สองสามวันต่อมา หวังเยี่ยนหลงเริ่มจัดการงานทุกอย่างด้วยตัวเอง เขาสั่งให้ซวงและหลุนคอยเฝ้าเหลียนเฟินที่เรือน ห้ามให้ผู้ใดเข้ามาก้าวก่าย ส่วนตัวเขาออกไปสะสางพยัคฆ์ดำที่รอดชีวิต
แม้ว่าจะสั่งการลูกน้องไปทำเรื่องแทนตัวเองได้ แต่คงไม่อาจดับความโกรธแค้นที่ทำให้เขาควบคุมปราณมารไม่ได้จนคนของเขาหลายคนต้องบาดเจ็บล้มตาย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเหลียนเฟิน
กระนั้นก็กลัวว่าเหลียนเฟินจะรู้ว่าเขาแอบไปทำเรื่องไม่ดีอีกจึงสั่งให้ลูกน้องทั้งสองคนช่วยปิดบังไว้
 
หวังเยี่ยนหลงได้ยินเหลียนเฟินเรียกเขาเช่นนั้นจึงหยุดทุกสิ่งทุกอย่างใจร้อนรนเมื่อครู่กำลังสงบลงช้า ๆ เขาจึงหันมาหาเหลียนเฟินอยากจะกอดร่างบางไว้ ทว่า เหลียนเฟินถอยหลังห่างไม่ยอมให้เขาแตะต้อง ไม่ว่าหวังเยี่ยนหลงจะพยายามก้าวไปหาเท่าใด อีกคนก็ยิ่งรักษาระยะห่างของเขาไว้ “เหลียนเฟิน มาหาข้า... ได้หรือไม่” เขายื่นมือออกไปหา น้ำเสียงบีบบังคับกลายเป็นขอร้อง “...” เหลียนเฟินไม่พูดสิ่งใด ส่ายหน้าปฏิเสธ
กลางดึกคืนนั้น ขณะที่เหลียนเฟินกำลังนอนหลับใหลในอ้อมกอดของหวังเยี่ยนหลง เขาได้ยินเพลงบางอย่างกล่อมขับขาน จังหวะเอื่อยล่องลอยมาพร้อมกับสายลมยามค่ำคืน เขาจมลงสู่ภวังค์ที่ถูกใครบางคนปิดบังเอาไว้ ภาพในวัยเด็กของเหลียนเฟินในหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ไหนสักแห่ง วันหนึ่งมีสตรีในชุดสีขาวน้ำเงินเดินเข้ามาลูบเรือนผมของเขา รอยยิ้มนางทำให้รู้สึกราวกับได้เห็นเซียนสวรรค์ จากนั้นภาพก็เปลี่ยนไปเป็นยามที่เขาได้วิ่งเล่นกับใครหลายคนบนลานน้ำแข็ง ความสุขที่ได้อยู่ใกล้คนเหล่านั้นทำให้เหลียนเฟินเผลออมยิ้มออกมาทั้งที่ยังหลับสนิท
หลายวันต่อมา สตรีที่อยู่ในเรือนดอกโบตั๋นเรียกชายลึกลับเข้าพบเป็นการส่วนตัว นางรู้สึกเสียใจอยู่บ้างที่จะไม่ได้เห็นเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยสองตาของนาง แต่หากมันทำให้เขาเจ็บปวดได้มากเท่าใดก็พอจะหยวน ๆ ไปได้บ้าง “ขอรับ” ชายลึกลับโค้งคำนับเตรียมตัวออกเดินทาง “อื้ม” รอยยิ้มมีเลศนัยผุดขึ้น ริมฝีปากแดงแสยะยิ้มรอให้ถึงวันนั้นไม่ไหว หลังจากรอจนเหลียนเฟินหายดีแล้ว หวังเยี่ยนหลงตัดสินใจพาเขากลับมาอยู่ที่สำนักตระกูลหวังตามเดิม อย่างน้อยที่แห่งนั้นก็ห่างไกลจากพรรคมารและสำนักเซียนอื่น ๆ
สองสามวันต่อมา หวังเยี่ยนหลงเริ่มจัดการงานทุกอย่างด้วยตัวเองเขาสั่งให้ซวงและหลุนคอยเฝ้าเหลียนเฟินที่เรือน ห้ามให้ผู้ใดเข้ามาก้าวก่าย ส่วนตัวเขาออกไปสะสางพยัคฆ์ดำที่รอดชีวิต แม้ว่าจะสั่งการลูกน้องไปทำเรื่องแทนตัวเองได้ แต่คงไม่อาจดับความโกรธแค้นที่ทำให้เขาควบคุมปราณมารไม่ได้จนคนของเขาหลายคนต้องบาดเจ็บล้มตาย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเหลียนเฟิน กระนั้นก็กลัวว่าเหลียนเฟินจะรู้ว่าเขาแอบไปทำเรื่องไม่ดีอีกจึงสั่งให้ลูกน้องทั้งสองคนช่วยปิดบังไว้ 
เช้าวันต่อมา เหลียนเฟินได้สติลืมตาตื่นขึ้นด้วยความอ่อนเพลีย พลันสบสายตากับคนผู้หนึ่งพอดี “เยี่ยนหลง?” เขาพึมพำ หวังเยี่ยนหลงยังคงใส่เสื้อผ้าชุดเดิม บาดแผลบนร่างกายยังไม่ได้รับการรักษา มือข้างหนึ่งยังคงกุมมือของเขาเอาไว้ ดูก็รู้ว่าเขาไม่ได้นอนทั้งคืน เหลียนเฟินจึงบีบมือหนาเบา ๆ พยายามยันตัวลุกขึ้นมา “อย่าเพิ่งลุก เจ้าบาดเจ็บ” หวังเยี่ยนหลงดันตัวเหลียนเฟินให้กลับไปนอนตามเดิม
เสียงโหยหวนในยามค่ำคืนยิ่งทำให้บรรยากาศเยือกเย็นจนน่าขนลุก ไอสีดำคละคลุ้งแผ่ขยายโดยรอบ หวังเยี่ยนหลงลุกขึ้นบิดคอไปทางซ้ายขวาอย่างช้า ๆ ใบหน้าขาวซีดไม่แสดงสีหน้าอื่นใดนอกจากความหิวกระหาย ปราณมารส่วนนั้นพุ่งออกไปหาเหยื่อที่อยู่ใกล้ที่สุดโดยไม่สนว่าเป็นคนของฝ่ายไหน ซวงและหลุนเห็นอาการของเขาเป็นเช่นนั้นพยายามจัดการกับคู่ต่อสู้ของตนเองให้เร็วที่สุดเพื่อมาช่วยเจ้านายของตน ทว่า คนอื่น ๆ นั้น