาอนุก่อนหน้านี้เป็นช่องเขาแห่งหนึ่ง บนเขาทางลาดชัน อนุยืนไม่มั่น ไม่ทันระวังจึงตกจากเขา ถึงได้...มีบาดแผลเต็มตัว”“เป็นเช่นนั้นหรือ?”เวินหย่าลี่ฟังนางพูดจบ แต่ก็ยังถามอย่างระแวงเวินเยวี่ยฝืนยิ้มพร้อมย้อนถาม “ไม่อย่างนั้น ฮูหยินใหญ่ ท่านหวังให้เป็นอย่างไรหรือเจ้าคะ?”เวินหย่าลี่เบะปาก “ข้าย่อมหวังให้เป็นเช่นนั้นจะดีที่สุด แต่หากวันใดข้ารู้ว่าเจ้ากล้าทำผิดต่อเส้าเจ๋อ ทำผิดต่อจวนจงหย่งโหวของพวกข้าละก็ ข้าจะให้เส้าเจ๋อหย่าเจ้าแน่นอน!”แววตาเวินเยวี่ยมีจิตสังหารแวบผ่านทันใดนางเอ่ยเสียงอ่อน แสร้งทำต่ำต้อย “ฮูหยินใหญ่วางใจได้ ยามนี้อนุแต่งเข้าจวนจงหย่งโหวแล้ว ผู้ที่พึ่งพิงได้ก็มีเพียงพี่เส้าเจ๋อเท่านั้น เขาเป็นสามีของอนุ หากรุ่งโรจน์ก็รุ่งโรจน์ด้วยกัน หากเสียหายก็เสียหายด้วยกัน เหตุผลนี้อนุทราบดี ดังนั้นจะทำเรื่องที่ผิดต่อเขาได้อย่างไรเจ้าคะ?”ขณะที่พูด นางก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวแล้วจับถ้วยน้ำชาของเวินหย่าลี่ “น้ำชาเย็นแ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 761

    สายตาเวินหย่าลี่ราวกับไม้บรรทัด จ้องจับผิดบนตัวเวินเยวี่ยทุกตารางนิ้ว “เงยหน้าให้ดี หลังตั้งตรง เอวจะงอทำไม? ไม่ใช่บ่าวเสียหน่อย ท่าทางต่ำต้อยนอบน้อม หากใครเห็นเข้า ยังนึกว่าเจ้าเป็นสาวใช้ห้องข้างของเส้าเจ๋อ”ยายแก่ตายยาก!ถึงกับกล้าเอานางไปเทียบกับสาวใช้ห้องข้างชั้นต่ำพวกนั้น!เมื่อได้ยินคำพูดประโยคสุดท้ายของเวินหย่าลี่ เวินเยวี่ยเกือบกลั้นไฟโกรธในใจไว้ไม่ไหวหากไม่ใช่เพราะยังต้องการจวนจงหย่งโหวบ้าบอนี่ นางสามารถฆ่ายายแก่ตายยากนี่ได้ทันที!แต่ก็ไม่เป็นไร นางหญิงชั้นต่ำเวินหย่าลี่ กล้ามาหาเรื่องนางถึงที่นี่ งั้นก็อย่าออกจากที่นี่แต่โดยดีเลย!เวินเยวี่ยมองเวินหย่าลี่เป่าน้ำชาที่นางเพิ่งชงเสร็จ ตอนอีกฝ่ายดื่มเข้าไปหนึ่งคำ มุมปากของนางเผยให้เห็นรอยยิ้มบิดเบี้ยวเล็กน้อยเพียงแต่ตอนเวินหย่าลี่วางถ้วยน้ำชาลง ใบหน้านางกลับมาเป็นดังเดิมอย่างรวดเร็ว แสร้งทำเหมือนไม่มีความผิดปกติใด เอ่ยถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ “ฮูหยินใหญ่ ไม่ทราบวันนี้ท่านมาด้วยธุระใดเจ้าคะ?” “ทำไม ไม่มีธุระใดแล้วข้ามาไม่ได้หรือ?”เวินหย่าลี่วางถ้วยน้ำชาเสียงดัง ถลึงตาใส่เวินเยวี่ยอย่างไม่สบอารมณ์เวินเยวี่ยอดกลั้นความโกรธ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 760

    “อะไรที่ผิดปกติหรือ?”ชุยเส้าเจ๋อดูสีหน้างุนงง ไม่เข้าใจว่าแม่ของเขาพูดอะไร“เฮ้อ ความหมายของแม่ก็คือ เจ้าไม่ได้สังเกตหรือว่าตั้งแต่เวินเยวี่ยกลับมา นางดูท่าทางไม่ค่อยปกติ?”“ตรงไหนที่มีอะไรไม่ปกติเล่า”ชุยเส้าเจ๋อส่ายศีรษะ พลางพูดว่า “ข้าคิดว่าเยวี่ยเอ๋อร์ดูปกติมาก อีกอย่างหลังจากกลับมาก็อ่อนโยนกับข้ามากขึ้น โดยเฉพาะเรื่อง...”เมื่อพูดถึงตอนท้าย ไม่รู้ว่าชุยเส้าเจ๋อนึกถึงอะไร หน้าแดงขึ้นมาทันที ท่าทางดูหลงใหลเวินหย่าลี่มองดูสภาพอันไร้ค่าของลูกชายคนนี้ของนาง อดกระตุกมุมปากไม่ได้ “เฮ้อ ช่างเถอะ ช่างเถอะ เด็กโง่อย่างเจ้าพึ่งพาไม่ได้จริง ๆ แม่ไปลองหยั่งเชิงดูเองดีกว่า”“ท่านแม่ ท่านกำลังพูดอะไรกันแน่ ช้าก่อน ท่านจะไปทำอะไร? ท่านแม่?”เวินหย่าลี่ไม่สนใจลูกชายผู้โง่เขลาของนางอีกต่อไป ก้าวขามุ่งไปยังเรือนที่ชุยเส้าเจ๋อและเวินเยวี่ยพักอาศัยอยู่ในตอนนี้ ทันทีที่นางเข้าไปในห้อง นางมองแวบหนึ่งก็เห็นเวินเยวี่ยกำลังนั่งหลับตาพักผ่อนอยู่บนเตียงเวินหย่าลี่ชะงักไปชั่วครู่ จากนั้นก็แสดงท่าทีไม่พอใจพลางอ้าปากดุด่าว่า “ข้าว่าแล้วบางคนในนี้ มีลูกสะใภ้อยู่ก็เหมือนไม่มีจริง ๆ แม่สามีของตัวเองม

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 759

    มีเพียงเวินจื่อเยวี่ยคนเดียวเท่านั้นที่ยืนนิ่งอยู่กับที่ มองเงาร่างของหลินเนี่ยนฉือที่กำลังจากไป ตะลึงงันอยู่สักพัก“ข้า...ทำผิดไปหรือ?”เขาทำผิดตรงไหน?เขาแค่กำลังตอบแทนบุญคุณน้องหกที่ช่วยชีวิตเขา ดังนั้นที่เขาดีกับน้องหกก็เพราะแบบนี้เท่านั้น เขาผิดอะไรหรือ?!ถ้าจะบอกว่าผิด มันก็เป็นความผิดของท่านพ่อด้วย!ถ้าไม่ใช่เพราะน้องหกตามหาเขาในตอนนั้น เขาคงตายจากน้ำมือของฆาตกรพวกนั้นไปนานแล้ว!หนึ่งปีก่อน...เวินจื่อเยวี่ยได้ประสบเหตุการณ์ถูกลักพาตัวคนที่ลักพาตัวเขาเป็นหนึ่งในศัตรูทางการเมืองในราชสำนักของเวินเฉวียนเซิ่ง และเคยเป็นอดีตรองเสนาบดีกรมโยธาธิการเพราะอีกฝ่ายซื่อตรงเกินไป ไม่เหมือนพวกขุนนางฝ่ายพลเรือนที่เสนอตัวรับใช้เวินเฉวียนเซิ่ง ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเป็นธรรมในการทำงานทำการเสมอ แม้ว่าเชื้อพระวงศ์จะไปหารองเสนาบดีกรมโยธาธิการ ก็ต้องปฏิบัติตามกฎ จนกระทั่งขวางทางผู้คนจำนวนมากไม่นานหลังจากนั้น รองเสนาบดีกรมโยธาธิการก็ถูกใส่ร้ายป้ายสีว่าทุจริตและติดสินบน ถูกถอดถอนจากตำแหน่งและจำคุก สุดท้ายก็ฆ่าตัวตายในคุกเดิมทีเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับจวนเจิ้นกั๋วกงมากนัก แต่ใครจะรู้ว่าคนที

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 758

    “หลินเนี่ยนฉือ ข้าไม่เคยคิดเลยจริง ๆ ว่า เจ้าจะเป็นผู้หญิงที่ยินดีขายตัวเองเพื่อชื่อเสียงเงินทอง ชอบความฟุ้งเฟ้อแบบนี้”“ผัวะ!”ทันทีที่เวินจื่อเยวี่ยพูดจบ หลินเนี่ยนฉือก็ยกมือขึ้นตบเขาการตบครั้งนี้นางตบอย่างไม่ปรานีและยังทำลายเยื่อใยสุดท้ายที่มีต่อเวินจื่อเยวี่ยในใจของนางจนหมดสิ้น“เวินจื่อเยวี่ย ลองนึกถึงโอกาสที่ข้าเคยมอบให้ท่านสิ ในการเลือกหลายครั้งนั้น ท่านเคยเลือกข้าบ้างไหม?”หลินเนี่ยนฉือมองเขาด้วยความผิดหวังเป็นอย่างมาก “หากในตอนที่ข้าไปหาท่าน ท่านเลือกข้าโดยไม่ลังเลแล้วล่ะก็ ระหว่างเราคงไม่มาถึงจุดนี้”“ดังนั้นคราวหน้าหากท่านต้องการทำร้ายข้าด้วยคำพูดเหล่านี้ รบกวนท่านคิดให้ดีว่า เป็นท่านที่ละเลยข้า เช่นเดียวกับที่พวกท่านทอดทิ้งอาซื่อ ท่านเลือกเวินเยวี่ยเสมอมา ดังนั้น หากจะคลุ้มคลั่งก็จงไปหานางเถอะ”“และตอนนี้ ข้าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับท่านอีกต่อไปแล้ว”หลินเนี่ยนฉือพูดจบก็กำลังจะไป แต่เวินจื่อเยวี่ยไม่ยอมให้นางจากไปแบบนี้เขากางแขนทั้งสองออกมาขวางอยู่ตรงหน้าหลินเนี่ยนฉือทันที “ช้าก่อน เนี่ยนฉือ ตอนนั้นข้าก็ไม่รู้ว่าการเลือกที่เจ้าพูดถึงคือความหมายนี้ ถ้าข้ารู้ข้าต้อง

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 757

    แต่ความจริงแสดงให้เห็นว่า เวินซื่อยังดีใจเร็วเกินไปเพราะข่าวร้ายต่อมา อารมณ์ของนางก็ดำดิ่งลงสู่ก้นเหวในทันที“เกิดอะไรขึ้นกับพระราชโองการฉบับนี้? เหตุใดฝ่าบาทถึงประทานพระราชโองการให้ข้ากะทันหัน?”เวินซื่อวางเรื่องหลินเนี่ยนฉือไว้ชั่วคราว ก่อนจะถามเรื่องพระราชโองการในมือของเป่ยเฉินหยวนพระราชโองการฉบับนี้อยู่ในมือเป่ยเฉินหยวนตลอดเวลาจริง ๆ สีเหลืองสดใสทำให้นางไม่สามารถละความสนใจได้เลยเป่ยเฉินหยวนไม่ได้อ่านพระราชโองการใด ๆ ให้เวินซื่อฟัง เพียงแค่ยัดใส่มือนาง ให้นางอ่านด้วยตัวเอง “เดิมทียังไม่ถึงเวลา แต่เนื่องจากสถานการณ์ในเมืองหลวงเปลี่ยนแปลงกะทันหัน หลินเนี่ยนฉือจึงขอพระราชโองการฉบับนี้จากฝ่าบาทแทนท่าน ให้ข้านำมาให้ท่าน”เป่ยเฉินหยวนมองดูเวินซื่ออย่างจนปัญญาพลางกล่าวว่า “ก่อนกลับเมืองหลวง ท่านต้องตามข้าไปที่ชางโจวก่อน”หลังจากอ่านเนื้อหาในพระราชโองการจบแล้ว เวินซื่อก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ“ถ้าอย่างนั้น คนที่ฟ้องร้องข้าเป็นพวกไหนกัน?”“สกุลอัน จวนเจิ้นกั๋วกง ยังมีขุนนางจากฝ่ายต่าง ๆ ด้วย รวม ๆ กันแล้วน่าจะมีประมาณสิบหรือยี่สิบคน”ทางฝ่ายทหารมีเป่ยเฉินหยวนนั่งบัญชาการอยู่ ไม่มีใ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status