Share

บทที่ 7

Auteur: จุ้ยหลิงซู
คำพูดของไทเฮาไม่มีใครได้ยิน

และตอนที่ฮองเฮาเห็นอ๋องเจวี้ยนในชุดมงคลเดินเข้ามา ดวงตาก็มีเงามืดทมึนหลั่งทะลัก

ของชั้นต่ำที่นังแพศยานั่นคลอดออกมา จะแต่งงานมีพระชายาแล้ว!

ไม่ ฝันไปเถอะ!

พิธีวันนี้ นางจะล่มมันเสีย!

ฮองเฮาคิดในใจ ใบหน้าเผยรอยยิ้มออกมา เอียงหน้าไปเอ่ยกับองค์จักรพรรดิเสียงแผ่วเบาว่า "องค์จักรพรรดิมักจะกังวลเรื่องสุขภาพของอ๋องเจวี้ยน ดูเอาเถิด อ๋องเจวี้ยนไม่ใช่ว่าเติบโตมาสูงใหญ่หล่อเหลาหรอกหรือ?"

อายุสั้นอะไรกัน ทำไมไม่เห็นว่าจะดูอายุสั้นตรงไหน?

องค์จักรพรรดิหัวเราะร่า "แม้จะบอกว่าอายวนจะดูคล้ายกับไท่ซ่างหวงตอนหนุ่มก็เถอะ แต่พอดูแบบนี้พวกเราพี่น้องก็ดูคล้ายกันอยู่พอควรนะ"

พอได้ยินองค์จักรพรรดิพูดถึงไท่ซ่างหวง ฮองเฮาก็แค้นจนเข็ดฟัน

นี่เป็นเพราะเจ้าคนชั้นต่ำนี่หน้าตาคล้ายกับไท่ซ่างหวง ดังนั้นตั้งแต่เล็กจึงถูกไท่ซ่างหวงปกป้องไว้ หลายต่อหลายครั้งก็จัดการเขาไม่ได้เสียที

ไท่ซ่างหวงกลัวว่าเขาที่ร่างกายอ่อนแอพอโตมาจะแย่งอะไรกับใครไม่ไหว ก่อนหน้าที่จะตายถึงกับทิ้งโองการไว้ให้แก่เขา รอจนเขาเติบโตกลายเป็นผู้ใหญ่ พอรับพระชายา ก็จะมีคนนำของขวัญชิ้นใหญ่มามอบให้กับเขา

กระทั่งองค์จักรพรรดิเองก็ยังไม่รู้ว่าไท่ซ่างหวงทิ้งอะไรไว้ให้อ๋องเจวี้ยน

พิธีมงคลใหญ่ของอ๋องเจวี้ยนวันนี้ ของขวัญชิ้นใหญ่ที่ไท่ซ่างหวงทิ้งไว้ในครั้งนั้นอาจจะมีคนนำมาส่งเข้ามา ดังนั้นพวกเขาจึงล้วนมาอยู่ที่นี่

เหล่าขุนนางกลับมองอ๋องเจวี้ยนอย่างสนอกสนใจ

ยี่สิบปีมานี้ จำนวนครั้งที่อ๋องเจวี้ยนกลับเมืองหลวงคือนับนิ้วได้ มาเร็วไปไว ถ้าไม่ใช่นั่งรถม้ากลับมาก็คือนั่งเกี้ยว มีคนน้อยมากที่ได้เห็นหน้าตาของเขา

ตอนนี้พอเห็นความหล่อเหล่าของอ๋องเจวี้ยนก็ล้วนวางตาลงไม่ได้กัน

"ดูคล้ายกับท่านไท่ซ่างหวงสมัยยังหนุ่มมากจริงๆ" มีขุนนางชราทอดถอนใจขึ้น

"แต่อ๋องเจวี้ยนทำไมจึงสวมหน้ากากล่ะ?"

หน้ากากของอ๋องเจวี้ยนทำขึ้นเป็นพิเศษ เล็กๆ แค่ครึ่งเดียว ไม่ได้ปิดบังใบหน้ามากนัก แต่ก็ยังนับเป็นหน้ากากอยู่

ทุกคนล้วนตกตะลึง

"เคยมีคนพูดว่าอ๋องเจวี้ยนโดนพิษจนต้องไปพบหมอผี ชีวิตช่วยกลับมาได้ แต่อาการพิษกระจายไปบนใบหน้าเขา และไม่อาจขจัดออก ดังนั้นหน้าจึงเละไป จะใช่สาเหตุนี้ไหมนะ?"

มีคนแอบกระซิบข้อมูลที่ตระกูลตนเองได้รับออกมา

ฮึ่ม...

ถ้าว่าเช่นนี้ อ๋องเจวี้ยนก็หน้าเละเป็นผีไปครึ่งหนึ่งหรือ?

คงต้องน่ากลัวมากแน่ ไม่เช่นนั้นจะสวมหน้ากากทำไม?

"ไม่รู้ว่าคุณหนูฟู่เห็นอ๋องเจวี้ยนแล้วหรือยัง"

"มาแล้วมาแล้ว! เจ้าสาวมาแล้ว!" มีคนร้องขึ้นมา

ในสวนดอกไม้ ที่มุมหนึ่ง สาวใช้สองคนประคองฟู่จาวหนิงซ้ายขวาเดินเข้ามา

ชุดมงคลแดงปักทอง สวมอยู่บนร่างกายสูงโปร่ง นางย่างเท้าเชื่องช้า ท่วงท่าสง่างาม เดินเข้ามาราวกับภาพวาด

ฟู่จาวหนิงคนมากมายล้วนรู้จัก ถึงอย่างไรนางช่วงนี้ก็พัวพันอยู่กับเซียวเหยียนจิ่งบ่อยๆ คนไม่น้อยเห็นนางเป็นตัวตลกไปแล้ว

แต่ก่อนหน้าก็ไม่เห็นว่าฟู่จาวหนิงที่ไม่เผยใบหน้า แค่เดินเข้ามาก็จะสั่นคลอนจิตใจคนมากมายได้ขนาดนี้

อ๋องเจวี้ยนมองฟู่จาวหนิงที่ถูกพามาอยู่เบื้องหน้าเขา

เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่สงบนิ่งของนาง ไม่มีหายใจหอบถี่ และไม่มีความตึงเครียด ดูผ่อนคลายสบายมาก

"ท่านอ๋อง" หงจั๋วนำผ้าแพรแดงด้านหนึ่งส่งไปเบื้องหน้าเขา อีกด้านหนึ่งถูกฟู่จาวหนิงจับไว้ในมือ

อ๋องเจวี้ยนรับมา เอ่ยเสียงต่ำกับฟู่จาวหนิงว่า "ตอนนี้จะถอนตัวยังทันนะ"

"ถ้าท่านอ๋องไม่เสียใจ ก็กราบไหว้ฟ้าดินกันเถิด" เสียงของฟู่จาวหนิงลอดออกมาจากในผ้าคลุมแดง น้ำเสียงแจ่มชัดแน่วแน่

"ดี"

อ๋องเจวี้ยนจูงผ้าแพรแดง พานางเข้ามาในโถงพิธีมงคล ยืนอยุ่เบื้องหน้าไทเฮาองค์จักรพรรดิ

แม้จะสวมผ้าคลุมแดงอยู่ แต่ฟู่จาวหนิงก็เหมือนสัมผัสได้ถึงสายตามากมายที่ตกอยู่บนตัวตนเอง

"เดิมทีพิธีแต่งงานของอ๋องเจวี้ยนก็ควรจะจัดอย่างอึกทึกคึกโครม ยิ่งใหญ่อลังการจึงจะถูก แต่การที่รีบร้อนเช่นนี้ จึงตกแต่งโถงพิธีมงคลจนเหมือนชาวบ้านทั่วไป เทียบเชิญงานมงคลอย่างเป็นทางการก็ยังไม่ทันได้ส่ง แขกเหรื่อก็เชิญมาไม่เพียงพอ ขบวนริ้วแดงสิบลี้วนรอบเมืองสามรอบก็ไม่มี นี่ช่างผิดต่ออ๋องเจวี้ยนเสียเหลือเกิน"

ฮองเฮามองอ๋องเจวี้ยนกับฟู่จาวหนิงที่ยืนอยู่ด้านหน้าด้วยกัน ยิ่งมองก็ยิ่งไม่สบอารมณ์ เพราะไม่รู้ทำไม สองคนนี้พอยืนอยู่ด้วยกันก็รู้สึกว่าคู่ควรกันเสียจริง

นางถอนหายใจเบาออกมา มองฟู่จาวหนิง "แต่ข้าก็คิดไม่ถึงเลย ว่าในเมืองหลวงแคว้นเจาของพวกเรา จะยังมีหญิงสาวเช่นคุณหนูฟู่อยู่อีก วันแต่งงานยังไปถอนหมั้นต่อหน้าธารกำนัลกลางถนน แล้วยังหาสามีใหม่ส่งๆ อีกด้วย"

คนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนกลั้นหายใจ ไม่กล้าส่งเสียง

ฟู่จาวหนิงเองก็ใจเต้นขึ้นมา

ฮองเฮากำลังบอกว่าเธอไร้มารยาทไม่รู้จักพิธีการอ้อมๆ อยู่สินะ?

เพราะว่านางทำผิดต่ออ๋องเจวี้ยน หรือว่ากำลังประชดอ๋องเจวี้ยนที่แต่งกับนาง หญิงสาวที่ไปก่อเรื่องจนโด่งดังไปทั้งเมืองในวันเดียวคนนี้กัน?

ฟู่จาวหนิงไม่ใช่คนนิสัยที่ชอบอดทนกล้ำกลืนอยู่แล้ว

พอสิ้นเสียงฮองเฮา นางก็เอ่ยปากขึ้น ด้วยน้ำเสียงเช่นเดียวกับฮองเฮา

"จาวหนิงเองก็ไม่คิดเช่นกัน ว่าข่าวจะส่งไปยังวังหลวงเร็วเช่นนี้ แต่ว่าในเมื่อฮองเฮาก็ทรงได้ยินแล้ว ก็คงจะรู้สึกรังเกียจเดียดฉันท์ต่อรัฐทายาทเซียว ที่วันแต่งงานไม่ยอมไปรับเจ้าสาว แต่ยังอยู่บ้านสวมชุดไว้ทุกข์ ซ้ำยังมาโอบกอดผู้หญิงคนอื่นที่กลางถนนด้วยใช่หรือไม่?"

คนทั้งลานจ้องมองนางอย่างตกตะลึง

คุณหนูฟู่ตอนนี้ยังกล้าพูดอีกหรือ? แล้วยังปะทะกับฮองเฮาอีกด้วย

หญิงสาวที่ถอนหมั้นแล้วออกเรือนอีกครั้งกลางถนน ความกล้าหาญนี่ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะเอาไปเปรียบด้วยจริงๆ!

ฟู่จาวหนิงเอ่ยต่อ "จาวหนิงเดิมทีก็ไม่ได้รู้จักมักจี่กับรัฐทายาทเซียวเท่าไรนัก ไม่ต้องพูดเรื่องความรู้สึกเลย ก็แค่การแต่งงานจากการหมั้นหมายของสองตระกูล รวมไปถึงเห็นแก่สุขภาพของท่านปู่ จึงทำให้ต้องจำใจแต่งงานกับรัฐทายาทเซียวก็เท่านั้น"

อ๋องเจวี้ยนในดวงตาเปล่งประกาย

ไม่ค่อยรู้จักมักจี่กับรัฐทายาทเซียวหรือ? นี่อยากบอกว่านางไม่ได้ชอบเซียวเหยียนจิ่งใช่ไหม?

"แต่ว่าจาวหนิงก็แสนจะโชคดี เกี้ยวเจ้าสาวยังไม่ทันหามเข้าจวนตระกูลเซียวก็มีคนทำให้ข้าได้เห็นธาตุแท้ของรัฐทายาทเซียว และได้พบกับชายหนุ่มที่ยอดเยี่ยมเหนือผู้อื่นอย่างอ๋องเจวี้ยน ทิ้งตาปลาคว้าไข่มุก จาวหนิงเลือกทำผิดหรือ? หรือว่าฮองเฮาคิดว่าที่จาวหนิงเลือกอ๋องเจวี้ยนเป็นสิ่งผิด?"

ตอนที่นางพูดคำนี้ก็หันไปมองอ๋องเจวี้ยน

อ๋องเจวี้ยนสีตาหม่นลงเล็กน้อย

ไทเฮาเองก็มองฟู่จาวหนิงอยู่ตลอด

หญิงสาวคนนี้กำลังเปลี่ยนความคิด ยิ่งไปกว่านั้นยังบีบให้ฮองเฮาพูดว่านางทำไม่ถูกไม่ได้ด้วย มิเช่นนั้นจะเท่ากับเขาสู้เซียวเหยียนจิ่งไม่ได้

ท่านอ๋องเซียวก็เป็นแค่ลูกพี่ลูกน้องกับองค์จักรพรรดิเท่านั้น ลูกชายของลูกพี่ลูกน้อง จะมาเทียบกับลูกชายคนเล็กที่ไท่ซ่างหวงรักที่สุด น้องชายขององค์จักรพรรดิได้อย่างไร ไม่มีทางเทียบกันได้

ฮองเฮาต่อให้เกลียดชังอ๋องเจวี้ยนแค่ไหน ก็ไม่อาจพูดต่อหน้าองค์จักรพรรดิได้

"คุณหนูฟู่นี่ช่างปากคอคมคายเสียจริง"

ฮองเฮาประโยคนี้พูดออกมาจนเสียงดูเย็นชา

"ข้าก็แค่กังวลว่าอ๋องเจวี้ยนที่รีบร้อนแต่งงาน จะจัดงานได้ไม่ยิ่งใหญ่พอ แต่คุณหนูฟู่ก็พูดออกมาเสียมากมาย ปากนี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ"

"เอาล่ะเอาล่ะ ในเมื่ออายวนก็ยอมรับแล้ว พวกเราไม่ต้องกังวลแทนเขาหรอก" ไทเฮาเอ่ยขึ้นบ้าง "ฤกษ์ดีแล้วใช่ไหม? ควรกราบไหว้ฟ้าดินได้แล้ว"

เมื่อไทเฮาเอ่ยขึ้น ฮองเฮาในใจจะไม่ยินดีเช่นไรก็พูดอะไรต่อไม่ได้แล้ว

องค์จักรพรรดิกลับมองอ๋องเจวี้ยนอย่างตั้งใจ "เซียวหลันยวน เจ้าคิดจะรับฟู่จาวหนิงเป็นภรรยาจริงใช่หรือไม่ คิดดีแล้วนะ?"

อ๋องเจวี้ยนยังไม่ทันเอ่ยปาก ด้านนอกก็มีเสียงคนตะโกนขึ้นมา "เขาจะไม่แต่ง!"
Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Latest chapter

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 2436

    ฟู่จาวหนิงคิดไว้ดีแล้ว ถ้าหากคนของลัทธิเทพทำลายล้างจะบุกเข้ามาในเมืองหลวงจริง เช่นนั้นนางก็จะใช้พิษใช้วิธีของอีกฝ่ายโต้คืนอีกฝ่ายกลับไปถึงอย่างไรพวกเขากับลัทธิเทพทำลายล้างเดิมทีก็เป็นศัตรูคู่แค้นอยู่แล้ว ไม่มีทางจะยิ้มแล้วลืมความบาดหมางกันได้ ดังนั้นควรแก้แค้นก็ต้องแก้แค้น ควรจะขัดขวางไม่ให้พวกเขาเข้าเมืองก็ต้องขวางไว้"ยังต้องรวบรวมมาอีกหรือ?" ถังอู๋เยว่ถาม"อู๋เยว่ เอาที่เจ้ารวบรวมมาแล้วส่งมาให้ข้าก่อน"ผู้อาวุโสจี้ไม่เห็นด้วยหน่อยๆ "ตอนนี้เจ้าตั้งท้องอยู่นะ จะมาจัดการเรื่องยาพิษได้ยังไงกัน? ถ้าเผื่อเกิดอะไรขึ้นล่ะ ใครจะรับผิดชอบไหว?"พอได้ยินผู้อาวุโสจี้พูดแบบนี้ ถังอู๋เยว่ก็พยักหน้า รู้สึกว่าไม่ควรเอาผงพิษเหล่านี้ส่งให้กับฟู่จาวหนิง"พี่หญิงจาวหนิง ไม่งั้นก็สอนพวกนี้ให้ข้าแล้วกัน ข้าจัดการให้"ถังอู๋เยว่ก็รู้สึกว่าร่างกายของฟู่จาวหนิงตอนนี้ไม่ควรมาจัดการเรื่องผงพิษจริงๆผงนี่นะ ถ้าหากไม่ระวัง แค่จามนิดเดียวก็ฟุ้งขึ้นแล้ว แล้วถ้าสูดเข้าไปตอนฟุ้งกระจายล่ะ?"ไม่หรอก เจ้าสิ่งนี้ต้องให้ข้าจัดการเอง"ฟู่จาวหนิงจะเอาของพวกนี้เข้าไปในห้องเภสัช ตอนนี้สอนถังอู๋เยว่ไม่ได้ยิ่งไป

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 2435

    ความคิดนี้ของฟู่จาวหนิงไม่ใช่การคิดไปเองอย่างไร้สาระต้องรู้ว่าคนของลัทธิเทพทำลายล้างวางแผนกันมาก่อนหลายปีแล้ว ในเมื่อตรวจสอบพบว่าเซียวหลันยวนเป็นไปได้มากที่จะเป็นสายเลือดราชวงศ์ตงฉิงนานแล้ว ต้องการเอาชีวิตเขาแต่เนิ่นๆ จึงวางแผนเอาไว้มากมายแล้วในช่วงหลายปีนี้ จะไม่มายังตงฉิงได้อย่างไร?พวกเขาอาจจะคนน้อย ไม่เหมือนเซียวหลันยวนที่สามารถสั่งกององครักษ์เข้ามาได้ แต่การจะเดินไปตามเส้นทางที่เดินได้ หาที่มั่นเหมาะปักหลักตั้งค่าย ก็ยังมีความเป็นไปได้สูงอยู่"ตั้งหลายปีแล้ว การที่พวกเขาจะหาวังจักรพรรดิกับวังใต้ดินเจอก็เป็นเรื่องปกติ"ฟู่จาวหนิงเอ่ยต่ออีก "ลัทธิเทพทำลายล้างหลังถูกกวาดล้างยังฟื้นคืนชีพกลับมาไดั แล้วยังคอยสร้างความปั่นป่วนอยู่เป็นระยะอีก อธิบายได้ว่าในลัทธิยังมีคนที่เก่งกาจอยู่ ดังนั้น แม้ว่าวังจักรพรรดิและวังใต้ดินจะมีค่ายกลและกลไกอยู่มากมาย จะซ่อนเร้นไว้มากเพียงใด ก็ย่อมมีคนหาเจอและเข้าไปได้แน่"เซียวหลันยวนพยักหน้า "เจ้าพูดถูกต้อง""ท่านยังจำคนพวกนั้นของตระกูลถังได้ไหม? สายเลือดราชวงศ์ตงฉิง ช่วงนี้คือตัวท่าน แต่ก็ไม่ใช่ว่ายังมีคนอื่นอยู่อีกหรือ?"ดังนั้น กลไกของวังจักรพ

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 2434

    พวกเซียวหลันยวนอันที่จริงก็รอลัทธิเทพทำลายล้างมาตลอดลัทธิเทพทำลายล้างก่อนหน้านี้ทำเรื่องไว้มากมาย เห็นได้ชัดว่าพุ่งเป้ามาที่ตงฉิงแห่งนี้ดังนั้นพอมาถึงตงฉิงตั้งนานสองนาน แต่กลับไม่เจอคนของลัทธิเทพทำลายล้างเลย พวกเซียวหลันยวนรู้สึกแปลกใจมากนี่มันไม่ปกติตอนนี้ ในที่สุดก็มีคนมาแล้วแทบจะไม่ต้องคิดเลย เซียวหลันยวนรู้สึกว่า คนที่เข้ามาก็คือลัทธิเทพทำลายล้างแน่นอน"ถ่ายทอดคำสั่งออกไป คนทั้งหมดเตรียมตัวให้พร้อม ป้องกันประตูเมืองให้แน่นหนา"เซียวหลันยวนออกคำสั่งทันที ส่วนตนเองก็ไปรื้อแผนผังวางกำลังป้องกันของเมืองหลวงออกมาครั้งนี้ ฝ่ายเรามาถึงไวกว่า เจอเมืองหลวงก่อนคนของลัทธิเทพทำลายล้าง มาถึงวังจักรพรรดิก่อน และยังสำรวจทำความเข้าใจเมืองหลวงจนปรุโปร่งแล้วกระทั่งว่า พวกเขายังสำรวจไปตามกำแพงเมืองสองรอบ และซ่อมแซมจุดที่ควรแก้ไขเรียบร้อยไปแล้วด้วยบนหอเมืองเองก็ถูกองครักษ์มังกรครามดูแลอยู่ในวังใต้ดินทั้งสองจุดก็หาอาวุธพบแล้ว หรือก็คืออย่างน้อยพวกเขายังมีอาวุธที่สำหรับชดเชยเข้ามาได้นอกเหนือจากนี้ พวกเขาเองก็ปรับตัวกับสภาพอากาศของตงฉิงได้แล้ว ซ้ำยังได้คนมีความสามารถแปลกหน้ามาอีกร้อ

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 2433

    ราชองครักษ์ในตอนนั้น กลุ่มหนึ่งคุ้มครองจักรพรรดินีเดินทางไปเป็นทูตที่ต้าชื่อ ราชองครักษ์ที่เหลือ แบ่งกลุ่มนำประชาชนหนีตายนอกเหนือจากนั้น ยังมีเข้าทำศึกสงครามอีกด้วยตอนนั้นมีทัพกบฏกองหนึ่ง ไม่เห็นภัยธรรมชาติอยู่ในสายตา แต่คิดจะก่อกบฏขึ้นในช่วงวุ่นวายนี้ราชองครักษ์เพื่อให้ประชาชนมีเวลาในการหลบหนีเอาชีวิตรอด ก่อนหน้าที่ภัยพิบัติจะมาถึง ก็ไม่สนใจชีวิตตนเอง เข้าต่อต้านกับทัพกบฏ ส่วนใหญ่สู้จนตัวตายต่อมา ราชองครักษ์ที่คุ้มกันวังเหล่านี้ก็ออกไป เก็บเสื้อเกราะของสหายร่วมรบกลับมาซึ่งก็คือที่อยู่ตรงหน้านี้เซียวหลันยวนยื่นมือไปกำกระบี่ยาวเล่มหนึ่งในนั้น หยิบขึ้นมา และราวกับได้ยินเสียงโห่ร้องคำรามในสนามรบครั้งนั้นและยังสัมผัสได้ถึงความสิ้นหวังของตงฉิงในตอนนั้นด้วย ภัยพิบัติและหายนะจากมนุษย์ ถอยจนไม่มีทางถอย ไม่ว่าจะสู้หรือป้องกัน ก็มีแค่หนทางตายเท่านั้น"ท่านอ๋อง ที่นี่ยังมีแผนผังป้องกันสงครามของตงฉิงด้วยขอรับ" ชิงอีพบกล่องใบหนึ่งพอเปิดกล่องออก ด้านในมีแผนผังวางกำลังป้องกันหนาเป็นกล่อง ในวังจักรพรรดิ ในเมืองหลวง รวมถึงเมืองอื่น กระทั่งเมืองอั้นก็ยังอยู่ในนี้ถึงแม้ตงฉิงจะไม่มีแล้ว

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 2432

    กระดูกขาวกองใหญ่พอเหลือบมองไปก็ทำเอาคนรู้สึกขยาดกลัวแล้วถ้าจะบอกว่าตกตะลึงก็คงดูไม่ค่อยเหมาะสมนัก แต่พวกเขาตอนนี้ก็มีความรู้สึกนี้ในใจจริงๆกระดูกขาวหลายกองเหมือนจะรักษาอยู่ในท่าเดิมด้วยนี่มีแค่ความเป็นไปได้เดียว ก็คือตอนที่พวกเขาตายล้วนนั่งกันอยู่ที่นั่น ไม่ขยับ ไม่ดิ้นรน ไม่หนีเอาตัวรอด แค่นั่งอยู่ตรงนั้นจนกระทั่งตายไปเหล่านี้จะใช่คนในวังจักรพรรดิแต่เดิมไหมนะ?เสื้อผ้าบนตัวพวกเขายังสวมกันอยู่เพียงแต่กระดูกมือและกะโหลกศีรษะที่โผล่ออกมาชุดเหล่านั้น ดูแล้วล้วนประณีตงดงามมีหลายคนที่เสื้อผ้าเป็นแบบเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้นยังมองออกว่าเป็นชายหรือหญิงได้จากบนเสื้อผ้าเซียวหลันยวนนึกถึงหนังสือที่เกี่ยวข้องกับตงฉิงที่ตนเองเคยอ่านมา รูปภาพด้านบน วาดคนรับใช้ในวังจักรพรรดิตงฉิงไว้ ตอนนี้พอเห็นเครื่องแบบเหล่านี้ ก็เหมือนมีบางส่วนที่เทียบกันได้อยู่"อย่าแตะต้องพวกเขา" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นทุกคนขานรับพร้อมกันทันที"นับจำนวนคนคร่าวๆ มาหน่อย" เซียวหลันยวนสั่งออกมาอีกทุกคนก็เดินออกไปทันที เริ่มนับขึ้นมาจำนวนคนที่นี่มีเยอะมากยิ่งไปกว่านั้นล้วนอยู่ในท่านั่งกันหมดจริงๆ แน่นอนว่ามี

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 2431

    ความสูงของเจดีย์หยกขาว สำหรับเซียวหลันยวนแล้วไม่ใช่เรื่องยากเท่าไรเพราะบนกำแพงนั้นมีรูกำแพงอยู่มากมาย ไม่ใช่พื้นเรียบที่ไม่มีจุดส่งแรงด้วยวิชาตัวเบาของเขา แค่ลอยตัวเบาๆ ก็ขึ้นไปได้แล้ว"ข้าจะขึ้นไปดู พวกเจ้าก็ระวังตัวกันหน่อย"เซียวหลันยวนพูดพลางจรดปลายเท้ากับพื้น ตัวคนก็ทะยานลิ่ว พุ่งลอยออกไปยังกำแพงหินฝั่งตรงข้ามตอนที่คนไปถึงเบื้องหน้ากำแพงหิน จึงเปรียบเทียบกันได้ และมองออกว่า กำแพงหินนั้นสูงมาก แต่เซียวหลันยวนใช้การแตะเบาๆ ที่รูหินเพื่อส่งตัวออกไป เขาพุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานก็มาถึงข้างเจดีย์หยกขาวแล้วเขาหันกลับมาชำเลืองมองและก็โชคดีที่หันมามองเพราะตอนที่หันกลับมามองจึงพบว่าบนประตูทองแดงนั้นมีการชี้ไปสองจุด ทางหนึ่งคือซ้าย เขียนว่าเป็น อีกด้านคือขวา เขียนว่าตายก่อนหน้านี้ตอนที่เขายืนอยู่หน้าประตูมองไม่เห็นตำแหน่งนี้เลย และตอนนี้พวกของเจ้าอารามยืนอยู่ที่นั่นก็ไม่มีใครมองเห็นเลยสักคนอธิบายได้แค่ว่าการชี้ทางนี้คือมีไว้ให้คนที่อยู่ตรงนี้ดูเท่านั้น และมีไว้สำหรับจุดเปิดกลไกนี้โดยเฉพาะถ้าหากมองไม่เห็น แล้วหมุนเจดีย์ขาวนั่นส่งเดช เป็นไปได้มากว่าจะไปเปิดกลไกเ

Plus de chapitres
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status