LOGIN“ก่อนอื่นข้าต้องขออภัยที่ข้าวางยาท่าน” กล่าวจบนางก็ทรุดกายคุกเข่าลงบนพื้น ใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยรอยยิ้มเมื่อครู่เศร้าหมองลงในทันใด
“ที่แท้เป็นเจ้า...” หลี่ฮูหยินกำลังจะส่งเสียงต่อว่าบุตรสาวที่เล่นสนุกจนบิดาเกือบตาย แต่ผู้เป็นสามีกลับจับมือพลางส่งสายตาห้ามปรามเสียก่อน
“เจ้ากล่าวต่อเถิด พ่อยินดีรับฟัง” หลี่จื่อห่าวมั่นใจว่าที่บุตรสาวทำเช่นนั้นย่อมต้องมีเหตุผล
“ที่ข้าต้องวางยาท่านพ่อ เพราะข้าไม่อยากให้ท่านเดินทางไปที่เมืองหลัวตงกับชินอ๋อง ท่านพ่อ...แม้มันยากที่จะเชื่อแต่ทว่าที่ข้าลงมือทำไปทั้งหมดเพราะข้าฝันเจ้าค่ะ ข้าฝันว่าท่านพ่อถูกใส่ร้ายว่าทุจริตโดยคนใกล้ตัวทำให้ท่านพ่อต้องเดินทางไปที่เมืองหลัวตงเพื่อตรวจสอบกับชินอ๋อง และท่ามกลางความวุ่นวายมีคนหวังปลิดชีพท่านอ๋องเพื่อใส่ร้ายท่านอีก ด้วยความจงรักภักดี ท่านพ่อเอาตัวเข้าบังทำให้ถูกปลิดชีพ เมื่อชินอ๋องนำเรื่องมาแจ้งที่จวน ท่านแม่ทราบข่าวก็ตกใจจนสิ้นชีวิตตรงหน้าประตูจวน
แม้พวกท่านอาจจะคิดว่ามันเป็นเพียงแค่ความฝัน แต่ทว่าเมื่อท่านพ่อตรวจพบการทุจริตของคนข้างกายจริง ๆ ข้าจึงจำเป็นต้องเชื่ออย่างหมดใจและลงมือวางยาพิษขัดขวางไม่ให้ท่านพ่อเดินทางไปเมืองหลัวตง”
“โถ่! เจ้าทำเช่นนี้ หากชินอ๋องทราบเรื่องเข้า มิแคล้วเจ้าจะโดนลงโทษรู้หรือไม่” หลี่ฮูหยินคร่ำครวญเพราะเป็นตนเองที่ไม่ทราบเรื่อง ขอให้ชินอ๋องช่วยหาคนวางยาผู้เป็นสามี
“ยาพิษนี้ข้าปรุงมันขึ้นมาเองด้วยของที่มีอยู่ในจวนของเราเอง ดังนั้นข้าคิดว่าหากในจวนของเราไม่มีคนของชินอ๋องแฝงอยู่ พวกเราไม่มีทางสืบหาเรื่องนี้ได้เจ้าค่ะ”
“เจ้าไปเรียนการปรุงพิษมาตั้งแต่เมื่อใด” เหตุใดมารดาเช่นตนถึงไม่ทราบมาก่อน
“ท่านแม่ก็ทราบว่าข้าชอบอ่านตำราเจ้าค่ะ ในตำราก็มีบอกไว้มากมายและที่ข้ามั่นใจว่าข้าสามารถช่วยชีวิตท่านพ่อทันเพราะข้าได้เอา เอ่อ...สาวใช้ผู้หนึ่งซึ่งเป็นหนอนที่ท่านแม่จับได้ในจวนเรามาทดลองเจ้าค่ะ ซึ่งหลังจากได้รับยาถอนพิษนางก็ยังอยู่ดี”
“แล้วสาวใช้ผู้นั้นที่เจ้าใช้ทดสอบพิษอยู่ที่ใด พ่อจะได้เก็บกวาดให้เรียบร้อย” คนที่พูดไม่ได้คือคนตายเท่านั้น
“นางถูกขังไว้ในเรือนของข้าเจ้าค่ะ”
“อืม เช่นนั้นพ่อจะจัดการให้ ฮูหยินยามนี้เป็นเวลาดีที่เราจะเก็บกวาดจวนตระกูลหลี่ให้เรียบร้อย”
“เจ้าค่ะ” หลี่ฮูหยินตอบรับอย่างเข้าใจในความหมายของผู้เป็นสามี
“หากท่านพ่อจะโกรธเคืองและลงโทษเรื่องที่ข้าวางยาท่าน ข้ายินดีรับเจ้าค่ะ”
“เย่หรง พ่อไม่คิดโกรธเคือง เจ้าลุกขึ้นเถิด” เจ้ากรมโยธาหลี่เข้าประคองบุตรสาวให้ลุกขึ้น
“ท่านพ่อไม่โกรธเคืองข้าจริงหรือเจ้าคะ”
“พ่อจะโกรธเคืองเจ้าได้อย่างไร ที่เจ้าทำทุกอย่างล้วนมีเหตุผล ยามนั้นหากพ่อกังขาไม่เชื่อในวาจาของเจ้า ยามนี้พ่ออาจจะตายเช่นในฝันของเจ้าแล้วก็เป็นได้” ที่หานกั๋วชิ่งตายไปคงเป็นเพราะรับแทนเขาไปหมดแล้ว
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านพ่อ”
“หลังจากนั้นเจ้าฝันร้ายอีกหรือไม่ เรื่องราวต่อจากนั้นเป็นเช่นไร” จินเฟยจูเอ่ยถามบุตรสาว เพราะหากฝันแม่นเช่นนี้บางทีลูกสาวอาจจะล่วงรู้เรื่องราวภายหน้าก็เป็นได้
“หลังจากท่านพ่อท่านแม่ตาย ตระกูลหลี่ล่มสลาย ทรัพย์สมบัติทั้งหมดถูกยึด ข้าถูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรีสุดท้ายก็ถูกทำร้ายจนตายเจ้าค่ะ” แต่เป็นฝีมือของใครนั้นนางคงไม่บอกกล่าวผู้ให้กำเนิดทั้งสอง
“ขอบคุณเย่หรง ที่ลูกทำเพื่อปกป้องพ่อ”
“ท่านพ่อ! ฮือ ๆ พวกท่านรู้หรือไม่ว่าชีวิตที่ข้าไม่มีพวกท่านข้าไร้ความสุขเพียงใด ไม่มีอ้อมกอดอบอุ่นที่คอยปกป้องข้า ไม่มีคำปลอบประโลมหรือให้กำลังใจ ข้ารู้สึกโดดเดี่ยวยิ่งนักที่ต้องใช้ชีวิตลำพัง ข้าสัญญาเจ้าค่ะ ข้าจะไม่มีวันให้ใครมาทำลายครอบครัวของเรา” และนางจะไม่มีวันดึงใครเข้ามาทำร้ายบิดามารดาเด็ดขาด
เมื่อได้รับโอกาสให้หวนคืนมาเส้นทางที่นางเลือกเดินเป็นคนละเส้นทางกับเขาและคนพวกนั้น ไม่มีวันมาบรรจบกันได้อีก
“แม่ขอโทษที่เมื่อครู่คิดต่อว่าเจ้า”
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะท่านแม่ ขอเพียงท่านพ่อกับท่านแม่ปลอดภัย ข้ายินดีแบกรับทุกอย่างแทนพวกท่าน” ชีวิตที่มีความสุขคือชีวิตที่กลับจวนมาแล้วได้พบเจออ้อมกอดอบอุ่นของบิดามารดา หาใช่ความว่างเปล่าเช่นที่นางเคยประสบพบเจอ
“จะเป็นเช่นนั้นไปได้อย่างไร เราสามคนพ่อแม่ลูกจะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกัน” หลี่จื่อห่าวกล่าว ต้องขอบคุณที่บุตรสาวฝันถึงลางบอกเหตุ มิเช่นนั้นเขาคงไม่มีโอกาสได้โอบกอดสตรีที่เขารักและหวงแหนทั้งสองคนไว้เช่นนี้
“เจ้าค่ะ” สตรีทั้งสองสวมกอดเจ้ากรมโยธาตอบ และโอบกอดกันไว้แน่นคล้ายไม่ยอมให้สิ่งใดหรือใครมาทำลายได้
“ใครก็ได้ พาคุณหนูจินเข้าจวน” สิ้นเสียงของชินอ๋องเป็นพ่อบ้านที่อยู่บริเวณนั้นรีบสั่งสาวใช้สองคนเข้าไปประคองคุณหนูของจวนที่ยืนเซไปมาอยู่หน้าประตูจวน “ปล่อยข้านะ พวกเจ้ามาจับข้าด้วยเหตุใด” จินจือเหมยที่เมามายหนักโวยวาย “ม่อฉิน จัดการ” สิ้นเสียงกล่าวเจ้าของนามปรากฏตัวก่อนจะเอามือสับบริเวณคอของอีกฝ่ายแล้วกลับไปเร้นกายต่อ “เอ่อ...ขอบพระทัยชินอ๋องพ่ะย่ะค่ะ” พ่อบ้านเฉิงกล่าวก่อนจะรีบส่งสายตาให้สาวใช้รีบหิ้วปีกคุณหนูจินเข้าจวนอย่างเร่งด่วน “พี่หญิงจือเหมย ท่านเป็นอันใดหรือไม่” หลี่เย่หรงที่คล้ายจะเข้าสู่ห้วงฝันไปชั่วครู่ตกใจตื่นหลังจากได้ยินเสียงโวยวายของลูกพี่ลูกน้องจึงรีบเปิดผ้าม่านที่หน้าต่างรถม้าเพื่อดู&nb
อ่า...เขายังจำได้ติดตาถึงสายตาเกรี้ยวกราดของผู้สูงศักดิ์ที่เห็นน้องสาวต่างสายเลือดคนนี้เมามาย ซึ่งเขาก็ไม่ได้เล่าให้กับจินจือเหมยฟัง สหาย เจ้ากำลังหาเรื่องใส่ตัวแล้ว ไม่รู้หรืออย่างไรว่าเจ้าของเขาหวงแหนมาก “นานหลายปีที่เราไม่ได้เจอกัน วันนี้ไม่เมาไม่เลิก” เสียงที่ดังอยู่ในห้องทำให้เขาตัดสินใจเข้าไปหยุดสตรีทั้งสองที่กำลังร่ำสุรากันอยู่ “อย่าเพิ่ง! เอ่อ จือเหมย ข้าว่าเจ้าควรพาเย่หรงกลับจวนได้แล้ว” จะเรียกพระชายาก็คงไม่เหมาะ หากใครทราบเข้าว่าสตรีที่กำลังนั่งเมามายที่นี่เป็นใคร มิแคล้วจะเสื่อมเสียชื่อเสียง “จะกลับได้อย่างไร สุราหรือก็เพิ่งสั่งมา” “แต่เจ้ามิควรพาน้องสาวมาดื่มสุ
“นอนเถิด พี่จะกล่อมเจ้านอน” เขาเอ่ยเสียงเบาพลางเอามือตบที่หลังนางอย่างแผ่วเบา “นี่ท่านเมาจริงหรือเจ้าคะ ช่างเป็นเรื่องที่เห็นได้ยาก” “วันนี้พี่มีความสุขยิ่งนัก” “ข้าก็มีความสุขเช่นกันเจ้าค่ะ” นางตอบรับก่อนจะซุกใบหน้าในอ้อมกอดของผู้เป็นสามี เมื่อภายในห้องมืดลง เหล่าลูกน้องที่เฝ้าคุ้มครองอยู่ด้านนอกก็สับเปลี่ยนกันไปพักผ่อน พลางคิดไปว่าในสายตาพวกเขานี่ก็เป็นครั้งแรกเช่นกันที่เห็นผู้เป็นนายเมามายมากเช่นนี้ แต่ทว่าก็ไม่แปลกที่จะเมามายในเมื่อสุราที่นายท่านจินสั่งมามากเกือบห้าสิบไห หมดเกลี้ยงไม่มีเหลือ ช่างเป็นตระกูลคหบดีที่ร่ำรวยมีเงินถุงเงินถังเสียจริง แค่งานเลี้ยงเล็ก ๆ ในครอบ
ทำให้วันต่อมากว่าทั้งสองจะพากันไปเยือนจวนตระกูลจิน ก็กลางยามเว่ย (13.00-14.59) แล้ว “ทุกท่านอย่าได้เกรงใจ วันนี้ข้ามิได้มาเยือนตระกูลจินในฐานะชินอ๋อง เป็นเพียงหลานเขยที่มาเยี่ยมเยียนท่านตาท่านยาย และครอบครัวท่านลุงของพระชายา” ชินอ๋องบอกกล่าวอย่างเป็นกันเอง ญาติของภรรยาก็เปรียบเสมือนญาติของตน เขาจึงไม่คิดถือสา “เช่นนั้นกระหม่อมในฐานะท่านตาของเย่หรง ขอดื่มชาขอบคุณที่ท่านอ๋องทรงให้เกียรติพวกเรา” จินเป่ากล่าวก่อนจะยกจอกชาขึ้นจิบ “เย่หรง เลือกคู่ครองได้ดี” ท่านลุงจินเต๋อกล่าวพลางยกจอกชาดื่มคารวะผู้สูงศักดิ์เช่นกัน “ไม่ได้มาเยี่ยมท่านตาท่านยายของเจ้านานแล้ว อย่างไรเย็นนี้อยู่รับสำรับที่จว
เผลอเพียงชั่วพริบตาซื่อจื่อน้อยก็อายุหนึ่งหนาวครึ่งแล้ว เด็กชายที่เพิ่งเดินได้คล่อง เอาแต่ร้องไห้ยามบิดาโอบกอดมารดาก่อนจะวิ่งเข้าไปแทรกตรงกลางคล้ายหวงแหนมารดา ทำให้ชินอ๋องรู้สึกหมั่นไส้บุตรชายของตนยิ่งนัก เมื่อได้รับมอบหมายจากฮ่องเต้ให้เดินทางไปซีเหลียงเพื่อเยี่ยมเยียนค่ายทหารของแม่ทัพประจิมคนใหม่ที่เข้ารับตำแหน่งได้ปีกว่าแล้ว ชินอ๋องจึงไม่ลังเลที่จะฝากบุตรชายเอาไว้กับท่านพ่อตาแม่ยาย “ท่านพี่ เราพาลูกไปด้วยไม่ได้หรือเจ้าคะ” หลี่เย่หรงส่งสายตาอ้อนวอนผู้เป็นสามี หลังจากกราบไหว้ฟ้าดินกันแล้ว คู่สามีภรรยาที่เคยผ่านพ้นเรื่องราวต่าง ๆ มากมายจึงตกลงกันว่าจะใช้ชีวิตด้วยกันอย่างเรียบง่าย ยศถาบรรดาศักดิ์เอาไว้ให้คนนอกเรียกขาน “ซืออี้ยังเล็กนัก อาจจะไม่สบายตัวยามเดินทาง ฝากท่านพ่อท่านแม
ตั้งแต่พระชายาหลี่ตั้งครรภ์ บรรดาลูกน้องคนสนิทและเหล่าทหารที่ใกล้ชิดต่างพากันปวดหัวกับท่าทีเอาใจใส่เกินจำเป็นของผู้เป็นนาย งานทั้งหมดที่ชินอ๋องเคยทำถูกมอบหมายให้กุนซือเฉิน ผู้เป็นสหายทำแทนทั้งหมด หากไม่มีเรื่องใดสำคัญชินอ๋องจะไม่พบใครทั้งนั้น “ท่านกุนซือโปรดจงทำใจ” ม่อฉินกล่าวก่อนจะหมุนตัวเดินจากไปอีกคน ทิ้งให้ผู้มาเยือนเดินกลับออกจากตำหนักเองเช่นทุกครั้ง “แล้วนั่นเจ้าจะรีบไปที่ใด” “ข้าจะรีบไปรับบทลงโทษที่ปล่อยให้ท่านมารบกวนท่านอ๋องขอรับ” เสียงที่ดังห่างออกไปทำให้เฉินห่าวหมิงถอนหายใจ ยามรบว่าชินอ๋องเก่งกาจและเด็ดขาดแล้ว ไม่คิดว่ายามรักก็ทุ่มเทสุดตัว นี่แห




![จอมนางคู่บัลลังก์ [NC30+]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)


