Share

บทที่ 6

Penulis: จุ้ยหลิงซู
"ท่านอ๋อง ท่านเป็นอะไรไหม?"

ชิงอีหันไปมองอ๋องเจวี้ยนอย่างตึงเครียด

"ลากออกไป" อ๋องเจวี้ยนสีหน้าไร้อารมณ์

"ขอรับ!"

แม่นมทั้งสองคนยังคิดจะตะโกน แต่ก็ถูกกดจุดขมับแล้วลากออกไป

ชิงอีจึงหมุนตัว มองไปยังใบหน้าของอ๋องเจวี้ยนผาดหนึ่งอย่างรวดเร็ว และก็มองเห็นด้านหลังอ๋องเจวี้ยนมีฟู่จาวหนิงยื่นหัวออกมา รู้สึกสงสัยอย่างหนัก

หญิงสาวที่ชิงกระบี่จากมือเขาได้อย่างรวดเร็ว แต่พอเจอกับแม่นมสองคนกลับปอดแหกขึ้นมาหรือ?

แต่ว่าพอเขาคิดอีกทีก็ไม่แปลก ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นคนของฮองเฮา ฟู่จาวหนิงจะกล้าลงมือกับคนของฮองเฮาได้อย่างไร

"ท่านอ๋อง จะกราบไหว้ฟ้าดินไหม" เขาถามขึ้น

ฟู่จาวหนิงพอได้ยินเขาถามเช่นนี้ก็เดินออกมาจากด้านหลังอ๋องเจวี้ยน "ดังนั้น พวกเจ้าที่แท้ไม่คิดจะกราบไหว้ฟ้าดินหรอกหรือ?"

ชิงอีนิ่งงัน แต่สายตาที่มองนางกลับตกตะลึงขึ้นมา

เขาคิดว่าฟู่จาวหนิงที่ไม่กรีดร้องเมื่อครู่ เพราะว่านางยังไม่เห็นใบหน้าของท่านอ๋อง แต่ตอนนี้นางกลับมองท่านอ๋องด้วยสีหน้าปกติ เห็นได้ชัดว่ามองเห็นแล้ว

นางไม่กลัวแผลเป็นของท่านอ๋องหรือ?

"กราบไหว้ฟ้าดิน พิธีแต่งงานใหญ่" อ๋องเจวี้ยนมองฟู่จาวหนิงอย่างลึกซึ้ง "เจ้าแน่ใจว่าจะไม่เสียใจ?"

"ข้าจะรับผิดชอบต่อการเลือกของตนเอง" ฟู่จาวหนิงตอบ "แต่ก็หวังว่าอ๋องเจวี้ยนจะเข้าใจ ว่าการร่วมมือก็ต้องมีท่าทีของการร่วมมือด้วย เรื่องอันตรายแบบเมื่อครู่นี้ ข้าหวังว่าจะไม่มีครั้งหน้าอีก"

"เรื่องอันตราย?"

ชิงอีคิดดูก็เข้าใจ พอกำลังจะอธิบายแทนอ๋องเจวี้ยน อ๋องเจวี้ยนก็หมุนตัวออกนอกประตูไปแล้ว "จัดการตัวเองให้ดีดี"

ชิงอีรีบร้อนตามออกไป

หลังจากออกไป อ๋องเจวี้ยนก็หยุบเอาหน้ากากครึ่งหน้าออกมาสวม ปิดบังรอยแผลเป็นนั่น

"ท่านอ๋อง คุณหนูฟู่เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า? จวนอ๋องเดิมทีก็เตรียมโถงพิธีมงคลให้พวกท่านอยู่แล้วนี่ เพียงแต่ท่านอ๋องคิดไม่ถึงว่าองค์จักรพรรดิกับฮองเฮาจะเข้ามากันหมด"

ท่านอ๋องพอเห็นพวกเขาเข้ามา ก็ไม่อยากให้คุณหนูฟู่ต้องกลายไปเป็นเป้าของพวกเขาเท่านั้น

"ชิงอี" อ๋องเจวี้ยนตัดบทเขา "เจ้าคิดว่า ข้าเป็นคนดีหรือ?"

หา?

"ข้าก็แค่ไม่อยากให้คนของตระกูลฟู่ต้องมาตายกันไว และไม่อยากให้นางต้องไปตายด้วยมือคนอื่นก็เท่านั้น"

อ๋องเจวี้ยนพูดคำนี้ ก็สาวเท้าใหญ่ออกไป

ในเมื่อยืนยันว่าจะกราบไหว้ฟ้าดินร่วมหอลงโรง เขาจึงเปลี่ยนเป็นชุดมงคล

หลังจากอ๋องเจวี้ยนจากไป ฟู่จาวหนิงก็พ่นลมหายใจออก

นางตอนนี้รู้ว่าการเข้ามาในจวนอ๋องเจวี้ยน จะต้องซับซ้อนกว่าที่นางคิดเอาไว้แน่นอน แต่นางจะเอาชีวิตของท่านปู่มาเดิมพันไม่ได้

ขอแค่ประคองไว้ได้ ให้เวลานางเสียหน่อย ชุบเลี้ยงสุขภาพของท่านปู่ให้ดีขึ้น เรื่องเหล่านี้นางค่อยมาจัดการภายหลังก็พอ

ขอแค่ยังมีญาติอยู่ ความลำบากทั้งหมดก็ไม่ใช่ความลำบาก

"เฝิ่นซิง หงจั๋ว พวกเจ้าเข้ามาช่วยข้าหน่อย"

เฝิ่นซิงกับหงจั๋วที่ก้มหน้ารออยู่ด้านนอกสบตากัน ขานรับเสียงหนึ่ง และเข้ามาทันที

พวกนางชอบคุณหนูฟู่คนนี้

เจอกับเรื่องแบบนี้แต่กลับไม่ลนลานกรีดร้อง ไม่หวาดกลัวกังวล แต่ยังใจเย็น และจัดการเรื่องให้ดำเนินต่อไปได้

"ในเมื่อในวังมีคนมา เช่นนั้นพวกเจ้าก็ละเอียดเสียหน่อย บนตัวข้ามีจุดไหนที่ยังไม่เหมาะสมก็รีบแก้ไขหรือปลดออกไป"

ฟู่จาวหนิงกำชับพวกนาง

นางยังไม่สามารถเชื่อใจอ๋องเจวี้ยน แต่สาวใช้สองคนนี้ที่ดวงตาแจ่มใส นางกลับเชื่อมั่น เพราะถ้าเกิดเรื่อง สาวใช้จะถูกผลักออกไปเสียสละอย่างง่ายดาย จึงเชื่อว่าถ้าไม่ใช่คนโง่นัก เวลาเช่นนี้คงไม่มาทำร้ายนางหรอก

"เพคะ" เฝิ่นซิงกับหงจั๋วกุลีกุจอขึ้นมา

ตอนที่พวกนางกำลังยุ่ง ฟู่จาวหนิงก็ถามขึ้นมาคำหนึ่ง "เล่าเรื่องท่านอ๋องของพวกเจ้าให้ฟังหน่อยได้ไหม ข้าอยากจะเข้าใจเสียหน่อย หลังจากนี้อยู่ด้วยกันจะได้ง่ายขึ้น"

นางไม่คาดหวังว่าสาวใช้สองคนนี้จะพูดอะไรกับนาง เมื่อครู่ที่เผชิญหน้ากันครั้งแรก นางก็พบว่าอ๋องเจวี้ยนไม่ใช่คนที่เข้าหาง่ายนัก เป็นไปได้มากว่าอาจจะไม่ใช่คนดี สาวใช้ของนางอาจจะไม่กล้าพูดถึงตัวเขานัก

แต่ถ้าไม่แน่ล่ะ?

ต่อให้คุยกันไม่กี่คำ นางก็คงจะวิเคราะห์อะไรออกมาได้บ้าง

ผลลัพธ์ เฝิ่นซิงกับหงจั๋วก็เอ่ยขึ้นพร้อมกัน "ข้าน้อยก็เพิ่งจะเห็นท่านอ๋องไปไม่กี่ครั้ง"

เอ่อ

"แล้วท่านอ๋องของพวกเจ้าก่อนหน้านี้ไม่ค่อยกลับมาหรือ? พวกเจ้าทำไมไม่ติดตามไปรับใช้ล่ะ?"

พอได้ยินคำว่าติดตามไปรับใช้ เฝิ่นซิงกับหงจั๋วก็รีบส่ายหัวขึ้นมา

"พวกข้าน้อยอยู่ในจวนอ๋องมาโดยตลอด ท่านอ๋องล้วนพักฟื้นอยู่ที่ยอดเขาโยวชิงมาโดยตลอด คนที่ติตดามรับใช้คือสาวใช้ชั้นหนึ่งของจวนอ๋องอย่างท่านพี่จินเสวี่ยและท่านพี่ไป๋ซวงเท่านั้น"

จินเสวี่ยกับไป๋ซวง ดูท่านีน่าจะเป็นสาวใช้ที่อ๋องเจวี้ยนเชื่อใจ ฟู่จาวหนิงจำสองชื่อนี้ไว้แล้ว

หงจั๋วเอ่ยต่อ "ท่านพี่จินเสวี่ยกับท่านพี่ไป๋ซวงยังอยู่ระหว่างทาง ท่านอ๋องกลับมาถึงก่อน"

บนโถงพิธีมงคล เทียนสีแดงถูกจุดสว่าง ตำแหน่งเก้าอี้สูงมีสามีภรรยากลางคนคู่หนึ่งนั่งอยุ่ นั่นคือองค์จักรพรรดิและฮองเฮาที่สูงส่งที่สุดของแคว้นเจา

องค์จักรพรรดิตอนนี้มองถึงความหล่อเหลาในวัยหนุ่ม สวมชุดคลุมมังกรเหลืองสว่าง ขับเด่นความสูงส่ง พอมองอย่างละเอียด อ๋องเจวี้ยนเองก็ดูคล้ายเขาอยู่สองสามส่วนเลยทีเดียว

และฮองเฮาเองก็อยู่ในชุดคลุมพญาหงส์สวยตระการ ปิ่นห้อยพญาหงส์สีแดงทอง ทั่วทั้งตัวเต็มไปด้วยความล้ำค่าโอ่อ่า สูงค่าทรงสง่า ดูมีท่วงท่าพระมารดาแห่งฟ้าดิน

บนเก้าอี้สูงด้านข้างมีไท่โฮ่วนั่งอยู่ ไท่โฮ่วกลับดูสงบเสงี่ยมไปบ้าง ยิ่งไปกว่านั้นสภาพจิตใจยังดูไม่ค่อยดีนัก ให้คนนำเอาหมอนอิงเข้ามา กำลังอยู่ในท่าครึ่งนั่งครึ่งนอน

ด้านนอกโถงพิธีมงคลมีขุนนางรวมตัวอยู่ไม่น้อย บ้างก็ใส่ชุดขุนนาง บ้างก็ใส่ชุดทั่วไป บ้างก็ยังแต่งเนื้อแต่งตัวอยู่

พิธีมงคลของอ๋องเจวี้ยนเองก็กะทันหันเสียเหลือเกิน ถ้าไม่ใช่เพราะการที่อ๋องเจวี้ยนกลับเมืองหลวงเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าไม่ใช่พวกเขาก่อเรื่องกันจนใหญ่โตกลางถนน จนจวนต่างๆ ล้วนเห็น แล้วพวกเขาจะมากันทันได้อย่างไร

ตอนนี้ที่มาทันเพราะข่าวไปไว ในกลุ่มพวกเขาบางคนก็เพิ่งจะผละจากอกของสาวชู้ออกมาเอง บางคนก็กำลังฟังบทเพลงอยู่ในโรงน้ำชา บ้าช่องยังไม่ทันกลับก็ต้องตรงมาที่นี่แล้ว

"คุณหนูฟู่คนนี้ดังขึ้นในพริบตาเลย"

"นั่นสิ ถอนหมั้นกับจวนอ๋องเซียวกลางถนน เห็นว่าเกี้ยวเจ้าสาวเกือบจะหามไปจนถึงประตูจวนอ๋องเซียวอยู่แล้ว"

"พอหันกลับมาก็พุ่งไปขวางรถม้าอ๋องเจวี้ยน กลายเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยน ข้าเกิดมาสามสิบกว่าปีไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อนเลย"

"นางไปผิดใจกับคุณหนูใหญ่หลี่มา พวกเจ้าว่า หมอเทวดาหลี่จะละเว้นนางไหม" มีคนบีบเสียงต่ำ ไม่มองฟู่จาวหนิงในแง่ดี

"นั่นสิ อย่าลืมนะ ว่าอ๋องเจวี้ยนยังต้องให้หมอเทวดาหลี่คอยรักษาอยู่"

ผู้คนล้วนแอบส่ายหัวถอนหายใจ แทบจะมองเห็นถึงจุดจบน่าเอนถอนาถของฟู่จาวหนิงเลยทีเดียว

"ยังไม่รู้ว่าพิธีแต่งงานในวันนี้จะราบรื่นไหม โถงนี้ไม่รู้ว่าจะได้กราบไหว้ฟ้าดินกันหรือไม่"

"ได้ฤกษ์แล้ว ต้อนรับบ่าวสาว"

ผู้ดูแลจวนอ๋องเจวี้ยนอยุ่ในชุดคลุมผ้าไหมใหม่เอี่ยม เดินออกมายืนป่าวด้วยเสียงอันดัง

โชคดีว่าตอนที่ไปรับท่านอ๋องกลับเมืองหลวง เขาก็ให้คนในจวนอ๋องทั้งหมดเตรียมชุดใหม่ไว้แล้ว นี่ไม่ใช่ว่าเอามาใส่ได้พอดีเลยหรือ?

คนอื่นจะคิดอย่างไรเขาไม่รู้ ผู้ดูแลรู้เพียงว่า ท่านอ๋องกลับเมืองหลวงครั้งนี้ได้พระชายามาคนหนึ่ง ถือว่าเป็นลางดี!

หญิงสาวที่กล้าแต่งกับท่านอ๋องของพวกเขา จะต้องเป็นพระชายาที่ดีแน่

ดนตรีมงคลบรรเลง อ๋องเจวี้ยนปรากฎตัว

ในโถงพิธีมงคล ไท่โฮ่วค่อยๆ ยืดตัวตรงขึ้นมา มองไปยังร่างสูงใหญ่นั้น แสงสะท้อนมาบนชุดมงคลสีแดงบนตัว ทำให้นางมองจนดวงตารื้นไปหมด

"อาหยวนของพวกเราก็แต่งงานแล้ว" นางเอ่ยขึ้นเสียงต่ำ
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 2581

    ฟู่จาวหนิงยกนิ้วโป้งให้กับเซียวหลันยวน"ตอนนี้ท่านมีความรู้เรื่องแพทย์บ้างแล้วนี่นา มองออกด้วยว่าเป็นตำรับยาบำรุงครรภ์""สามปีก่อนตำรับยาที่เจ้าใช้ข้าเคยเห็นอยู่ แน่นอนว่าต้องจำได้สิ"เซียวหลันยวนเองก็ไม่ได้เรียนแพทย์มา เพียงแต่ตอนนั้นตำรับยาที่ฟู่จาวหนิงกินเขาเองก็ได้อ่านอย่างละเอียดอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนั้นเขายังคอยมองดูของที่นางกินเข้าปากอย่างระมัดระวังด้วย ดังนั้นจึงจำวัตถุดิบยาที่เกี่ยวข้องได้กระทั่งของที่สตรีมีครรภ์ไม่ควรกินไม่ควรแตะต้องเขาก็ยังจำเอาไว้ดังนั้นตอนนี้พอเขาเห็นตำรับยานี้ก็สามารถมองออกได้ทันที"หนิงหนิง เจ้า..."สายตาของเซียวหลันยวนเหลือบมองลงไปบนท้องนางตามสัญชาตญาณ กลั้นหายใจ รู้สึกตึงเครียดหน่อยๆก่อนหน้านี้เดิมทีเขายังคิดว่า จาวหนิงตั้งครรภ์แค่ครั้งเดียวก็พอ จะลูกชายหรือลูกสาวก็ได้ถึงอย่างไรการคลอดเด็กสำหรับหญิงสาวแล้ว ถือเป็นเรื่องที่เหมือนเดินผ่านประตูผีเลยทีเดียวฟู่จาวหนิงก่อนหน้านี้ก็เคยคิดว่าตนเองจะตั้งครรภ์แค่ครั้งเดียวพอแต่ว่า น่าจะเพราะเด็กสองคนในครรภ์ที่แล้วว่าง่ายเกินไป ไม่ดื้อไม่ซนเกินไป คลอดออกมาได้ง่ายเสียขนาดนั้น จึงทำให้นางตอนนี้กัง

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 2580

    เซียวหลันยวนวางชามชาลง แล้วจึงเหยียบขึ้นเส้นทางกลับเมืองหลวงอีกครั้งพอเข้าเมือง ความเจริญรุ่งเรืองและความคึกคักก็พุ่งเข้ามาทันทีในเมืองดอกไม้บานสะพรั่ง ประชาชนและพ่อค้าที่สัญจรไปมา ไม่ว่าจะอาศัยอยู่ที่นี่มาสองปีหรือว่าเพิ่งจะเข้ามา ก็อดไม่ได้ที่จะต้องมองไปรอบๆ เนื่องจากถูกทิวทัศน์อันงดงามของเมืองหลวงและร้านรวงต่างๆ รายรอบดึงดูดและข้างถนนก็ยังมีร้านรวงอีกไม่น้อย วางขายของกระจุกกระจิกต่างๆ ของเหล่านี้พ่อค้าที่มาจากภายนอกก็ชอบไปเดินชม เพราะก่อนหน้านี้พวกเขาไปสถานที่อื่นแล้วยังไม่เคยเห็นมาก่อน ทุกหนแห่งเต็มไปด้วยความสดใหม่พ่อค้าที่มายังตงฉิงช่วงนี้ ยังมีบางส่วนที่พาครอบครัวมาด้วย น่าจะเพราะพอกลับไปเล่า เหล่าภรรยาและลูกก็รู้สึกสนใจต่อตงฉิงอย่างมาก ดังนั้นคนที่มีฐานะหน่อยจึงพาครอบครัวมาด้วยด้วยเหตุนี้ บนถนนเมืองหลวง จึงสามารถมองเห็นคนต่างถิ่นที่พาครอบครัวเข้ามาด้วย"องค์จักรพรรดิกลับเมืองแล้ว"ขณะที่รถม้าของเซียวหลันยวนแล่นไปตามถนนใหญ่ ประชาชนสองฝั่งทางถนนกับเหล่าพ่อค้าก็มองเข้ามา ในสายตาล้วนเป็นความภาคภูมิใจ สีหน้าล้วนแสดงถึงความเลื่อมใสศรัทธา"นั่นคืออ๋องเจวี้ยนหรือ?" ข้างทางม

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 2579

    หยกตงฉิงขายออกไปครึ่งปีแล้ว และค่อยๆ มีชื่อเสียงขึ้นมาในแต่ละแคว้น อีกทั้งด้วยเหตุผลอีกหลายประการ ปัจจุบันปริมาณยังไม่มากพอ ดังนั้นราคาจึงถูกปั่นจนสูงลิบฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเสวียนทั้งสองคนหารือถึงความร่วมมือกับพ่อค้าใหญ่ในแคว้นต่างๆ ในนี้มีคำสั่งซื้ออยู่ไม่น้อยเลย แค่เหมืองหยกของตงฉิงแห่งนี้ ก็สามารถนำกำไรมหาศาลมาให้ตงฉิงได้แล้วเพราะการปรากฏตัวของหยกตงฉิง จึงดึงดูดพ่อค้าจำนวนมากหันมาสนใจตงฉิงมากขึ้นและตงฉิงตอนนี้ถ้าจะเข้ามาต้องได้ใบรับรองที่ด่านชิงอวี้ก่อน ด่านชิงอวี้นี้ เฉิงอวิ๋นเจี้ยนนำคนเข้าไปประจำการอยู่พวกเขามีสายลับอยู่ พอพบว่าคนที่จะเข้าตงฉิงมีพิรุธ ก็จะส่งข่าวไปที่ตงฉิงอย่างรวดเร็ว และหอเมืองของตงฉิงก็จะเตรียมปืนใหญ่พิทักษ์แคว้นขึ้นทันทีพวกของเซียวหลันยวนในช่วงสองปีที่ตระเตรียมเรื่องเหล่านี้ หลายครั้งที่ทำงานหนักจนลืมกินลืมนอน ยุ่งกันมากๆแต่ก็อาจเป็นเพราะต่างฝ่ายต่างยุ่ง จึงไม่มีมีเวลาอยู่ด้วยกันบ่อยๆ ยิ่งไปกว่านั้นยังได้ยินเรื่องราวของอีกฝ่ายจากปากของคนอื่น ความสัมพันธ์ระหว่างเซียวหลันยวนกับฟู่จาวหนิงกลับมีแนวโน้วที่ดีขึ้นเรื่อยๆโดยเฉพาะตอนที่ได้ยินประชาชนหรือข้าร

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 2578

    ความหมายที่ว่าเซียวหลันยวนไม่ได้ตรงไปตรงมานักก็คือ สองปีนี้อันที่จริงเขาก็ส่งสายลับไปหาเรื่องแคว้นต่างๆ อยู่เนืองๆคนพวกนั้นจะทำทุกวิถีทางเพื่อส่งข้อมูลผิดพลาดให้กับจักรพรรดิของแต่ละแคว้น หรือไม่ก็สร้างความขัดแย้งและปัญหาบางอย่างในหมู่ขุนนางพวกเขา เพื่อให้พวกเขาไม่หันมาสนใจตงฉิงมากนักกระทั่งยังทำให้พวกเขาคิดว่า ตงฉิงทางนี้เกิดภัยธรรมชาติขึ้นอีกครั้ง ต่อให้พวกเขามาแย่งชิงไปก็ไม่คุ้ม ไม่ค่อยได้รับประโยชน์เท่าไรตอนนี้ในเมืองหลวงแคว้นต่างๆ พอได้ยินชื่อตงฉิง ก็มีข่าวลวงผิดพลาดสับสนวุ่นวายอยู่ไม่น้อยเลยเซียวหลันยวนไม่สนใจสักนิดว่าตงฉิงตอนนี้จะมีชื่อเสียงดีหรือไม่ดี เพราะตอนนี้สำหรับพวกเขาแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือช่วงชิงเวลาที่เพียงพอมาทำให้ตงฉิงขยับขยายอย่างแข็งแกร่งขึ้นมา"แต่เหมือนข้าจะเห็นว่าช่วงนี้ในเมืองหลวงมีคนหน้าใหม่ไม่น้อยเลยนะ" อันชิงเอ่ยขึ้น"มีคนที่ดูเหมือนพวกพ่อค้าเข้ามาไม่น้อยเลย" องค์หญิงหนานฉือเองก็พูดขึ้นมาฟู่จาวหนิงยิ้มๆ "แน่นอน เรื่องอย่างหาเงินหากำไร พวกพ่อค้ามักจะมีความรู้สึกไวอยู่เสมอ ขณะที่พวกเราส่งข่าวลวงไปทางแคว้นต่างๆ พวกนั้น ก็จะแอบส่งข่าวปกติให้กับพ่อค

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 2577

    หนึ่งปีต่อมา ทุกด้านของตงฉิงก็เข้าที่เข้าทางแล้วและตอนนี้เอง จักรพรรดิและเหล่าขุนนางของแคว้นอื่นจึงเพิ่งได้ยินข่าวที่มากขึ้นของตงฉิงอันที่จริงครึ่งปีก่อนพวกเขาเองก็ได้ยินมาแล้วแต่ตอนนั้นพวกเขาไม่ได้ใส่ใจนัก รู้สึกว่าอ๋องเจวี้ยนเซียวหลันยวนแค่ถูกจักรพรรดิเจาบีบจนไม่มีทางเลือก ดังนั้นจึงต้องหาทางรอดในสถานการณ์สิ้นหวังก่อนหน้านี้แต่ละแคว้นก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้ส่งคนออกไปสำรวจซากปรักหักพังของตงฉิง ซึ่งมีทั้งที่หาไม่พบ มีทั้งหาพบบ้างบางส่วน จากนั้นก็ได้พบว่ามันเป็นเมืองร้างที่ "ตาย" ไปในกระแสประวัติศาสตร์แล้วต้องใช้แรงคนและทรัพยากรมหาศาลเลยทีเดียว แล้วพวกเขาเองก็มีแผ่นดินของตนเองอยู่แล้ว จึงไม่ได้ไปทุ่มเทเสาะหาต่อเท่าไรนักดังนั้นในใจคนมากมาย ตงฉิงก็เป็นเช่นนั้น เจอกับซากปรักหักพังแล้วทำไมล่ะ? เมื่อไม่มีคน ทั้งหมดก็สูญเปล่าจะให้พวกเขาส่งคนมากมายเข้ามา ก็น่าจะต้องเหน็ดเหนื่อยทั้งกายใจ ไม่รู้ว่าจะต้องลงทุนเงินทองอีกเท่าไรจึงจะสร้างให้ดีขึ้นได้ทุกคนแม้จะสนใจต่อทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ในอดีตของตงฉิง แต่ถ้าจะต้องบุกเบิกก็ไม่มีความสนใจกันแล้วดังนั้น ต่อให้รู้ว่าเซียวหลันยวนพาคนไปที่ตงฉิ

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 2576

    สามเดือนต่อมา ตงฉิงฟื้นฟูแคว้นราชวงศ์ตงฉิงเซียวหลันยวนขึ้นเป็นจักรพรรดิ มีนามว่าจักรพรรดิหมิงหนึ่งเดือนต่อมา จักรพรรดิหมิงสถาปนาฟู่จาวหนิงขึ้นเป็นฮองเฮา เซียวหลิงอี้ลูกชายคนโตขึ้นเป็นองค์รัชทายาทซืออวี๋ชิงจวินเป็นราชครูแคว้น เสิ่นเสวียนเป็นเสนาบดีซ้าย อันเหนียนเป็นเสนาบดีขวาฟู่จิ้นเชินขึ้นเป็นพระสัสสุระแห่งราชวงศ์ฟู่จาวเฟยถูกแต่งตั้งเป็นขุนพลเฟยหู่ จงเจี้ยนเป็นผู้บัญชาการราชองครักษ์ถังอู๋เจวี้ยนไม่ต้องการเป็นข้าราชการ ถังอู๋เยว่เข้าร่วมสำนักหมอหลวง แต่เพียงแค่ดูแลการรับแพทย์มาชั่วคราวเท่านั้น เพราะตอนนี้สำนักหมอหลวงยังมีแค่คนไม่กี่คนส่วนต่งฮ่วนจือศิษย์พี่รองฟู่จาวหนิงก็พาคนเข้ามาหลายคน แนะนำให้เข้าไปยังสำนักหมอหลวงองค์หญิงหนานฉือกับอันชิงทั้งสองคนเปิดสำนักศึกษาหญิงขึ้นแห่งหนึ่ง มีชื่อว่าสำนักศึกษาอวิ๋นจานหน่วยตีอาวุธของตงฉิงปัจจุบันถือว่าสำคัญอย่างยิ่งยวด ถังอู๋เจวี้ยนเองก็มีตำแหน่งอยู่ในนี้ คอยช่วยงานชั่วคราวฮองเฮาฟู่จาวหนิง ในช่วงนี้ก็แสดงให้เห็นถึงความรอบรู้และพรสวรรค์หลากหลายของนาง นางแทบจะกลายเป็นคนที่มีความสามารถในทุกที่ สำนักหมอหลวงมักเชิญนางไปสอน หน่วยตีอา

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status