Share

๖ สงสารหรือสมเพช

last update Dernière mise à jour: 2025-08-12 22:00:53

หลี่เจิ้งเฉินอุ้มไป๋ซูเหยสกลับไปที่จวนอย่างเร่งรีบ ซ้ำตลอดทางยังตะโกนเรียกสาวใช้ให้ท่านหมอมาโดยเร็ว

ทุกครั้งยามนี้ที่เขาเหลือบสายตามองนางในอ้อมแขนนั้น ทันใดนั้น…หัวใจแกร่งก็พลันกระตุกวูบรุนแรงอย่างน่าประหลาดใจ เพียงคิดว่าหากสตรีผู้นี้เป็นอันใดไป

นี่ก็คงความผิดของเขากระมัง!?

ยามนี้ทั่วทั้งเรือนหลัก จุดโคมไฟจนสว่างไสวแต่ทว่ากลับไม่อาจขับไล่บรรยากาศอึมครึมขุ่นมัวภายในเรือนได้ หลี่เจิ้งเฉินนั่งเงียบงันอยู่ข้างเตียง ดวงตาคมกริบทอดมองร่างบอบบางที่ยังคงหลับใหลอยู่ตรงหน้า

ใบหน้าซีดเซียวไล่สีเลือดฝาดเมื่อครู่ๆ ค่อยๆ ขึ้นสีเล็กน้อย

เขาพลางยกมือขึ้นแตะหน้าผากของนางแผ่วเบา…ราวกับไม่ต้องการปลุกให้นางขึ้นมา

หลี่เจิ้งเฉินกำมือแน่น ยามนี้เขาถูกความรู้สึกผิดกัดกินอยู่

ไม่ใช่นาง...

ไม่ใช่นางเลยสักนิดที่ควรถูกลงโทษ...

“ข้าขอโทษ…” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา

“นี่มิใช่ความผิดของเจ้า…ไป๋ซูเหยา”

ก่อนหน้านั้น หลี่เจิ้งเฉินย่อมรู้ดีว่าสตรีที่อยู่ในเกี้ยวเจ้าสาวหาใช่ไป๋เหยียนหลันไม่เพราะมีคนจากสกุลไป๋เร่งร้อนมาแจ้งข่าวแต่เช้าตรู่เสียจนเขาตั้งตัวไม่ทัน

ในยามนั้นเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรรับมือเช่นไร

จู่ๆ สตรีในดวงใจกลับหายตัวไปไร้ร่องรอยในวันแต่งงานแต่ สิ่งที่เขาทำได้จึงมีเพียงรับไว้ก่อน…อย่างไรเสียนางก็ต้องกลับมา

ทว่าครั้นถึงตอนเข้าหอ สตรีที่สมควรสวมชุดเจ้าสาวสีชาดร่วมกราบไหว้ฟ้าดินกับเขา ครองคู่ผูกปลายผมและกล่าวคำสาบานร่วมชีวิตหาใช่นางที่เขาเฝ้ารอคอยแต่กลับเป็นอีกคนแทน

หลี่เจิ้งเฉินโกรธ…โมโหจนไม่อาจระงับอารมณ์ได้

โทสะที่อัดแน่นอยู่ในอกมาตลอดทั้งวัน เพียงแค่เห็นหน้าสตรีที่ไม่ควรอยู่ตรงนั้น กลับทำให้ความอดทนทั้งหมดพังทลายลงไปในพริบตา

เขาโยนความผิดทุกอย่างให้นางโดยไม่แม้แต่จะถาม ไม่เคยคิดไตร่ตรองให้ถ้วนถี่เอาแต่อารมณ์เหนือเหตุผลประหนึ่งคนโง่งม

ทั้งที่สิ่งควรทำมากที่สุดคือออกตามหาไป๋เหยียนหลัน

ทว่าเขากลับเอาแต่ระบายโทสะใส่ไป๋ซูเหยาแทน ทั้งที่นางก็ไม่ต้องการเช่นนี้และถูกส่งมาแทนเพียงเพราะไม่อาจปฏิเสธได้

พอคิดย้อนกลับไป หลี่เจิ้งเฉินก็ได้แต่หัวเราะเยาะตนเอง

เขาช่างโง่งมเสียจริง

เช้าวันต่อมา…

เหล่าสาวใช้ที่เห็นพระชายาเป็นลมล้มพับต่อหน้าต่อตาย่อมพากันตกใจและเป็นกังวลยิ่งนัก บ้างก็น้ำตาคลอ บ้างก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวโทษผู้เป็นนายในใจ

‘หลี่อ๋องโหดร้ายเกินไปแล้ว...’

‘พระชายาทำสิ่งใดผิดกันถึงต้องได้รับการปฏิบัติเช่นนี้’

อย่างไรเสียพระชายา..ก็เป็นเพียงสตรีอ่อนแอผู้หนึ่ง หาใช่ผู้กระทำผิดร้ายแรงสิ่งใดไม่ ในเมื่อแต่งเข้ามาเป็นภรรยาแล้วก็ควรได้รับการถนอมดูแล หาใช่กักขังหรือทอดทิ้งดังเช่นสัตว์สิ่งของเช่นนี้

หลังจากพระชายาหมดสติไป พวกนางก็พลันตามท่านหมอมาดูอาการโดยเร็ว โชคยังดีที่ไม่ใช่ไข้หนักเป็นเพียงอาการอ่อนเพลียจากการอดอาหารและพักผ่อนไม่เพียงพอเท่านั้น ทว่า…

‘หลี่อ๋องกลับทำเกินไป’

แล้วไฉนถึงกล้าปล่อยให้อดข้าวอดน้ำทั้งวัน แต่พอยามนี้กลับเป็นห่วงเป็นใยมีคำสั่งให้พวกนางเฝ้านางไว้ไม่ห่าง ทั้งยังคอยสลับเวรยามตรวจเช็กไข้ทุกครึ่งชั่วยาม คอยเช็ดตัวไม่ให้ไข้ขึ้นซ้ำ

ดูจากการกระทำของท่านอ๋องในตอนนี้…ช่างขัดแย้งกับพฤติกรรมเมื่อวานนี้อย่างสิ้นเชิง!

เมื่อวานยังทำราวกับจะผลักไสพระชายาให้ตกเหว

แต่ยามนี้…กลับทำราวกับกลัวว่าพระชายาจะหนีหายออกจากจวนไป!

เหล่าสาวใช้พากันเงียบงัน ไม่มีใครกล้าเอ่ยอันใดออกมา ทั้งหวาดหวั่นและสับสนในใจ เพราะไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วหลี่อ๋องคิดสิ่งใดอยู่กันแน่

ไป๋ซูเหยารู้สึกปวดระบมไปทั่วร่าง ราวกระดูกทุกชิ้นส่วนในร่างกายถูกบิดหักแยกออกเป็นชิ้นๆ ความเจ็บปวดแล่นปลาบขึ้นมาทันทีที่นางรู้สึกตัว

นางค่อยๆ ลืมตาอย่างเชื่องช้า ทว่าเมื่อเห็นภาพตรงหน้ากลับต้องสะดุ้งเฮือกตกใจทันทีราวกับเห็นผีกลางวันแสกๆ

สาวใช้หลายคนกำลังยืนล้อมรอบเตียง สีหน้าของแต่ละคนแสดงความตกใจปนยินดีเมื่อเห็นว่านางฟื้นขึ้นมาแล้ว…

“พระชายา! พระชายาฟื้นแล้วเจ้าค่ะ!”

“รีบไปตามหมอกลับมาเร็วเข้า!”

เสียงพูดคุยโกลาหลดังขึ้นรอบตัวไป๋ซูเหยา นางกะพริบตาไล่ความพร่าเลือนก่อนจะยกมือกุมขมับแน่นด้วยความมึนงง กระทั่งสาวใช้ผู้หนึ่งโน้มตัวลงกระซิบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พระชายาเป็นลมไปเจ้าค่ะ หลี่อ๋องทรงกังวลมากถึงกับสั่งให้พวกหม่อมฉันเฝ้าอยู่ไม่ห่าง”

ถ้อยคำพูดนั้นคล้ายสายฟ้าฟาดลงมากลางใจนาง

หลี่เจิ้งเฉินน่ะหรือ…ห่วงใยนาง!?

ไป๋ซูเหยาหลุบตาลงต่ำ พลางแค่นหัวเราะเยียบเย็นในใจ จะเชื่อในความห่วงใยจากบุรุษผู้นั้นได้อย่างไรกัน

นางไม่เชื่อ!

ไม่เชื่อในน้ำใจที่มาหลังโทสะ

ไม่อยากได้ยินแม้กระทั่งชื่อ

ไม่ต้องการเห็นเงาและไม่อยากจะมองหน้าเขาอีก!

แม้แต่คำว่าขอโทษ…ก็มิอาจลบล้างสิ่งที่เขาทำกับนางได้

หากไป๋เหยียนหลันไม่กลับมาอีกสองปี นางคงไม่กลายเป็นร่างไร้วิญญาณไปแล้วหรืออย่างไร!

เพียงชั่วพริบตา ภายในเรือนหลักก็พลันเกิดความโกลาหลวุ่นวายขึ้น เหล่าสาวใช้พากันแตกตื่น วิ่งวุ่นราวกับเกิดเหตุใหญ่โต

หลี่เจิ้งเฉินซึ่งกำลังนั่งอ่านตำราอยู่ในห้องหนังสือไม่ไกลนัก พอได้ยินเสียงจอแจคล้ายคนทะเลาะกันดังลอดเข้ามาไม่ขาดสาย เขาพลันลุกขึ้นยืน หัวคิ้วขมวดมุ่นด้วยความสงสัยก่อนจะรีบเร่งฝีเท้าเดินตรงมายังต้นเสียงทันที

เสียงฝีเท้าหนักแน่นหยุดลงตรงหน้าทางเข้า…

เขาก้าวเข้าไปไม่ถึงครึ่งก้าวกับต้องชะงักไปชั่วขณะ สายตาคมกริบเพ่งมองเบื้องหน้า ทว่าจู่ๆ หัวใจแกร่งกลับกระตุกวูบอย่างไร้สาเหตุอีกครั้ง

ไป๋ซูเหยาเพิ่งฟื้นจากอาการเป็นลม นางกำลังพยายามจะยันกายลุกขึ้นจากเตียงด้วยท่าทางอ่อนแรง ใบหน้าคนงามซีดเผือด นัยน์ตาเมล็ดซิ่งแดงก่ำจากพิษไข้ เหล่าสาวใช้รอบข้างต่างช่วยกันประคองด้วยสีหน้าตื่นตระหนกและเห็นใจ

“ระวังเจ้าค่ะ พระชายาอย่าฝืน...”

“มีคนไปตามท่านหมอแล้วใช่หรือไม่!” น้ำเสียงของสาวใช้ผู้หนึ่งร้องลั่นออกมาด้วยความเป็นห่วงและหวาดกลัว

ดูท่าแล้ว แม้หลี่อ๋องจะใจร้ายถึงขั้นขังพระชายาไว้ในเรือนนานหลายชั่วยาม หากแต่กลับแฝงไปด้วยความห่วงใยอย่างลึกซึ้งอยู่ไม่น้อย เกรงว่าหากพระชายาเป็นอะไรไป…พวกนางคงหนีไม่พ้นโทษทัณฑ์แน่!

หลี่เจิ้งเฉินยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม สายตาคมกริบแข็งกร้าววูบไหวอย่างควบคุมไม่ได้

มือทั้งสองข้างกำแน่นจนเส้นเลือดปูดด้วยความโกรธ

นางเป็นเช่นนี้ก็เพราะเขา…!?

“เหอะ!”

โจวตงหยางมองแผ่นหลังของสหายด้วยแววตาเหยียดหยัน เขาแค่นเสียงฮึดฮัดในลำคอก่อนจะก้าวเท้าเดินผ่านไปอย่างไม่ไยดี พร้อมเอ่ยน้ำเสียงทุ้มอย่างไม่ปิดบังความหงุดหงิด

“หากรู้สึกผิดนักก็เอ่ยปากขอโทษนางเสียเถอะ!”

ไหนเลยเขาจะคาดคิดว่าทั้งสองจะถึงขั้นมีเรื่องใหญ่โตกันถึงเพียงนี้!

แม้โจวตงหยางจะไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างไร ทว่าอีกฝ่ายก็เป็นเพียงสตรีผู้หนึ่ง มิหนำซ้ำยังร่วมกราบไหว้ฟ้าดินกับหลี่เจิ้งเฉินไปแล้วย่อมถือเป็นภรรยาอย่างสมบูรณ์!

ไฉนสหายผู้นี้จึงโง่งมทึ่มทื่อถึงเพียงนี้กัน!

ไป๋ซูเหยาได้ยินเสียงฝีเท้าหนักแน่นใกล้เข้ามา นางชะงักนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนจะสูดลมหายใจลึกตั้งสติ จากนั้นจึงค่อยๆ เงยหน้าขึ้นไปมอง ดวงตาคู่งามฉายแววว่างเปล่าและเย็นชาแตกต่างจากคราวหน้านี้ที่ยังเจือความเสียใจและผิดหวังเอาไว้

“พระชายา…สบายดีหรือไม่” น้ำเสียงทุ้มของบุรุษแปลกหน้าเอ่ยขึ้น พลางยกมือคารวะตามมารยาท

ไป๋ซูเหยาหันมองเขาเล็กน้อยอย่างประหลาดใจ นางย่อมไม่เคยเห็นหน้าบุรุษผู้นี้มาก่อน จึงพยักหน้าเล็กน้อยรับไว้เท่านั้น มิได้กล่าวสิ่งใดตอบกลับไป

และในขณะเดียวกัน หางตาของนางพลันเห็นร่างคุ้นเคยเดินเข้ามาในเรือน

‘เหอะ…ตายยากเสียจริง’

ไป๋ซูเหยาคิดเยาะหยันในใจ มุมปากยกยิ้มขึ้นอย่างดูแคลน ก่อนจะเบือนใบหน้าหนี นางทอดสายตาออกไปมองยังนอกหน้าต่างอย่างเฉยชาราวกับไม่อยากจะมองอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย

“…”

“ฟื้นแล้วหรือ..” น้ำเสียงทุ้มต่ำของหลี่เจิ้งเฉินเอ่ยราบเรียบ หากแต่เจือความอ่อนเอาไว้เจ็ดส่วนอย่างไม่รู้ตัว สายตาคมกริบจับจ้องสตรีตรงหน้าอย่างนิ่งๆ ด้วยความรู้สึกผิด ทว่านางแสดงทีท่าออกมาราวกับไม่ต้องการแม้แต่เห็นหน้าเขา!?

เพียงชั่วพริบตา ภายในเรือนพลันเงียบสงัดลงในทันที…

บรรยากาศเต็มไปด้วยความอึมครึมและกระอักกระอ่วนชวนให้อึดอัดไม่น้อย แม้แต่เหล่าสาวใช้ที่อยู่บริเวณนั้นก็ไม่กล้าขยับตัวหรือหายใจเสียงดังรบกวนเลยแม้แต่น้อย

แม่บ้านชราเดินเข้ามาหยุดอยู่หน้าประตู นางพลางเหลือบตามองนายหญิงก่อนหันไปมองหลี่อ๋อง แล้วจึงถอนหายใจออกมาอย่างกลัดกลุ้ม

“พระชายามิได้มีไข้แล้วเจ้าค่ะ ทว่ายังคงต้องพักผ่อนมากๆ หม่อมฉันให้คนไปตามหมอมาตรวจอีกรอบเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ” นางกล่าวพร้อมถือถาดอาหารเข้ามา พลางยอบกายลงเล็กน้อยเมื่อเดินผ่านหลี่อ๋องและขุนนางโจว

โจวตงหยางยืนกอดอกมองเงียบๆ ดวงตาคมกริบดูลุ่มลึกราวกับกำลังจับสังเกตสถานการณ์อยู่เนิ่นนาน ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ อย่างเข้าใจ

เขาเอ่ยเสียงเบาทว่าเจือแววประชด “ว่ากันว่า…หากสตรีได้โกรธแล้วก็ยากนักที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม”

หลี่เจิ้งเฉินขมวดคิ้วแน่นงุนงงทันที

ที่ผ่านมาตลอดทั้งชีวิตของหลี่เจิ้งเฉินไม่เคยต้องลดตัวลงไปง้องอนผู้ใดด้วยซ้ำ....แม้แต่กับไป๋เหยียนหลันก็ไม่เคยสักนิด

แล้วสตรีผู้นี้มีฐานะเป็นอันใดกัน!?

“โกรธข้าเรื่องอันใด” หลี่เจิ้งเฉินถามเสียงขุ่นอย่างไม่เข้าใจ

เขาขังนางไว้ก็จริง…ทว่าเป็นเพราะนางอวดดีทว่าท้ายที่สุดเขาก็ช่วยชีวิตนางไว้ได้ มิหนำซ้ำยังยอมเอ่ยคำขอโทษออกไปแล้ว

เช่นนั้น…ไฉนสตรีผู้นั้นถึงยังดื้อรั้น เอาแต่ใจไม่เลิกอีกเล่า?

!!!

เหล่าสาวใช้ที่ได้ยินถ้อยคำพูดนั้นแล้ว ต่างหันขวับมามองอย่างไม่พอใจแทนนายหญิงทันที…!

ไป๋ซูเหยาได้ฟังแล้ว จึงสูดลมหายใจลึก

เขาเป็นคนลงมือขังนางกับมือ! แถมยังตวาดดุด่าโดยไม่ไถ่ถามหาเหตุผลใด แล้วจะย้อนถามเช่นนี้อีกหรือ!

ทั้งโง่งมและทึ่มทื่อยิ่งนัก!

ทันใดนั้น น้ำเสียงแหบพร่าของไป๋ซูเหยาพลันเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชาและหนักแน่น นางไม่แม้แต่จะหันไปสบตามองหลี่เจิ้งเซินเลยด้วยซ้ำ “หลี่อ๋องไม่จำเป็นต้องแสร้งเป็นห่วงเป็นใยข้า…ไม่จำเป็นต้องส่งสาวใช้มาดูแลและหากเข้ามาเพียงเพื่อต้องการจะเหยียดหยามข้าหรือสมเพชข้าก็ออกไปเถอะ วางใจได้…ข้าหาได้อ่อนแอถึงขั้นตายไปง่ายๆ จนกว่าจะเห็นไป๋เหยียนหลันกลับมาแน่!”

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Latest chapter

  • ฮูหยินไร้ค่าหลังจวน   ๒๙ วาสนาแบ่งแยก

    ลมพัดเฉี่ยวผ่านหน้าต่างเรือนเล็กเก่าโทรม เสียงกระเบื้องหลังคากระทบกันแผ่วเบา ราวกับจะสะท้อนความหนาวเหน็บที่กัดกินกระดูกจนลึกถึงหัวใจ ภายในห้องนั้น เงียบสงัด…ไป๋เหยียนหลันนั่งพิงหัวเตียงเก่า มือทั้งสองลูบหน้าท้องที่ป่องที่ใกล้คลอดเต็มที แม้ร่างกายจะอ่อนล้าเต็มทีทว่านางกลับต้องลุกขึ้นจัดของใช้และคอยปรนนิบัติจางสือ แสงอาทิตย์ยามเช้าตรู่ส่องสะท้อนเงาบนใบหน้าคนงามที่ซีดเผือด ผมยาวสยายกลางหลังดูยุ่งเหยิงไร้การบำรุงหรือดูแลใส่ใจ ทั้งยังสวมใส่อาภรณ์ใหญ่สีซีด มีรอยปะชุนให้เห็นเด่นชัด ดวงตาที่เคยเปล่งประกายอวดดี บัดนี้หม่นหมองราวเถ้าถ่านไฟที่มอดดับ ว่ากันตามตรงแล้ว นับตั้งแต่นางตั้งครรภ์อ่อนๆ จนกระทั่งใกล้คลอด ไป๋เหยียนหลันก็ยังต้องตื่นแต่เช้าตรู่ นอนหลับไม่เต็มอิ่มลุกขึ้นทำหน้าที่ปรนนิบัติสามีทุกเช้า นางต้องตื่นตั้งแต่ฟ้ายังมืดและเข้านอนหลังเขาเสมอ แม้เขาจะสนใจและเหลียวแลนางอยู่บ้างแต่ทันทีที่ก้าวเท้าออกจากจวนไป นางก็ไม่ต่างอันใดจากอยู่ผู้เดียวเพียงลำพัง แม้ในจวนสกุลจางจะมีทั้งจางฮูหยิน น้องสาวและน้องชายของเขาอยู่พร้อมหน้า แต่นับจากวันที่นางมีปากเสียงปะทะคารมกับจางฮูหยินครั้งนั้นก

  • ฮูหยินไร้ค่าหลังจวน   ๒๘ จวนหลี่อ๋องราบรื่น

    ค่ำคืนนี้เงียบงัน ท้องฟ้ามืดมิดสนิทไร้แสงจันทราสาดส่อง ทั่วทั้งจวนต่างดับตะเกียงมืดสนิท เหล่าสาวใช้พากันปิดเรือนนอนหลับพักผ่อนทว่าภายในเรือนหลังหนึ่งกลับยังคงสว่างไสวด้วยแสงตะเกียง บรรยากาศภายในเรือนเงียบสงัดมีเพียงเสียงพู่กันขูดลงบนกระดาษสาก ไป๋ซูเหยานั่งอยู่ฝั่งหนึ่ง…หลี่เจิ้งเฉินนั่งอีกฝั่ง ดวงตาคมกริบจับจ้องปลายพู่กันของนางนิ่งๆ หาเอ่ยขัดแม้สักคำ ผู้ใดจะรู้ว่าสตรีที่เคยพูดว่าอ่านเขียนหนังสือไม่ค่อยคล่อง แต่ไฉนยามนี้ลายมือที่ตวัดลงกระดาษกลับงดงามเรียบร้อยยิ่งกว่าอักษรของขุนนางบางคนในราชสำนักเสียอีก หลี่เจิ้งเฉินนั่งเหยียดหลังตรง ท่าทางสงบเสงี่ยมราวกับว่ากำลังรอคำพิพากษา “นี่จะเป็นสัญญาระหว่างเรา” ไป๋ซูเหยาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ทว่ากลับเย็นเยียบเสียจนแม้แต่คนฟังก็ยังรู้สึกขนลุกซู่ ปลายพู่กันยังคงตวัดตัวอักษรอย่างมั่นคง ก่อนที่ครู่ต่อมา…นางจะเงยหน้าขึ้นสบตาเข้ากับบุรุษตรงหน้าพอดี ใบหน้าของหลี่เจิ้งเฉินปรากฏรอยยิ้มจาง ๆ ทว่าทันใดนั้น…หัวใจกลับเต้นกระหน่ำขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ หลี่เจิ้งเฉินรู้สึกประหม่าไม่น้อย “หนึ่ง! อำนาจในจวนหลี่ทั้งหมดจะอยู่ในมือของข้า ไม่ว่าข้า

  • ฮูหยินไร้ค่าหลังจวน   ๒๗ วาจาขาดสะบั้น ใจแหลกสลาย

    ไป๋เหยียนหลันย่อมรู้สึกเสียหน้าและเสียเกียรติอย่างรุนแรง ราวกับว่ายามนี้ นางกลับกลายเป็นฝ่ายที่ถูกหลี่เจิ้งเฉินทอดทิ้งอย่างน่าอดสูและเวทนา!นางไม่มีวันยอม!หากจะจบ…เช่นนั้นนางจะเป็นฝ่ายทิ้งเขาเอง!“กรี๊ดดด! หลี่เจิ้งเฉิน! ท่านกล้าดียังไง!”ใบหน้าคนงามทั้งแดงก่ำทั้งซีดเขียวเพราะโทสะ มือข้างทั้งสองกำแน่นจนสั่น นัยน์ตาคู่งามลุกวาวด้วยเพลิงโทสะราวกับเปลวไฟที่โหมลุกโชนขึ้นท่ามกลางเหมันต์ฤดูแม้แต่ไป๋ฮูหยินที่ยืนอยู่ข้างกันยังต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ นางรีบยกมือทาบอก สูดลมหายใจอย่างร้อนรนแล้วเอ่ยเสียงสั่นเครือ “เหยียนหลัน…พอเถิด! อย่าให้เรื่องบานปลายไปมากกว่านี้เลย!”ไป๋เหยียนหลันหรือจะยอมง่ายๆนางหันขวับไปมองมารดาด้วยดวงตาโกรธเกรี้ยว หาได้เอ่ยอันใดออกมา ก่อนจะปรายกลับไปมองหลี่เจิ้งเฉินอีกครั้ง “กรี๊ดดด! ข้าไม่ยอม! หลี่เจิ้งเฉิน! ท่านไม่มีสิทธิ์เดินหนีข้าเช่นนี้!”น้ำเสียงแหลมคล้ายจะบาดแก้วหูดังลั่น ทำเอาเหล่าสาวใช้รอบบริเวณสะดุ้งเฮือก ต่างพากันยกมือทาบอกด้วยความตกตะลึงบางคนยังอดกระซิบไม่ได้ว่า…แท้จริงแล้วหากวันนั้นไม่มีเรื่องราวผิดพลาด คุณหนูไป๋ผู้นี้ก็คงได้ขึ้นเกี้ยวแต่งเข้ามาเป็นพระ

  • ฮูหยินไร้ค่าหลังจวน   ๒๖ จับปลาสองมือ

    หากไม่อยากถูกนางทอดทิ้งจริงๆ เกรงว่าหลี่เจิ้งเฉินก็คงต้องรีบสะสางเรื่องนี้ให้จบสิ้นเสียทีหลี่เจิ้งเฉินชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินถ้อยคำนั้น ความรู้สึกคล้ายหนามแหลมทิ่มกลางอกทำเอาเขารู้สึกสะดุ้ง สายตาคมกริบมองสตรีตรงหน้าด้วยแววตาลึกล้ำ เขากระแอมไอเล็กน้อยคล้ายจะกลบเกลื่อน ก่อนจะกล่าวเสียงทุ้มต่ำ“วางใจเถอะ…”ทว่ายังไม่ทันได้เอ่ยจนจบ…ไป๋ซูเหยาก็สวนกลับทันควัน น้ำเสียงหวานแฝงความดื้อดึง เอาแต่ใจและไม่คิดจะยอมอ่อนข้อให้ นางเชิดหน้าขึ้น สายตาตวัดมองเขาอย่างไม่ยอมลดละ“วางใจหรือ…หากท่านจัดการกับไป๋เหยียนหลันได้เมื่อไหร่ และทำสัญญากับข้าได้เมื่อใด ข้าถึงจะวางใจได้!”ทำสัญญา…?หมายความว่าอย่างไรกันหลี่เจิ้งเฉินขมวดคิ้วมุ่นทันที คำถามผุดขึ้นในหัว เขาเลิกคิ้วถามกลับไปด้วยน้ำเสียงเข้ม “สัญญาอะไรหรือ”ไป๋ซูเหยาสะบัดหน้าหันหนีทันที แววตาเรียบเฉยหากลึกลงด้วยความตัดพ้อนางเอ่ยเสียงเรียบนิ่งราวกับไม่คิดจะยกเรื่องนี้ขึ้นถกเถียง “ก่อนอื่น…ท่านควรไปจัดการไป๋เหยียนหลันของท่านให้เรียบร้อยเสียก่อนจะดีกว่าก่อนที่ข้าจะเก็บของเสร็จสิ้น…ถึงตอนนั้น ข้าถึงจะยอมพูดถึงสัญญาที่ท่านอยากได้ยิน!”ยามเฉิน (07.00 – 09

  • ฮูหยินไร้ค่าหลังจวน   ๒๕ เหมาะสม คู่ควร

    โจวตงหยางหน้ามองอยู่ข้างนอกประตูมุมปากหนาโค้งยกยิ้มเยาะอย่างดูแคลน เขาหัวเราะเย็นชาพลางเดินเข้าไปอย่างเชื่องช้า“หลี่อ๋องจะหย่าภรรยาแล้วรึ…” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยถามทว่าเพียงชั่วอึดใจ โจวตงหยางกลับชะงัก หัวคิ้วเข้มขมวดมุ่นราวกับเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าถ้อยคำเมื่อครู่ผิดแปลกไป เขาเลิกคิ้วถามย้อนเสียงเรียบ พลางหลุบสายตาต่ำมองเศษหนังสือหย่าที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น“หรือหากจะพูดให้ถูก…คงต้องกล่าวว่าถูกภรรยาหย่าขาดเสียมากกว่าใช่หรือไม่”เดิมทีหลี่เจิ้งเฉินก็หาได้อารมณ์ดีอยู่แล้ว พอได้ยินคำพูดแทงใจเข้าไป ใบหน้ายิ่งเคร่งขรึมลงไปอีกสิบส่วน เขาเงยหน้าขึ้น สายตาเย็นยะเยือก “หึ! หากข้าหย่าภรรยาแล้วเล่า คุณชายโจวจะอาสาแต่งเข้าจวนหลี่อ๋องเองกระนั้นหรือ”น้ำเสียงทุ้มเต็มไปด้วยความเย้ยหยันและประชดประชันโจวตงหยางหัวเราะแค่นในลำคอทันที “เหอะ! เกรงว่าคงไม่ใช่เพียงข้าผู้เดียวหรอกกระมัง…ที่อยากเป็นภรรยาหลี่อ๋อง”พอได้ยินถ้อยคำนั้น หลี่เจิ้งเฉินเข้าใจความหมายได้ทันทีเขาถอนหายใจยาวราวจะระบายความอัดอั้นในอก ทว่าก้อนหินนับพันยังทับหัวใจจนหนักหน่วง“นาง…เป็นภรรยาของข้า”โจวตงหยางเลิกคิ้วขึ้น สายตากรุ้มกริ่มหากแฝงเย

  • ฮูหยินไร้ค่าหลังจวน   ๒๔ สะสาง

    ผู้ใดจะรับรู้ความเจ็บปวดได้ลึกซึ้ง หากมิใช่ผู้ที่กำลังเผชิญ หน้ากับรัก…แม้มีวาสนาได้พบพานทว่ากลับไร้วาสนาได้อยู่เคียงข้างไป๋เหยียนหลันหัวเราะเย็นชาในลำคอ ราวกับเป็นเรื่องตลกขบขัน นางโน้มตัวลงช้าๆ ก้มใบหน้าเพ่งมองลึกเข้าไปในดวงตาคมกริบของหลี่เจิ้งเฉิน ปลายนิ้วเรียวเชยคางเขาขึ้นอย่างแผ่วเบาน้ำเสียงหวานเอ่ยแผ่ว หากแต่แฝงด้วยความเยียบเย็นจนฟังแล้วต้องขนลุกซู่ “หากกล่าวว่าข้าเป็นภรรยาของท่าน…แล้วสตรีผู้นั้นเล่า ทั้งที่ท่านรักใคร่นางอย่างลึกซึ้ง ถักทอสานต่อด้ายแดงมาด้วยกันเนิ่นนาน ทว่ายามนี้กลับขาดสะบั้นเพราะข้างั้นหรือ”มุมปากของนางเหยียดยิ้มอย่างเย้ยหยันและดูแคลนก่อนจะกล่าวอีกครั้ง “ไฉนจิตใจของบุรุษถึงได้ผันเปลี่ยนง่ายดายนัก”ทว่าหลี่เจิ้งเฉินหรือจะสนใจฟัง ยามนี้ใบหน้าของเขาและนางอยู่ห่างกันเพียงแค่คืบเดียวเท่านั้น หัวใจแกร่งพลันเต้นกระหน่ำอย่างควบคุมไม่อยู่กลิ่นหอมอ่อนจางๆ ของสตรีตรงหน้าโชยมาชวนให้นึกถึงค่ำคืนนั้น...ภาพเรือนอรชรงดงามภายใต้แสงสลัวแวบเข้ามาในหัวเขาอย่างไม่รู้ตัวหลี่เจิ้งเฉินจ้องมองอย่างหลงใหล…ราวกับตกอยู่ในภวังค์“เหอะ!” ไป๋ซูเหยาแค่นเสียง หดมือกลับ ก่อนจะถอยออกห่างอย่

Plus de chapitres
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status