“เจ้าค่ะ” สตรีทั้งสองสวมกอดเจ้ากรมโยธาตอบ และโอบกอดกันไว้แน่นคล้ายไม่ยอมให้สิ่งใดหรือใครมาทำลายได้
และแล้วก็ถึงวันที่หลี่จื่อห่าวจะเข้าวังเพื่อขอพระราชทานลงโทษที่ละเลยหน้าที่ไม่อาจร่วมเดินทางไปกับชินอ๋องได้
“ไม่รู้ว่าฮ่องเต้จะกริ้วบิดาของเจ้าหรือไม่” หลี่ฮูหยินเดินไปมาไม่หยุดคล้ายกังวลยิ่งนัก
“ข้าเชื่อเจ้าค่ะ ว่าทุกอย่างต้องผ่านพ้นไปได้”
“แม่ก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น”
“ท่านแม่พอจะทราบหรือไม่ว่าชินอ๋องที่หมดสติไปฟื้นขึ้นหรือยัง” แม้ว่าทางราชสำนักจะพยายามปกปิดแต่ทว่าเรื่องนี้กลับโด่งดังไปทั่วเมืองหลวง
“แม่ไม่ทราบเรื่องนี้เช่นกัน แต่นี่ก็ผ่านไปหลายวันแล้วคงฟื้นขึ้นแล้วกระมัง แค่ล้มหัวกระแทกไม่น่าจะหมดสตินาน” วาจาของมารดาทำให้นางนิ่งคิด
การเปลี่ยนแปลงของนางคล้ายจะไม่ได้ส่งผลต่อชะตาชีวิตผู้อื่น เรื่องที่ควรเกิดขึ้นกับบิดาของนางก็ยังคงเกิดขึ้นอยู่ แม้จะแตกต่างตรงที่หานกั๋วชิ่งเป็นขุนนางทุจริตจริง แต่ทว่าอีกฝ่ายก็ถือว่ามีความดีความชอบที่ช่วยชีวิตชินอ๋อง ย่อมสามารถรับบุตรสาวของอีกฝ่ายเข้าตำหนักเพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณ แม้รองเจ้ากรมโยธาหานผู้นั้นจะมีบุตรสาวหลายคนก็ตาม
‘หวังว่าเจ้าจะสามารถผลักตนเองเข้าสู่อ้อมอกท่านอ๋องแทนพี่น้องของเจ้าได้’ หลี่เย่หรงคิดพลางนึกถึงสตรีอ่อนหวานที่แท้จริงแล้วเป็นเพียงนางจิ้งจอกที่คอยยุแยงนางและเฉวียนซูลี่ให้โกรธแค้นกัน ส่วนตนเองก็ทำหน้าที่ชายารองที่แสนดีมีเมตตา
‘วาสนานี้ข้ามอบให้เจ้า หานโมลี่’ คนทั้งสองต้องขอบคุณนางให้มากที่ช่วยสานวาสนาให้ได้พบกันเร็วถึงเพียงนี้ จะได้ไม่ต้องเสียเวลารับสตรีโง่เขลาเช่นเฉวียนซูลี่มาเป็นชายาเอก
ด้านชินอ๋องที่ลืมตาขึ้นหลังจากศีรษะได้รับการกระทบกระเทือนจนหมดสติไปนานถึงห้าวัน นัยน์ตาคมดุกวาดมองไปทั่วห้อง
“ท่านอ๋อง! พระองค์ฟื้นแล้ว ขอบคุณฟ้าดิน” ขันทีอาวุโสที่รับใช้ข้างกายตั้งแต่เขาจำความได้บอก
“ซุนกงกงหรือ?” มิใช่ควรตายไปแล้วหรือ
“พ่ะย่ะค่ะเป็นกระหม่อมเอง พวกเจ้ารีบส่งคนไปทูลรายงานฮ่องเต้และไทเฮาเร็วเข้า”
“ฮ่องเต้ ไทเฮาหรือ”
“พ่ะย่ะค่ะ ทั้งสองพระองค์ห่วงใยท่านอ๋องมาก รับสั่งไว้ว่าเมื่อใดที่พระองค์ฟื้นคืนให้รีบแจ้งข่าวโดยด่วน”
“เกิดเรื่องอันใดขึ้น เหตุใดข้าถึงมาอยู่ในสภาพนี้”
“เมื่อห้าวันก่อนพระองค์เดินทางไปเมืองหลัวตง แล้วบังเอิญไปเจอกลุ่มคนร้ายคิดทำลายสะพาน ท่านรองเจ้ากรมโยธาหานที่ร่วมเดินทางไปด้วยผลักพระองค์ให้หลบลูกธนูทำให้พระองค์ล้มลงกระแทกพื้นหมดสติไป ส่วนรองเจ้ากรมโยธาหานถูกธนูดอกนั้นปักอกสิ้นชีพในทันทีพ่ะย่ะค่ะ”
“เหตุใดถึงเป็นรองเจ้ากรมโยธาหาน มิใช่เจ้ากรมโยธา หลี่จื่อห่าว”
“ในยามนั้นเจ้ากรมโยธาหลี่ถูกวางยาพิษขอรับจึงไม่อาจร่วมเดินทางไปด้วย จึงเป็นหน้าที่ของรองเจ้ากรมโยธาหานเดินทางไปแทนพ่ะย่ะค่ะ” ซุนกงกงกล่าว
“แล้วส่งใครไปแจ้งที่จวนตระกูลหานหรือยัง”
“ยังพ่ะย่ะค่ะ แต่ข่าวที่ถูกเล่าลือออกไปทำให้ฮูหยินรองหานตกใจจนล้มลงด้วยความเสียใจก่อนจะหมดลมหายใจที่หน้าประตูจวนพ่ะย่ะค่ะ”
“อืม” หม่าเซี่ยอวี้ตอบรับด้วยสีหน้านิ่งเฉย
“หลายวันมานี้ในขณะที่พระองค์ยังไม่ฟื้น คุณหนูใหญ่หานซึ่งเป็นบุตรสาวของฮูหยินรองมาคุกเข่าอยู่หน้าตำหนักเพื่อขอร้องให้พระองค์รับนางมาอยู่ในการดูแลเนื่องจากเดิมทีนางกับมารดาก็ถูกฮูหยินใหญ่ซึ่งเป็นฮูหยินเอกรังแกอยู่ตลอด จึงอยากขอความเมตตาจากพระองค์ให้ทรงช่วยเหลือพ่ะย่ะค่ะ”
“ขอความเมตตา? หรือกำลังยัดเยียดตนเองเข้าตำหนักข้า” หากคิดขอความเมตตา ก็ควรจะมาขอพบวันที่เขาฟื้นคืนแล้วหาใช่การคุกเข่าอยู่หน้าตำหนักคล้ายอยากป่าวประกาศให้ผู้อื่นสนใจใคร่รู้ทั้งยังเป็นการประจานฮูหยินเอกตระกูลหานอีก
“ยามนี้สิ้นบิดามารดาแล้ว คุณหนูใหญ่หานคงลำบากจึงทำเรื่องที่ไม่รอบคอบเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ”
“ยามนี้นางยังคุกเข่าอยู่ที่หน้าตำหนักหรือ” ก่อนจะไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ได้ ดูแล้วเขาคงต้องจัดการเรื่องนี้ให้แล้วเสร็จก่อน
“ท่านอ๋องโปรดลงโทษนู๋ไฉ่ที่ตัดสินใจโดยพลการ เมื่อสองวันก่อนคุณหนูใหญ่หานเป็นลมล้มลงหน้าตำหนัก เพื่อชื่อเสียงดีงามของท่านอ๋อง นู๋ไฉ่จึงสั่งคนให้พานางเข้ามาพักในตำหนัก ยามนี้อยู่ที่เรือนรับรองพ่ะย่ะค่ะ” ขันทีอาวุโสคุกเข่าลงตรงหน้า
“เช่นนั้นพานางไปพบข้าที่โถงกลางตำหนัก”
“พ่ะย่ะค่ะ” ซุนกงกงตอบรับก่อนจะรีบร้อนจากไปโดยมีสายตาล้ำลึกของผู้เป็นนายมองตาม
‘หากไม่เกิดเรื่องกับข้า ข้าก็คงไม่รู้ว่าแท้จริงขันทีที่เคยอยู่ข้างกายพระมารดามีปัญหา’ คงต้องรีบลงมือจัดการทุกอย่างให้เสร็จสิ้นโดยเร็วแล้วค่อยจัดการเรื่องของตน
“มิเป็นไรเพคะ” หลี่เย่หรงกล่าวพลางเบือนหน้าหนีเพื่อซ่อนรอยยิ้มมุมปาก “เรื่องสตรีในตำหนักหลังพวกนั้น ข้าย่อมจัดการให้แล้วเสร็จและรื้อมันทิ้งก่อนจะแต่งพระชายาเข้าจวนแน่นอน” “ที่แท้เป็นเช่นนั้น” นางตอบรับอย่างสั้น ๆ “ยามนี้ตำแหน่งพระชายาของข้ายังว่าง หากเจ้าปรารถนาอยากมีบุตรชายหญิงที่รูปงาม สามารถสนทนากันได้” “หม่อมฉันมิกล้าอาจเอื้อมหรอกเพคะ” “อย่าเพิ่งปฏิเสธเลย ลองไตร่ตรองดูก่อนเถิด เอาล่ะข้าหายเหนื่อยบ้างแล้ว วันนี้รบกวนเจ้าเพียงเท่านี้” เพราะไม่อยากฟังคำปฏิเสธจากปากนางอีก เขาจึงรีบกล่าวแล้วลุกขึ้น “เช่นนั้
หลังจากสาวใช้ออกจากห้องไปแล้ว คุณหนูหลี่นั่งอ่านตำราต่ออีกสักเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นถอดอาภรณ์ตัวนอกออกเหลือเพียงอาภรณ์ตัวใน แต่ในขณะที่กำลังจะดับไฟนั้น นางก็ได้ยินเสียงดังขึ้นที่ข้างหน้าต่าง ตุ๊บ! เสียงคล้ายของหนักตกลงพื้นทำให้นางใจเต้นเร็วเนื่องจากคิดว่าเสียงที่เกิดขึ้นอาจจะมาจากผู้บุกรุก นางรีบเอื้อมมือไปควานหายาพิษร่างระทวยมาถือเอาไว้ หากเป็นคนร้ายนางจะหาโอกาสสาดมันออกไปทันที “ท่านอ๋อง ไหวหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” เสียงของม่อฉินคล้ายช่วยชีวิตผู้เป็นนายเอาไว้ “เจ้าล่วงหน้าไปก่อนเถิด ข้าขอพักชั่วครู่” “ระวังตัวด้วยพ่ะย่ะค่ะ” ม่อฉินกล่าวก่อนจะจากไปด้วยความคิดในใจที่ว่า ‘ท่านอ๋องช่างชอบเล่นงิ้วเสียจริง' หากไม่ใช่เพราะตนเห็นพระชายาถือขวดยาบางอย่างไว้ในมือ ยามนี้อ
คราแรกก็คิดว่าจะให้คนสรรเสริญด้วยการละเว้นสตรีตระกูลเฉวียนลดโทษเหลือเพียงเนรเทศ ในเมื่อพวกเขามีผู้อาวุโสของตระกูลที่มีเมตตาเช่นนี้ ข้าจะเปลี่ยนเป็นให้พวกนักโทษได้หาความสุขจากเรือนร่างของพวกนางก่อนสักปีสองปีแล้วค่อยประหารดีหรือไม่ พวกนางจะได้รู้สึกขอบคุณเจ้าที่ช่วยให้พวกนางได้ใช้ชีวิตต่ออีกสักเล็กน้อย” “อื้อ ๆ” อดีตสตรีสูงศักดิ์ดิ้นไปมา สายตาคล้ายกำลังต่อว่า “เจ้าไม่ต้องห่วงเรื่องนี้อาณาประชาราษฎร์ของข้าจะไม่ทราบเรื่องนี้หรอก ข้าจะประหารแค่พวกบ่าวรับใช้และสาวใช้ทั้งหมดรวมทั้งนางกำนัลและขันทีของตำหนักนี้ ส่วนการตายของไทเฮาแซ่เฉวียนผู้สูงศักดิ์เจิ้นจะประกาศไปว่าทรงตรอมตรมจึงปลิดชีพตามตระกูลของตนไป เป็นอย่างไรบ้างเจิ้นแต่งเรื่องได้น่าประทับใจหรือไม่” “อื้อ ๆ”
7 ชาตินี้คล้ายจะแตกต่างกว่าเดิม ในที่สุดจุดจบของคนที่ปรารถนาในสิ่งที่ไม่ใช่ของตนเองก็มาถึงตระกูลเฉวียนที่สั่งเตรียมกำลังพลหวังเข้ายึดบัลลังก์มังกร ตระกูลเฉวียนถูกชินอ๋องนำกำลังทหารเข้าจับกุมอัครเสนาบดีเฉวียนและบุตรชายทั้งหมด ส่วนคนที่เหลือถูกกักบริเวณห้ามออกจากจวนจนกว่าจะมีคำสั่งเพิ่มเติม 
‘น่าแปลกที่วันนี้เขาไม่โผล่หน้ามา’ ไม่ ๆ นี่นางกำลังคิดอันใดอยู่ ผู้สูงศักดิ์เช่นเขาไม่มาก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว นางกำลังคาดหวังอันใดอยู่ “ข้าจะนอนแล้ว เจ้าไปนอนเถิด ประเดี๋ยวข้าดับไฟเอง” “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ บ่าวจะอยู่กับคุณหนู” “ว่านเถา เจ้าไปเถิด ข้าจะเข้านอนจริง ๆ แล้ว” นางกล่าวก่อนจะเดินไปที่เตียงแล้วปลดอาภรณ์ตัวนอกออก “ขออภัยเจ้าค่ะ บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้” สุดท้ายแล้วว่านเถาก็ต้องยอมล่าถอยไปปล่อยคุณหนูได้อยู่ลำพังตามที่ต้องการ คล้อยหลังสาวใช้ไม่นานหลี่เย่หรงก็ดับไฟแล้วล้มตัวลงนอนก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างรวดเร็ว&
"นอกจากนางแล้วกระหม่อมจะไม่แต่งกับผู้ใดพ่ะย่ะค่ะ” “ได้ ๆ ข้ารับปากเจ้า” มิแปลกใจเลยว่าเหตุใดน้องชายผู้นี้ถึงรีบส่งคนมายับยั้งฎีกาลาออกของหลี่จื่อห่าว เป็นถึงเชื้อพระวงศ์หากแต่งกับบุตรสาวพ่อค้าย่อมถูกเหล่าขุนนางมองถึงความเหมาะสม แม้จะไม่ได้สนใจแต่ทว่าก็ไม่อาจทำให้สตรีที่รักถูกตราหน้า ดังนั้นจึงยอมประนีประนอมเพื่อให้ว่าที่พ่อตายังอยู่ในตำแหน่งขุนนาง ดูแล้วน้องชายของพระองค์ผู้นี้คงหมายตาคุณหนูหลี่เอาไว้นานแล้ว “เมื่อจบเรื่องแล้วความดีความชอบที่กระหม่อมอยากขอนอกจากสมรสพระราชทานกับบุตรสาวของรองเจ้ากรมพิธีการหลี่แล้ว กระหม่อมอยากให้เสด็จพี่มอบราชโองการให้กระหม่อมสามารถแต่งกับสตรีได้เพียงคนเดียวชั่วชีวิต มิอาจรับชายารองหรืออนุฯ ได้อีก”