ซูเฟิ่งหลิงแปลกใจอยู่บ้าง “พี่สะใภ้รอง มีเรื่องใดให้เสียดายหรือ?”กงซูหว่านทอดสายตามองหลี่หลงหลินและพูดเสียงเคร่งขรึม “น่าเสียดายปูนคอนกรีตนี้เป็นรัชทายาทคิดค้นขึ้น สิ่งที่ล้ำสมัยเช่นนี้หากเป็นสามัญชนคิดค้นขึ้น เพียงแต่อาศัยปูนคอนกรีตก็สามารถได้รับเลื่อนตำแหน่งเข้าเป็นขุนนางได้แล้ว”“ผลงานคุณูปการเช่นนี้อยู่เหนือผลงานคุณูปการต่อต้าเซี่ยของบัณฑิตที่ตรากตรำอ่านตำรานับสิบปีเสียอีก ชนิดที่ว่าเพราะการปรากฏตัวของปูนคอนกรีตสามารถพลิกโฉมหน้าของต้าเซี่ยในภายภาคหน้าได้ เป็นสิ่งล้ำสมัยอย่างแท้จริง ฝ่าบาทจะต้องตกรางวัลอย่างงามแน่!”กงซูหว่านเผยสีหน้าเคร่งขรึม เอ่ยเสียงเครียด “หากอิงตามการตกรางวัลทั่วไปแล้วล่ะก็ ผลงานคุณูปการเช่นนี้อย่างน้อยก็ต้องแต่งตั้งเป็นเจ้ากรมโยธา!”ทุกคนล้วนตกตะลึง!แม้ว่าสกุลซูมีความสัมพันธ์แต่งงานกับรัชทายาท ภายภาคหน้าก็คือเชื้อพระวงศ์ แต่อิทธิพลของเจ้ากรมโยธาในราชสำนัก ทุกคนยังรู้ดี!บัณฑิตมากมายตรากตรำอ่านตำราหลายสิบปีก็ได้รับแต่งตั้งเป็นขุนนางระดับต่ำเท่านั้น ต้องการเลื่อนระดับยังต้องอาศัยความพยายามและโอกาสของตนหลิ่วหรูเยียนพูดด้วยความตกตะลึงพรึงเพริด “พี่สะใภ้ร
หลี่หลงหลินยิ้มจางๆ และพูดว่า “พี่สะใภ้รอง ต่อให้เสด็จพ่อถามออกมา นั่นแล้วอย่างไรเล่า? ยิ่งไปกว่านั้นข้าเพียงแต่เสนอแนวความคิดอย่างหนึ่งเท่านั้น ยามลงมือปฏิบัติยังต้องทำการทดลองและผ่านการทดสอบจำนวนมาก ถึงจะสามารถคิดค้นปูนคอนกรีตที่แท้จริงออกมาได้”“ภายในนั้นจะต้องเผชิญหน้ากับปัญหาและความยากลำบากหลากหลายอย่าง เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่พี่สะใภ้รองต้องรับมือด้วยตนเอง ต่อให้ฝ่าบาทเอ่ยถามขึ้นมา ท่านก็ไม่ต้องหวาดหวั่น”กงซูหว่านได้ยินถ้อยคำของหลี่หลงหลิน ทันใดนั้นตกอยู่ในห้วงแห่งความลังเล “แต่องค์ชาย...เดิมทีผลงานนี้ก็สมควรเป็นของท่าน หม่อมฉันเพียงทำตามคำสั่งขององค์ชายเท่านั้น ไม่สมควรรับผลงานเพียงลำพังคนเดียว”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “พี่สะใภ้รอง ท่านเป็นสตรีมีพรสวรรค์อันดับหนึ่งของใต้หล้า คิดค้นปูนคอนกรีตเป็นความดีความชอบยิ่งใหญ่ที่ไม่สามารถมองข้ามได้ อย่าได้ดูแคลนตนเองเป็นอันขาด ต่อให้ข้าเป็นผู้เสนอความคิด แต่คิดค้นและสร้างขึ้นมาต่างหากสำคัญที่สุด หากเพียงแต่พูดปากเปล่าก็ไร้ความหมาย”ลั่วอวี้จู๋ทางด้านข้างพูดเสริมขึ้นว่า “ใช่แล้วน้องรอง ปัญหาและความยากลำบากที่ต้องฝ่าฟันระหว่างนี
มุมปากหลู่จงหมิงยกขึ้นแสยะยิ้มเย็นชา “ชีวิตที่ไม่มีเจ้าหลี่หลงหลินช่างสุขสบายโดยแท้ จิบสุราโอบหญิงงาม เพลิดเพลินมีความสุข!”แม้ว่าเรื่องธัญพืชทำให้หลู่จงหมิงต้องขาดทุนอย่างหนักในเงื้อมมือของหลี่หลงหลิน แต่โชคดีหลู่จงหมิงยับยั้งการขาดทุนได้ทันเวลา เปิดยุ้งฉางขายธัญพืชทั้งหมดให้แก่พวกตระกูลขุนนางในตงไห่ ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ดังนั้นจึงมีเวลาเพลิดเพลินอยู่ภายในจวนหญิงสาวงดงามมีเสน่ห์ทั้งสองคนภายในอ้อมกอดของหลู่จงหมิงมีเรือนร่างอรชรแบบบาง สวมใส่ผ้าโปร่งบาง ผิวขาวนวลดุจหิมะเปิดเผยออกมา มีเสน่ห์มากเป็นพิเศษใบหน้าหลู่จงหมิงเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ขณะคิดจะฉวยโอกาสหาความสำราญตามใจปรารถนา“นายท่าน! แย่แล้วขอรับ!”เสียงร้องตะโกนขัดแผนการของหลู่จงหมิงพ่อบ้านพาบ่าวหนึ่งกลุ่มวิ่งลนลานเข้ามา บนหน้าผากล้วนคือเหงื่อเม็ดใหญ่สีหน้าหลู่จงหมิงโกรธจัด พูดเสียงเย็นชา “เกิดเรื่องใดขึ้น ลนลานถึงเพียงนี้? ข้าไม่ได้บอกเจ้าหรือว่าตอนข้าดื่มสุราห้ามรบกวน!”พ่อบ้านคุกเข่าบนพื้น หมอบตัวแนบพื้นและพูดเสียงเคร่งขรึม “นายท่าน รัชทายาท...รัชทายาทมีความเคลื่อนไหวแล้ว!”“เจ้าเด็กนั่นทำอันใด!”หลู่จงหมิงขมวดคิ้ว
ตลาดเมืองตงไห่ครึกครื้นตั้งแต่เช้า ราษฎรรับชมความครึกครื้นจนแน่นขนัดกงซูหว่านกวนปูนคอนกรีตสีดำภายในถังไม้ด้วยความตั้งใจท่ามกลางสายตาของกลุ่มคน ขมวดคิ้วแน่นราษฎร์ไม่น้อยเพียงแต่ว่างงานไม่งานทำ มาเชยชมรูปโฉมที่แท้จริงของสตรีมีพรสวรรค์อันดับหนึ่งของใต้หล้า จากหนึ่งเป็นสิบ จากสิบเป็นร้อยทำให้การสัญจรทั้งตลาดติดขัดต่อให้เป็นเช่นนี้ ช่วงเช้ากงซูหว่านก็รับสมัครช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญได้ไม่น้อย อย่างไรเสียตอนนี้ตงไห่ก็กำลังเกิดหายนะ เหล่าราษฎร์เดือดร้อนแทบจะไม่สามารถกินข้าวประทังชีวิตได้อยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดว่าไปซ่อมแซมสร้างบ้าน ช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญโดยส่วนมากอยู่ในสถานะว่างงานเหล่าช่างฝีมือได้ยินว่ารัชทายาทต้องการช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญจำนวนมาก ต่างพากันเดินทางมา ทำให้กงซูหว่านประหยัดแรงไปไม่น้อยเพียงแต่กงซูหว่านยังไม่สามารถหาสัดส่วนที่เหมาะสมในการผสมปูนคอนกรีตได้ ปูนคอนกรีตที่เคยผสมก่อนหน้านี้บ้างก็แข็งตัวไม่เพียงพอ บ้างก็หลังแข็งตัวแล้วกลับมีความแข็งแรงไม่เพียงพอ จนทำให้แตกร้าวกงซูหว่านราวกับไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีสายตาแหลมคมดุจเหยี่ยวหนึ่งคู่กำลังจับจ้องตนอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนสีหน้
หลู่จงหมิงพูดเสียงเคร่งขรึม “คุณหนูกงซู ไม่ได้พบกันนานเลย!”กงซูหว่านหยุดงานในมือลง ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ได้เห็นใบหน้าประดับยิ้มเจ้าเล่ห์ของหลู่จงหมิงกำลังมองตนเอง สายตาเช่นนี้ทำให้กงซูหว่านรู้สึกไม่สบายตัวกงซูหว่านพูดเสียงเย็นชา “พวกเราที่นี่รับสมัครเพียงช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญ ไม่ต้องการคนคดโกงขูดรีดเลือดเนื้อจากราษฎร์ ท่านหลีกไป อย่ามาขัดขวาง”เหล่าราษฎร์ต่างแตกตื่น!กงซูหว่านถึงขั้นไม่ไว้หน้าพระเชษฐภาดา!จะต้องรู้ว่านี่คือตงไห่ มังกรแข็งแกร่งไม่อาจสู้งูดิน พระเชษฐภาดาเป็นงูดินที่ตงไห่ แต่เหล่าขุนนางที่มาถึงตงไห่ล้วนต้องให้ความเคารพพระเชษฐภาดา แต่กงซูหว่านไม่วางตัวต่ำต้อย ยืดอกด้วยความมั่นใจ ภายในสายตาเปี่ยมความดูแคลนภายในจวนอ๋องในวันนั้น ความฟุ่มเฟือยของพระเชษฐภาดายังอยู่ในสมองของนางไม่อาจลบเลือนออกไปได้ ภายในสายตากงซูหว่าน พระเชษฐภาดาก็แค่ตัวไร้ประโยชน์ ใช้ตำแหน่งที่ได้รับแต่งตั้งมาแสวงหาความเพลิดเพลินก็เท่านั้น เป็นสิ่งที่นางดูแคลนที่สุด!พระเชษฐภาดาถูกกงซูหว่านทำให้อับอายถึงเพียงนี้บนถนน ทันใดนั้นโทสะพลุ่งพล่านมากขึ้นสามจั้ง พูดเสียงเย็นชา “ขัดขวาง? ข้าพระเชษฐภาดาผู้ยิ่งให
เพียงเอ่ยถ้อยคำนี้ออกมาราษฎร์ตงไห่ต่างพากันฮือฮา!องค์ชายเก้าคนของต้าเซี่ย แต่ละคนล้วนเกิดความคิดก่อกบฏเริ่มแรกคือองค์ชายใหญ่ องค์ชายสาม องค์ชายสี่และองค์ชายหก วางแผนร้าย คิดก่อกบฏบัดนี้ถึงตาองค์ชายเก้าหลี่หลงหลินแล้ว!บัดนี้เขาเป็นรัชทายาท ได้รับความโปรดปรานอย่างลึกซึ้งจากฮ่องเต้หวู่ ต่อให้ก่อกบฏ โทษก็ไม่ถึงตายเลวร้ายที่สุดก็เหมือนองค์ชายสี่หลี่จือ ถูกกักบริเวณ ใช้ชีวิตอย่างไร้ความหมายไปชั่วชีวิตหากตนเองโง่งม ไปสร้างเมืองใหม่อะไรนั่นกับรัชทายาท วางแผนก่อกบฏ นั่นคือโทษประหารชีวิตเก้าชั่วโคตร!ราษฎร์ไม่น้อยเดิมทีก็ลังเลอยู่ ครั้นถูกหลู่จงหมิงพูดคำนี้ออกมา ทำลายความคิดไปแล้วหลู่จงหมิงเห็นสถานการณ์ดังนั้น ใบหน้าลำพองใจ “กงซูหว่าน เจ้ากลับไปบอกรัชทายาท เรื่องเขาวางแผนก่อกบฏถูกข้าจับได้แล้ว! อีกเดี๋ยวข้าจะถวายฎีกาหนึ่งฉบับกราบทูลฝ่าบาท เล่นงานเขาจนอับจนหนทาง!”รัชทายาทรับมือยากจริง!แต่กงซูหว่านผู้หญิงคนหนึ่ง หลู่จงหมิงสามารถจัดการได้อย่างผ่อนคลาย“ฮึๆ...”คิดไม่ถึงเลยว่ากงซูหว่านไม่มีความตกใจเลยแม้แต่น้อย ตรงข้ามกันแสยะยิ้มเย็นชาออกมาสีหน้าหลู่จงหมิงเคร่งขรึม “เจ้ายิ้ม
กงซูหว่านหัวเราะขึ้นมา “อะไรกัน? พระเชษฐภาดาท่านกลัวแล้วหรือ? คนซื่อตรงย่อมไม่หวั่นเกรงต่อคำว่าร้าย ท่านยิ่งไม่ให้พูด ข้าก็ยิ่งจะพูด! ข้ายังจะตะโกนเสียงดังอีกด้วย! พวกเจ้าสกุลหลู่ล้วนกบฏฝังลึกอยู่ภายในกระดูก อิงตามที่ข้าได้เห็น น่ากลัวว่าพระเชษฐภาดาก็ใกล้จะเจริญตามรอยพวกเขาในอีกไม่ช้าแล้ว!”หลู่จงหมิงกุมอกแน่นๆ คล้ายถูกคนชกอย่างแรงหนึ่งหมัด เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “สาม...สามหาว!”“ผู้หญิงฝีปากคมกริบตัวดี!”“กล้าหยามเกียรติพระเชษฐภาดาต่อหน้าธารกำนัล!”“เด็กๆ ตบปาก!”“ตบปากคมกริบของนางให้ข้า!”เพียงสิ้นเสียงลง บ่าวท่าทางดุดันหนึ่งกลุ่มทางด้านหลังหลู่จงหมิงก็ถลันเข้ามาล้อมกงซูหว่านเอาไว้สีหน้าเหล่าราษฎร์เผือดซีด ต่างพากันแยกย้ายพระเชษฐภาดาหยิ่งยโสโอหังภายในตงไห่จนคุ้นชินแล้ว พวกเขาล่วงเกินไม่ไหว!กงซูหว่านกลับไม่ขยับเขยื้อน สีหน้าเยียบเย็นผ่อนคลาย สบมองหลู่จงหมิงสีหน้าหมิ่นแคลน “ท่านกล้าแตะต้องข้า?”หลู่จงหมิงหัวเราะ “ข้าเป็นพระเชษฐภาดาของฮ่องเต้พระองค์ปัจจุบัน เจ้านับเป็นตัวอะไร? ก็แค่พี่สะใภ้ของรัชทายาทไม่ใช่หรือ? กลับกล้าอ้างบารมีเย่อหยิ่งจองหอง? ข้าพระเชษฐภาดาผู้ยิ่งใหญ่ ต่อให
ภายในห้องหนังสือหลี่หลงหลินกำลังวาดผังอย่างขะมักเขม้น เห็นว่ากงซูหว่านมา จึงเงยหน้าพูดยิ้มๆ “พี่สะใภ้รอง ท่านด่าพระเชษฐภาดาได้เจ็บแสบยิ่งนัก สาแก่ใจจริงๆ!”ใบหน้ากงซูหว่านแดงเรื่อ เอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “ท่านรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว?”หลี่หลงหลินพูดยิ้มๆ “ไม่ใช่เพียงข้า เรื่องนี้เล่าลือไปทั่วทั้งตงไห่แล้ว อีกไม่นานก็จะส่งต่อไปยังเมืองหลวง ผ่านไปนานกว่านี้อีกระยะหนึ่ง ผู้คนทั้งเหนือใต้ก็จะได้รับรู้กันอย่างถ้วนทั่ว!”“พี่สะใภ้รอง ท่านจะมีชื่อเสียงแล้ว!”สีหน้ากงซูหว่านแดงยิ่งขึ้น ขบเม้มริมฝีปากเบาๆ “องค์ชาย ท่านอย่าล้อหม่อมฉันเล่นเลย! ชื่อเสียงเรื่องด่าคนมีอะไรดี! หม่อมฉันหญิงร้ายเช่นนี้ น่ากลัวว่าไม่มีชายใดต้องการ แต่งไม่ออกแล้ว!”หลี่หลงหลินแสยะยิ้ม “หากไม่มีใครกล้าแต่งกับท่าน ข้าจะแต่งเอง! อย่างไรเสียข้าก็แต่งงานกับเสือโคร่งอย่างซูเฟิ่งหลิงไปแล้ว เพิ่มหญิงปากคอเราะร้ายมาอีกหนึ่งคนก็ชินชาไม่รู้สึกรู้สาอันใดแล้ว!”กงซูหว่านสะเทิ้นอายใบหน้าแดงเรื่อ พูดเสียงนุ่มนวล “ห้ามพูดถึงหม่อมฉันและน้องเล็กเช่นนี้! ยิ่งไปกว่านั้น ใครรับปากว่าจะแต่งกับท่าน...”ผิวพรรณที่เดิมทีขาวดุจหิมะของกงซูหว่า
เมื่อกงซูหว่านได้ยินคำพูดของหลิวเกินเซิง ในดวงตาของนางพลันฉายแววตกใจ“หรือว่าตั้งแต่ตอนเหตุเพลิงไหม้ใหญ่ที่เมืองหลวงเมื่อปีก่อน องค์ชายก็ทรงคาดการณ์ถึงวันนี้ และวางแผนโครงการเมืองใหม่ตงไห่ทั้งหมดไว้แล้ว?”กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความนับถืออยู่บ้างหลิวเกินเซิงเผยรอยยิ้มซื่อๆ กล่าวว่า “ท่านหัวหน้าช่าง วางใจเถอะขอรับ อย่างอื่นพวกเราอาจไม่ถนัด แต่งานใช้แรงกายแบบนี้พวกเราชำนาญนัก แม้เจอสิ่งที่ไม่เข้าใจ พวกเราก็เรียนรู้ได้ขอรับ”โครก...ท้องของกงซูหว่านส่งเสียงดังลั่น ใบหน้างามพลันแดงก่ำ เต็มไปด้วยความกระดากอาย เอ่ยเสียงเบา “ข้า... ดูเหมือนจะหิวแล้ว”ซุนชิงไต้มีสีหน้ายินดี “พี่สะใภ้รอง ท่านรู้ว่าหิวแล้ว นั่นก็หมายความว่าอาการป่วยทางใจหายดีแล้ว! องค์ชายช่างเก่งกาจจริงๆ รักษาปุ๊บหายปั๊บเลย!”หลี่หลงหลินแย้มยิ้มเล็กน้อย โบกมือคราหนึ่ง “นำปลาในห้องเก็บน้ำแข็งออกมาให้หมด! วันนี้กินเนื้อดื่มเหล้ากันให้เต็มที่!”ทุกคนโห่ร้องยินดีอย่างลิงโลด ชูแขนตะโกนก้อง...จวนพระเชษฐภาดาหลู่จงหมิงกำลังดื่มสุราสรวลเสเฮฮากับเหล่าคหบดีตงไห่ บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงดนตรีและการร่ายรำอย
ทุกคนภายในห้องพลันชะงักงันไปครู่หนึ่ง กล่าวด้วยความตกตะลึง “องค์รัชทายาท นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะเพคะ!”ในดวงตาของซุนชิงไต้ฉายแววประหลาดใจวูบหนึ่ง “องค์รัชทายาท อย่าได้ทรงผลีผลามเป็นอันขาดเพคะ หากอาการป่วยทางใจนี้รักษาไม่หายดี ก็อาจจะกลายเป็นปมในใจฝังลึก นั่นจะยิ่งเป็นเรื่องยุ่งยากใหญ่หลวงตามมาได้!”ซูเฟิ่งหลิงจับมือของหลี่หลงหลินไว้ พลางทูลทัดทาน “องค์รัชทายาท เรื่องเช่นนี้มอบให้เป็นหน้าที่ของท่านพี่สะใภ้สามจัดการเถิดเพคะ ขนาดท่านพี่สะใภ้สามผู้เป็นถึงหมอเทวดาแห่งต้าเซี่ยยังเห็นว่าเป็นเรื่องยากลำบาก ย่อมไม่ใช่การกล่าวเกินจริงเพื่อให้ตกใจเป็นแน่”หลี่หลงหลินยิ้มแย้มอย่างมีลับลมคมใน เสด็จไปประทับข้างกงซูหว่าน แล้วทรงผลักบานหน้าต่างเปิดออกทันทีทุกคนต่างตกตะลึงพรึงเพริด!แม้จะย่างเข้าสู่ต้นฤดูใบไม้ผลิแล้ว แต่อากาศภายนอกยังคงมีไอเย็นหลงเหลืออยู่บ้าง หากทำให้กงซูหว่านต้องลมจนเป็นหวัดขึ้นมาจะทำเช่นไร?ทว่าในวินาทีต่อมา สีหน้าตกตะลึงของทุกคนพลันแข็งค้างอยู่บนใบหน้าแม้แต่กงซูหว่านเองก็ยังเผยสีหน้าตกตะลึงอย่างสุดขีดออกมาที่ปรากฏแก่สายตาคือ ภายในลานตำหนักอ๋องแห่งนี้ บัดนี้กลับมีผู้คนยื
อารมณ์ของเหล่าผู้ลี้ภัยพลันผันผวนขึ้นลงราวกับนั่งรถไฟเหาะตีลังกา“มีเนื้อให้กินหรือพ่ะย่ะค่ะ? องค์รัชทายาท ท่านไม่ได้ทรงล้อเล่นใช่หรือไม่?”“นี่ข้าไม่ได้ฝันไปจริงๆ ใช่หรือไม่?”หลิวเกินเซิงคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าหลี่หลงหลิน ตื้นตันใจอย่างยิ่ง กล่าวเสียงสั่นเครือ “องค์รัชทายาท พระองค์ทรงเป็นผู้ช่วยชีวิตทั้งครอบครัวของข้าน้อยไว้ ชาตินี้ต่อให้ต้องทำงานรับใช้หนักหนาดั่งวัวม้า ข้าน้อยก็จะขอตอบแทนพระกรุณาธิคุณให้จงได้พ่ะย่ะค่ะ!”เหล่าผู้ลี้ภัยต่างพากันคุกเข่าลง ถวายบังคมคำนับต่อหลี่หลงหลินหลี่หลงหลินกล่าวเสียงเรียบ “ข้าเป็นถึงรัชทายาทแห่งแผ่นดิน ย่อมมีใจผูกพันห่วงใยประชาราษฎร์ การกังวลในทุกข์สุขของราษฎรถือเป็นหน้าที่ที่ข้าพึงกระทำอยู่แล้ว พวกท่านทุกคนไม่จำเป็นต้องมากพิธีรีตองอยู่ตรงนี้เลย! รีบลุกขึ้นเถิด!”เหล่าผู้ลี้ภัยต่างซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณจนน้ำตาไหลพรากหลี่หลงหลินตรัสเสียงเข้มขึ้น “พวกท่านเดินทางข้ามเขาลุยน้ำ เอาชนะความยากลำบากและภยันตรายนานัปการจนมาถึงตงไห่ได้ ก็รีบเข้าเมืองไปจัดการเรื่องที่พักพิงและกินให้อิ่มท้องเสียก่อน นั่นคือสิ่งสำคัญที่สุด”คนเรานั้นต้องพึ่งพาอาหารการ
สีหน้าสิ้นหวังปรากฏชัดบนใบหน้าอันซูบผอมของเหล่าผู้อพยพ พวกเขาโศกเศร้าราวกับเพิ่งสูญเสียบุพการี“เกินเซิง พวกเรากลับกันเถอะ เดินหน้าต่อไปก็คงเสียแรงเปล่า”หลิวเกินเซิงกล่าวเสียงขรึม “กลับรึ? ตอนนี้พวกเราจะกลับไปที่ไหนได้อีก! ข้าไม่เชื่อว่าองค์รัชทายาทจะทรงทำเรื่องเช่นนี้ หลอกลวงน้ำใจประชาชน! วันนี้ต่อให้ต้องตาย ก็ขอตายให้รู้เรื่องรู้ราวไปเลย!”กล่าวจบ หลิวเกินเซิงก็สาวเท้าเดินตรงไปยังศาลาสิบลี้“เกินเซิง! ทำไมเจ้าถึงได้โง่เช่นนี้ ชีวิตต่ำต้อยก็ถือว่าเป็นชีวิตนะ หากเจ้าไปมีเรื่องมีราวกับทหารพวกนี้เข้า อาจต้องเอาชีวิตไปทิ้งได้!”ผู้คนที่ร่วมเดินทางมาด้วยพยายามทัดทาน แต่หลิวเกินเซิงเดินลิ่วไปไกลแล้วทุกคนจึงจำต้องเดินตามไปข้างหลัง เพื่อคอยระวังไม่ให้หลิวเกินเซิงก่อเรื่องร้ายแรงขึ้นศาลาสิบลี้ทหารม้าสิบกว่านายรอคอยอยู่ด้านนอกศาลา ทั้งไพร่พลและอาชาล้วนแข็งแกร่งกำยำ ดูน่าเกรงขาม ชวนให้ผู้พบเห็นขวัญหนีดีฝ่อภายในศาลามีชายหนุ่มผู้หนึ่งสวมอาภรณ์ผ้าไหมแพรพรรณงดงามกำลังนั่งจิบชาหอมกรุ่นอยู่หลิวเกินเซิงเดินตรงไปยังศาลา หมายจะเข้าไปขอคำอธิบายให้รู้เรื่องผู้ลี้ภัยกลุ่มหนึ่งตามติดอยู่ข้า
ยามเช้าตรู่นอกศาลาพักทางสิบห้าลี้ เมืองตงไห่สายลมวสันต์พัดโชยเบาๆ แสงแดดอ่อนละมุนหลิวเกินเซิงพาบรรดาผู้ลี้ภัยหนุ่มแน่นมาถึงใกล้เขตเมืองตงไห่ก่อนผู้ใด ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความปลื้มปีติ เขาโบกมือพลางตะโกนเสียงดังว่า “ทุกคน อดทนอีกหน่อย อีกไม่ไกลก็ถึงศาลาสิบลี้แล้ว! พอพ้นศาลานั้นก็เข้าเมืองตงไห่ได้เลย! ก่อนตะวันตกดินเราจะได้พบองค์รัชทายาทแน่นอน!”“แค่ได้พบหน้าองค์รัชทายาท พวกเราก็จะมีข้าวกินแล้ว!”ทว่าเมื่อได้ฟังคำของหลิวเกินเซิง เหล่าผู้ลี้ภัยกลับมิได้แสดงความยินดีแม้แต่น้อย แต่ละใบหน้าที่ซูบตอบกลับฉายแววคลางแคลงใจ“เกินเซิง เจ้าบอกว่าองค์รัชทายาทผู้นี้จะเชื่อถือได้จริงหรือ? ตลอดทางที่ผ่านมานี้ ดูเหมือนเขตตงไห่จะรกร้างกันดาร พืชพันธุ์ธัญญาหารในนาก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะเก็บเกี่ยวได้ ท่านแน่ใจหรือว่าพวกเราไปถึงเมืองตงไห่แล้วจะมีข้าวกินจริงๆ?”“ใช่แล้ว เกินเซิง แม้ว่าหนทางนี้จะยากลำบากเต็มไปด้วยอุปสรรค แต่อย่างน้อยระหว่างทางก็ยังพอมีเปลือกไม้ให้แทะ มีรากหญ้าให้เคี้ยว แต่พอเข้ามาในเขตเมืองตงไห่ ต้นไม้ทุกหนแห่งกลับมีแต่ลำต้นเกลี้ยงเกลา แม้แต่เปลือกไม้ก็ไม่มีให้แทะ ไม่ต้องพูดถึงรากหญ้า
เมื่อหลี่หลงหลินเห็นว่าท่าทีของกงชูหว่านแน่วแน่เด็ดเดี่ยว จึงไม่ได้ขัดขวางอีกต่อไป เพียงพยักหน้าเบาๆ แล้วกล่าวว่า “พี่สะใภ้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เรื่องการรับคนเข้าทำงานก็ไม่จำเป็นต้องเร่งร้อนนักหรอก ขนาดเมืองตงไห่ใหญ่โตปานนั้น ประชากรกว่าหลายแสน จะให้เชื่อคำของพระเชษฐภาดาฝ่ายเดียวได้อย่างไร? ท่ามกลางราษฎรย่อมมีผู้ตาสว่างรู้ผิดชอบอยู่บ้าง เจ้าจึงไม่จำเป็นต้องแบกรับความกดดันจนหนักอึ้ง รับสมัครได้เท่าใด ก็เอาเท่านั้น! มีมาเท่าใด ก็รับไว้ทั้งหมด ไม่ต้องปฏิเสธผู้ใด!”กงซูหว่านชะงักไปครู่หนึ่ง เอ่ยถามว่า “ไม่ปฏิเสธผู้ใดหรือเพคะ? รัชทายาท ยามนี้ค่าจ้างที่เราเสนอให้นั้นสูงกว่าราคาตลาดเท่าตัว ทั้งสวัสดิการก็ดีเยี่ยม หากมิใช่เพราะพระเชษฐภาดาออกมาสร้างความวุ่นวาย เกรงว่าเพียงแค่วันนี้วันเดียวก็คงสามารถรับสมัครช่างฝีมือดีได้ครบตามจำนวนแล้ว”“ทว่ายามนี้ข่าวลือแพร่สะพัด คนที่มาก็ล้วนเป็นพวกไร้ฝีมือ ถ้าไม่คัดกรองให้ดี เกรงว่างานก่อสร้างจะต้องพังเอาแน่ๆ”หลี่หลงหลินยิ้มน้อยๆ พลางกล่าว “พี่สะใภ้ไม่ต้องกังวล แม้แต่พวกอันธพาลข้างถนน ก็ยังต้องเชื่องเมื่อเจอกับเฟิ่งหลิง ตราบใดที่คนเหล่านั้นมีฝีมือ ไม่ว่าจ
ภายในห้องหนังสือหลี่หลงหลินกำลังวาดผังอย่างขะมักเขม้น เห็นว่ากงซูหว่านมา จึงเงยหน้าพูดยิ้มๆ “พี่สะใภ้รอง ท่านด่าพระเชษฐภาดาได้เจ็บแสบยิ่งนัก สาแก่ใจจริงๆ!”ใบหน้ากงซูหว่านแดงเรื่อ เอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “ท่านรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว?”หลี่หลงหลินพูดยิ้มๆ “ไม่ใช่เพียงข้า เรื่องนี้เล่าลือไปทั่วทั้งตงไห่แล้ว อีกไม่นานก็จะส่งต่อไปยังเมืองหลวง ผ่านไปนานกว่านี้อีกระยะหนึ่ง ผู้คนทั้งเหนือใต้ก็จะได้รับรู้กันอย่างถ้วนทั่ว!”“พี่สะใภ้รอง ท่านจะมีชื่อเสียงแล้ว!”สีหน้ากงซูหว่านแดงยิ่งขึ้น ขบเม้มริมฝีปากเบาๆ “องค์ชาย ท่านอย่าล้อหม่อมฉันเล่นเลย! ชื่อเสียงเรื่องด่าคนมีอะไรดี! หม่อมฉันหญิงร้ายเช่นนี้ น่ากลัวว่าไม่มีชายใดต้องการ แต่งไม่ออกแล้ว!”หลี่หลงหลินแสยะยิ้ม “หากไม่มีใครกล้าแต่งกับท่าน ข้าจะแต่งเอง! อย่างไรเสียข้าก็แต่งงานกับเสือโคร่งอย่างซูเฟิ่งหลิงไปแล้ว เพิ่มหญิงปากคอเราะร้ายมาอีกหนึ่งคนก็ชินชาไม่รู้สึกรู้สาอันใดแล้ว!”กงซูหว่านสะเทิ้นอายใบหน้าแดงเรื่อ พูดเสียงนุ่มนวล “ห้ามพูดถึงหม่อมฉันและน้องเล็กเช่นนี้! ยิ่งไปกว่านั้น ใครรับปากว่าจะแต่งกับท่าน...”ผิวพรรณที่เดิมทีขาวดุจหิมะของกงซูหว่า
กงซูหว่านหัวเราะขึ้นมา “อะไรกัน? พระเชษฐภาดาท่านกลัวแล้วหรือ? คนซื่อตรงย่อมไม่หวั่นเกรงต่อคำว่าร้าย ท่านยิ่งไม่ให้พูด ข้าก็ยิ่งจะพูด! ข้ายังจะตะโกนเสียงดังอีกด้วย! พวกเจ้าสกุลหลู่ล้วนกบฏฝังลึกอยู่ภายในกระดูก อิงตามที่ข้าได้เห็น น่ากลัวว่าพระเชษฐภาดาก็ใกล้จะเจริญตามรอยพวกเขาในอีกไม่ช้าแล้ว!”หลู่จงหมิงกุมอกแน่นๆ คล้ายถูกคนชกอย่างแรงหนึ่งหมัด เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “สาม...สามหาว!”“ผู้หญิงฝีปากคมกริบตัวดี!”“กล้าหยามเกียรติพระเชษฐภาดาต่อหน้าธารกำนัล!”“เด็กๆ ตบปาก!”“ตบปากคมกริบของนางให้ข้า!”เพียงสิ้นเสียงลง บ่าวท่าทางดุดันหนึ่งกลุ่มทางด้านหลังหลู่จงหมิงก็ถลันเข้ามาล้อมกงซูหว่านเอาไว้สีหน้าเหล่าราษฎร์เผือดซีด ต่างพากันแยกย้ายพระเชษฐภาดาหยิ่งยโสโอหังภายในตงไห่จนคุ้นชินแล้ว พวกเขาล่วงเกินไม่ไหว!กงซูหว่านกลับไม่ขยับเขยื้อน สีหน้าเยียบเย็นผ่อนคลาย สบมองหลู่จงหมิงสีหน้าหมิ่นแคลน “ท่านกล้าแตะต้องข้า?”หลู่จงหมิงหัวเราะ “ข้าเป็นพระเชษฐภาดาของฮ่องเต้พระองค์ปัจจุบัน เจ้านับเป็นตัวอะไร? ก็แค่พี่สะใภ้ของรัชทายาทไม่ใช่หรือ? กลับกล้าอ้างบารมีเย่อหยิ่งจองหอง? ข้าพระเชษฐภาดาผู้ยิ่งใหญ่ ต่อให
เพียงเอ่ยถ้อยคำนี้ออกมาราษฎร์ตงไห่ต่างพากันฮือฮา!องค์ชายเก้าคนของต้าเซี่ย แต่ละคนล้วนเกิดความคิดก่อกบฏเริ่มแรกคือองค์ชายใหญ่ องค์ชายสาม องค์ชายสี่และองค์ชายหก วางแผนร้าย คิดก่อกบฏบัดนี้ถึงตาองค์ชายเก้าหลี่หลงหลินแล้ว!บัดนี้เขาเป็นรัชทายาท ได้รับความโปรดปรานอย่างลึกซึ้งจากฮ่องเต้หวู่ ต่อให้ก่อกบฏ โทษก็ไม่ถึงตายเลวร้ายที่สุดก็เหมือนองค์ชายสี่หลี่จือ ถูกกักบริเวณ ใช้ชีวิตอย่างไร้ความหมายไปชั่วชีวิตหากตนเองโง่งม ไปสร้างเมืองใหม่อะไรนั่นกับรัชทายาท วางแผนก่อกบฏ นั่นคือโทษประหารชีวิตเก้าชั่วโคตร!ราษฎร์ไม่น้อยเดิมทีก็ลังเลอยู่ ครั้นถูกหลู่จงหมิงพูดคำนี้ออกมา ทำลายความคิดไปแล้วหลู่จงหมิงเห็นสถานการณ์ดังนั้น ใบหน้าลำพองใจ “กงซูหว่าน เจ้ากลับไปบอกรัชทายาท เรื่องเขาวางแผนก่อกบฏถูกข้าจับได้แล้ว! อีกเดี๋ยวข้าจะถวายฎีกาหนึ่งฉบับกราบทูลฝ่าบาท เล่นงานเขาจนอับจนหนทาง!”รัชทายาทรับมือยากจริง!แต่กงซูหว่านผู้หญิงคนหนึ่ง หลู่จงหมิงสามารถจัดการได้อย่างผ่อนคลาย“ฮึๆ...”คิดไม่ถึงเลยว่ากงซูหว่านไม่มีความตกใจเลยแม้แต่น้อย ตรงข้ามกันแสยะยิ้มเย็นชาออกมาสีหน้าหลู่จงหมิงเคร่งขรึม “เจ้ายิ้ม