แชร์

บทที่ 659

ผู้เขียน: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
“ท่านแม่ทัพ เข้าใจผิด เข้าใจผิดแล้ว พวกเรากำลังจะลงใต้ไปสมทบกับเจียวโจวพอดีขอรับ”

“เช่นนั้นรึ? แล้วพวกเจ้ามาหลบอยู่ในป่านี้เพื่อการใด? อย่าคิดว่าข้ามิรู้ ในป่านี้มีแต่ทหารที่อ๋องฉู่แอบซ่องสุมไว้ทั้งสิ้น หากมิอยากตายก็ส่งตราพยัคฆ์[footnoteRef:0]มา!” [0: ตราพยัคฆ์ คือ สัญลักษณ์ที่ใช้ยื่นยันสิทธิในการสั่งเคลือนทัพของจีน หรือก็คือตราอาญาสิทธิ์ทางทหารนั่นเอง]

หวังซู่กล่าวลอดไรฟัน “อย่าได้หวัง หากจะฆ่าก็ฆ่าเสีย ข้ายอมตายเสียดีกว่ายอมศิโรราบ!”

“ดี เช่นนั้นข้าจะสนองเจ้าเอง!”

ฉงชูโม่ชักกระบี่ยาวออกมาจากฝัก แล้วเหวี่ยงฟันไปอย่างไร้ความลังเล!

'ฉับ!'

หูข้างหนึ่งของหวังซู่ก็ถูกตัดออกอย่างเรียบร้อย

ความเจ็บปวดรุนแรง ทำให้หวังซู่ส่งเสียงร้องโหยหวนออกมา

ฉงชูโม่กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “ข้าจะตัดแขนขาของเจ้าก่อน แล้วจะปล่อยให้เจ้าตายไปเอง!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น หวังซู่ก็หน้าซีดเผือดด้วยความตกใจ รีบกล่าวว่า “อย่า อย่า ข้ายอมแล้ว ข้ายอมแล้ว!”

พูดจบเขาก็ส่งตราพยัคฆ์ให้ฉงชูโม่

ฉงชูโม่โยนตราพยัคฆ์ให้ตงฟางไป๋ กล่าวว่า “สั่งให้พวกเขาทิ้งอาวุธ แล้วพากลับไปรอรับพระราชโองการองค์จักรพรรดิที่ชานเมือง
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทล่าสุด

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 814

    แววตาของซ่างกวนอวิ๋นซีวูบไหวเล็กน้อย นางกล่าวว่า "ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะพูดตรง ๆ แล้วกัน เคล็ดวิชานี้เดิมทีก็สร้างขึ้นมาเพื่อสายเลือดแห่งร่างศักดิ์สิทธิ์โดยเฉพาะ เหมาะที่สุดแล้วที่จะให้เจ้าฝึกฝน เหตุที่ข้าถ่ายทอดให้เจ้า ก็เพราะอยากคบเจ้าเป็นสหาย ภายภาคหน้าอาจจะมีเรื่องที่จำต้องพึ่งพาเจ้าก็เป็นได้"เมื่อได้ยินนางพูดเช่นนี้ ฉงชูโม่ก็รู้สึกว่าสมเหตุสมผลมากขึ้น แต่ก็ยังรู้สึกฉงนใจอยู่บ้าง"ข้าในยามนี้อยู่เพียงระดับสวรรค์ขั้นต้น แม้จะมีสายเลือดอะไรที่ท่านว่านั้นอยู่ในกาย พลังของข้าก็มิอาจทะลวงขึ้นไปได้ในชั่วพริบตา ข้าจะมีความสามารถอะไรไปช่วยท่านได้เล่า""เรื่องของวันข้างหน้า ใครเล่าจะรู้ได้ ถือว่าข้าเดิมพันกับเจ้าครั้งหนึ่งก็แล้วกัน"ได้ยินเช่นนี้ฉงชูโม่ก็เงียบมิพูดอะไรอีก“จงตรึกตรองให้ดีเถิด อ้อ จริงสิ หากเจ้าหมายจะฝึกเคล็ดวิชานี้ให้สำเร็จ เจ้าจะต้องรักษาร่างบริสุทธิ์นี้ไว้ มิเช่นนั้น พลังของเจ้าจะหยุดอยู่ที่ระดับสวรรค์ตลอดไป และจะมิอาจก้าวหน้าได้แม้แต่น้อย”เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ซ่างกวนอวิ๋นซีก็ป้ายอาญาสิทธิ์ออกมาจากอกเสื้อแล้วโยนใส่มือของฉงชูโม่“ป้ายนี้เจ้าจงเก็บไว้ให้ดี หากมีเรื่องจำ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 813

    หลังจากที่ซ่างกวนอวิ๋นซีฝึกตนเสร็จ นางก็มาที่หน้าต่างพลางยืดเส้นยืดสายขณะนั้นเอง นางชำเลืองมองไปยังคฤหาสน์ที่อยู่อีกฟากของคูเมืองจากระยะไกล!ที่หน้าลานเรือน ฉงชูโม่กำลังดูแลดอกไม้และต้นหญ้าอยู่ตรงนั้นซ่างกวนอวิ๋นซีหรี่ตามองนางครู่หนึ่ง ใบหน้าอันงดงามก็เผยสีหน้าตกใจอย่างเหลือเชื่อออกมาในทันที!จากนั้นร่างของนางพลันไหววูบ พริบตาเดียวก็หายไปจากที่เดิมแล้วที่ลานหน้าคฤหาสน์นั้นฉงชูโม่รู้สึกขึ้นมาทันทีว่ามีใครบางคนเข้ามา จึงเงยหน้าขึ้นมองตามสัญชาตญาณทันใดนั้น ก็เห็นเงาร่างงามกำลังเดินเข้ามาช้า ๆ จากทางประตูสตรีผู้นี้งดงามปานล่มเมือง รูปร่างก็โดดเด่นน่าชื่นชม!ในวันที่หนาวจัดเช่นนี้ นางกลับสวมเพียงกระโปรงยาวสีแดงตัวเดียว ดูเหมือนจะมิรู้จักความหนาวเย็นจัดนั้นเลยฉงชูโม่หยุดมือพร้อมกับเผยสีหน้าประหลาดใจ นางเลิกคิ้วและถามว่า "ท่านเป็นเจ้าสำนักหอดารารักษ์ใช่หรือไม่?"ซ่างกวนอวิ๋นซีพยักหน้าเล็กน้อย พร้อมกับพินิจพิจารณานางอย่างมิแสดงอารมณ์ใด "ฉินซูมิได้อยู่ที่นี่ ท่านคงมาเสียเที่ยวแล้ว"ฉงชูโม่มิได้สนใจนางมากนัก พูดจบก็ยังคงจัดการกับต้นกุหลาบสองสามต้นนั้นต่อไปแต่ซ่างกวนอวิ๋นซี

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 812

    มู่หรงเซี่ยวเทียนกล่าวต่อ “ประเด็นสำคัญที่สุดคือ แค่กำลังพลเพียงหมื่นนายเขาก็สามารถทำลายล้างแคว้นศัตรูลงได้ กลศึกทั้งบุ๋นและบู๊ของเขาเหนือกว่าคนธรรมดายิ่งนัก เป็นตัวอย่างที่ดีของผู้นำที่เก่งกาจทั้งในสนามรบและการปกครอง! และที่สำคัญที่สุดคือ สถานะของเขายังสูงส่งมาก นับว่าเหมาะสมกับเจ้าอย่างยิ่ง!”เมื่อเห็นเขาพูดด้วยสีหน้าแย้มยิ้มยินดี ความอยากรู้อยากเห็นของมู่หรงอวิ๋นเจิงก็ถูกกระตุ้นขึ้น“เสด็จพ่อ ผู้ที่พระองค์ตรัสถึงคือผู้ใดหรือเพคะ? เขามีสามเศียรหกกร[footnoteRef:0]หรือเพคะ? มิเช่นนั้นเขาจะเก่งกาจปานนี้ได้อย่างไร?!” [0: สามเศียรหกกร อุปมาถึง เก่งกาจ มีความสามารถโดดเด่นเหนือคนทั่วไป] มู่หรงเซี่ยวเทียนกล่าวด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน “คนผู้นี้ก็คือ ฉินซู องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน!”มู่หรงอวิ๋นเจิงชะงักเล็กน้อย และอุทานด้วยความตกใจ “เสด็จพ่อ พระองค์ประสงค์ให้ลูกแต่งงานกับฉินซูหรือเพคะ”“เหตุใดเล่า เจ้ามิเต็มใจรึ?”“แต่ลูกได้ยินมาว่า รัชทายาทแห่งต้าเหยียนเป็นคนไร้ประโยชน์ รู้เพียงแต่หมกมุ่นกับสุรานารี...”“เฮ้อ ข่าวพวกนั้นก็แค่ข่าวลือเท่านั้น หากฉินซูเป็นพวกไร้ประโยชน์จริง ๆ เจ้าสำนักหอดาร

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 811

    “ก่อนที่จะอุทิศตนรับใช้อ๋องฉี กระหม่อมได้เดินทางท่องเที่ยวสำรวจในยุทธจักรอยู่เป็นนิจ จึงได้ผูกมิตรภาพกับเหล่าสหายมากหลายจากต้าเหยียน บางคนเป็นจอมยุทธ์พเนจรในยุทธภพ และบางคนก็เป็นผู้ทรงเกียรติจากตระกูลราชบัณฑิตที่มีชื่อเสียงในคราที่กระหม่อมตกทุกข์ได้ยาก พวกเขาทั้งหลายต่างยื่นไมตรีให้แก่กระหม่อม เพียงแต่องค์รัชทายาทผู้รอวันปลดผู้นั้นมีอำนาจยิ่งใหญ่เกินไป กระหม่อมมิอยากลากคนอื่นมาเดือดร้อนด้วย จึงจำใจต้องหนีมาอยู่ต่างบ้านต่างเมืองเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ”ฉินซูพูดโดยมิลังเลมู่หรงหัวได้ฟังคำพูดนั้น ก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่าตนเลือกคนมิผิดจริง ๆ คนที่ดำรงอยู่ในยุทธภพได้อย่างเสรีเช่นนี้ จะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไรกันเล่า!เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็ปลอบใจว่า "ท่านหาได้ต้องกังวลไม่ พี่ฉินผู้นี้ ข้าเคยได้พบกับเขามาแล้ว เขาเป็นคนเปิดเผย ตรงไปตรงมา มีอะไรก็พูดออกมาตรง ๆ มิเหมือนคนประเภทที่แค้นฝังหุ่นเยี่ยงนั้น!เขาเคยบอกกับข้าไว้ว่า เขามิเคยถือโทษท่านเลย อีกทั้งยังบอกด้วยว่า หากข้าตามหาท่านพบแล้วก็ให้รีบแจ้งเขา เขาจะได้มาทำความรู้จักกับท่านสักครั้ง"ใบหน้าของฉินซูเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก เขาโบกมือปฏิเสธ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 810

    มู่หรงหัวปลอบใจว่า "ท่านผู้อาวุโสจูเก๋อ สิ่งที่ตัวข้าพูดเมื่อครู่ล้วนเป็นความจริงทุกประการ อีกทั้งหากมีข้าอยู่ ก็ไม่มีผู้ใดกล้าแตะต้องท่านแน่!""กระหม่อมหาได้เคยพบกับองค์ชายสามมาก่อนไม่ มิทราบว่าเหตุใดท่านจึงประสงค์จะเป็นที่พึ่งแก่กระหม่อมหรือพ่ะย่ะค่ะ?"มู่หรงหัวยิ้มและไม่พูดอะไร ส่วนชีเหวยก็เอ่ยปากอธิบายว่า "ท่านผู้อาวุโสจูเก๋อ ในเมื่อท่านได้รับความไว้วางใจจากอ๋องฉี ก็เห็นได้ชัดแล้วว่าท่านมีความสามารถโดดเด่นเพียงใดองค์ชายของพวกเราทรงรักและให้ค่ากับผู้มีความสามารถมาโดยตลอด จึงมิอยากเห็นท่านผู้มีความสามารถเช่นนี้ต้องถูกคนของศาลต้าหลี่จับกุมตัวกลับแคว้นต้าเหยียนไป ดังนั้นจึงเสด็จมาพบท่านด้วยพระองค์เองขอรับ!หากท่านมิรังเกียจ เหตุใดมิอุทิศตนรับใช้องค์ชายของเราเพื่อแสดงวิสัยทัศน์และอุดมการณ์อันยิ่งใหญ่ของท่านดูเล่า?"เมื่อได้ยินคำพูดนั้น ฉินซูก็มิได้แสดงท่าทีใด ๆ ในทันที หากแต่จงใจก้มหน้าลงครุ่นคิดอยู่เงียบ ๆมู่หรงหัวเห็นดังนั้นก็มิได้เร่งเร้ากระไร และเพียงรออย่างเงียบ ๆผ่านไปครู่ใหญ่ ฉินซูก็กล่าวขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย "พระองค์เสด็จมาด้วยพระองค์เอง กระหม่อมรู้สึกเป็นเกียรติอย่าง

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 809

    “บ่าวเพิ่งได้รับรายงานข่าวว่า มีชายคนหนึ่งสวมงอบเข้าพักที่โรงเตี๊ยมเทียนหลงเมื่อหนึ่งเค่อก่อน รูปร่างหน้าตาของเขาคล้ายกับภาพวาดของท่านผู้อาวุโสจูเก๋อถึงเจ็ดแปดส่วนทีเดียวพ่ะย่ะค่ะ!”“ส่งคนไปจับตาดูให้ดี อีกเดี๋ยวข้าจะไปที่นั่น!”“น้อมรับพระบัญชา!”เมื่อบ่าวรับใช้ถอยออกไปแล้ว มู่หรงหัวก็กลับไปที่ห้องแล้วเปลี่ยนเป็นชุดธรรมดา จากนั้นก็พาคนสองสามคนออกจากจวนมุ่งตรงไปยังโรงเตี๊ยมเทียนหลงหลังจากมาถึงโรงเตี๊ยมเทียนหลงแล้ว มู่หรงหัวก็สั่งว่า “พวกเจ้าคอยเฝ้าหน้าประตูไว้ อย่าให้คนที่มิเกี่ยวข้องเข้ามาได้ ชีเหวย เจ้าตามตัวข้าเข้าไป!”“ข้าน้อยน้อมรับพระบัญชา!”ทันทีที่มู่หรงหัวเข้าไป เถ้าแก่ก็เดินเข้ามาต้อนรับทันที!“คุณชาย มิทราบว่าท่านจะกินอาหารหรือพักค้างแรมหรือขอรับ?”มู่หรงหัวหยิบภาพเหมือนออกมาจากอกเสื้อแล้วถามว่า “คนผู้นี้อยู่ที่ใด?”“คนผู้นี้...” เถ้าแก่เหลือบมองภาพเหมือนผาดหนึ่ง จากนั้นก็ลังเลที่จะพูดออกมามู่หรงหัวชำเลืองมองชีเหวย อีกฝ่ายก็หยิบก้อนเงินหนึ่งก้อนออกมาจากอกทันที!ดวงตาของเถ้าแก่เป็นประกายขึ้นทันใด เขากล่าวพร้อมยิ้มประจบเอาใจ "คุณชาย คนผู้นี้อยู่ที่ห้องส่วนตัวชั้นส

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status