Share

ตอนที่ 9 บุกรุก

last update Huling Na-update: 2025-08-13 00:46:29

ลูกน้องทั้งสี่พยักหน้ารับคำ ต่างแยกย้ายปลอมตัวเข้าไปสืบข่าวตามบ้านเรือน เมื่อได้ข้อมูลที่อยู่ของสองแม่ลูกชัดเจนแล้ว ทั้งห้าคนก็กลับมารวมตัวและซุ่มดูอยู่หน้าบ้านเงียบ ๆ อย่างมีพิรุธ

ด้านฮวาอี้ ขณะนั้นนางเริ่มชินกับพลังเวทที่สามารถใช้สอดส่องสิ่งรอบตัวผ่านต้นหญ้าชนิดเดียวกัน เมื่อนางตรวจสอบพื้นที่รอบหมู่บ้าน ก็พบกับชายแปลกหน้าห้าคนที่กำลังแอบซุ่มดูบ้านของเหว่ยหยางอย่างน่าสงสัย กลิ่นอายของพวกมันเต็มไปด้วยเจตนาร้าย นางขมวดคิ้ว รู้ได้ทันทีว่าคนพวกนี้ต้องเป็นศัตรูอย่างแน่นอน

ความกังวลเริ่มกัดกินใจ ฮวาอี้รู้ว่าเหว่ยหยางคงไม่สามารถต่อกรกับคนทั้งห้าได้ หากพวกมันบุกเข้ามาจริง นางจึงตั้งใจจะเตือนเขาให้เตรียมตัวรับมือ และคิดหาทางช่วยอีกแรงหนึ่ง

ระหว่างที่นางกำลังไตร่ตรองอยู่นั้น เหว่ยหยางก็กลับมาจากการล่าสัตว์บนเขา เขาเดินมาหาต้นหญ้าน้อยเหมือนเช่นทุกวัน เมื่อเห็นว่าต้นหญ้าเหี่ยวเฉาลงเล็กน้อย เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามออกไปด้วยความห่วงใย

“เจ้าต้นหญ้าน้อย วันนี้ดูเจ้าจะไม่สดใสเลยนะ”

ฮวาอี้ไม่รอช้า นางรีบบอกสิ่งที่พบให้เขารับรู้ทันที “เหว่ยหยาง รอบ ๆ บ้านของเจ้าตอนนี้ ข้าตรวจพบชายแปลกหน้าห้าคน ข้าเชื่อว่าพวกเขาไม่ได้มีเจตนาดีกับครอบครัวของเจ้าแน่นอน”

คำพูดของต้นหญ้าน้อยทำให้หัวใจของเหว่ยหยางกระตุกวูบ เขารู้ในทันทีว่าศัตรูตามหาพวกเขาจนเจอแล้ว เขาจะบอกมารดาไม่ได้ เป็นห่วงนางเกินกว่าจะทำให้ตกใจ ทว่าตนเองจะรับมือคนทั้งห้าได้หรือ?

ใบหน้าของเหว่ยหยางฉายแววกังวลออกมาชัดเจน ฮวาอี้จึงกล่าวอย่างมุ่งมั่น

“เหว่ยหยาง ข้าช่วยเจ้าได้”

“เจ้าจะช่วยอย่างไร? แล้วมันจะเป็นอันตรายกับเจ้าหรือไม่?” เขาถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน เต็มไปด้วยความห่วงใย

ฮวาอี้ยิ้มบางอย่างมั่นใจ “แม้ข้าจะไม่มีพลังมากมาย แต่สามารถถ่วงเวลาให้เจ้าได้ เตรียมตัวจัดการพวกมันให้เรียบร้อย ส่วนเจ้า…ควรบอกเรื่องนี้กับท่านแม่ของเจ้าด้วย อย่างน้อยนางจะได้ไม่ตื่นตระหนกหากมีสิ่งใดผิดปกติเกิดขึ้น”

คำพูดของฮวาอี้แม้เรียบง่าย แต่กลับอบอุ่นจนหัวใจของเหว่ยหยางเต้นแรง… ไม่ใช่เพราะความกลัว แต่เพราะห่วงใยและสายสัมพันธ์ที่กำลังก่อตัวอย่างเงียบงันระหว่างเขากับต้นหญ้าน้อยที่เขาเฝ้าดูแลทุกคืนวัน…

เมื่อได้ฟังคำเตือนของฮวาอี้ เหว่ยหยางก็เห็นว่ามันเป็นความคิดที่ดี อย่างน้อยหากมารดารับรู้ไว้ ก็จะช่วยได้อีกแรง มารดาของเขาไม่ใช่หญิงอ่อนแอเหมือนที่เห็นภายนอก หากแต่เป็นผู้หญิงเข้มแข็งและเปี่ยมด้วยไหวพริบคนหนึ่ง

“ได้ ข้าจะทำตามที่เจ้าว่า แล้วเจ้าจะให้ข้าจัดการอย่างไร?” เขาถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง แววตาแน่วแน่

ฮวาอี้กระซิบบอกแผนการที่เพิ่งคิดขึ้นเมื่อครู่ แน่นอนว่านางคิดสดระหว่างคุยกับเขานั่นเอง ถือว่ายังพอมีประโยชน์อยู่บ้างสำหรับต้นหญ้าเช่นนาง

“เจ้าหลอกล่อพวกมันให้เข้าไปในบ้านให้หมด ส่วนเจ้ากับมารดาให้หลบซ่อนในห้องใต้ดิน ข้าจำได้ว่าเจ้าสร้างไว้ตอนขยับขยายบ้านไม่ใช่หรือ?” น้ำเสียงของนางแฝงความมั่นใจอยู่ทุกถ้อยคำ

“แล้วหลังจากข้าหลบลงไป เจ้าจะทำอย่างไร?” เขายังคงสงสัย ไม่เข้าใจว่าต้นหญ้าจะต่อกรกับพวกมันได้อย่างไร

“เจ้ารู้ดีว่าข้ามิใช่ต้นหญ้าธรรมดา ถึงจะหาง่ายทั่วไป แต่มันก็มีฤทธิ์อยู่ไม่น้อย เกสรของข้ามีคุณสมบัติทำให้เกิดอาการชา มึนงง และขยับตัวไม่ได้ชั่วครู่ ข้าจะปล่อยละอองออกไป เมื่อถึงเวลานั้น เจ้าปิดปากและจมูกไว้ให้ดี แล้วค่อยออกมาจัดการพวกมัน เจ้าคิดว่าแผนนี้เป็นอย่างไร?” ฮวาอี้ยิ้มบาง ดวงตาสั่นระริกแววมั่นใจ

เหว่ยหยางฟังจบก็หลุดยิ้ม “เจ้าช่างฉลาดสมกับเป็นต้นหญ้าน้อยของข้าจริง ๆ”

เมื่อได้ยินคำชมนั้น ดอกไม้สีม่วงเล็ก ๆ ของฮวาอี้พลันชูช่อขึ้นด้วยความรู้สึกเขินอาย “ใครเป็นต้นหญ้าน้อยของเจ้ากันเล่า” นางแย้งเบา ๆ

เหว่ยหยางหัวเราะเบา ๆ อย่างเอ็นดู “เจ้าสิ ข้าจะไปบอกท่านแม่ก่อน แล้วเจ้าก็ต้องดูแลตัวเองให้ดีด้วยนะ”

“เจ้าเด็กนี่! พูดให้มันรู้เรื่องก่อนสิ” ฮวาอี้บ่นพึมพำเบา ๆ เมื่อเห็นเขาเร่งฝีเท้าจากไป

เบื้องหลังรอยยิ้มอ่อนโยนของเหว่ยหยาง ใบหน้าเขากลับเปลี่ยนเป็นเยือกเย็นทันทีที่หันหลังให้ต้นหญ้าน้อย ความคุกรุ่นในใจเกี่ยวกับศัตรูที่จะบุกเข้ามาในคืนนี้ ทำให้เขารีบตรงไปยังห้องพักของมารดา

ตอนนี้ เริ่นหรงฮวาสุขภาพดีขึ้นกว่าก่อนมาก เขาเชื่อว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะฮวาอี้ช่วยบำบัดอย่างลับ ๆ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา

“เหว่ยหยาง เจ้ามีเรื่องอะไรหรือ?” หรงฮวาวางเข็มด้ายในมือลง เอ่ยถามด้วยสีหน้าฉงน

เขาเข้าไปใกล้ แล้วบอกเสียงเบา “ท่านแม่ ข้ามีเรื่องสำคัญจะบอก มีกลุ่มชายแปลกหน้าห้าคน พวกมันกำลังจะบุกมาทำร้ายเรา ข้าคิดว่าเป็นพวกเดียวกับที่เคยทำร้ายท่านพ่อ”

สีหน้าของมารดาเปลี่ยนไปทันที แววตาอ่อนโยนแปรเปลี่ยนเป็นเฉียบคมราวใบมีด

“ในเมื่อมันตามเจอแล้ว ก็หนีไม่ได้ พวกเราจะต้องสู้จนถึงที่สุด เจ้ากลัวหรือไม่ เหว่ยหยาง?”

“ลูกไม่กลัวขอรับ แต่ลูกมีแผน ขอให้ท่านแม่ร่วมมือด้วย” เขาเล่าแผนที่ฮวาอี้คิดให้ฟังจนหมด

เริ่นหรงฮวาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้าอย่างแน่วแน่ “ถ้าเจ้ามั่นใจ แม่ก็พร้อมจะร่วมมือ”

หลังตกลงกันเรียบร้อย หรงฮวาเดินออกจากบ้านอย่างแนบเนียน แสร้งทำตัวปกติให้พวกมันเห็น ก่อนเดินกลับเข้าไปในบ้านอย่างไม่สะทกสะท้าน

กลุ่มชายทั้งห้าเมื่อเห็นใบหน้าหญิงสาว ต่างยิ้มอย่างสมใจ ภารกิจใกล้ลุล่วงแล้ว

“คืนนี้หลังฟ้ามืด เราเริ่มลงมือทันที” หัวหน้ากลุ่มสั่งการเสียงเข้ม

เมื่อพระอาทิตย์ลาลับ ขอบฟ้ามืดมิด แสงไฟภายในบ้านก็ดับลง พวกมันจึงแอบปีนข้ามรั้วเข้ามาอย่างเงียบเชียบ

ฮวาอี้ที่เฝ้ารอดูจากมุมหนึ่งในสนาม หยั่งรู้ถึงเวลาอันเหมาะสม ใบหญ้าเล็ก ๆ ไหวเบา ๆ ก่อนละอองเกสรที่แฝงพลังเวทจะฟุ้งกระจายออกไป กลิ่นหอมบางเบาแต่แฝงอันตรายแผ่ซ่านทั่วบริเวณ…

เมื่อชายทั้งห้าคนสูดดมเกสรของดอกไม้เข้าไปได้ไม่นาน ร่างกายก็เริ่มอ่อนแรง แขนขาหมดแรงโดยไม่ทราบสาเหตุ ก่อนจะทรุดฮวบลงกับพื้นแทบพร้อมกัน

“ทำไมร่างกายของข้าถึงได้ชาเช่นนี้… มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!” หนึ่งในนั้นร้องขึ้นด้วยเสียงสั่นไหว แววตาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

เสียงของเขาขาดหายไปเมื่อความชาค่อย ๆ ลามขึ้นจนกระทั่งไม่สามารถเปล่งเสียงได้อีก พวกมันเริ่มเคลื่อนไหวไม่ได้แม้แต่จะอ้าปาก ร่างทั้งร่างกลายเป็นสิ่งไร้เรี่ยวแรงนอนแน่นิ่งกับพื้นดิน

เหว่ยหยางที่เฝ้าสังเกตการณ์จากมุมปลอดภัย เดินออกมาพร้อมกับมารดา ทั้งสองตรงเข้ามาใกล้กลุ่มชายชุดดำที่นอนแน่นิ่งอยู่ เหว่ยหยางใช้เท้าเขี่ยดูทีละคน เมื่อแน่ใจว่าทุกคนไม่อาจขยับเขยื้อนได้ เขาจึงจ้องหน้าพวกมันด้วยแววตาเย็นชา

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่   ตอนที่ 48 แต่งงาน

    เมื่อคิดถึงฟ่านอิง เด็กน้อยก็คลานเข้ามาหานางพอดี เขายังดูน่ารักมากขึ้นทุกวัน ฮวาอี้อุ้มเขาไว้ในอ้อมแขน เดินชมร้านไปพลาง เด็กน้อยก็มองนางด้วยสายตาใสซื่อราวกับกำลังพยายามจดจำใบหน้าของผู้คนรอบตัวอย่างจริงจังเวลาผ่านไปอีกหนึ่งเดือน จนถึงกำหนดวันแต่งงาน ฮวาอี้กลับไปพักที่บ้านของเหว่ยหยาง และเข้าไปเตรียมตัวที่ร้านในเมืองหลวงเมื่อถึงวันงาน เหว่ยหยางส่งเกี้ยวแปดคนหามมาอย่างยิ่งใหญ่เพื่อรับตัวเจ้าสาว ผู้คนริมทางต่างพากันชื่นชมและยินดี เมื่อเกี้ยวหยุดหน้าบ้าน เขาก็เป็นผู้มารับตัวนางด้วยตนเองฮวาอี้สวมชุดเจ้าสาวสีแดงสดงดงาม ผ้าคลุมหน้าสีเดียวกันปิดบังใบหน้าไว้ บนศีรษะประดับด้วยปิ่นที่เหว่ยหยางเคยมอบให้นางเมื่อครั้งก่อน แซมด้วยปิ่นหยกอันใหม่ที่ส่องประกายเจิดจรัสยิ่งนักหลังพิธีเสร็จสิ้น เหว่ยหยางพานางเข้าห้องหอ ซึ่งเป็นห้องเดิมที่นางเคยนอนป่วยอยู่ บัดนี้ถูกประดับตกแต่งด้วยผ้าแพรสีแดงสด ดูอบอุ่นและเป็นสิริมงคลยิ่งนัก“ฮวาอี้…” เขาเอ่ยเรียกนางเบา ๆ“เจ้าค่ะ” เสียงตอบรับของนางนุ่มนวล เจือความเขินอาย“ตอนนี้เจ้าเป็นภรรยาของข้าแล้ว ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าเสียเปรียบอีก คืนนี้เจ้าตรวจร่างกายของข้าได้เต็มที

  • เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่   ตอนที่ 47 ฟื้นแล้ว

    “เจ้าเช็ดน้ำลายเสียหน่อยเถิด” เหว่ยหยางเอ่ยยิ้ม ๆฮวาอี้รีบยกมือเช็ดปากทันที ทว่ากลับไม่มีอะไรอย่างที่เขาว่า นางจึงหันมามองเขาตาขวางเหว่ยหยางหัวเราะเสียงดัง เขารู้สึกว่าการมีนางอยู่ให้หยอกเย้าเช่นนี้ คือความสุขที่แท้จริงของเขา“ข้าอยากออกไปข้างนอกแล้ว” ฮวาอี้รีบเปลี่ยนเรื่อง“ได้เลย หากทุกคนได้เห็นเจ้า คงดีใจกันไม่น้อย โดยเฉพาะท่านแม่ของข้า” เขาตอบก่อนจะเข้ามาพยุงนาง แม้นางจะเดินได้แล้ว แต่เขาก็ยังคงห่วงใยอย่างไม่คลายฮวาอี้รับรู้ถึงความใส่ใจของเขา จึงยินยอมให้เขาช่วยพยุงโดยไม่ขัดขืน นางกลับรู้สึกอบอุ่น… อยากให้เขาเอาใจใส่เช่นนี้ตลอดไปจริง ๆเมื่อเดินออกมานอกเรือน กลับไม่พบผู้ใดอยู่เลยแม้แต่คนเดียว เป็นเรื่องแปลกที่ไม่มีบ่าวมาคอยดูแล“ทุกคนไปไหนกันหมดหรือ?” ฮวาอี้ถามอย่างสงสัย“ตอนนี้ท่านแม่ไปช่วยงานที่อีกเรือนหนึ่ง ข้าจะพาเจ้าไปดูด้วยตนเอง”“ช่วยงานอะไรหรือ? ที่นี่มีงานให้ทำด้วยหรือ?” นางถามอย่างแปลกใจเหว่ยหยางไม่ปล่อยให้ความสงสัยนั้นอยู่นาน เขาจูงมือนางมายังเรือนหลังหนึ่งซึ่งมีบ่าวรับใช้นั่งทำงานกันอยู่หลายคน และตรงกลางเรือนก็คือมารดาของเขาเมื่อสายตาของฮวาอี้มองไปยังสิ่งที่พวกเขา

  • เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่   ตอนที่ 46 กลับบ้าน

    “ข้าไม่ขอกลับไปยังโลกเดิมอีก… ในเมื่อที่แห่งนี้มีคนที่รักข้ารออยู่ ข้าย่อมไม่หนีเขาไปที่ใดได้อีก ท่านสามารถส่งข้ากลับไปได้หรือไม่?” หญิงสาวกล่าวด้วยเสียงสั่น น้ำตาไหลพรากลงมาตามพวงแก้มชายชราแย้มยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน “หากเจ้าเลือกเช่นนี้ ตัวตนของเจ้าในโลกเดิมจะสูญสลายไปทันที… เจ้ายอมรับได้แล้วจริงหรือ?”“ข้ายอมรับ” ฮวาอี้ตอบด้วยแววตามุ่งมั่น น้ำเสียงหนักแน่นเปี่ยมความเชื่อมั่นเมื่อได้รับคำยืนยันอีกครั้ง ชายชราก็โบกมือเบา ๆ ภาพของร่างในโรงพยาบาลค่อย ๆ จางหาย พร้อมกับเรื่องราวในโลกเดิมที่นางเคยดำรงอยู่“บัดนี้ เจ้าหาได้มีตัวตนในโลกเดิมอีกต่อไปแล้ว… เจ้าจงใช้ชีวิตที่เจ้าเลือกให้คุ้มค่า ส่วนมิติที่ข้ามอบให้ จะยังคงอยู่ตราบจนลมหายใจสุดท้ายของเจ้า ขอให้เจ้าพบความสุขในสิ่งที่เลือกไว้เถิด”เมื่อกล่าวจบ ร่างของชายชราก็ค่อย ๆ เลือนหายไปจากสายตา เหมือนสายลมที่พัดผ่านฮวาอี้ตกใจ รีบร้องเรียกเสียงหลง “เดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะ! ท่านยังไม่ส่งข้ากลับไปเลย ข้าจะกลับไปโลกนั้นได้อย่างไร!” นางโอดครวญอย่างไม่เข้าใจ เหตุใดเขาจึงไม่เคยบอกอะไรให้นางรู้ล่วงหน้าสักครั้งแต่ไม่นานนัก เส้นทางสีขาวสว่างไสวก็ปรากฏขึ้นตร

  • เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่   ตอนที่ 45 ความฝัน

    ไป๋จิ้งอวี่รับดาบนั้นไว้ แต่แรงปะทะรุนแรงจนเขากระอักเลือดออกมา ร่างกายของเขาเองก็อ่อนแรงเต็มที ทว่าในห้วงสุดท้ายนั้น เขาก็เหลือบไปเห็นนักฆ่าคนสนิทปรากฏตัวขึ้น เขาซ่อนรอยยิ้มไว้ในเงามืด ศึกครั้งนี้เขายังไม่แพ้!นักฆ่าในชุดดำที่เพิ่งมาถึง รีบพุ่งเข้าหาด้วยความรวดเร็ว ดาบในมือฟาดลงมาเพื่อช่วยเจ้านายของตนโดยไม่ลังเลฮวาอี้ที่เห็นดังนั้น รีบผลักเหว่ยหยางให้พ้นทาง แล้วรับคมดาบแทน ร่างของนางทรุดลงทันทีตรงหน้าชายคนรัก“ไม่!!” เหว่ยหยางตะโกนลั่น ก่อนจะใช้ดาบในมือตวัดแทงทะลุร่างของไป๋จิ้งอวี่ทันที ศัตรูตัวฉกาจล้มลงในบัดดลเหว่ยหยางรีบโผเข้าประคองร่างของฮวาอี้ไว้ในอ้อมแขน “ฮวาอี้… เจ้าฟังข้าอยู่หรือไม่… อย่าเป็นอะไรไปเลย…” เสียงของเขาสั่นเครือ มือของเขากุมมือของนางไว้แน่น ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นคมดาบเล่มนั้นปักกลางอกซ้ายของนางพอดี เลือดสีแดงไหลรินลงมาเปื้อนเสื้อคลุมสีอ่อนอย่างน่าสลดใจชายชุดดำอีกคนที่เหลืออยู่เห็นท่าไม่ดี พยายามหนีเอาตัวรอด แต่ยังไม่ทันพ้นระยะ ก็ถูกชายหน้าหวานผู้หนึ่งแทงร่างจนสิ้นใจไป๋เทียนวิ่งตรงเข้ามา ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ เมื่อมองเห็นหญิงสาวในอ้อมแขนของเหว่ยหยาง เขา

  • เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่   ตอนที่ 44 ไม่คาดคิด

    “เจ้าช่างปากหวานเสียจริง…” ฮวาอี้ยิ้มบาง “แล้วเจ้าส่งคนไปดูทางขบวนเจ้าบ่าวหรือยัง?”“ข้าน้อยส่งไปแล้วตามที่นายหญิงสั่งเจ้าค่ะ” ลัวหยูตอบด้วยความเคารพ นางไม่เข้าใจนักว่านายหญิงกังวลสิ่งใด เพราะเหว่ยหยางเองก็เป็นผู้มีฝีมือสูงส่ง ไม่มีใครกล้ารังแกได้ง่าย ๆ“ดี…ข้าค่อยวางใจได้หน่อย” ฮวาอี้พึมพำเบา ๆ พลางลูบต้นหญ้าปักกิ่งในมืออย่างแผ่วเบา หากเกิดเหตุร้ายใด ๆ ขึ้น นางยังมีวิธีช่วยเหลือเขาทางฝั่งของ เหว่ยหยางเขาสวมชุดเจ้าบ่าวสีแดงเข้มอย่างสง่างาม แววตาเต็มไปด้วยความสุข ในที่สุด…วันที่เขารอคอยก็มาถึงระหว่างทางขบวนขันหมากกำลังเคลื่อนตัวอย่างสงบ ผ่านเส้นทางแคบในหุบเขา ท่ามกลางเสียงดนตรีและเสียงหัวเราะเบา ๆ ของผู้ร่วมขบวนกระทั่ง…เงาดำหนึ่งปรากฏขึ้นเบื้องหน้า!ชายในชุดดำกระโจนออกมายืนขวางทางรถม้าอย่างไม่เกรงกลัวสายตาใด ๆ“นายท่าน! เกิดเรื่องแล้วขอรับ!”เสียงอู๋หยวนดังขึ้นอย่างร้อนรน ใบหน้าของเขาเคร่งเครียดผิดปกติ…“เกิดเรื่องอันใดขึ้น?” เหว่ยหยางขมวดคิ้ว สีหน้าเคร่งเครียด รู้สึกถึงลางร้ายบางอย่าง“มีชายชุดดำขวางหน้ารถม้าของเราขอรับ!”“ถ้าเช่นนั้น ฆ่ามันเสีย!” เขาออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงกร้าว โม

  • เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่   ตอนที่ 43 ตอบรับแต่งงาน

    “เจ้า…ปลูกมันขึ้นมาได้เช่นไร?” เขาเอ่ยถามเสียงสั่นอย่างไม่เชื่อสายตา“ข้าก็ปลูกมันลงในดินธรรมดาเท่านั้น มันก็ขึ้นมาเอง ไม่เห็นจะยากตรงไหนเลยขอรับ” เหว่ยหยางพูดออกมาด้วยท่าทางโอ้อวดเล็กน้อยเจ้าของร้านขายยามองทั้งสองด้วยสายตาเคลือบความหมั่นไส้ แต่ในใจก็ไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองอันใด เพราะรู้ดีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมิใช่เรื่องธรรมดา ต้นโสมสวรรค์จะเติบโตได้ต้องอาศัยปัจจัยบางอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้ง่ายดาย เช่นเดียวกับโชคชะตาและบุญวาสนา และแม้จะอยากรู้ว่าอีกฝ่ายใช้วิธีใด แต่เรื่องนี้ก็ไม่สมควรถามออกไปตรง ๆ“แล้วต้นโสมต้นนี้… เจ้าจะนำกลับไปหรือไม่? หากไม่ ข้าขอซื้อต่อในราคาที่สูงกว่าหลายเท่า” เขาถามพลางจับต้นโสมแน่นราวกับกลัวว่ามันจะหลุดมือเหว่ยหยางแย้มยิ้มบาง “หากไม่ใช่เพราะท่านมอบเมล็ดให้ข้า ข้าก็ไม่มีวันได้ต้นโสมต้นนี้มา ข้ามอบมันให้ท่านโดยไม่คิดสิ่งตอบแทนใด ๆ ถือว่าข้าได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้แล้ว และเมื่อสัญญานั้นสิ้นสุด ข้าก็ไม่แน่ใจว่าจะได้กลับมาพบท่านอีกหรือไม่”เจ้าของร้านขายยาพลันยิ้มกว้างด้วยความยินดีที่ได้ต้นโสมสวรรค์มาโดยไม่ต้องเสียเงินแม้แต่ตำลึงเดียว แต่เมื่อได้ยินว่าเหว่ยหยางจะจากไป ก

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status