LOGIN3
รองเจ้ากรมพิธีการ
สตรีที่นั่งอยู่ตรงหน้าแต่งกายสะอาดสะอ้าน อาภรณ์ที่สวมใส่เป็นอาภรณ์เนื้อดีเช่นที่สตรีของผู้สูงศักดิ์สวมใส่ แม้ใบหน้าจะซีดเซียวแต่ทว่ายังคงความงดงามและอ่อนหวานของสตรีวัยออกเรือน หานโมลี่ทรุดกายคุกเข่าลงตรงหน้าพลางหลั่งน้ำตาอย่างเงียบงัน ไม่มีเสียงร้องโวยวายคร่ำครวญขอความเมตตา ท่าทางเช่นนี้สามารถละลายความเย็นชาของบุรุษได้ไม่ยาก
“ที่เจ้ามาคุกเข่าอยู่หน้าตำหนักของเปิ่นหวางหลายวันเจ้าต้องการสิ่งใด”
“หม่อมฉันเพียงอยากขอความเมตตาจากพระองค์ ขอให้พระองค์รับหม่อมฉันเข้ามารับใช้ในตำหนักได้หรือไม่เพคะ” เดิมทีนางพึงใจและเฝ้ามองชินอ๋องมานานหวังเพียงวันหนึ่งจะได้ปรากฏกายตรงหน้าเขา ไม่คิดเลยว่าจะต้องแลกมาด้วยชีวิตของบิดามักมากและมารดาโง่เขลาที่ไม่กล้าแม้แต่จะปีนป่ายตำแหน่งฮูหยินเอก
“เจ้าบอกเปิ่นหวางได้หรือไม่ ว่าเหตุใดเปิ่นหวางต้องรับเจ้าเข้ามารับใช้ในตำหนักด้วย” กล่าวจบเขายิ้มเย็นชา สายตาที่ทอดมองสตรีตรงหน้าฉายแววรังเกียจชัดเจน
“ยามนี้หม่อมฉันไม่เหลือใครแล้วเพคะ ท่านพ่อก็สิ้นชีพหลังจากรับธนูดอกนั้น ส่วนมารดาเมื่อทราบข่าวก็เสียใจจนตายที่หน้าประตูจวน”
“ในจวนของเจ้ายังมีฮูหยินเอกอยู่มิใช่หรือ เปิ่นหวางคิดว่านางคงสามารถหาคู่ครองที่ดีให้เจ้าออกเรือนได้”
“ที่ผ่านมาท่านแม่ใหญ่โกรธแค้นที่มารดาของหม่อมฉันได้รับความโปรดปรานจากบิดาทำให้ชีวิตยามอยู่ในจวนของหม่อมฉันและมารดาไม่ใคร่สุขสบายนัก ทว่าตอนนี้ไร้บิดามารดา หม่อมฉันมิอยากจะคาดคิดเลยเพคะว่าต่อจากนี้ชีวิตของหม่อมฉันจะเป็นเช่นไร” กล่าวจบน้ำตาที่เหือดแห้งไปก็เริ่มไหลรินอีกครั้ง ท่าทางราวดอกสาลี่ต้องฝนทำให้ชินอ๋องนึกชิงชัง
อันใดคือฮูหยินใหญ่ชิงชังฮูหยินรองที่ได้รับความโปรดปรานจากสามี แต่ฮูหยินรองและบุตรสาวกลับมีชีวิตที่ลำบาก ช่างขัดแย้งยิ่งนัก
“ด้วยเหตุนี้เจ้าจึงคิดกล่าวอ้างว่าบิดาเจ้ามีบุญคุณช่วยชีวิตเปิ่นหวางเพื่อให้เปิ่นหวางรับเจ้าเข้าตำหนักใช่หรือไม่”
“หม่อมฉันมิกล้าเพคะ เพียงขอความเมตตาจากพระองค์ให้ช่วยเหลือ”
“แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าบิดาของเจ้าทำเรื่องใดลงไปบ้าง”
“มะ มิทราบเพคะ แต่หม่อมฉันเชื่อว่าบิดาของหม่อมฉันถูกใส่ร้าย ขอพระองค์ทรงช่วยคืนความยุติธรรมให้กับบิดาของหม่อมฉันด้วย”
“เรื่องที่บิดาเจ้าได้ทำไว้นั้นเพียงแค่ชีวิตไม่อาจชดใช้หมดได้ ทั้งทุจริตและยักยอกเงินมาใช้ส่วนตัวและยังร่วมมือกับคนสนิทของเจ้ากรมโยธาหลี่ ใส่ร้ายป้ายสีความผิดที่ตนกระทำหวังให้ตำแหน่งเจ้ากรมโยธากลายเป็นของตน เมื่อเปิ่นหวางมีหลักฐานสามารถจับกุมคนที่ร่วมมือกับบิดาของเจ้าได้ เขาก็ลงมือสังหารคนผู้นั้นต่อหน้าเปิ่นหวางหวังปิดปากเพื่อไม่ให้สืบสาวความผิดมาถึงตัว ทำให้เปิ่นหวางไม่อาจจับผู้กระทำผิดมาลงโทษได้ เจ้ายังคิดว่าบิดาของเจ้าถูกใส่ร้ายหรือไม่”
“ท่านอ๋อง ได้โปรดเมตตาหม่อมฉันด้วยเพคะ หม่อมฉันไม่มีที่ไปจริง ๆ หม่อมฉันยินดีทำงานตอบแทนพระองค์ ขอเพียงพระองค์เมตตารับหม่อมฉันเอาไว้” หานโมลี่ขยับกายเข้าไปกอดขาของชินอ๋องเอาไว้หวังให้อีกฝ่ายได้เห็นความงามล่มเมืองของตน
‘ไม่! ข้าจะยอมแพ้ไม่ได้’ นางทุ่มเทเงินทองไปมากมายเพื่อติดสินบนซุนกงกงให้ช่วยเหลือ นางเชื่อว่าหากชินอ๋องได้เห็นใบหน้าที่งดงามล่มเมืองของตน เขาต้องใจอ่อนยอมรับนางเข้าตำหนักเป็นแน่
พลั่ก! ท่านอ๋องที่ไม่เคยเมตตาผู้ใด ก็เอามือแกะมืออีกฝ่ายออกจากขาของตนเมื่อสำเร็จก็ยกเท้าถีบสตรีน่ารังเกียจ
“กรี๊ด!” หานโมลี่กรีดร้อง ร่างบอบบางกระเด็นออกห่างราวครึ่งจั้ง[1]
“น่ารังเกียจยิ่งนัก” กล่าวจบชินอ๋องก็ยื่นมือไปรับผ้ามาจากม่อฉินที่ยืนนิ่งอยู่ด้านข้าง มาเช็ดมือ และเช็ดบริเวณแข้งขาก่อนจะโยนทิ้งลงพื้น
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันขออภัยที่ทำให้พระองค์ทรงกริ้ว ได้โปรดเมตตา...” หานโมลี่ที่แม้จะเจ็บปวดไปทั่วทั้งตัวแต่ทว่าก็ต้องอ้อนวอนขอความเมตตาจากผู้สูงศักดิ์ให้จงได้
“พาตัวนางไปโยนทิ้งที่หน้าจวนตระกูลหานเสีย”
“พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง” สิ้นเสียงตอบรับของม่อฉิน บุรุษชุดดำจำนวนสองคนก็ปรากฏกายก่อนจะพาคุณหนูใหญ่ตระกูลหานออกไป
“ไม่นะเพคะ ท่านอ๋องได้โปรดเมตตาหม่อมฉันด้วย หม่อมฉันผิดไปแล้ว” เสียงกรีดร้องของสตรีค่อย ๆ ห่างออกไปพร้อมกับอีกฝ่ายที่หายลับไปจากสายตา
[1] 1 จั้ง = 3.33 เมตร
“ใครก็ได้ พาคุณหนูจินเข้าจวน” สิ้นเสียงของชินอ๋องเป็นพ่อบ้านที่อยู่บริเวณนั้นรีบสั่งสาวใช้สองคนเข้าไปประคองคุณหนูของจวนที่ยืนเซไปมาอยู่หน้าประตูจวน “ปล่อยข้านะ พวกเจ้ามาจับข้าด้วยเหตุใด” จินจือเหมยที่เมามายหนักโวยวาย “ม่อฉิน จัดการ” สิ้นเสียงกล่าวเจ้าของนามปรากฏตัวก่อนจะเอามือสับบริเวณคอของอีกฝ่ายแล้วกลับไปเร้นกายต่อ “เอ่อ...ขอบพระทัยชินอ๋องพ่ะย่ะค่ะ” พ่อบ้านเฉิงกล่าวก่อนจะรีบส่งสายตาให้สาวใช้รีบหิ้วปีกคุณหนูจินเข้าจวนอย่างเร่งด่วน “พี่หญิงจือเหมย ท่านเป็นอันใดหรือไม่” หลี่เย่หรงที่คล้ายจะเข้าสู่ห้วงฝันไปชั่วครู่ตกใจตื่นหลังจากได้ยินเสียงโวยวายของลูกพี่ลูกน้องจึงรีบเปิดผ้าม่านที่หน้าต่างรถม้าเพื่อดู&nb
อ่า...เขายังจำได้ติดตาถึงสายตาเกรี้ยวกราดของผู้สูงศักดิ์ที่เห็นน้องสาวต่างสายเลือดคนนี้เมามาย ซึ่งเขาก็ไม่ได้เล่าให้กับจินจือเหมยฟัง สหาย เจ้ากำลังหาเรื่องใส่ตัวแล้ว ไม่รู้หรืออย่างไรว่าเจ้าของเขาหวงแหนมาก “นานหลายปีที่เราไม่ได้เจอกัน วันนี้ไม่เมาไม่เลิก” เสียงที่ดังอยู่ในห้องทำให้เขาตัดสินใจเข้าไปหยุดสตรีทั้งสองที่กำลังร่ำสุรากันอยู่ “อย่าเพิ่ง! เอ่อ จือเหมย ข้าว่าเจ้าควรพาเย่หรงกลับจวนได้แล้ว” จะเรียกพระชายาก็คงไม่เหมาะ หากใครทราบเข้าว่าสตรีที่กำลังนั่งเมามายที่นี่เป็นใคร มิแคล้วจะเสื่อมเสียชื่อเสียง “จะกลับได้อย่างไร สุราหรือก็เพิ่งสั่งมา” “แต่เจ้ามิควรพาน้องสาวมาดื่มสุ
“นอนเถิด พี่จะกล่อมเจ้านอน” เขาเอ่ยเสียงเบาพลางเอามือตบที่หลังนางอย่างแผ่วเบา “นี่ท่านเมาจริงหรือเจ้าคะ ช่างเป็นเรื่องที่เห็นได้ยาก” “วันนี้พี่มีความสุขยิ่งนัก” “ข้าก็มีความสุขเช่นกันเจ้าค่ะ” นางตอบรับก่อนจะซุกใบหน้าในอ้อมกอดของผู้เป็นสามี เมื่อภายในห้องมืดลง เหล่าลูกน้องที่เฝ้าคุ้มครองอยู่ด้านนอกก็สับเปลี่ยนกันไปพักผ่อน พลางคิดไปว่าในสายตาพวกเขานี่ก็เป็นครั้งแรกเช่นกันที่เห็นผู้เป็นนายเมามายมากเช่นนี้ แต่ทว่าก็ไม่แปลกที่จะเมามายในเมื่อสุราที่นายท่านจินสั่งมามากเกือบห้าสิบไห หมดเกลี้ยงไม่มีเหลือ ช่างเป็นตระกูลคหบดีที่ร่ำรวยมีเงินถุงเงินถังเสียจริง แค่งานเลี้ยงเล็ก ๆ ในครอบ
ทำให้วันต่อมากว่าทั้งสองจะพากันไปเยือนจวนตระกูลจิน ก็กลางยามเว่ย (13.00-14.59) แล้ว “ทุกท่านอย่าได้เกรงใจ วันนี้ข้ามิได้มาเยือนตระกูลจินในฐานะชินอ๋อง เป็นเพียงหลานเขยที่มาเยี่ยมเยียนท่านตาท่านยาย และครอบครัวท่านลุงของพระชายา” ชินอ๋องบอกกล่าวอย่างเป็นกันเอง ญาติของภรรยาก็เปรียบเสมือนญาติของตน เขาจึงไม่คิดถือสา “เช่นนั้นกระหม่อมในฐานะท่านตาของเย่หรง ขอดื่มชาขอบคุณที่ท่านอ๋องทรงให้เกียรติพวกเรา” จินเป่ากล่าวก่อนจะยกจอกชาขึ้นจิบ “เย่หรง เลือกคู่ครองได้ดี” ท่านลุงจินเต๋อกล่าวพลางยกจอกชาดื่มคารวะผู้สูงศักดิ์เช่นกัน “ไม่ได้มาเยี่ยมท่านตาท่านยายของเจ้านานแล้ว อย่างไรเย็นนี้อยู่รับสำรับที่จว
เผลอเพียงชั่วพริบตาซื่อจื่อน้อยก็อายุหนึ่งหนาวครึ่งแล้ว เด็กชายที่เพิ่งเดินได้คล่อง เอาแต่ร้องไห้ยามบิดาโอบกอดมารดาก่อนจะวิ่งเข้าไปแทรกตรงกลางคล้ายหวงแหนมารดา ทำให้ชินอ๋องรู้สึกหมั่นไส้บุตรชายของตนยิ่งนัก เมื่อได้รับมอบหมายจากฮ่องเต้ให้เดินทางไปซีเหลียงเพื่อเยี่ยมเยียนค่ายทหารของแม่ทัพประจิมคนใหม่ที่เข้ารับตำแหน่งได้ปีกว่าแล้ว ชินอ๋องจึงไม่ลังเลที่จะฝากบุตรชายเอาไว้กับท่านพ่อตาแม่ยาย “ท่านพี่ เราพาลูกไปด้วยไม่ได้หรือเจ้าคะ” หลี่เย่หรงส่งสายตาอ้อนวอนผู้เป็นสามี หลังจากกราบไหว้ฟ้าดินกันแล้ว คู่สามีภรรยาที่เคยผ่านพ้นเรื่องราวต่าง ๆ มากมายจึงตกลงกันว่าจะใช้ชีวิตด้วยกันอย่างเรียบง่าย ยศถาบรรดาศักดิ์เอาไว้ให้คนนอกเรียกขาน “ซืออี้ยังเล็กนัก อาจจะไม่สบายตัวยามเดินทาง ฝากท่านพ่อท่านแม
ตั้งแต่พระชายาหลี่ตั้งครรภ์ บรรดาลูกน้องคนสนิทและเหล่าทหารที่ใกล้ชิดต่างพากันปวดหัวกับท่าทีเอาใจใส่เกินจำเป็นของผู้เป็นนาย งานทั้งหมดที่ชินอ๋องเคยทำถูกมอบหมายให้กุนซือเฉิน ผู้เป็นสหายทำแทนทั้งหมด หากไม่มีเรื่องใดสำคัญชินอ๋องจะไม่พบใครทั้งนั้น “ท่านกุนซือโปรดจงทำใจ” ม่อฉินกล่าวก่อนจะหมุนตัวเดินจากไปอีกคน ทิ้งให้ผู้มาเยือนเดินกลับออกจากตำหนักเองเช่นทุกครั้ง “แล้วนั่นเจ้าจะรีบไปที่ใด” “ข้าจะรีบไปรับบทลงโทษที่ปล่อยให้ท่านมารบกวนท่านอ๋องขอรับ” เสียงที่ดังห่างออกไปทำให้เฉินห่าวหมิงถอนหายใจ ยามรบว่าชินอ๋องเก่งกาจและเด็ดขาดแล้ว ไม่คิดว่ายามรักก็ทุ่มเทสุดตัว นี่แห







