ภายในห้องทรงพระอักษรฮ่องเต้หวู่กำลังตำหนิขุนนางสำนักเลขาธิการ “รู้หรือยังว่าใครคือคนที่เผยแพร่ข่าวลือ บอกว่าทหารรักษาพระองค์แพ้สงคราม ทำให้ทหารของข้าจิตใจหวาดหวั่น?”เหล่าขุนนางก้มหน้าลง ไม่กล้าส่งเสียง ไม่กล้าหายใจเสียงดัง“ไม่เอาไหน!”“ไม่เอาไหนกันหมด!”“หากข่าวลือยังคงแพร่สะพัดอยู่อีก ไม่กล้าคิดถึงผลที่ตามมา!”ฮ่องเต้หวู่ตำหนิแท้จริงแล้ว เขาเองก็รู้ดีแก่ใจเบื้องหลังข่าวลือนี้ จารชนเผ่าหมานเป็นคนเติมเชื้อในกองเพลิงอย่างแน่นอนเวลานี้ข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วแล้ว ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง อยากจะสยบข่าวลือนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายแม้จะจับตัวคนปล่อยข่าวได้แล้ว ประหารชีวิตเขา แต่ก็เพียงระบายโทสะได้เท่านั้นถึงขั้นที่ว่าสำหรับชาวบ้านการอธิบายคือการปิดบัง การปิดบังก็คือความจริง!หากไม่ใช่เพราะทหารรักษาพระองค์แพ้สงครามจริงๆ เหตุใดราชสำนักจึงเคลื่อนไหวรุนแรง ถึงขั้นประหารคนระบายความโกรธเช่นนี้?กล่าวโดยสรุป เป็นแผนการร้ายที่ไม่อาจแก้ไขได้!เวลานี้ เว่ยซวินมาถึงห้องทระพระอักษร พูดเสียงเบา “ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่ทอดสายพระเนตรมองเว่ยซวิน พูด “วันนี้เป็นวันหยุดของเจ้าไม่ใช่หรือ ออ
ตึ้ง!ฮ่องเต้หวู่ตบโต๊ะอย่างแรง พระพักตร์มังกรฉายความพิโรธ “เงียบ! พวกเจ้าจะให้ข้าลงโทษผู้ที่ทำคุณงามความดีเช่นนั้นหรือ?”ทำคุณงามความดี?บรรดาขุนนางสีหน้าฉงนองค์ชายเก้าพฤติกรรมสุดโต่ง ชื่อเสียงป่นปี้ ไม่ใกล้เคียงคำว่าทำคุณงามความดีแม้แต่น้อย!ฮ่องเต้หวู่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หากไม่ใช่เจ้าเก้า สร้างเรื่องนี้ขึ้น! เกรงว่า ข่าวลือต้าเซี่ยแพ้สงคราม รุนแรงยิ่งกว่านี้!”“ตามคำที่กล่าวว่า สามคนกลายเป็นเสือ!”“เมือข่าวลือถูกพูดมากขึ้น เช่นนั้นก็จะกลายเป็นจริง!”“ไม่เพียงชาวบ้าน พ่อค้าได้ยินข่าวลือ ก็จะแตกตื่น ต่างหนีออกจากเมืองหลวง ลงใต้เพื่อหนีหายนะ!”“สุดท้ายแล้ว ขุนนาง รวมถึงทหาร ก็จะอยู่ในความโกลาหล ต่างพากันหลบหนี!”“ไม่ว่าเจ้าเก้าตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจ”“แต่เขาสยบข่าวลือได้แล้ว ทำให้ความตึงเครียดของชาวบ้านเบาบางลง นี่ไม่ใช่เรื่องจริงหรือ?”“นี่ไม่ใช่การทำคุณงามความดีหรอกหรือ?”เหล่าขุนนางเงียบกริบ หมดคำโต้เถียงแม้จะดูเกินจริงไปเสียหน่อยแต่สิ่งที่ฮ่องเต้หวู่ตรัส ก็เป็นความจริงเทียบกับข่าวลือต้าเซี่ยแพ้สงคราม อย่างมากอง์ชายเก้าเพียงเสื่อมเสียชื่อเสีย ทำให้ราชวงศ์ขายหน้า
ลั่วอวี้จู๋คิดอ่านละเอียดรอบคอบ ครั้งนี้ตั้งใจให้หลี่หลงหลินมาแจกจ่ายเงินบำนาญข้อแรก เงินก้อนนี้หลี่หลงหลินเป็นคนหามาได้ เขาจัดการด้วยตนเองก็สมควรแล้วข้อสอง ต่อให้หลี่หลงหลินไม่ได้เรื่องเยี่ยงไร ก็คือองค์ชายเก้า ตัวแทนของฝ่าบาทหลี่หลงหลินพยักหน้า “ในเมื่อให้ข้ามาแจกจ่ายเงินบำนาญ เช่นนั้นรายละเอียดบางส่วน ข้าต้องถามให้ชัดเจน!”ลั่วอวี้จู๋รีบพูด “ย่อมเป็นเช่นนั้น”หลี่หลงหลินเอ่ยถาม “เงินบำนาญของทหารสกุลซูมากน้อยเพียงใด?”ลั่วอวี้จู๋คล่องแคล่วราวนับสมบัติในบ้านของตน เอ่ยตอบ “ยึดตามกฎหมายของต้าเซี่ย แม่ทัพคือแปดร้อยตำลึง! พลทหารหนึ่งร้อยตำลึง! ทหารม้าเจ็ดสิบตำลึง! ทหารราบห้าสิบตำลึง! หากสร้างความดีความชอบทางทหารแล้วล่ะก็ เงินบำนาญเพิ่มอีกต่างหากยี่สิบตำลึง”หลี่หลงหลินเลิกคิ้วขึ้น “ทหารสกุลซูทุกคนล้วนสร้างความดีความชอบ หากคือเจ็ดสิบตำลึงแล้วล่ะก็ นับว่าจำนวนไม่น้อย”ความยากจนมั่งคั่งในต้าเซี่ยแตกต่างกันมากนักตระกูลขุนนางสูงศักดิ์มากอำนาจ หาความสำราญในหอนางโลม ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย หนึ่งคืนก็สามารถจ่ายได้ถึงหมื่นตำลึงส่วนสามัญชนในเมืองหลวง หนึ่งครอบครัวห้าคน ค่าใช้จ่ายหนึ่งเดื
สิ่งที่ลั่วอวี้จู๋พูดก็คือความจริงยุคทองของทหารสกุลซู มีทหารถึงสามหมื่นคน!นั่นก็หมายความว่า ครอบครัวของพวกเขามีมากถึงสามหมื่นครัวเรือนแม้ทุกเดือนทุกครัวเรือนใช้เพียงหนึ่งตำลึง ก็เป็นเงินถึงสามหมื่นตำลึง!แม้สกุลซูยิ่งใหญ่กิจการรุ่งเรือง ก็ไม่สามารถยับยั้งเงินไหลออกสู่ภายนอกได้!ยิ่งไปกว่านั้นหลี่หลงหลินต้องการให้เด็กกำพร้าเข้าสำนักศึกษา นี่คือค่าใช้จ่ายมหาศาลก้อนหนึ่งลั่วอวี้จู๋เคยคำนวณมาก่อน ทุกเดือนต้องแจกจ่ายมากอีกสามหมื่นตำลึง!ภายในมือหลี่หลงหลิน แม้มีเงินหนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึง มากที่สุดสนับสนุนได้เพียงสามเดือนก็ใกล้หมดแล้วเมื่อนั้นจะทำเช่นไร?เงินบำนาญของราชสำนัก ไม่สามารถแจกจ่ายได้หรือปล่อยให้แม่ม่ายเด็กกำพร้าเหล่านี้ไม่มีที่ซุกหัวนอน เป็นขอทานข้างถนนอย่างนั้นรึ?หลี่หลงหลินยิ้มน้อยๆ พูดเสียงดัง “พี่สะใภ้ใหญ่ ความนัยของข้าคือ เงินเข้าสำนักศึกษานี้ ให้พวกนางรับผิดชอบด้วยตนเอง!”ทันใดนั้น คฤหาสน์สกุลซูก็เงียบกริบสายตาตกตะลึงนับไม่ถ้วน รวมอยู่ที่ตัวหลี่หลงหลิน!ถ้อยคำนี้ขององค์ชายเก้า ช่างไม่เข้าใจหัวอกคนยากไร้จริงๆ!แม่ม่ายเด็กกำพร้าเหล่านี้ หนึ่งเดือนมีเพีย
นางฉลาดมากเพียงใด บัดนี้เข้าใจแล้ว หลี่หลงหลินกำลังให้ตนเองเป็นผู้ขันอาสาหลิ่วหรูเยียนรีบก้าวออกมา “อย่างไรเสียข้าก็กำลังว่างงาน สามารถสอนพวกนางใช้เครื่องทอผ้าได้!”หลี่หลงหลินพยักหน้าแล้ว “ในเมื่อสะใภ้สี่กระตือรือร้นถึงเพียงนี้ เช่นนั้นเรื่องนี้ยกให้เจ้าแล้ว!”ฮูหยินผู้เฒ่าซูไม่ห้าม เห็นชัดว่าอนุญาตเงียบๆ แล้ว“ขอบพระทัยเพคะองค์ชาย...”หลิ่วหรูเยียนหน้าแดงก่ำ กล่าวขอบคุณหลี่หลงหลินเสียงแผ่วได้รับการช่วยเหลือจากหลี่หลงหลิน ความขุ่นเคืองระหว่างหลิ่วหรูเยียนและฮูหยินผู้เฒ่าซูค่อยๆ หายไป เริ่มกลมกลืนเข้ากับสกุลซูครอบครัวใหญ่นี้แล้วความกังวลของนางหมดไป ไม่ต้องหวั่นใจทั้งวี่ทั้งวัน กังวลว่าตนเองจะถูกขับไล่ออกจากบ้าน กลับไปอยู่ในหอคณิกาตกบ่อเพลิงนี้อีกครั้งไม่รู้เพราะเหตุใดหลิ่วหรูเยียนมองเห็นเงาของคุณชายสี่สกุลซูบนตัวหลี่หลงหลินครานั้นคุณชายสี่สกุลซู ช่วยตนเองออกจากบ่อเพลิง...ลั่วอวี้จู๋เริ่มแจกจ่ายเงินบำนาญของเดือนนี้ให้แม่ม่ายเด็กกำพร้าแม่ม่ายยินยอมทำงานให้สกุลซู หลังบันทึกชื่อแซ่เรียบร้อยแล้ว ก็มาพบหลิ่วหรูเยียนที่นั่น สังเกตวิธีทอผ้าของนาง เรียนวิธีใช้งานเครื่องทอผ
ระหว่างเดินทางไปพระราชวังเว่ยซวินเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ภายในห้องทรงพระอักษรทั้งหมดให้หลี่หลงหลินฟังแล้วหลี่หลงหลินโมโหจนหน้าเขียว!มิใช่ขึ้งโกรธซูเฟิ่งหลิงข้อแรก ซูเฟิ่งหลิงเพียงนึกสนุก มิได้มีเจตนาร้ายข้อสอง นี่คือเรื่องเล็กน้อยของสองสามีภรรยา เกี่ยวอันใดกับขุนนางใหญ่เหล่านั้นด้วยเล่า!มากที่สุดก็แค่ส่งผลสะท้อนต่อธรรมเนียมปฏิบัติเท่านั้น!พวกขุนนางใหญ่ในสำนักเลขาธิการเหล่านั้นจับจุดอ่อนนี้ไม่ปล่อย ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ต้องการฆ่าตนเองให้ตายกับที่กระนั้น?อันที่จริงหลี่หลงหลินเองก็เข้าใจแต่ไรมาพวกขุนนางใหญ่ไม่ปรองดองกัน ทั้งหมดล้วนวางแผนอยู่ภายในใจของตนครั้งนี้ เหตุใดพวกเขาสามัคคีกันถึงเพียงนี้ พุ่งเป้ามาที่ตนเอง?พูดตามสัตย์จริงต่อให้ตนเองปราบกบฏสร้างความดีความชอบ ได้รับคำชมเชยจากเสด็จพ่อ แต่เมื่อขัดขวางเส้นทางขององค์ชายคนอื่น นั่นก็คือขัดขวางเส้นทางของขุนนางใหญ่แล้วแก่งแย่งช่วงชิงอำนาจ มักจะโหดร้ายเสมอ!ต่อให้ตนเองต้องการอยู่เพียงลำพังไม่ข้องเกี่ยวกับผู้อื่น เป็นองค์ชายเกียจคร้านเจ้าสำราญคนหนึ่ง ออกห่างจากการต่อสู้ให้ไกลนี่จะเป็นไปได้อย่างไร?ต่อ
“ข่าวลือก่อนหน้า พริบตาก็ไม่มีคนสนใจแล้ว!”“คนอื่นไม่รู้ แต่บิดารู้จักลูกชายดีที่สุด นี่ต้องเป็นความตั้งใจของเจ้าแน่!”“นี่ไม่ใช่ความดีความชอบแล้วคืออันใดเล่า?”หลังฮ่องเต้หวู่ตรัสจบ สายพระเนตรก็จดจ้องไปที่หลี่หลงหลิน คาดหวังในคำตอบราวกับว่าเพียงหลี่หลงหลินพยักหน้า ยอมรับว่านี่คือความตั้งใจของตน ก็จะตกรางวัลอย่างงามหลี่หลงหลินกลับตกตะลึงเหงื่อเย็นผุดทั่วทั้งสรรพางค์กาย!ฮ่องเต้หวู่เจ้าเล่ห์เกินไปแล้ว!ตั้งใจขุดหลุม รอตนเองกระโดดลงไป!หากตนเองยอมรับว่าตั้งใจจริง เช่นนั้นรอตนเองอยู่ จะต้องเป็นเพลิงพิโรธสายอัสนีของฮ่องเต้หวู่เป็นแน่!หลี่หลงหลินตอบอย่างตรงไปตรงมา “เสด็จพ่อ ลูกมิได้ตั้งใจ เป็นเพียงเรื่องบังเอิญอย่างหนึ่ง! ต่อให้ลูกได้รับพระราชทานรางวัลเพราะความไม่ตั้งใจ แต่นั่นก็คือบังเอิญโชคดีดั่งแมวตาบอดพบหนูตาย! นี่มิใช่ความดีความชอบของลูก เสด็จพ่อมีคุณธรรมจริยธรรม พระมหากรุณาธิคุณล้นฟ้า!”ฮ่องเต้หวู่ตะลึงงัน สายพระเนตรมีความแปลกพระทัยยามจ้องมองหลี่หลงหลินทีแรกคิดว่าเจ้าเก้าจะใช้ข้ออ้างนี้หาประโยชน์เข้าตัว รับความดีความชอบนี้เป็นของตนเองเช่นนั้นเขาก็จบสิ้นแล้ว!ฮ่องเต้ห
หลี่หลงหลินพูดอย่างถ่อมตน “เสด็จพ่อแม้ทรงพระชราภาพแต่ก็ยังมีพระพลานามัยแข็งแรง! ลูกไหนเลยจะขวัญกล้าเทียบเคียงพระองค์พ่ะย่ะค่ะ?”ฮ่องเต้หวู่ทรงโสมนัสอย่างยิ่งยวด แย้มพระสรวลพลางตรัส “อย่างไรเสีย เจ้าก็สยบข่าวลือได้แล้ว สร้างความดีความชอบครั้งใหญ่! เจ้าต้องการรางวัลอันใดตอบแทน?”หลี่หลงหลินดีใจอยู่ภายในใจทีแรกเขายังตำหนิซูเฟิ่งหลิงทำลายชื่อเสียงของตนชายหญิงผู้ชราเด็กภายในเมืองหลวง ล้วนคิดว่าตนเองชมชอบบุรุษ ภายภาคหน้าตนเองจะพบคนเช่นไร?แต่คิดไม่ถึง เสด็จพ่อถึงขั้นมีพระประสงค์ตกรางวัลให้ตนเอง?เทียบกันแล้ว ชื่อเสียงมายามีประโยชน์อันใด ไหนเลยจะมีรางวัลกันเล่า?หลี่หลงหลินไม่ทำแม้แต่ยั้งคิด “เสด็จพ่อ ลูกต้องการเงิน!”สร้างกองทัพสกุลซูขึ้นใหม่อีกครั้ง คือหลุมใหญ่ลึกเกินหยั่งหลุมหนึ่ง เงินย่อมต้องหาให้มากฮ่องเต้หวู่ตรัสอย่างลำบากพระทัย “เจ้าเองก็รู้สถานการณ์ของราชสำนัก เรื่องเงินนี้ ทำได้ยากยิ่งนัก มิสู้เจ้าเปลี่ยนเป็นรางวัลอื่น!”หลี่หลงหลินใคร่ครวญครู่หนึ่ง พูดว่า “เช่นนั้นลูกขอพระราชทานบรรดาศักดิ์!”เว้นเพียงเงินแล้วบรรดาศักดิ์ก็สำคัญมากหลี่หลงหลินต้องการเกณฑ์ทหาร ก็ต้องแส
เมื่อกงซูหว่านได้ยินคำพูดของหลิวเกินเซิง ในดวงตาของนางพลันฉายแววตกใจ“หรือว่าตั้งแต่ตอนเหตุเพลิงไหม้ใหญ่ที่เมืองหลวงเมื่อปีก่อน องค์ชายก็ทรงคาดการณ์ถึงวันนี้ และวางแผนโครงการเมืองใหม่ตงไห่ทั้งหมดไว้แล้ว?”กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความนับถืออยู่บ้างหลิวเกินเซิงเผยรอยยิ้มซื่อๆ กล่าวว่า “ท่านหัวหน้าช่าง วางใจเถอะขอรับ อย่างอื่นพวกเราอาจไม่ถนัด แต่งานใช้แรงกายแบบนี้พวกเราชำนาญนัก แม้เจอสิ่งที่ไม่เข้าใจ พวกเราก็เรียนรู้ได้ขอรับ”โครก...ท้องของกงซูหว่านส่งเสียงดังลั่น ใบหน้างามพลันแดงก่ำ เต็มไปด้วยความกระดากอาย เอ่ยเสียงเบา “ข้า... ดูเหมือนจะหิวแล้ว”ซุนชิงไต้มีสีหน้ายินดี “พี่สะใภ้รอง ท่านรู้ว่าหิวแล้ว นั่นก็หมายความว่าอาการป่วยทางใจหายดีแล้ว! องค์ชายช่างเก่งกาจจริงๆ รักษาปุ๊บหายปั๊บเลย!”หลี่หลงหลินแย้มยิ้มเล็กน้อย โบกมือคราหนึ่ง “นำปลาในห้องเก็บน้ำแข็งออกมาให้หมด! วันนี้กินเนื้อดื่มเหล้ากันให้เต็มที่!”ทุกคนโห่ร้องยินดีอย่างลิงโลด ชูแขนตะโกนก้อง...จวนพระเชษฐภาดาหลู่จงหมิงกำลังดื่มสุราสรวลเสเฮฮากับเหล่าคหบดีตงไห่ บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงดนตรีและการร่ายรำอย
ทุกคนภายในห้องพลันชะงักงันไปครู่หนึ่ง กล่าวด้วยความตกตะลึง “องค์รัชทายาท นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะเพคะ!”ในดวงตาของซุนชิงไต้ฉายแววประหลาดใจวูบหนึ่ง “องค์รัชทายาท อย่าได้ทรงผลีผลามเป็นอันขาดเพคะ หากอาการป่วยทางใจนี้รักษาไม่หายดี ก็อาจจะกลายเป็นปมในใจฝังลึก นั่นจะยิ่งเป็นเรื่องยุ่งยากใหญ่หลวงตามมาได้!”ซูเฟิ่งหลิงจับมือของหลี่หลงหลินไว้ พลางทูลทัดทาน “องค์รัชทายาท เรื่องเช่นนี้มอบให้เป็นหน้าที่ของท่านพี่สะใภ้สามจัดการเถิดเพคะ ขนาดท่านพี่สะใภ้สามผู้เป็นถึงหมอเทวดาแห่งต้าเซี่ยยังเห็นว่าเป็นเรื่องยากลำบาก ย่อมไม่ใช่การกล่าวเกินจริงเพื่อให้ตกใจเป็นแน่”หลี่หลงหลินยิ้มแย้มอย่างมีลับลมคมใน เสด็จไปประทับข้างกงซูหว่าน แล้วทรงผลักบานหน้าต่างเปิดออกทันทีทุกคนต่างตกตะลึงพรึงเพริด!แม้จะย่างเข้าสู่ต้นฤดูใบไม้ผลิแล้ว แต่อากาศภายนอกยังคงมีไอเย็นหลงเหลืออยู่บ้าง หากทำให้กงซูหว่านต้องลมจนเป็นหวัดขึ้นมาจะทำเช่นไร?ทว่าในวินาทีต่อมา สีหน้าตกตะลึงของทุกคนพลันแข็งค้างอยู่บนใบหน้าแม้แต่กงซูหว่านเองก็ยังเผยสีหน้าตกตะลึงอย่างสุดขีดออกมาที่ปรากฏแก่สายตาคือ ภายในลานตำหนักอ๋องแห่งนี้ บัดนี้กลับมีผู้คนยื
อารมณ์ของเหล่าผู้ลี้ภัยพลันผันผวนขึ้นลงราวกับนั่งรถไฟเหาะตีลังกา“มีเนื้อให้กินหรือพ่ะย่ะค่ะ? องค์รัชทายาท ท่านไม่ได้ทรงล้อเล่นใช่หรือไม่?”“นี่ข้าไม่ได้ฝันไปจริงๆ ใช่หรือไม่?”หลิวเกินเซิงคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าหลี่หลงหลิน ตื้นตันใจอย่างยิ่ง กล่าวเสียงสั่นเครือ “องค์รัชทายาท พระองค์ทรงเป็นผู้ช่วยชีวิตทั้งครอบครัวของข้าน้อยไว้ ชาตินี้ต่อให้ต้องทำงานรับใช้หนักหนาดั่งวัวม้า ข้าน้อยก็จะขอตอบแทนพระกรุณาธิคุณให้จงได้พ่ะย่ะค่ะ!”เหล่าผู้ลี้ภัยต่างพากันคุกเข่าลง ถวายบังคมคำนับต่อหลี่หลงหลินหลี่หลงหลินกล่าวเสียงเรียบ “ข้าเป็นถึงรัชทายาทแห่งแผ่นดิน ย่อมมีใจผูกพันห่วงใยประชาราษฎร์ การกังวลในทุกข์สุขของราษฎรถือเป็นหน้าที่ที่ข้าพึงกระทำอยู่แล้ว พวกท่านทุกคนไม่จำเป็นต้องมากพิธีรีตองอยู่ตรงนี้เลย! รีบลุกขึ้นเถิด!”เหล่าผู้ลี้ภัยต่างซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณจนน้ำตาไหลพรากหลี่หลงหลินตรัสเสียงเข้มขึ้น “พวกท่านเดินทางข้ามเขาลุยน้ำ เอาชนะความยากลำบากและภยันตรายนานัปการจนมาถึงตงไห่ได้ ก็รีบเข้าเมืองไปจัดการเรื่องที่พักพิงและกินให้อิ่มท้องเสียก่อน นั่นคือสิ่งสำคัญที่สุด”คนเรานั้นต้องพึ่งพาอาหารการ
สีหน้าสิ้นหวังปรากฏชัดบนใบหน้าอันซูบผอมของเหล่าผู้อพยพ พวกเขาโศกเศร้าราวกับเพิ่งสูญเสียบุพการี“เกินเซิง พวกเรากลับกันเถอะ เดินหน้าต่อไปก็คงเสียแรงเปล่า”หลิวเกินเซิงกล่าวเสียงขรึม “กลับรึ? ตอนนี้พวกเราจะกลับไปที่ไหนได้อีก! ข้าไม่เชื่อว่าองค์รัชทายาทจะทรงทำเรื่องเช่นนี้ หลอกลวงน้ำใจประชาชน! วันนี้ต่อให้ต้องตาย ก็ขอตายให้รู้เรื่องรู้ราวไปเลย!”กล่าวจบ หลิวเกินเซิงก็สาวเท้าเดินตรงไปยังศาลาสิบลี้“เกินเซิง! ทำไมเจ้าถึงได้โง่เช่นนี้ ชีวิตต่ำต้อยก็ถือว่าเป็นชีวิตนะ หากเจ้าไปมีเรื่องมีราวกับทหารพวกนี้เข้า อาจต้องเอาชีวิตไปทิ้งได้!”ผู้คนที่ร่วมเดินทางมาด้วยพยายามทัดทาน แต่หลิวเกินเซิงเดินลิ่วไปไกลแล้วทุกคนจึงจำต้องเดินตามไปข้างหลัง เพื่อคอยระวังไม่ให้หลิวเกินเซิงก่อเรื่องร้ายแรงขึ้นศาลาสิบลี้ทหารม้าสิบกว่านายรอคอยอยู่ด้านนอกศาลา ทั้งไพร่พลและอาชาล้วนแข็งแกร่งกำยำ ดูน่าเกรงขาม ชวนให้ผู้พบเห็นขวัญหนีดีฝ่อภายในศาลามีชายหนุ่มผู้หนึ่งสวมอาภรณ์ผ้าไหมแพรพรรณงดงามกำลังนั่งจิบชาหอมกรุ่นอยู่หลิวเกินเซิงเดินตรงไปยังศาลา หมายจะเข้าไปขอคำอธิบายให้รู้เรื่องผู้ลี้ภัยกลุ่มหนึ่งตามติดอยู่ข้า
ยามเช้าตรู่นอกศาลาพักทางสิบห้าลี้ เมืองตงไห่สายลมวสันต์พัดโชยเบาๆ แสงแดดอ่อนละมุนหลิวเกินเซิงพาบรรดาผู้ลี้ภัยหนุ่มแน่นมาถึงใกล้เขตเมืองตงไห่ก่อนผู้ใด ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความปลื้มปีติ เขาโบกมือพลางตะโกนเสียงดังว่า “ทุกคน อดทนอีกหน่อย อีกไม่ไกลก็ถึงศาลาสิบลี้แล้ว! พอพ้นศาลานั้นก็เข้าเมืองตงไห่ได้เลย! ก่อนตะวันตกดินเราจะได้พบองค์รัชทายาทแน่นอน!”“แค่ได้พบหน้าองค์รัชทายาท พวกเราก็จะมีข้าวกินแล้ว!”ทว่าเมื่อได้ฟังคำของหลิวเกินเซิง เหล่าผู้ลี้ภัยกลับมิได้แสดงความยินดีแม้แต่น้อย แต่ละใบหน้าที่ซูบตอบกลับฉายแววคลางแคลงใจ“เกินเซิง เจ้าบอกว่าองค์รัชทายาทผู้นี้จะเชื่อถือได้จริงหรือ? ตลอดทางที่ผ่านมานี้ ดูเหมือนเขตตงไห่จะรกร้างกันดาร พืชพันธุ์ธัญญาหารในนาก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะเก็บเกี่ยวได้ ท่านแน่ใจหรือว่าพวกเราไปถึงเมืองตงไห่แล้วจะมีข้าวกินจริงๆ?”“ใช่แล้ว เกินเซิง แม้ว่าหนทางนี้จะยากลำบากเต็มไปด้วยอุปสรรค แต่อย่างน้อยระหว่างทางก็ยังพอมีเปลือกไม้ให้แทะ มีรากหญ้าให้เคี้ยว แต่พอเข้ามาในเขตเมืองตงไห่ ต้นไม้ทุกหนแห่งกลับมีแต่ลำต้นเกลี้ยงเกลา แม้แต่เปลือกไม้ก็ไม่มีให้แทะ ไม่ต้องพูดถึงรากหญ้า
เมื่อหลี่หลงหลินเห็นว่าท่าทีของกงชูหว่านแน่วแน่เด็ดเดี่ยว จึงไม่ได้ขัดขวางอีกต่อไป เพียงพยักหน้าเบาๆ แล้วกล่าวว่า “พี่สะใภ้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เรื่องการรับคนเข้าทำงานก็ไม่จำเป็นต้องเร่งร้อนนักหรอก ขนาดเมืองตงไห่ใหญ่โตปานนั้น ประชากรกว่าหลายแสน จะให้เชื่อคำของพระเชษฐภาดาฝ่ายเดียวได้อย่างไร? ท่ามกลางราษฎรย่อมมีผู้ตาสว่างรู้ผิดชอบอยู่บ้าง เจ้าจึงไม่จำเป็นต้องแบกรับความกดดันจนหนักอึ้ง รับสมัครได้เท่าใด ก็เอาเท่านั้น! มีมาเท่าใด ก็รับไว้ทั้งหมด ไม่ต้องปฏิเสธผู้ใด!”กงซูหว่านชะงักไปครู่หนึ่ง เอ่ยถามว่า “ไม่ปฏิเสธผู้ใดหรือเพคะ? รัชทายาท ยามนี้ค่าจ้างที่เราเสนอให้นั้นสูงกว่าราคาตลาดเท่าตัว ทั้งสวัสดิการก็ดีเยี่ยม หากมิใช่เพราะพระเชษฐภาดาออกมาสร้างความวุ่นวาย เกรงว่าเพียงแค่วันนี้วันเดียวก็คงสามารถรับสมัครช่างฝีมือดีได้ครบตามจำนวนแล้ว”“ทว่ายามนี้ข่าวลือแพร่สะพัด คนที่มาก็ล้วนเป็นพวกไร้ฝีมือ ถ้าไม่คัดกรองให้ดี เกรงว่างานก่อสร้างจะต้องพังเอาแน่ๆ”หลี่หลงหลินยิ้มน้อยๆ พลางกล่าว “พี่สะใภ้ไม่ต้องกังวล แม้แต่พวกอันธพาลข้างถนน ก็ยังต้องเชื่องเมื่อเจอกับเฟิ่งหลิง ตราบใดที่คนเหล่านั้นมีฝีมือ ไม่ว่าจ
ภายในห้องหนังสือหลี่หลงหลินกำลังวาดผังอย่างขะมักเขม้น เห็นว่ากงซูหว่านมา จึงเงยหน้าพูดยิ้มๆ “พี่สะใภ้รอง ท่านด่าพระเชษฐภาดาได้เจ็บแสบยิ่งนัก สาแก่ใจจริงๆ!”ใบหน้ากงซูหว่านแดงเรื่อ เอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “ท่านรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว?”หลี่หลงหลินพูดยิ้มๆ “ไม่ใช่เพียงข้า เรื่องนี้เล่าลือไปทั่วทั้งตงไห่แล้ว อีกไม่นานก็จะส่งต่อไปยังเมืองหลวง ผ่านไปนานกว่านี้อีกระยะหนึ่ง ผู้คนทั้งเหนือใต้ก็จะได้รับรู้กันอย่างถ้วนทั่ว!”“พี่สะใภ้รอง ท่านจะมีชื่อเสียงแล้ว!”สีหน้ากงซูหว่านแดงยิ่งขึ้น ขบเม้มริมฝีปากเบาๆ “องค์ชาย ท่านอย่าล้อหม่อมฉันเล่นเลย! ชื่อเสียงเรื่องด่าคนมีอะไรดี! หม่อมฉันหญิงร้ายเช่นนี้ น่ากลัวว่าไม่มีชายใดต้องการ แต่งไม่ออกแล้ว!”หลี่หลงหลินแสยะยิ้ม “หากไม่มีใครกล้าแต่งกับท่าน ข้าจะแต่งเอง! อย่างไรเสียข้าก็แต่งงานกับเสือโคร่งอย่างซูเฟิ่งหลิงไปแล้ว เพิ่มหญิงปากคอเราะร้ายมาอีกหนึ่งคนก็ชินชาไม่รู้สึกรู้สาอันใดแล้ว!”กงซูหว่านสะเทิ้นอายใบหน้าแดงเรื่อ พูดเสียงนุ่มนวล “ห้ามพูดถึงหม่อมฉันและน้องเล็กเช่นนี้! ยิ่งไปกว่านั้น ใครรับปากว่าจะแต่งกับท่าน...”ผิวพรรณที่เดิมทีขาวดุจหิมะของกงซูหว่า
กงซูหว่านหัวเราะขึ้นมา “อะไรกัน? พระเชษฐภาดาท่านกลัวแล้วหรือ? คนซื่อตรงย่อมไม่หวั่นเกรงต่อคำว่าร้าย ท่านยิ่งไม่ให้พูด ข้าก็ยิ่งจะพูด! ข้ายังจะตะโกนเสียงดังอีกด้วย! พวกเจ้าสกุลหลู่ล้วนกบฏฝังลึกอยู่ภายในกระดูก อิงตามที่ข้าได้เห็น น่ากลัวว่าพระเชษฐภาดาก็ใกล้จะเจริญตามรอยพวกเขาในอีกไม่ช้าแล้ว!”หลู่จงหมิงกุมอกแน่นๆ คล้ายถูกคนชกอย่างแรงหนึ่งหมัด เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “สาม...สามหาว!”“ผู้หญิงฝีปากคมกริบตัวดี!”“กล้าหยามเกียรติพระเชษฐภาดาต่อหน้าธารกำนัล!”“เด็กๆ ตบปาก!”“ตบปากคมกริบของนางให้ข้า!”เพียงสิ้นเสียงลง บ่าวท่าทางดุดันหนึ่งกลุ่มทางด้านหลังหลู่จงหมิงก็ถลันเข้ามาล้อมกงซูหว่านเอาไว้สีหน้าเหล่าราษฎร์เผือดซีด ต่างพากันแยกย้ายพระเชษฐภาดาหยิ่งยโสโอหังภายในตงไห่จนคุ้นชินแล้ว พวกเขาล่วงเกินไม่ไหว!กงซูหว่านกลับไม่ขยับเขยื้อน สีหน้าเยียบเย็นผ่อนคลาย สบมองหลู่จงหมิงสีหน้าหมิ่นแคลน “ท่านกล้าแตะต้องข้า?”หลู่จงหมิงหัวเราะ “ข้าเป็นพระเชษฐภาดาของฮ่องเต้พระองค์ปัจจุบัน เจ้านับเป็นตัวอะไร? ก็แค่พี่สะใภ้ของรัชทายาทไม่ใช่หรือ? กลับกล้าอ้างบารมีเย่อหยิ่งจองหอง? ข้าพระเชษฐภาดาผู้ยิ่งใหญ่ ต่อให
เพียงเอ่ยถ้อยคำนี้ออกมาราษฎร์ตงไห่ต่างพากันฮือฮา!องค์ชายเก้าคนของต้าเซี่ย แต่ละคนล้วนเกิดความคิดก่อกบฏเริ่มแรกคือองค์ชายใหญ่ องค์ชายสาม องค์ชายสี่และองค์ชายหก วางแผนร้าย คิดก่อกบฏบัดนี้ถึงตาองค์ชายเก้าหลี่หลงหลินแล้ว!บัดนี้เขาเป็นรัชทายาท ได้รับความโปรดปรานอย่างลึกซึ้งจากฮ่องเต้หวู่ ต่อให้ก่อกบฏ โทษก็ไม่ถึงตายเลวร้ายที่สุดก็เหมือนองค์ชายสี่หลี่จือ ถูกกักบริเวณ ใช้ชีวิตอย่างไร้ความหมายไปชั่วชีวิตหากตนเองโง่งม ไปสร้างเมืองใหม่อะไรนั่นกับรัชทายาท วางแผนก่อกบฏ นั่นคือโทษประหารชีวิตเก้าชั่วโคตร!ราษฎร์ไม่น้อยเดิมทีก็ลังเลอยู่ ครั้นถูกหลู่จงหมิงพูดคำนี้ออกมา ทำลายความคิดไปแล้วหลู่จงหมิงเห็นสถานการณ์ดังนั้น ใบหน้าลำพองใจ “กงซูหว่าน เจ้ากลับไปบอกรัชทายาท เรื่องเขาวางแผนก่อกบฏถูกข้าจับได้แล้ว! อีกเดี๋ยวข้าจะถวายฎีกาหนึ่งฉบับกราบทูลฝ่าบาท เล่นงานเขาจนอับจนหนทาง!”รัชทายาทรับมือยากจริง!แต่กงซูหว่านผู้หญิงคนหนึ่ง หลู่จงหมิงสามารถจัดการได้อย่างผ่อนคลาย“ฮึๆ...”คิดไม่ถึงเลยว่ากงซูหว่านไม่มีความตกใจเลยแม้แต่น้อย ตรงข้ามกันแสยะยิ้มเย็นชาออกมาสีหน้าหลู่จงหมิงเคร่งขรึม “เจ้ายิ้ม