หิมะขาวบนยอดเขาที่อยู่ไกลออกไป สะท้อนแสงสีเงินยวงภายใต้แสงจันทร์มองออกไป เห็นร่างหลายร่างกำลังห้อตะบึงอยู่บนพื้นหิมะ มุ่งตรงมาทางฉินซูซ่างกวนอวิ๋นซีมองดูทางนั้นแล้วแค่นเสียงเย็นชา “หึ ยังกล้ากลับมาอีกรึ ในเมื่ออยากรนหาที่ตายนัก ข้าก็จะช่วยสงเคราะห์เอง!”ฉินซูเลิกคิ้วถามว่า “หมายความว่า พวกเขาเป็นคนจากป้อมแมงป่องบินหรือ?”ซ่างกวนอวิ๋นซีแค่นหัวเราะ “นอกจากพวกเขาแล้วจะเป็นใครได้อีก!”ฉินซูขมวดคิ้ว พวกคนจากป้อมแมงป่องบินตายด้วยคมกระบี่มารไปแล้วนี่ พวกที่กำลังมาคงมิใช่พวกพ้องของพวกเขาหรอกกระมัง?ขณะที่เขากำลังคาดเดา เงาร่างเหล่านั้นก็ได้มาถึงด้านหน้าแล้วและหยุดอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่จั้งเท่านั้นคนเหล่านี้สวมชุดคลุมสีดำ อกเสื้อปักลายแมงป่องบิน เป็นสมาชิกของป้อมแมงป่องบินอย่างแท้จริง“เฮ้ย! พวกเจ้าเป็นใคร มาทำกระไรที่นี่?” ชายร่างใหญ่สามคนถามขึ้น“จะเสียเวลาพูดกับพวกมันหาปะไร จับมาเค้นคอถามก็สิ้นเรื่อง ลงมือ!”ชายชุดดำอีกคนกล่าวจบก็ตั้งท่าเตรียมจะลงมือทันใดนั้นเอง ซ่างกวนอวิ๋นซีก็ยิ้มแล้วหันกลับมาเมื่อเห็นหน้าตาของนางอย่างชัดเจน ชายชุดดำหลายคนถึงกับชะงักไปครู่หนึ่งคนหนึ่งถ
“ข้าจะเก็บกุญแจไว้ก่อน รอให้การประชุมระหว่างแคว้นสิ้นสุดลงแล้วจะมอบให้เจ้า” ซ่างกวนอวิ๋นซีกล่าวพลางแย่งกุญแจทองคำมาซ่อนไว้ในอกเสื้อฉินซูก็มิได้คัดค้านแต่อย่างใดทั้งสองคนค้นหาในห้องหินอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีสิ่งใดตกหล่นแล้วจึงหันหลังออกไปออกมาถึงนอกถ้ำหิน ซ่างกวนอวิ๋นซีก็หยุดฝีเท้าลงฉับพลัน นางขมวดคิ้วมองไปรอบ ๆฉินซูถามด้วยความสงสัยว่า “มีกระไรรึ?”ซ่างกวนอวิ๋นซีส่ายหน้าในที่สุด “ไม่มีกระไร พวกเราไปกันเถิด”นางจับแขนของฉินซู ร่างก็พุ่งทะยานไปยังยอดผาสูงร้อยจั้ง!ในขณะเดียวกันในห้องหินเมื่อครู่นั้น ร่างที่เกือบจะโปร่งใสโดยสมบูรณ์ร่างหนึ่งก็ลอยออกมาจากที่ใดก็มิทราบได้“รอคอยมานานหลายปี ในที่สุดก็ได้พบคนประเภทเดียวกัน วันที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเฉวียนเปิดออก จะเป็นวันที่ข้าได้ชีวิตใหม่ ฮ่า ๆ ๆ!!”เสียงหัวเราะแหลมคมก้องกังวานไปทั่วห้องหินครู่ต่อมา ร่างเงาจาง ๆ นี้ก็หายลับไปในความมืดมิด......“นี่ ข้าว่าพวกเราหลงทางแล้วกระมัง?”ฉินซูลังเลอยู่นาน ในที่สุดก็เอ่ยปากถามออกมาบัดนี้พระอาทิตย์ใกล้จะตกดินแล้ว ทั้งสองคนก็ยังมิหลุดออกจากดินแดนรกร้างแห่งนี้เลยซ่างกวนอว
ด้านหลังประตูหินเป็นห้องหินกว้างประมาณหนึ่งจั้งกลางห้องหินมีโต๊ะหินตั้งอยู่ บนโต๊ะหินมีกล่องไม้ฝุ่นเขรอะนอกจากนี้แล้วภายในห้องหินก็ไม่มีสิ่งอื่นใดอีกฉินซูและซ่างกวนอวิ๋นซีมองกล่องนั้นเป็นตาเดียว จากนั้นก็หันมาสบตากันโดยมิได้นัดหมายในสายตาคล้ายกับกำลังกล่าวว่า 'นี่คือขุมทรัพย์หรือ?!'“เปิดดูเถิด”ฉินซูกล่าวจบก็ถอยหลังไปสองก้าวด้วยท่าทางระแวดระวังเต็มที่เห็นดังนั้น ซ่างกวนอวิ๋นซีก็อดกลอกตาใส่เขามิได้ จากนั้นก็วาดฝ่ามือส่งกระแสพลังฝ่ามือออกไปฝุ่นบนโต๊ะหินถูกพัดลอยฟุ้งไปทั่ว กล่องไม้ตกลงบนพื้นเสียง 'แก๊ก' ดังขึ้น กล่องไม้ก็เปิดออกตามเสียง ฉินซูปัดฝุ่นที่ฟุ้งกระจายออกไป แล้วบ่นว่า “ท่านมิกลัวของข้างในกล่องจะแตกหรือไร!”ซ่างกวนอวิ๋นซีมิได้สนใจเขา นางก้าวไปข้างหน้าสองก้าวแล้วหยิบกล่องไม้ขึ้นมาฉินซูรีบเข้าไปดูอย่างใจร้อน คิ้วพลันขมวดเข้าหากันทันที“มิใช่กระมัง? สิ่งที่เรียกว่าขุมทรัพย์ ก็คือกุญแจทองคำดอกนี้หรือ?!”ที่แท้ภายในกล่องไม้นี้ก็บรรจุกุญแจดอกหนึ่งที่ทำจากทองคำบริสุทธิ์นอกจากนี้แล้วภายในกล่องก็หาได้มีสิ่งอื่นไม่ซ่างกวนอวิ๋นซีเลิกคิ้วถามว่า “ตอนที่เจ้าได้แผนที
ผ่านไปหนึ่งเค่อเต็ม ๆ เขาก็มาถึงส่วนลึกของถ้ำ!สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าคือสัตว์เลื้อยคลานที่ทั้งตัวปกคลุมไปด้วยเกล็ด!ในเวลานี้ หัวขนาดมหึมาของสัตว์เลื้อยคลานกำลังร่วงหล่นลงจากกลางอากาศ กลิ้งไปบนพื้นหลายรอบกว่าจะหยุดนิ่ง'โครม!'ร่างไร้หัวของสัตว์เลื้อยคลานล้มลงบนพื้นอย่างอ่อนปวกเปียก ฝุ่นละอองฟุ้งกระจาย“นี่คือมังกรปฐพีหรือ?” ฉินซูมองซากสัตว์เลื้อยคลานขนาดยักษ์บนพื้น ถามด้วยความสงสัยซ่างกวนอวิ๋นซีพยักหน้าเล็กน้อย แล้วถามกลับว่า “แล้วคนจากป้อมแมงป่องบินพวกนั้นเล่า?”“หนีไปแล้ว” ฉินซูตอบทันควัน“หนีไปแล้ว? พวกเขามิได้ลงมือกับเจ้ารึ?”“หามิได้ พวกเขาคงจะกลัวท่านมาก พอเห็นข้าที่ปากถ้ำแค่แวบเดียวก็เผ่นหนีป่าราบไปแล้ว”ซ่างกวนอวิ๋นซีขมวดคิ้ว ถามด้วยความกังขาว่า “สมบัติในขุมทรัพย์นี้เกือบทั้งหมดน่าจะตกอยู่ในมือพวกเขาแล้ว เจ้ากลับปล่อยพวกเขาไปเช่นนั้นรึ?”“ตอนนั้นสถานการณ์ค่อนข้างซับซ้อน ข้าได้ยินเสียงต่อสู้ในถ้ำก็กังวลว่าท่านอาจรับมือมิได้ จึงได้คิดจะเข้ามาช่วย หาได้มีเวลาสนใจพวกเขาไม่”ซ่างกวนอวิ๋นซีมองฉินซูด้วยความสงสัยปนมิเชื่อ จากนั้นก็บ่นว่า “วรยุทธ์ของเจ้าห่างกับข้าไกลลิบลับ เข
ฉินซูมิได้ตอบคำถามพวกเขา แต่กลับกวาดตามองทั้งสองคนโดยมิออกสีหน้าใด ๆ มินานก็ประจักษ์ว่าวรยุทธ์ของทั้งสองคนล้วนอยู่เหนือระดับสวรรค์ดังนั้นเขาจึงถามด้วยความสงสัยว่า “พวกท่านทั้งสองเป็นจอมยุทธระดับเหนือมนุษย์หรือ?”หนึ่งในชายชุดดำมองฉินซูด้วยความประหลาดใจ “เจ้ามิได้ฝึกยุทธ์ เหตุใดจึงรู้ว่าพวกเราเป็นจอมยุทธ์ระดับเหนือมนุษย์? หรือว่าเดาได้?”ฉินซูคลี่ยิ้มคลุมเครือ “ท่านเดาดูสิว่าข้าเดาหรือไม่?”ชายชุดดำทั้งสองคนมองกระบี่มารที่ลอยอยู่เบื้องหน้าฉินซู สีหน้าพลันเคร่งเครียดขึ้นมาในทันใดหลังจากแลกสายตากัน ปราณบริสุทธิ์อันเข้มข้นในร่างของพวกเขาก็พลันพลุ่งพล่าน! ร่างของทั้งสองคนก็แยกย้ายกันหนีออกเป็นสองทิศทางอย่างรวดเร็วฉินซูเห็นดังนั้นก็ขยับร่างหมายจะไล่ตามไปทว่าในเวลานั้นเอง แสงสีดำสายหนึ่งก็วูบหายไปเบื้องหน้า!ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องจากมิไกลนัก!ฉินซูเพ่งมองก็เห็นร่างของชายชุดดำคนหนึ่งถูกกระบี่มารทะลวง จากนั้นร่างกายก็กลายเป็นพลังวิญญาณและเลือด ถูกกระบี่มารกลืนกินเข้าไปหลังจากจัดการชายชุดดำผู้นั้นแล้ว กระบี่มารก็วูบหาย พุ่งตรงไปจัดการชายชุดดำอีกคนหนึ่งที่กำลังหนีอย่างรวดเร็วเห็น
หนี? หรือมิหนีดี?มันคงมิกลืนกินตัวเขาไปด้วยหรอกกระมัง?ฉินซูอดลังเลมิได้ในขณะนั้นเอง แสงสีแดงนั้นก็พุ่งเข้าหาเขา!ทำให้เขาตกใจกลัวจนยกฝ่ามือขึ้นอย่างรวดเร็ว กระแสพลังฝ่ามืออันหนักแน่นก็ฟันตัดแสงสีแดงสิ่งที่เขาคาดมิถึงที่สุดคือ ฝ่ามือที่สามารถทำให้ยอดฝีมือระดับสวรรค์กลายเป็นหมอกเลือดได้อย่างง่ายดาย กลับไร้ผลต่อแสงสีแดงจากกระบี่มาร!แสงสีแดงทะลุผ่านกระแสพลังฝ่ามือไปโดยมิได้รับผลกระทบใด ๆ และมาถึงตรงหน้าฉินซูในพริบตา“เวรกรรม ประมาทไปเสียได้!”ฉินซูกำลังจะใช้ไม้ตาย ทว่าในเวลานั้นเอง แสงสีแดงนั้นกลับพุ่งเข้าไปในร่างกายของเขา!“มิได้จะโจมตีข้าหรอกรึ?” ฉินซูร้องอุทานออกมาอย่างเหลือเชื่อเขาตั้งสติแล้วค่อย ๆ สัมผัสดู จากนั้นก็พบว่ากระบี่มารเล่มนั้นกำลังลอยคว้างเหนือจุดตันเถียนของเขาแล้ว“หรือว่ากระบี่มารเล่มนี้จะอาศัยร่างข้าเป็นบ้านเสียแล้ว?”ฉินซูขมวดคิ้ว แล้วลองพยายามเรียกกระบี่มารออกมาที่จุดตันเถียนของเขา กระบี่มารเล่มนั้นรับรู้ถึงเสียงเรียกของเขาชัดเจน แต่กลับสั่นสะเทือนเบา ๆ เท่านั้น แล้วก็ไม่มีการเคลื่อนไหวอีกเห็นดังนั้น คิ้วของฉินซูก็ขมวดแน่นขึ้นของที่มิยอมฟังคำสั่