ลั่วหลันเชิดหน้ามองซีเจียงอย่างไม่พอใจเช่นกัน
" ก็อย่างที่เจ้าได้ยิน อยู่ที่นี่ต้องช่วยทำงานบ้านจะมากินฟรีอยู่ฟรีๆ ได้เช่นไรกันข้าไม่ยอมหรอก "
" แล้วท่านลุงรู้เรื่องหรือไม่ขอรับว่าท่านใช้งานน้องๆ ข้าแลกกับเศษข้าว "
ลั่วหลันตวัดตามองสามพี่น้องหลานๆ ของสามีอย่างไม่พอใจระคนรังเกียจ
" เรื่องงานบ้านลุงเจ้าไม่เกี่ยวอย่าคิดปากพล่อยเอาความไปบอกไม่งั้นพวกเจ้าอดข้าวแน่ "
ซีเจียงกระตุกยิ้มร้ายทันที
" ท่านลุงไม่รู้สินะขอรับ ไม่เป็นไรน้องข้าไม่กล้าบอก แต่ข้ากล้า "
" นี่เจ้า! "
" ท่านเป็นป้าสะใภ้ที่ใจร้ายมาก ข้าไม่สบายหลายเดือนลุกขึ้นมาช่วยทำงานไม่ไหวท่านจึงหันมาใช้งานน้องๆ ข้าแทน ข้าวสารที่ให้ไปก็กินไม่อิ่ม พวกเราได้กินข้าววันละมื้อเท่านั้น ทำไมท่านใจร้ายใจดำเช่นนี้ขอรับ "
ซีเจียงรีบทรุดตัวกอดน้องทั้งสองคนเมื่อเห็นท่านลุงเปิดประตูรั้วบ้านเข้ามา เขากล่าวเสียงดังเพื่อทำให้ท่านลุงหันมาสนใจ และเป็นดั่งใจเมื่อท่านลุงซีถ่งเดินตรงมาทางนี้โดยที่ป้าสะใภ้ยังไม่รู้ตัว
" แค่วันละมื้อก็เกินพอแล้วสำหรับเด็กที่ไม่มีพ่อแม่เช่นพวกเจ้า ไอ้พวกเด็กเหลือขอ "
" เจ้าพูดอะไรของเจ้าลั่วหลัน! "
นางลั่วหลันสะดุ้งตกใจที่อยู่ๆ เสียงสามีก็ดังขึ้นมาด้านหลัง
" ท่าน ท่านพี่กลับมาทำไมเจ้าคะ "
" ไหนเจ้าบอกข้าว่าให้ข้าวสารอาหารหลานๆ ทั้งสามมื้อไง แล้วเรื่องงานบ้านเด็กๆ ก็อาสามาทำให้ ตกลงเจ้าโป้บดข้ารึ "
" ท่านพี่ ข้า คือข้าแค่... "
" เจ้าเป็นป้าสะใภ้ที่ใช้ไม่ได้จริงๆ "
ซีถ่งมองภรรยาอย่างตำหนิจนลั่วหลันก้มหน้าลงไม่กล้าพูดเถียงอะไรออกมาเพียงครึ่งคำเพราะมันคือเรื่องจริง
เมื่อตำหนิภรรยาแล้วซีถ่งจึงหันกลับมามองหลานทั้งสามคนอีกครั้ง
" ลุงขอโทษแทนป้าสะใภ้ด้วย "
ซีเจียงพยักหน้ารับคำขอโทษด้วยสีหน้าเศร้าๆ แต่ในใจใช่ว่าจะพอใจที่ท่านลงซีถ่งตำหนิภรรยาของตัวเองเพียงเท่านี้ เพราะมันยังน้อยไปหากเทียบกับสิ่งที่นางทำกับน้องสองคนของเขา
" ขอรับ ข้าก็ผิดเองที่ป่วยจนดูแลน้องได้ไม่ดี "
ซีเจียงกล่าว
" เจ้าไม่ผิดหรอกอาเจียง แต่ดีแล้วที่เจ้าหายป่วยท่านปู่ท่านย่าจะได้สบายใจ "
ท่านปู่กับท่านย่าของซีเจียงชรากันมากแล้วเดินเหินไม่สะดวกนัก แต่ถึงจะไม่ได้เดินไปเยี่ยมหลานชายบ่อยๆ แต่ท่านคือคนที่ซื้อยามาให้ซีเจียงดื่ม แม้มันจะไม่ได้ช่วยอะไรเลยเพราะที่ซีเจียงป่วยมันคืออาการป่วยทางใจกินยาอะไรก็คงไม่หายหรอก
" ขอรับ หลังจากนี้ข้าว่าจะออกไปหางานทำ ท่านลุงพอจะแนะนำข้าได้หรือไม่เล่า "
" เจ้าอยากทำงานรึ "
" ขอรับ "
" เจ้าอยากทำอะไรเล่าลุงจะได้แนะนำถูก "
ซีเจียงครุ่นคิด หากเป็นตัวเขาบอกเลยว่าถนัดการทำอาหารเป็นที่สุดแต่ซีเจียงเจ้าของร่างกลับไม่ถนัดทำอะไรเป็นพิเศษนี่สิ
จะบอกว่าอะไรดีนะ
" ข้า ก็ยังไม่แน่ใจขอรับ "
" ลุงว่าเจ้ากลับไปพักให้ร่างกายแข็งแรงกว่านี้ดีกว่านะส่วนเรื่องทำงานค่อยว่ากันอีกที "
" ก็ดีขอรับ "
" เช่นนั้นก่อนกลับก็เข้าไปเอาข้าวสารอาหารแห้งในครัวกลับไปด้วยนะ คราหน้าหากต้องการอะไรก็ให้มาบอกลุงตรงๆ "
" ขอบคุณขอรับท่านลุง "
ซีถ่งพยักหน้าหันไปมองกองผ้าที่ยังซักไม่เสร็จก็ได้แต่ถอนหายใจ หากวันนี้เขาไม่ลืมของไว้คงไม่รู้ว่าภรรยาทำอะไรกับหลานๆ บ้าง แค่เด็กๆ ต้องมาเสียบิดามารดาอย่างกระทันหันก็มากเกินพอแล้ว
" ต่อไปงานในบ้านใหญ่พวกเจ้าก็ไม่ต้องมาทำอีก หน้าที่นี้ปล่อยให้เป็นของป้าสะใภ้ไป "
" ได้ขอรับ "
ซีเจียงรับปากทันควัน ทำเอาลั่วหลันตวัดตามองอย่างไม่พอใจเป็นที่สุด
เมื่อท่านลุงเดินออกไปซีเจียงจึงกล่าวกับน้องๆ ทั้งสองคนต่อหน้าป้าสะใภ้ที่ยังยืนจ้องหน้าเขาอยู่
" อาหลง หลินเอ๋อร์ พวกเจ้าเข้าไปเอาข้าวสารอาหารแห้งมานะเดี๋ยวพี่ทำอะไรอร่อยๆ ให้ทาน "
" ขอรับ/เจ้าค่ะ "
ฝาแฝดทั้งสองรีบวิ่งเข้าประตูครัวไปในทันที เมื่อมีพี่ชายคอยปกป้องพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวป้าสะใภ้อีกแล้ว
" ข้าไม่ยอมให้พวกเจ้าอยู่อย่างเป็นสุขแน่ "
ลั่วหลันยกนิ้วชี้หน้าซีเจียง
" ข้าก็ไม่คิดยอมให้ใครข่มเหงรังแกกันง่ายๆ หรอกนะขอรับป้าสะใภ้ "
จบคำซีเจียงน้องฝาแฝดก็เดินออกมาพร้อมข้าวสารหนึ่งถุงกระดาษ ไข่ไก่สามฟอง และผักกาดขาวในมือหนึ่งกอ ก่อนที่พวกเขาสามคนพี่น้องจะพากันเดินกลับบ้านไม้ไผ่ริมลำธารพร้อมกันโดยมีสายตาเกลียดชังของป้าสะใภ้มองตาหลังจนสุดสายตา
" พี่ไม่กลัวป้าสะใภ้เลยรึเจ้าคะ "
ซีหลินเอ่ยถามพี่ชายเมื่อเดินออกมาไกลจากบ้านใหญ่พอสมควรแล้ว
" ถ้าพี่กลัวแล้วใครจะปกป้องพวกเจ้าสองคนกันเล่า "
หากเป็นซีเจียงคนเก่าคงกลัว แต่สำหรับเขาคนนี้ไม่เคยกลัวใครอยู่แล้ว ในเมื่อมาอยู่โลกใบนี้เพื่อดูแลเด็กสองคนนี้และมีชีวิตใหม่อีกครั้ง มัวแต่เกรงกลัวคนอื่นไม่นานก็คงตายรอบที่สองเป็นแน่ อย่างที่ชายชราได้บอกไว้ อยากมีชีวิตใหม่ก็ต้องสู้ชีวิต และต้องสู้คนด้วยถึงจะอยู่รอดปลอดภัยได้
บางทีที่เขาสามารถจำเรื่องราวในชีวิตก่อนได้คงเพราะสวรรค์ต้องการให้เขาสามารถดำรงชีวิตอยู่ในโลกใบนี้ได้อย่างไม่ลำบากมากนักกระมัง ชีวิตเก่าอยู่มาได้ถึงอายุสามสิบปีมันผ่านอะไรมาเยอะมาก เจอทั้งคนดีคนเลว บอกเลยแค่มองตาเขาก็รับรู้ได้แล้วว่าใครเป็นคนแบบไหน สิ่งที่เคยผ่านมาในชีวิตก่อนเขาสามารถนำมาใช้ในชีวิตนี้ได้อย่างสบายๆ เลย
" ข้าดีใจมากที่พี่กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม "
ซีหลงกล่าวพร้อมรอยยิ้มยินดี
" พี่ขอโทษที่ทำให้พวกเจ้าสองคนลำบากมานานถึงสามเดือน "
" ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้าสองคนทนได้ "
" เด็กดี นับแต่นี้ไปพี่จะไม่ยอมให้ใครรังแกพวกเจ้าได้อีก "
ซีเจียงพูดจริงๆ เขาจะตอบแทนเจ้าของร่างนี้ด้วยการดูแลน้องๆ ของเจ้าตัวอย่างดีที่สุด
ก่อนที่พวกเขาจะเดินไปถึงบ้านไม้ไผ่ซีเจียงแวะขุดหัวมันที่เล็งเอาไว้สามหัว เป็นมันเทศหัวใหญ่กว่าแขนของซีเจียงเสียอีก
และเมื่อมาถึงบ้านไม้ไผ่ซีเจียงก็ให้น้องๆ ไปล้างมือตรงลำธารและมาทานปลาย่างที่เขาย่างไว้ให้ เด็กๆ สองคนดีใจมากเพราะนี่เป็นอาหารมื้อแรกตั้งแต่ที่ย้ายมาอยู่ที่นี่ที่พี่ชายทำให้ทานนั้นเอง
" พี่ทานแล้วหรือเจ้าคะ "
ซีหลินเอ่ยถามพี่ชายเมื่ออีกฝ่ายเอาปลาย่างให้เขาคนละตัว
" พี่ทานแล้วล่ะ พวกเจ้าทานเถอะ "
" ปลาตัวใหญ่มากเลยนะขอรับ เนื้อก็หวานมากด้วย "
ซีหลงกล่าวพร้อมแกะเนื้อปลาเข้าปากคำโต ปกติพวกเขาได้ทานแต่ข้าวต้มกับผัดผักหากไม่มีพี่ชายใจดีนำซุปเนื้อมาให้ทานพวกเขาก็คงไม่มีวันได้ทานเนื้อสัตว์เลย
" อร่อยก็ทานให้หมดล่ะ "
" ขอรับ/เจ้าค่ะ "
ซีเจียงยิ้มน้อยๆ มองน้องทั้งสองคนทานปลาย่างคล้ายกับหิวเต็มทีก็นึกสงสารจับใจ ตลอดสามเดือนมานี้เด็กๆ ได้ทานอาหารอิ่มท้องบ้างหรือไม่นะ อายุสิบขวบแล้วแต่ร่างกายคล้ายเด็กอายุแปดขวบอย่างไรอย่างนั้น อย่าว่าแต่น้องทั้งสองคนเลย ขนาดตัวซีเจียงเองก็เหมือนกัน อายุปาเข้าไปสิบหกปีแต่ร่างกายไม่ต่างอะไรกับเด็กอายุสิบสี่ปีสักนิด
" เอ๊ะ พี่ซีเจียงเจ้าคะ กำไลที่พี่ใส่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย "
หลังจากที่เด็กๆ ทานเนื้อปลาหมดแล้วอยู่ๆ น้องสาวก็เอ่ยถามขึ้นมาอย่างสงสัยเมื่อเห็นกำไลสีเขียวสวมอยู่ตรงข้อมือเล็กๆ ของพี่ชาย
" นั่นสิขอรับ พี่ได้มาจากไหนรึ สวยมากเลย "
ยิ่งซีหลงเอ่ยขึ้นมาอีกคนซีเจียงก็ต้องเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่เข้าใจ เพราะตอนตื่นขึ้นมาเขาก็เห็นว่ากำไลวงนี้อยู่บนข้อมือของร่างกายนี้แล้วนะ แล้วทำไมเด็กๆ ถึงทำหน้าคล้ายไม่เคยเห็นมาก่อนเช่นนั้นเล่า
" พวกเจ้าไม่เคยเห็นหรือ "
" ไม่เคยเห็นเจ้าค่ะ ข้าเช็ดตัวให้พี่ทุกคืนก็ไม่เคยเห็นพี่ใส่กำไลวงนี้มาก่อนเลย "
ซีหลินเอ่ยบอกตามความจริง
ซีเจียงขมวดคิ้วเป็นปม หากกำไลวงนี้ไม่ใช่ของซีเจียงคนเก่าแล้วเหตุใดตอนนี้ถึงมาอยู่บนข้อมือของเขาได้
' กำไลวิเศษ '
แต่ในขณะนั้นอยู่ๆ ซีเจียงคล้ายได้ยินเสียงชายชรากล่าวขึ้นมาแผ่วเบา ทำเอาเขารู้สึกขนลุกซู่อย่างบอกไม่ถูก
จริงสิ นอกจากประโยคที่ว่า หากอยากมีชีวิตใหม่ข้าจะให้เจ้ายังมีคำว่าของวิเศษหนึ่งอย่างด้วยหนิที่ชายชราผมขาวได้กล่าวไว้
หรือว่ากำไลวงนี้คือขอวิเศษที่ท่านมอบไว้ให้เขากันนะ
ซีเจียงมองกำไลหยกบนข้อมืออย่างสงสัยใคร่รู้ อยากรู้ว่าหากเป็นขอวิเศษจริงแล้วเขาจะใช้มันอย่างไรกัน
" พี่เจอมันที่ไหนหรือขอรับ "
ซีหลงเอ่ยถามพร้อมมองกำไลอย่างสนใจ ยิ่งพี่ซีเจียงพยายามถอดออกจากข้อมือกลับถอดออกไม่ได้ยิ่งทำให้น่าสงสัยเข้าไปอีก
" พี่ตื่นขึ้นมาก็สวมมันอยู่แล้วนะ "
ซีเจียงเลือกที่จะพูดตามความจริง พอไม่สามารถถอดออกมาดูได้เขาก็ต้องตัดใจใส่มันไว้แบบนั้น
" หรือจะเป็นกำไลวิเศษขอรับ ข้าแอบได้ยินพี่ซีจางบุตรชายคนโตของท่างลุงคุยกับสหายเรื่องของวิเศษเมื่อหลายวันก่อนว่าสิ่งของเหล่านั้นจะเลือกเจ้าของของมันเองนะขอรับ "
" จริงหรืออาหลง แล้วเจ้าพอจะทราบไหมว่าจะใช้มันอย่างไร "
" ข้าก็ไม่แน่ใจ แต่จากที่จับใจความคำพูดได้ น่าจะใช้เลือดของผู้ถูกเลือกเปิดช่องว่างระหว่างมิตินะขอรับ "
" เลือดหรือ "
ซีเจียนทำหน้าไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่แต่พอคิดว่าการที่ตนสามารถกลับมาเป็นคนได้ก็แทบไม่มีอะไรเหนือความคาดหมายมากกว่านี้อีกแล้วกระมัง
" ลองดูสิเจ้าคะพี่ซีเจียง หากเป็นกำไลวิเศษจริงพวกเราจะได้ไม่ลำบากอย่างนี้ก็ได้นะเจ้าคะ "
นั่นสิ ตอนนี้ชีวิตพวกเขาสามคนพี่น้องลำบากสุดๆ เงินสักอีแปะก็ไม่มีติดตัว
" เช่นนั้นลองดูก็ไม่เสียหาย "
เอาเถิด แค่เลือดหยดเดียวเองคงไม่เจ็บมากกระมัง คิดได้ดังนั้นซีเจียงก็เดินไปหยิบมีดพร้ามาถือไว้ทันที...
และใช่ สามีเขาดูแลดีชนิดที่ว่าตัวเขาแทบไม่ต้องหยิบจับอะไรเลยแม้แต่อาหารที่ต้องทำขายนอกจากนั่งชิมรสชาติอาหารทั้งสามเมนูที่สามีเป็นคนลงมีทำเองตั้งแต่ต้นจนจบเท่านั้นจื่อหย่งเป็นคนช่างสังเกตและเรียนรู้เร็ว ที่สำคัญทำอาหารได้เร็วกว่าเขาอีกต่างหากด้วยนี่สิ ส่วนเรื่องรสชาติแค่มีเครื่องปรุงครบทุกอย่างก็อร่อยได้ไม่ยากเลยตั้งแต่เมื่อวานที่รู้ว่าเขาท้อง ทั้งสามีทั้งน้องๆไม่ยอมให้เขาช่วยหยิบช่วยจับอะไรสักอย่าง ประคบประหงมเสียจนเขาแอบอ่อนใจ เขาแค่ท้องไงไม่ได้ป่วยหนักเสียหน่อยส่วนเรื่องจ้างคนเก็บผักเขาก็ตกลงรับเด็กๆบ้านสกุลหานทำงานเรียบร้อยแล้ว จะจ่ายค่าจ้างเป็นรายวันและจ่ายให้เท่าๆกันทุกคนด้วยแรงงานรายวันในเมืองซานหวนค่าแรงอยู่ที่วันละสามร้อยอีแปะเท่านั้น แต่เขาจ้างเด็กๆวันละห้าร้อยอีแปะและมีอาหารให้ทานครบสามมื้อ เริ่มงานวันแรกคือวันนี้ หลังจากเตรียมของทุกอย่างเสร็จพวกเขาก็พากันออกมาจากมิติ เข้าออกมิติถึงสามรอบกว่าจะนำของออกมาครบทุกอย่าง และพอเปิดประตูบ้านเด็กๆสกุลหานก็นั่งรออยู่หน้าร้านเรียบร้อยแล้วเด็กๆสกุลหานช่างรู้งานนักเมื่อเห็นจื่อหย่งยกของออกมาวางหน้าร้านพวกเขาก็รีบเข้ามาช่วยยกของกันใ
ผลปรากฏว่าหิมะตกปีนี้ลากยาวไปถึงสองเดือนเต็มทีเดียวตลอดสองเดือนมานี้พวกเขาสี่คนช่วยกันขายอาหารทุกวัน ตอนนี้เมนูที่ขายนั้นนอกจากขนมจีนเส้นสด โจ๊กสาหร่ายแล้ว ยังมีเมนูขนมหวานอีกหนึ่งเมนูด้วยคือบัวลอยน้ำขิง เป็นสามเมนูที่ขายดิบขายดีทำเพิ่มเท่าไหร่ก็ขายหมดไม่มีเหลือตอนนี้พวกเขาเก็บเงินได้หลายแสนตำลึงทองแล้ว หากไม่นับเงินค่าสินสอดของสามีอะนะตั้งใจเอาไว้ว่าหิมะหยุดตกเมื่อไหร่ก็จะเริ่มขยับขยายที่อยู่อาศัยทันทีคืนนี้ซีเจียงจึงทำการวาดแปลนบ้านเพื่อจะให้สามีนำไปให้ช่างรับจ้างทำบ้านในวันพรุ่งนี้ ส่วนบ้านเช่าตรงนี้เขาจะปรับเปลี่ยนเป็นร้านขายอาหารเล็กๆเพราะในอนาคตเขาจะขายทั้งอาหารและผักไปพร้อมกันเลย" เจ้าจะเก่งเกินไปแล้วภรรยาข้า "จื่อหย่งที่เห็นซีเจียงวาดแปลนบ้านอดจะเอ่ยปากชมไม่ได้ คนอะไรจะเก่งไปเสียทุกเรื่องเช่นนี้ ซีเจียงยิ้มกว้างเอียงแก้มให้สามีหอมอย่างรู้งานเมื่ออีกคนโน้มหน้าลงมาใกล้ ก่อนจะเอ่ยเล่าให้ฟังว่าตรงไหนเป็นอะไรบ้าง" เรือนใหญ่จะเป็นที่พักของเราสองคนนะขอรับ ส่วนเรืองเล็กด้านซ้ายและด้านขวาจะเป็นที่พักส่วนตัวของอาหลงและหลินเอ๋อร์ พี่จื่อหย่งอยากได้เรือนอะไรเพิ่มอีกไหมขอรับข้าจะได
ผ่านพ้นวันแต่งงานพวกเขาสองคนไปเพียงหนึ่งอาทิตย์หิมะแรกของปีก็ตกลงมาจริงๆตามที่ชาวบ้านชาวเมืองคาดไว้ไม่มีผิดเพราะอากาศปีนี้หนาวเร็วกว่าทุกปีโชคดีที่พวกเขาสี่คนเข้ามาอยู่ในมิติตอนกลางคืนที่ภายนอกหิมะตกหนักพอดิบพอดี ถึงตอนกลางวันจะต้องออกไปใช้ชีวิตด้านนอกอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ความหนาวก็ยังน้อยกว่าตอนกลางคืนมากนักแม้มันจะหนาวมากๆก็ตามในความรู้สึกของซีเจียงในมิติแห่งนี้อากาศไม่ได้เหมือนกันกับโลกภายนอกพวกเขาจึงอยู่กันได้สบายโดยที่ไม่ต้องใส่เสื้อกันหนาวขนสัตว์ให้รู้สึกอึดอัด" หิมะลงเช่นนี้เราคงต้องพักการปลูกผักไปก่อน "ซีเจียงกล่าวขึ้นในระหว่างนั่งทานอาหารมื้อค่ำด้วยกัน" พี่เห็นด้วยกับเจ้า "เกอน้อยยิ้มกว้างเมื่อสามีเห็นดีเห็นงามกับเขาทุกเรื่องไม่เคยเอ่ยปากขัดใจเลยสักครั้งตั้งแต่รู้จักกันจนกระทั่งแต่งงานแล้วก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน" แล้วเราจะทำอะไรกันดีเจ้าคะหรือจะหยุดพักการขายของไปก่อนเลย "" หิมะตกเป็นเดือนๆหากเราไม่ขายของรายได้เราก็จะหายหมดพี่ว่าจะขายอาหารเพิ่ม อากาศหนาวๆเช่นนี้ เช้าๆต้องทานโจ๊กร้อนๆถึงจะคลายหนาวได้ดี "" ทำโจ๊กอะไรดีขอรับ "ซีหลงเอ่ยถามอีกคน" โจ๊กสาหร่ายทะเล พี่จะใ
กว่าจะถึงบ้านเช่าก็เข้ายามเว่ย(13.00-14.59)พอดีตอนนี้ซีเจียงยังทำอะไรไม่ได้นักเพราะยังอยู่ในชุดแต่งงานที่สำคัญมีผ้าปิดหน้าที่ยังถอดออกไม่ได้จื่อหย่งและน้องๆจึงช่วยกันขนสินสอดและสินเดิมเข้าไปเก็บไว้ในบ้านเช่า เมื่อขนทุกอย่างลงจากเกวียนจนหมดจื่อหย่งจึงถอดเกวียนไปเก็บก่อนจะพาม้าหนุ่มไปผูกไว้กับรั้วข้างบ้านแล้วเดินเข้ามานั่งในบ้านข้างๆภรรยา" พี่จื่อหย่งขอรับ "ซีเจียงได้ปรึกษากับน้องๆแล้วว่าหาเขากับจื่อหย่งแต่งงานกันเขาจะบอกเรื่องมิติวิเศษให้อีกฝ่ายรับทราบเพราะการที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันทั้งสิบสองชั่วยามเขาไม่สามารถปิดบังคนรักได้เพราะถึงอย่างไรตอนกลางคืนพวกเขาก็จะเข้าไปนอนในมิติอยู่ดี สู้บอกกล่าวเสียตั้งแต่วันแรกที่ใช้ชีวิตเป็นสามีภรรยากันเลยจะดีกว่า" ว่าอย่างไรหรือ "" คือข้า มีความลับจะบอกท่าน "จื่อหย่งมองสีหน้าจริงจังของสามพี่น้องก็ทำเอาเขาต้องตั้งใจฟังอย่างจริงจังไปด้วยไม่ได้" ว่าอย่างไรเล่า "" คือข้ามี มิติวิเศษขอรับ "" เจ้าก็มีแหวนมิติเช่นกันหรือ "จื่อหย่งเลิกคิ้วถามอย่างตื่นเต้นระคนยินดีนัก" ไม่ใช่แหวนขอรับ แต่เป็นกำไลมิติ "ซีเจียงยกมือข้างที่สวมกำไลให้สามีดู แล้วก็ต้อ
การแต่งงานครานี้ซีเจียงอยากให้จัดแบบเล็กๆไม่ต้องมีขบวนเจ้าบ่าวเจ้าสาวให้เปลืองเงินเปลืองทอง สินสอดก็ไม่ต้องมากมายอะไร จัดเพียงพิธีกราบไหว้ฟ้าดินและลงลายมือชื่อเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายบ้านเมืองก็พอแล้วแต่ถึงอย่างไรมันก็ไม่ใช่ว่าจะได้ดั่งใจขนาดนั้น แม้ซีเจียงจะไม่มีบิดามารดาแต่ยังมีท่านปู่ท่านย่า อย่างไรการจัดงานแต่งงานเขาก็ต้องไปจัดที่บ้านใหญ่สกุลซีอยู่ดี เรื่องนี้ท่านลุงซีถ่งมารับพวกเขาสามคนพี่น้องกลับไปคุยกันที่บ้านใหญ่สกุลซีทีเดียวนี่จึงถือเป็นการปิดร้านครั้งแรกที่ทำการค้าขายมาเลยก็ว่าได้" พี่จื่อหย่งและข้าต่างก็ไม่มีบิดามารดา ข้าไม่อยากจัดงานแต่งให้มันยุ่งยากขอรับท่านปู่ท่านย่า "ซีเจียงกล่าวความคิดของตัวเองออกมาตามตรง " เช่นนั้นเอาตามที่เจ้าว่าปู่กับย่าตามใจเจ้า "" ขอบคุณมากขอรับ "ซีเจียงขอบคุณท่านปู่ท่านย่าจริงๆที่ไม่บังคับอะไรเขาเลย" เรื่องสินสอดเจ้าก็ไม่ต้องแบ่งให้บ้านใหญ่ เก็บไว้เป็นทุนในอนาคต "จบคำแม่สามีลั่วหลันอยากกรีดร้องออกมาใจแทบขาด เท่ากับบ้านใหญ่สกุลซีจัดงานแต่งให้มันฟรีๆเช่นนั้นหรือ ซีเจียงเห็นกิริยาป้าสะใภ้ทุกอย่างแต่เลือกที่จะไม่พูดอะไร นางคงไม่พอใจ
นางลั่วหลันออกมาดักรอพรานหนุ่มอยู่หลายวันก็ไม่เจอ นางจึงเดินไปท้ายหมู่บ้านถามไถ่คนบ้านใกล้เรือนเคียงจึงได้ทราบว่าเจ้าพรานกำพร้านั่นจะออกไปเมืองซานหวนตั้งแต่รุ่งสางและกลับเข้าบ้านในตอนตะวันตกดินไปแล้วทุกวัน ที่สำคัญเจ้าจื่อหย่งก็ไม่ได้เข้าป่าล่าสัตว์มานานสามเดือนกว่าแล้วด้วยเป็นแบบนี้ชัดเลย ไอ้เด็กเกอนั้นต้องเลี้ยงดูบุรุษเป็นแน่ ช่างน่าอับอายยิ่งนักลั่วหลันคิดในใจอย่างนึกรังเกียจเดียดฉันผ่านไปอีกสองสามวันในที่สุดนางลั่วหลันก็ดักเจอจื่อหย่งจนได้ในตอนที่ชายหนุ่มขับเกวียนเข้าหมู่บ้านผ่านหน้าบ้านสกุลซีพอดี" หยุดก่อน "จื่อหย่งหยุดเกวียนมองนางลั่วหลันนิ่งก่อนเอ่ยถาม" มีอะไรกับข้าหรือขอรับ "" ข้าน่ะไม่มี แต่พ่อแม่สามีข้าต้องการคุยกับเจ้า "พูดจบทำหน้าสะใจมองเด็กรุ่นลูกด้วยแววตาสมน้ำหน้าอยู่ในที ตอนนี้สามีนางก็รู้เรื่องแล้วแม้จะไม่พูดอะไรแต่ดูจากแววตาซีถ่งก็คงไม่สบายใจในเรื่องนี้นัก เพราะการอยู่กินก่อนแต่งงานเป็นการทำให้ชื่อเสียงของสกุลเสียหายส่วนเรื่องที่นางได้เงินค่าเช่าบ้านจากเด็กๆกลับคืนมานางเลือกที่จะไม่บอกสามี นางจะเก็บเงินไว้ใช้จ่ายในสิ่งที่นางอยากได้แทน ก็ซีถ่งยึดค่าใช้จ่ายในบ้