Share

ตอนที่ 4 : Second Kiss

last update Last Updated: 2025-03-16 14:44:13

พริมโรสนอนหอบหายใจแรงอยู่กับพื้น ในขณะที่มือทั้งสองข้างถูกเขากดไว้ข้างตัว ขาทั้งสองข้างถูกทับไว้ด้วยขาของเขาจนยกแทบไม่ขึ้น

“จะยอมได้หรือยัง? พยศเป็นม้าบ้าเลยนี่!”

“คุณมันชอบเอาชนะผู้หญิง! หาความเป็นสุภาพบุรุษไม่มี!” หญิงสาวตะโกนตอบโต้ทั้งๆ ที่ยังหายใจหอบ

“แล้วสุภาพสตรีที่ไหน เขาเล่นแรงกันแบบนี้ล่ะ! ถ้าสู้ไม่ได้อาจถึงขั้นพิการได้เลยนะ!”

“ใครใช้ให้คุณมาทำรุ่มร่ามกับฉันล่ะ! คุณมันทุเรศ! ไอ้คนบ้า! ไอ้หน้ารังแกผู้หญิง!”

“ถ้าไม่เลิกสบถใส่ผม คุณโดนดีแน่!”

“กล้าดีก็ลองดู! ฉันจะอัดไอ้หนูคุณให้น่วมจนพิการเลย! ไอ้คน.. อื๊อ!”

พริมโรสตกใจเพราะเขากดจุมพิตหนักหน่วงลงมาทั้งๆ ที่ยังพูดไม่จบ เป็นจุมพิตที่ต้องการจะลงโทษ มากกว่าจะอยู่ในอารมณ์พิศวาส

เธอพยายามจะดิ้นหนี แต่ก็สู้แรงที่แข็งดังหินของเขาไม่ได้ จึงทำได้เพียงเบี่ยงศีรษะออก เป็นผลให้เขาไถลจุมพิตลงมาที่ข้างแก้ม แล้วไล้เลยมาถึงซอกคอ จู่ๆ แรงจุมพิตของเขาอ่อนโยนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด วนเวียนซุกไซ้ไปมาอย่างหลงไหล เธอดิ้นขลุกขลักอยู่เป็นครู่ ทำได้แค่ดึงขาออกจากการพันธนาการได้เท่านั้น

ขณะที่เขากำลังไล้จุมพิตมาถึงแอ่งหลังใบหู ประตูห้องก็เปิดออก ทั้งสี่ชีวิตยืนอัดกันอยู่เต็มช่องประตูอย่างอยากรู้อยากเห็น

คนที่กำลังนัวเนียกันอยู่ที่พื้นชะงัก หันมามองที่ประตูพร้อมกัน

“เอ่อ!..เห็นเสียงเงียบไปเลยขึ้นมาดู เผื่อจะมีใครบาดเจ็บสาหัส แต่อีกเดี๋ยวพวกเรามาใหม่ดีกว่า พวกคุณทำต่อกันได้เลย!” แล้วประตูก็ปิดลงอีกครั้ง

“ไอ้พวกบ้านี่!” 

หญิงสาวตะโกนลั่น ก่อนจะออกแรงฮึดเฮือกสุดท้าย กระชากข้อมือของอีกฝ่ายเข้าหาตัวอย่างฉับพลัน ขาซ้ายพุ่งขึ้น พาดผ่านหลังคอ กดศีรษะเขาให้ต่ำลง ขณะที่ขาขวาตวัดอ้อมไหล่ ล็อกแขนที่ถูกตรึงไว้แน่น ราวกับกรงเหล็กที่ปิดตายทุกทางหนี  

จากนั้น เธอยืดตัวออกเต็มแรง ส่งแรงกดจากสะโพกดึงแขนของเขาให้เหยียดตรงจนสุด เพียงแค่เขาฝืนขยับแม้แต่นิดเดียว กระดูกก็พร้อมจะลั่นเป๊าะ! และก่อนที่เขาจะทันรู้ตัว เท้าขวาของเธอก็เหวี่ยงเข้าหากล่องดวงใจของเขาเต็มแรง โดนเป้าหมายอย่างแม่นยำ ไร้ซึ่งความปรานี ตรงเผ็งแบบไม่ต้องเล็งกันเลยทีเดียว

“อุ้บส์!!” 

ชายหนุ่มตัวงอ นอนคู้อยู่กับพื้น สองมือกุมเป้าแน่น สีหน้าบิดเบี้ยวราวกับเห็นยมทูตมาเคาะประตู ความตกใจที่มีผู้บุกรุกทำให้เขาเผลอเปิดช่องว่างโดยไม่รู้ตัว

ร้ายนัก!! ยัยตัวแสบ!!

“ฮึ! นึกว่าจะแน่! ให้รู้ซะบ้างว่ากำลังเล่นอยู่กับใคร” หญิงสาวเชิดหน้า พ่นลมหายใจอย่างสะใจ “ฉันจะละเว้นคุณไว้ก่อนก็ได้ แต่ถ้ายังกล้ามาแหยมอีกล่ะก็… ฉันจะอัดรังบัญชาการของคุณไม่ยั้งเลย คอยดู!” หญิงสาวคาดโทษเสียงแข็ง ก่อนจะสะบัดหน้าหันหลังเดินออกจากห้องไปอย่างไร้เยื่อใย  

ปัง!!!

เสียงปิดประตูดังก้อง จนสองคนที่เพิ่งมาถึงด้านล่าง สะดุ้งสุดตัว ลางสังหรณ์บางอย่างกระตุกเตือนพวกเขาอย่างรุนแรง เหมือนกำลังจะมีพายุลูกใหญ่ เคลื่อนตัวมาถล่มแบบไม่มีที่ให้หลบหนี  

ใบหน้าถมึงทึงเดินลงบันไดมาอย่างเอาเรื่อง ดวงตาเต็มไปด้วยโทสะ อัลวานีขมวดคิ้ว มองปฏิกิริยาของผู้ชายสองคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ พวกเขาสองคนถึงกับหน้าซีดเผือด ดูเหมือนผากจะชื้นไปด้วยเหงื่อ  

“คุณสองคน…มีความสุขบนความทุกข์ของฉัน อย่างนั้นหรือ!?!”  น้ำเสียงเย็นเยียบดุจน้ำแข็งขั้วโลกเหนือ ทำให้บรรยากาศรอบตัวเย็นยะเยือกลง ราวกับทั้งทวีปถูกแช่แข็ง

“พวกเราผิดไปแล้ว!! เจ๊ใหญ่! ให้อภัยพวกเราสักครั้ง!!”

“เอามา!” หญิงสาวยืนกอดอก แบมือออกมาตรงหน้า ดวงตาคมกริบแฝงแววอำมหิต เสียงหวานแต่แฝงความเย็นยะเยือกจนคนฟังขนลุก 

“ผมก็แค่รอลุ้นว่าจะมีใครโค่นตำนานได้บ้างก็เท่านั้นเอง!”  

“เอา-มา!!” เสียงตวาดลั่น หนักแน่น ดุดัน ไร้ซึ่งความปรานี  

“โธ่! ผมไม่บอกใครหรอก! แค่คิดยังไม่กล้าเลย! คุณก็เมตตาผมบ้างเถอะ!”  

“หุบปาก! เอามาเดี๋ยวนี้!!” คราวนี้น้ำเสียงเย็นเยียบขึ้นอีกระดับ หากมีศาลตัดสินตรงนี้ เขาคงโดนตัดสินประหารไปแล้ว  

คนถูกขู่ค่อยๆ ล้วงกระเป๋าสตางค์ออกมา แอบกลืนน้ำลายเฮือกหนึ่ง พยายามแหวกช่องใส่เงินอย่างเชื่องช้า หวังจะยื้อเวลาไว้ก่อน แต่ก็ไม่ทันจะได้ทำอะไร กระเป๋าถูกฉกไปอย่างรวดเร็วต่อหน้าต่อตา  

“เบี้ยเลี้ยงผมน้อยกว่าคุณอีกนะ! นี่มันต่างประเทศ ไม่ใช่ต่างจังหวัด! ถ้าออกนอกพื้นที่ไปแล้วผมจะเอาอะไรกินล่ะ?!”  

เขาพูดโอดครวญหวังเรียกความเห็นใจ แต่ดูเหมือนจะเป็นการพูดกับกำแพง เพราะหญิงสาวเปิดกระเป๋า หยิบเงินออกมานับอย่างไม่แคร์จำนวน เขาใช้สายตากวาดมองคร่าวๆ น่าจะราวหมื่นกว่าๆ  

“ใครสน! ถ้ายากจนนักก็ไปหาทำเรื่องดีๆ มาชดใช้ความผิดซะ!”  

เธอพูดทิ้งท้าย ก่อนจะโยนกระเป๋าสตางค์ที่แบนเหมือนโดนปล่อยลมลงบนโต๊ะ แล้วหมุนตัวเดินขึ้นห้องไปอย่างไม่ไยดี  

“ว่าแต่… ได้ข่าวว่าของเก่านายก็ยังไม่ได้คืนเลยไม่ใช่เหรอ?” เสียงแซะจากคนข้างๆ ทำให้ตาขวาของคนถูกปล้นเกิดอาการกระตุก รู้สึกว่าเจ็บยิ่งกว่าเสียเงิน คือเสียหน้านี่แหละ  

“โอ๊ย! จะบ้า!! เมื่อไหร่จะมีคนทำให้ยัยนี่สิ้นฤทธิ์สักที!!” ชายหนุ่มโอดครวญราวกับมีคำสาปติดตัว “ฉันจะไม่ยอมตาย! จนกว่าจะได้เห็นวันนั้นให้ได้!!”

อัลวานีปล่อยขำออกมา ตอนแรกเธอก็ประหลาดใจกับปฏิกิริยาของพวกเขาที่มีต่อหญิงสาว แต่พอเห็นแบบนี้ก็ทำให้เข้าใจ เป็นเพราะพวกเขามีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน จึงเหมือนกับล้อเล่นกันไปมา แต่ดูเหมือนจะเล่นแรงเกินปกติไปสักหน่อย

“พวกคุณดูเหมือนจะกลัวคุณพริมมากเลยนะคะ”

“ไม่ใช่กลัวหรอกครับ เป็นเพราะผมเคยทำผิดต่อเขา ถึงแม้เขาจะไม่ถือสาแต่ผมก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดี ตั้งแต่นั้นมาก็เลยให้สัญญากับเขาว่า ถ้าผมทำอีก เขาจะทำอะไรกับผมก็ได้เท่าที่เขาสบายใจ เพื่อเป็นการลงโทษ เขาก็เลยเลือกที่จะยึดเงินผมแทน แต่ผ่านไปไม่นานก็คืนให้ครับ …ก่อนที่ผมจะอดข้าวตายในไม่กี่วัน ฮ่าๆๆ” ชายหนุ่มพูดแล้วก็หัวเราะ ทำให้อัลวานียิ่งแน่ใจในความคิดของตัวเอง

ผู้ชายคนนี้ชื่อขันเงิน เป็นคนหน้าตาดี ดูเป็นมิตรร่าเริงและมีอารมณ์ขัน ส่วนอีกคนชื่อจอช ดูเป็นคนเงียบๆ แต่ก็น่าคบหาอยู่ไม่น้อย

“อีกอย่างเทควันโดสายดำดั้งห้า ยูโดดั้งสอง แชมป์ยูยิดสูสายม่วง ทั้งคิกบ็อกซิ่ง ทั้งยิงปืนแม่นราวกับจับวาง ต่อให้ใจกล้าบ้าบิ่นแค่ไหน ก็ไม่มีใครกล้าหือหรอกครับ!” จอชพูดขึ้นมาบ้าง ทำให้ทุกคนหัวเราะออกมา

พริมโรสเปิดประตูเข้ามาในห้อง แล้วก็อดแปลกใจไม่ได้ที่สภาพความเป็นระเบียบเรียบร้อยคืนกลับมาดังเดิม แตกต่างไปจากสงครามย่อมๆ เมื่อก่อนหน้านี้ เธอเดินเข้าไปดูในห้องน้ำ แต่เขาก็ไม่อยู่แล้ว ยิ่งประหลาดใจมากกว่าเดิม เพราะไม่รู้ว่าเขาออกไปทางไหน ถึงได้รวดเร็วปานนี้

…………………….

เสียงเคาะประตูดังขึ้น ขณะที่หญิงสาวกำลังดูกล้องวงจรปิดของทางหลวง

“เชิญค่ะ”

คนหน้าประตูค่อยๆ ยื่นหน้าเข้ามาดูเพื่อหยั่งเชิงอารมณ์ของคนในห้อง เห็นนั่งนิ่งองค์ไม่ลงจึงค่อยๆ เปิดประตูให้กว้างขึ้น ในมือถือถาดน้ำชาและขนมมาด้วย

“ผมเอาน้ำชากับขนมมาให้ เผื่อคุณจะหิว”

“นี่! นายตัวเงิน!” คำเรียกนี้ทำให้คนที่เข้ามาใหม่ ถึงกับสะดุ้งโหยง

“ขันเงินเถอะ! แม่คุณ!”

“ก็ได้ ขันเงินตัวทอง นายไปเอาความกล้าจากไหนถึงได้ตั้งชื่อแบบนี้?”

“ก็เธอเป็นคนเลือกให้ฉันไม่ใช่หรือไง ยังจะมาทำพูดดี”

“ฉันเนี่ยนะ? เมื่อไหร่ ไม่เห็นรู้เรื่อง!”

“ก็วันที่ฉันโทรไปถามเมื่อสองวันก่อนไง เธอพูดเองว่าขันเงิน แล้วก็วางสาย”

“ห๊ะ! นายประสาทหรือเปล่า ฉันตะโกนเรียกแมว! นี่สมองนายเป็นรูจนจำชื่อแมวฉันไม่ได้หรือไง?” นายขันเงินตัวทองมองหญิงสาวด้วยสายตาตัดพ้อ

“ไม่รู้ล่ะ! เรื่องนี้เธอต้องรับผิดชอบ เธอทำให้ความเป็นแมนที่ฉันสั่งสมมาตลอดชีวิตต้องด่างพร้อย!” น้ำเสียงออดอ่อย อ้อนขอความเห็นใจ

“นายเตวิช!..ตัวออกใหญ่อย่ามาทำใจบอบบางเท่ามด! เอ้าเอานี่ไป!” หญิงสาวส่งกระดาษให้  “จับสัญญาณได้เมื่อเช้า แต่เราก็ไม่รู้หรอกว่าเขาอยู่ตรงพิกัดนั้นจริงๆ หรือเปล่า ฝ่ายนั้นอาจจะกำลังลวงเราอยู่ก็ได้”

สีหน้าเตวิชเปลี่ยนแปลงเป็นจริงจังขึ้นมาทันที ต่างจากความขี้เล่นเมื่อนาทีก่อนอย่างสิ้นเชิง เขารับกระดาษมาพิจารณาอยู่ชั่วครู่

“นายอิฟราอิมคนนั้นคือคนที่คอยประสานกับเราใช่ไหม?”

“อืม ฉันให้พิกัดเขาไปแล้ว คุณก็เริ่มงานได้เลยหลังจากที่ได้ข้อมูลแบบแปลนอาคารจากเขา คุณจำหมายเลขอีมี่เครื่องส่วนตัวเครื่องใหม่ของจักรินได้หรือเปล่า?” 

“ได้!” เตวิชจดมาให้ทั้งเครื่องหลักที่ใช้ทำงาน และเครื่องส่วนตัว”

หญิงสาวไม่รอช้าเปิดคอมมานด์ไลน์ขึ้นมา พิมพ์คำสั่งรัวเร็วอย่างชำนาญ แล้วใส่หมายเลขอีมี่เข้าไป สักพักก็ส่งภาพผ่านโปรเจคเตอร์ยิงเข้าผนัง แสดงตำแหน่งของโทรศัพท์ทั้งสองเครื่อง

“เป็นอย่างที่คิด..พวกนั้นไม่ได้โง่ มันกำลังเล่นซ่อนหากับเรา!”

“พาสปอร์ตล่ะ?” เตวิชถามหาตำแหน่งของพาสปอร์ตทันที เธอจึงกดเปิดให้เขาดู 

“โห!..อยู่คนละมุมประเทศเลย!” พริมโรสอุทาน

“ห่างกันขนาดนี้ เราไปตรวจสอบทีละตำแหน่งคงต้องใช้เวลา ถ้าไม่อยากให้พวกมันรู้ตัว ต้องลงมือพร้อมกัน!”

“เราต้องการคนเพิ่ม เพราะถ้าฉันไปเอง จะไม่มีใครแบคอัพให้พวกคุณ!”

ขณะนั้นจอมทัพ ก็ได้เปิดประตูเข้ามาพอดี เขาเข้าใจสถานการณ์ทันที ที่เห็นภาพพิกัดบนผนัง

“นี่เป็นคนของเรา ถ้าขอความช่วยเหลือจากนายอิฟราอิมคนนั้น เขาจะช่วยพวกเราไหม?” จอมทัพถามขึ้นมา

“ไม่แน่ใจนะ ต้องลองถามดู” พริมโรสแบ่งรับแบ่งสู้

“เรารอกำลังเสริมไม่ได้! ถ้าเป็นเธอพูด เขาต้องยอมช่วยอย่างไม่มีเงื่อนไขแน่ๆ ฉันรับรอง!” เตวิชพูดออกมาอย่างมั่นใจ

“นี่! นายตัวเงิน ในหัวนายมีของเหลวอะไรลอยอยู่ฉันรู้นะ อย่าได้แม้แต่จะคิดแบบนั้นเลยเชียว!”

“ไม่มีใครในที่นี้โง่จนดูไม่ออกหรอกว่า เกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกเธอสองคน มีแต่เธอเท่านั้นแหละที่กำลังหลอกตัวเอง! แล้วฉันก็ชื่อขันเงิน ขอบคุณ!”

หญิงสาวหงุดหงิดกับวาจาที่ฟังไม่เข้าหู จึงลุกขึ้นเดินไปเปิดประตู พอดีกับที่อิฟราอิมยกมือกำลังจะเคาะ พริมโรสเห็นตัวต้นเรื่องอยู่ตรงหน้าจึงชักสีหน้าใส่ แล้วเดินลงไปข้างล่างอย่างไม่สบอารมณ์ เขาเข้าใจว่าหญิงสาวยังไม่หายโกรธ จึงเดินตามลงไปด้วย

“ฉันก็ทักนายแล้วว่า ชื่อนี้มันคุ้นๆ ว่าเป็นชื่อแมว นายก็ไม่ฟัง!” จอมทัพบ่นขึ้นมาบ้าง

“พระเจ้าจอชเพื่อนรัก ช่วยหุบปากไม่พูดเรื่องนี้ได้ไหม?”

“ฉันก็รู้เหมือนกันนะว่าในสมองของนายมีของเหลวอะไรลอยอยู่! ฮ่าๆๆ” เตวิชถลึงตาใส่เพื่อน แต่ก็ไม่พูดอะไรอีก

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • อย่าให้เขารู้ว่าฉันร้าย   ตอนพิเศษ (3) : อิดรีส / ไลลา

    ค่ำคืนแห่งพระเกียรติ ถูกจัดขึ้นอย่างสมพระเกียรติ ณ พระราชวังขององค์สุลต่าน งานเลี้ยงวันคล้ายวันพระราชสมภพถูกเนรมิตขึ้น อย่างวิจิตรตระการตา ทุกซอกทุกมุมของพระราชวังส่องประกายด้วยโคมไฟแก้วเจียระไนระยิบระยับ พรมแดงทอดยาวจากบันไดสู่โถงต้อนรับ โต๊ะอาหารเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ พร้อมเครื่องเงินแท้ที่ขัดเงาจนแวววาว เมนูรสเลิศจากเชฟมิชลิน ถูกเสิร์ฟแบบคอร์ส เคียงคู่กับเครื่องดื่มชั้นสูงจากทั่วทุกมุมโลก ขับกล่อมด้วยเสียงดนตรีออร์เคสตร้า ที่บรรเลงอย่างไพเราะ ทำให้ค่ำคืนนี้ สมพระเกียรติขององค์สุลต่านอย่างถึงที่สุด บรรดาผู้นำจากนานาประเทศ และทูตานุทูต ต่างตบเท้าเข้าร่วมงาน แขกเหรื่อล้วนเอ่ยปากชื่นชม ถึงบรรยากาศที่ได้รับการจัดเตรียมมาอย่างไร้ที่ติ และผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของงานนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่น เจ้าหญิงไลลา สตรีหมายเลขหนึ่ง พระชายาของเจ้าชายอิดรีส ผู้ลงมาดูแลทุกอย่างด้วยตนเอง อย่างละเอียดถี่ถ้วน บางคนถึงกับกล่าวชมต่อหน้าเจ้าชายอิดรีส ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แม้เขาจะยังคงยืนสงบนิ่งในท่าทีสุขุมเช่นเคย แต่ในใจลึกๆ กลับรู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ตนเลือกคู่ครองไม่ผิด สายตาของอิดรีส

  • อย่าให้เขารู้ว่าฉันร้าย   ตอนพิเศษ (2) : หินพ่อมดลาบราดอไลต์

    แสงสว่างที่ลอยละล่องในความมืดส่องมาที่รินรดา พร้อมกับเสียงกระซิบที่แผ่วเบาแต่ชัดเจน เสียงนั้นไม่ใช่เสียงของใครในโลกนี้ มันเหมือนเสียงที่มาจากที่ไกลโพ้น ฟังดูทั้งใกล้ และไกลในเวลาเดียวกัน“ถึงเวลาแล้ว...จงทำตามสัญญา!”รินรดารู้สึกเหมือนร่างกายของเธอกำลังล่องลอย แต่ในขณะเดียวกัน ก็ตกลงไปในความเวิ้งว้างอันไร้จุดสิ้นสุด เธอพยายามมองหาเจ้าของเสียงแต่ไม่พบใครเธอหลับตาลงแล้วทันใดนั้น ภาพอดีตของเธอเมื่ออายุสิบห้าปีก็ย้อนกลับมา เธอเห็นตัวเองยืนอยู่หน้าหินพ่อมดลาบราดอไลต์ ที่ตั้งตระหง่านอยู่ในห้องลับใต้พระราชวัง ความศักดิ์สิทธิ์ของมันทำให้เธอรู้สึกได้ ถึงพลังลี้ลับที่ซ่อนอยู่ภายใน เธอท่องบทสวดที่แอบจดจำไว้ พร้อมกับอธิษฐานถึงสิ่งที่อยากรู้ที่สุดในชีวิต นั่นคือ..การตามหาครอบครัวที่แท้จริงจากนั้นเธอก็เริ่มฝันซ้ำๆ เดิมๆ อยู่หลายครั้ง จนกระทั่งถึงปัจจุบันเธอค่อยๆ ลืมตาขึ้น พบว่าตัวเองยืนอยู่ในอุโมงค์ที่ทอดยาวไปสู่แสงสว่างที่อยู่เบื้องหน้า เธอรู้ว่านี่คือจุดที่ผู้ตายต้องเดินผ่านไปยังภพหน้า แต่แล้วเสียงอันศักดิ์สิทธิ์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง“รินรดา เธอยังมีสิทธิ์เลือกเส้นทางของตนเองอยู่นะ”เบื้องหน้าของเ

  • อย่าให้เขารู้ว่าฉันร้าย   ตอนพิเศษ (1) : พิธีนิกะฮ์

    ค่ำคืนแห่งความสุขมาถึง... ท้องฟ้ายามราตรีของอาณาจักรเปเรซประดับไปด้วยแสงจันทร์และดวงดาวระยิบระยับ ขณะที่ปราสาทหลวง ถูกประดับด้วยผ้าม่านสีขาว และทอง ลวดลายอาหรับอันวิจิตร เจิดจรัสด้วยแสงไฟนวลอบอุ่น ของไฟระย้าคริสตัลสะท้อนแสง จนดูงดงามราวสรวงสวรรค์ ดอกไม้หายากจากทั่วทั้งอาณาจักร ถูกจัดวางประดับประดาไปทั่วบริเวณ สร้างบรรยากาศที่งดงาม ราวกับหลุดออกมาจากเทพนิยาย ภายในห้องโถงใหญ่ของพระราชวัง พรมเนื้อละเอียดทอดยาวตั้งแต่ประตูไปจนถึงแท่นพิธี โต๊ะเลี้ยงอาหารค่ำประดับด้วยผ้าปักทอง ดอกกุหลาบและลิลลี่ขาวบริสุทธิ์ให้กลิ่นหอมอ่อนๆ ตัดกับแสงเทียนที่กระพริบไหว ม่านบางเบาปลิวไสวไปตามสายลมเย็นของค่ำคืน พระราชพิธีอภิเษกสมรส ถูกจัดขึ้นตามขนบธรรมเนียม เป็นพิธีนิกะห์อันศักดิ์สิทธิ์ของโมเสลม ภายใต้กฎหมายชารีอะห์ และธรรมเนียมของราชวงศ์ ซึ่งแสดงถึงความงดงาม และเปี่ยมไปด้วยความหมาย นักวิชาการศาสนา(อุละมาอ์) ผู้ประกอบพิธี นั่งอยู่บนแท่นหินอ่อน ด้านข้างมีพยานฝ่ายเจ้าบ่าวและเจ้าสาว พร้อมด้วยบุคคลสำคัญจากราชวงศ์และข้าราชบริพาร เจ้าชายอิสราร์ ประทับยืนในชุดทางการขององค์มกุฏราชกุมาร เสด็จเข้ามายังแท่นพิธี พระอ

  • อย่าให้เขารู้ว่าฉันร้าย   ตอนที่ 100 : การมา..ที่คาดไม่ถึง

    บรรยากาศภายในพระราชวังเปเรซวันนี้ เต็มไปด้วยความสงบและเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความหมายลึกซึ้ง ครบหนึ่งร้อยวันแห่งการจากไปของเจ้าหญิงรินรดา องค์สุลต่านทรงมีพระราชดำริให้จัด ‘โรงทานขนาดใหญ่’ เพื่อแจกจ่ายอาหาร และสิ่งของจำเป็นแก่ประชาชนผู้ยากไร้ ถือเป็นการอุทิศส่วนกุศลให้แก่ดวงวิญญาณของผู้ล่วงลับ ภายในโรงทานถูกจัดขึ้นอย่างเป็นระเบียบ เต็นท์ขนาดใหญ่ถูกกางเรียงรายภายในลานกว้างของลานพิธีหน้าพระราชวัง โต๊ะยาวหลายตัวถูกตั้งไว้ สำหรับแจกจ่ายอาหารร้อนที่ปรุงสำเร็จ และขนมหวานอาหรับ เช่น บาสบูซาและกุนาฟา รวมถึงน้ำดื่มเย็นๆ สำหรับประชาชนที่มาร่วมรับแจกอาหาร บรรดาข้าราชบริพาร และอาสาสมัครจากประชาชน ต่างช่วยกันแจกจ่ายด้วยรอยยิ้ม แม้จะเป็นวันแห่งความอาลัย แต่ทุกคนก็เต็มใจทำความดี เพื่อเป็นบุญกุศล ให้แก่เจ้าหญิงผู้ล่วงลับ นอกจากอาหารแล้ว ยังมีจุดแจกอาหารแห้ง และของใช้จำเป็น เช่น อินทผลัม ข้าวสาร น้ำมันพืช เครื่องปรุงรส สบู่ และยาสามัญ เพื่อให้ผู้ยากไร้สามารถนำกลับไปใช้ที่บ้านได้ ภายในงานยังมีแพทย์อาสา คอยตรวจสุขภาพเบื้องต้นให้กับประชาชน ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการช่วยเหลือสังคม ที่เจ้าหญิงรินรดาเคยผลักดั

  • อย่าให้เขารู้ว่าฉันร้าย   ตอนที่ 99 : เจ้าหญิงแห่งราชวงศ์อันฟูลัน

    เสียงไซเรนรถพยาบาลแผดก้องไปทั่วท้องถนน แต่รามิลไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น หูของเขาอื้อไปหมด มีเพียงเสียงลมหายใจบางเบาของรินรดา ที่กำลังแผ่วลงทุกขณะ เป็นสิ่งเดียวที่เขากำลังโฟกัส เลือดของเธอเปรอะเปื้อนเต็มมือเขา ลามไปตามแขนเสื้อ แผ่นอก และหยดลงเป็นทางบนเปลพยาบาล ร่างเล็กที่เคยเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา บัดนี้กลับนอนแน่นิ่ง แต่ถึงอย่างนั้น เธอยังคงยิ้มให้เขา “คุณ..รามิล…” เสียงของเธอเบาหวิวแทบไม่ได้ยิน “รดา! เดี๋ยวเราก็ถึงโรงพยาบาลแล้ว… แค่ทนไว้ก่อนนะรดา อย่าหลับนะ ได้ยินผมไหม!?” รามิลกุมมือหญิงสาวแน่น น้ำเสียงสั่นเครือ ความกลัวถาโถมเข้าใส่จนเขาหายใจแทบไม่ออก รินรดาไอออกมาเป็นเลือด ก่อนจะระบายลมหายใจบางเบา “ท่านพี่… ปลอดภัยไหม?” หัวใจของรามิลเหมือนถูกบีบจนแหลกสลาย เธอกำลังอาการสาหัส แต่ยังเป็นห่วงพี่ชายมากกว่าชีวิตตัวเองเสียอีก “ปลอดภัย! เขาปลอดภัย..” รามิลเม้มริมฝีปากแน่น พยายามกลั้นสะอื้น “ทำไมต้องทำแบบนี้ ทำไมต้องเสี่ยงขนาดนี้ด้วยฮึ!?” “เพราะเขาคือ… พี่ชายของฉัน” รินรดายิ้มจางๆ เสียงเธอขาดหายเป็นช่วงๆ เปลือกตาของเธอหนักอึ้งลงทุกที “รดา! อย่าหลับนะ! มองผมสิ มองผม!” มือของเธอใน

  • อย่าให้เขารู้ว่าฉันร้าย   ตอนที่ 98 : มือสังหาร

    เสียงโกลาหลของฝูงชนยังคงดังก้องทั่วลานพิธี แต่แล้วจู่ๆ ผู้คนก็เริ่มแหวกออกเป็นสองทาง ราวกับคลื่นน้ำที่ถูกแบ่งออกโดยพลังที่มองไม่เห็น ท่ามกลางช่องว่างที่เปิดออก ปรากฏร่างของชายคนหนึ่ง เขายืนอยู่ในเงามืด แฝงตัวอยู่ในกลุ่มประชาชนที่กำลังแตกตื่น ในมือของเขากำปืนไรเฟิล ที่บรรจุกระสุนเจาะเกราะแน่น สายตาคมกริบกวาดไปรอบบริเวณอย่างระแวดระวัง ก่อนจะกลับมาตรึงอยู่ที่เป้าหมาย บุรุษผู้ตายยากที่สุดเท่าที่เขาเคยสังหารมา ร่างสูงสง่าของเจ้าชายอิสราร์ ยืนเด่นอยู่บนลานพิธียกพื้น ราวกับถูกจัดวางให้อยู่ในระยะยิงอย่างเหมาะเจาะ โอกาสมีเพียงครั้งเดียว ทุกอย่างจะต้องเกิดขึ้นเร็วที่สุด และต้องสร้างผลกระทบที่รุนแรงที่สุด ถ้าจะต้องถูกจับหลังจากเหนี่ยวไก อย่างน้อยก็ขอให้มันได้ตาย..เพื่อสังเวยผู้ที่ข้ารักและเคารพเหนือสิ่งอื่นใด ผู้ที่สมควรได้รับทุกสิ่งที่ปรารถนาบนโลกใบนี้!! “ตอนนี้แหละ!!” อาซีฟพึมพำกับตัวเองก่อนจะรีบยกปืนขึ้น ปึ่ก! แรงกระชากอย่างรุนแรง ทำให้ปืนในมือของอาซีฟหายไปในพริบตา เขาตวัดสายตาไปด้านข้าง แววตาเปลี่ยนเป็นโทสะสีเข้มจัด แต่แล้วเขาก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นใบหน้าของผู้ที่ชิงอาวุธไปจากมือเขา

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status