แชร์

บทที่ 2

ผู้เขียน: เฉินเจียเสี่ยวเกอ
“นายท่าน ข้าน้อยผิดไปแล้ว!”

“……” เฉินฝานทำหน้ามึนงง นางมีความผิดอะไร!

เขาโน้มตัวจะพยุงฉินเย่ว์โหรวให้ลุกขึ้น ปรากฏว่านางโขกศีรษะกับพื้นโป๊ก ๆ ทันทีที่มือของเขาสัมผัสถึงตัว

“ข้าน้อยรู้ว่านายท่านรังเกียจฝีมือของข้าน้อยเสมอมา ข้าน้อยจะไปร่ำเรียนกับกลุ่มสตรีในชุมชนเจ้าค่ะ”

“ก่อนหน้านี้ ท่านลงโทษจนขาขวาของข้าน้อยหักแล้ว หากท่านลงโทษจนขาซ้ายของข้าหักอีก ข้าน้อยก็จะปรนนิบัติท่านไม่ได้แล้วนะเจ้าคะ”

!!!

แท้จริงแล้วเจ้าของร่างเดิมเป็นคนตีขานางหัก!!

เมื่อมองขาขวาที่หักของฉินเย่ว์โหรว พลางมีเสียงหวีดดังขึ้นในหัวของเฉินฝาน

คนสวยขนาดนี้ทั้งคน ยังนอบน้อมอ่อนโยนเช่นนี้อีก มีแต่อยากเอ็นดู เจ้าของร่างเดิมคิดอะไรอยู่กันแน่ เหตุใดถึงกล้าลงมือเช่นนี้!

“เมื่อขาเจ้าไม่สะดวก งั้นก็ลุกขึ้นเถิด!”

ฉินเย่ว์โหรวตัวสั่นและกลัวเฉินฝานมาก นางแทบไม่ได้รู้ว่าเฉินฝานพูดอะไร “ได้โปรดนายท่าน อย่าทุบตีข้าเลย อย่าทุบข้าเลย”

ร่างกายที่สั่นจนควบคุมไม่ได้และสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวั่นกลัว

เห็นได้ว่าเมื่อก่อนเจ้าของร่างเดิมทุบตีนางเป็นประจำจนนางกลัว

เฉินฝานพูดสามครั้งติดต่อกันว่าจะไม่ทุบตี จากนั้นฉินเย่ว์โหรวก็หยุดขอความเมตตาพร้อมเงยหน้าขึ้นอย่างระมัดระวังและมองเฉินฝานด้วยความไม่เชื่อสายตาเล็กน้อย

“นายท่าน ท่าน……จะไม่ทุบตีข้าน้อยหรือเจ้าคะ!”

“เฉินฝาน เฉินฝาน!”

เฉินฝานกำลังจะตอบคำถามฉินเย่ว์โหรว พลันมีเสียงรีบร้อนดังขึ้นจากด้านนอกประตู

ฉินเย่ว์โหรวที่คุกเข่าอยู่กับพื้นรีบลุกขึ้นไปยังประตูและช่วยเฉินฝานเปิดม่านกั้นประตู

“ขอบใจนะ!” เฉินฝานพยักหน้าเบา ๆ ให้กับฉินเย่ว์โหรวและเดินผ่านนางไป

ฉินเย่ว์โหรวที่อยู่ด้านหลังเฉินฝาน นางมองดูเขาด้วยความประหลาดใจและสับสนโดยไม่รู้สึกตัวเป็นเวลานานมาก

นายท่านไม่ทุบตีนางและยังพูดกับนางอีกว่า……ขอบใจนะ!

หลังจากตกลงไปที่หุบเขา นิสัยของนายท่านเปลี่ยนไปด้วย?

หากเป็นเช่นนั้นจริง คงจะดีมาก

ฉินเย่ว์โหรวตบหน้าตัวเอง

ฉินเย่ว์โหรว ๆ หยุดฝันลม ๆ แร้ง ๆ ได้แล้วหน่า

เฉินฝานกลายเป็นคนดี เป็นเรื่องยากกว่าขึ้นสวรรค์อีก!

……

ในสวนนั้น มีผู้ชายร่างใหญ่สามคนยืนอยู่ คนหนึ่งสูงกว่าอีกคนหนึ่ง คนที่ยืนข้างหน้าสุดมีรูปร่างราวกับปีศาจร้าย มองแล้วรู้เลยว่าไม่ควรมีเรื่องด้วย

คนพวกนี้คือใครกัน!

เฉินฝานหันหน้าจะถามฉินเย่ว์โหรวแต่กลับพบว่านางแสดงสีหน้ากังวลใจ สองมือประสานกุมไว้แน่นหนา ในสายตาที่มองสบกันกับเฉินฟาน มีความโศกเศร้า ความไม่พอใจและการขอความช่วยเหลือ

นี่มันอะไรกัน!

“เจ้ามัวทำอะไรอยู่ ข้าเรียกตั้งนานกว่าจะออกมาได้!” ชายคนนั้นเดินมาอยู่ตรงหน้าเฉินฝานและแสดงฟันเหลือง จากนั้นแกว่งของในมือพร้อมกล่าว “ข้าเอาอาหารและเหล้ามาแล้ว คนก็พามาให้เจ้าด้วย”

พูดจบ เขาเรียกสองคนด้านหลังเข้าไปข้างในโดยไม่รอเฉินฝานตอบรับ

“พวกเรารู้จักกันรึ!”

เฉินฝานไม่ชอบใจ ที่นี่คือเรือนของเขา คนที่เข้ามาโดยไม่ได้รับการอนุญาตจากเขาทำให้เขารู้สึกไม่พอใจเท่าไหร่ ที่สำคัญกว่านั้นคือพวกนั้นทำให้ภรรยาของเขาตกใจ

เมื่อได้ยินประโยคนี้ ผู้ชายสามคนพลันหยุดชะงัก

“เจ้านี่มัน……เห้ย!” ชายฟันเหลืองยกมือขึ้นโบกอย่างไม่สนใจพร้อมพูดกับผู้ชายที่มาด้วยกัน “เมื่อวานไอ้หมอนี่ตกลงไปที่หุบเขา ตอนนี้สมองฟั่นเฟือน ไม่ต้องไปสนใจ พวกเจ้าเข้าไปนั่งก่อน”

พูดจบ ชายฟันเหลืองหันหน้าเข้าหาฉินเย่ว์โหรวที่ยืนอยู่หลังม่านกั้นและต่อว่าเสียงดังลั่น “นังเมียชั้นต่ำตาบอด ไม่เห็นอาหารและเหล้าในมือข้ารึไง! ยังไม่รีบเอาไปจัดการอีก ใช้ไม่ได้เลยสักนิด ถ้ารู้เร็วกว่านี้จะได้บอกให้น้องฝานเอาเจ้าไปขายทิ้งซะ!”

ร่างซูบผอมบางที่อยู่ตรงม่านกั้นประตูพลันสะดุ้งตกใจ

ฉินเย่ว์โหรวเดินออกมาจากม่านกั้นประตูด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว น้ำตายังคงเอ่อล้นเต็มดวงตา

นางรับอาหารและเหล้าจากมือของชายฟันเหลืองเสร็จ ฉินเย่ว์โหรวก็เดินกะเผลกตรงไปยังห้องครัว

ความโกรธของเฉินฝานเพิ่มระดับขึ้นเรื่อย ๆ พวกไร้ปัญญา เป็นผู้ชายแต่รังแกผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่สำคัญผู้หญิงคนนี้ยังเป็นภรรยาของเขาอีก

ไอ้ผู้ชายนี่เป็นใครกันแน่ มาหาโดยไม่ได้รับเชิญ อีกทั้งยังกล้าออกคำสั่งกับผู้หญิงของเขา

“เห้อ!”

เฉินฝานกำลังจะแสดงความโมโห ชายฟันเหลืองมองแผ่นหลังฉินเย่ว์โหรวที่เดินกะเผลกแล้วถอนหายใจ “ข้าว่านะเฉินฝาน เจ้าอดทนสักหน่อยไม่ได้เชียวรึ! ฉินสี่ขาหักแล้วน่าเสียดายไม่น้อย!”

“จริงด้วย!”

ผู้ชายสองคนที่อยู่ด้านหลังชายฟันเหลืองพยักหน้าเห็นด้วยและรู้สึกน่าเสียดาย

เฉินฝานมองผู้ชายสามคนนั้นอย่างสงสัย ฟังจากน้ำเสียงแล้ว สิ่งที่พวกเขาเสียดายไม่ใช่การเห็นอกเห็นใจฉินเย่ว์โหรว

“อย่ายืนกันอีกเลย พวกเราเข้าไปนั่งข้างในเถอะ เฉินฝาน ข้าดูสภาพเจ้าแล้วคงยังไม่หายดีเป็นแน่ เจ้าก็เข้าไปนั่งเถอะ”

ชายฟันเหลืองทำตัวเหมือนเจ้าของเรือนดึงเฉินฝานเข้าไปข้างใน

เฉินฝานนั่งลงมองชายสามคนนิ่ง รู้เขารู้เรา เขาต้องรู้ให้ได้ว่าคนพวกนี้เป็นใครและมาด้วยจุดประสงค์อะไร

เขาจัดการความทรงจำพักใหญ่

ผู้ชายสามคนนี้ เขารู้จักแค่ชายฟันเหลืองที่เป็นหัวหน้า มีนามว่าจู้ต้าอัน เขาและเจ้าของร่างเดิมเป็นอันธพาลในหมู่บ้าน

ทั้งสองคนมีนิสัยคล้ายกัน ทั้งเกียจคร้านและไม่เอาไหน รู้จักแค่กิน ดื่ม เที่ยวและเล่นพนัน งานบ้านในเรือนยกให้เป็นหน้าที่ของภรรยาทั้งหมด มิหนำซ้ำยังดูถูกว่าเหล่าภรรยาหาเงินทองได้น้อย ไม่ได้ดั่งใจเพียงเล็กน้อย ไม่ใช่ทุบตีก็ต่อว่าตำหนิ ทุบตีจนไม่ใช่มือหักก็ขาหัก

จูต้าอันกับเจ้าของร่างเดิมทำตัวกร่างเช่นนี้ก็เพราะรู้ว่าไม่มีใครกล้าฟ้องพวกเขากับทางราชการ

รัชสมัยต้าชิ่งมีผู้ชายน้อยกว่าผู้หญิงตั้งแต่ไหนแต่ไร หลายปีมานี้ก็อยู่ในสภาวะสงครามกับเมืองรอบ ๆ และยังประสบภัยพิบัติอีก ทุกวันนี้ชายหนุ่มในราชสำนักลดฮวบอย่างรวดเร็ว ผู้หญิงจำนวนมากที่ถึงวัยออกเรือนแต่ไม่มีใครรับไปเป็นภรรยา

สภาพเมืองย่ำแย่ ขาดแคลนเสบียงอาหารอย่างหนักทุกครัวเรือน ครอบครัวที่ใจเด็ดก็ทำการขับไล่ผู้หญิงที่ไม่มีใครแต่งงานด้วย คนที่มีหน้าตาสวยยังสามารถขายตัวตามซ่อง คนที่ไม่สวยทำได้เพียงเร่ร่อนไปทั่ว ในทุก ๆ ปีมีหญิงเร่ร่อนอดตายเป็นจำนวนมาก

ต่อให้เป็นหญิงสาวที่ไม่ได้ถูกขับไล่ออกไป แต่พวกนางกลัวตนเองเป็นภาระให้กับครอบครัว ส่วนมากก็เลือกจบชีวิตด้วยการฆ่าตัวตาย

ด้วยเหตุนี้ ฮ่องเต้ของต้าชิ่งจึงได้ประกาศพระราชโองการไว้หนึ่งฉบับ

ราชสำนักจะเป็นผู้จัดสรรภรรยาให้ นอกเหนือจากภรรยาที่ทางราชสำนักจัดสรรให้แล้ว ยังสนับสนุนให้ชายหนุ่มแต่งภรรยาหลายคน ผู้ใดแต่งภรรยาสามคนขึ้นไป รับรางวัล!

รางวัลที่ฮ่องเต้จะประทานให้ เริ่มจากเงินหนึ่งตำลึงในตอนแรกเพิ่มขึ้นมากถึงเงินสิบตำลึงในภายหลัง แต่ภายในราชสำนักก็ยังไม่มีชายหนุ่มคนไหนยอมแต่งภรรยาเพิ่มขึ้นเลย

ทุกวันนี้สถานการณ์ย่ำแย่ ครัวเรือนไหน ๆ ก็มีแต่ใช้ชีวิตไม่ฟุ่มเฟือยรัดเข็มขัดให้แน่น ใครจะกล้าแต่งภรรยาเพิ่ม

จำนวนผู้ชายร่อยหรอ เฉินฝานกับจู้ต้าอันแต่งภรรยามากกว่าสามคนทั้งคู่ ต่อให้ไปฟ้องที่ว่าการ อย่างมากที่ว่าการก็เพียงลงโทษพวกเขาตามกฎก็เท่านั้น

จูต้าอันกวาดสายตามองออกไป “น้องฝาน นังฉินสามของเจ้าล่ะ วันนี้ไม่อยู่ที่เรือนหรอกรึ!”

“ฉินสาม!”

นังนั่น!

อย่าบอกนะว่า เขาไม่ได้มีภรรยาคนเดียว!

“ไม่ใช่แล้วล่ะ” จูต้าอันส่ายหัว “ข้าว่านะน้องฝาน สมองของเจ้าใช้การไม่ได้หลังจากตกไปที่หุบเขาแล้วจริง ๆ รึ”

เฉินฝานเขม่นตาใส่ “พูดจาเป็นหรือไม่ สมองเจ้าสิใช้การไม่ได้!”

จูต้าอันตอบโต้ทันที “ถ้าสมองยังใช้การได้ แล้วทำไมถึงจำฉินสามไม่ได้ล่ะ! เจ้าไม่เพียงแต่จำฉินสามไม่ได้ แต่ยังเกรงอกเกรงใจกับนังพิการฉินสี่อีก ไม่ตบตีไม่ดุด่า”

ฉินสี่ นังพิการ!

คนที่จูต้าอันกำลังพูดถึงคงเป็นฉินเย่ว์โหรวที่กำลังยุ่งอยู่ในครัว

“เจ้านี่มันรู้จักคำว่ามารยาทบ้างหรือไม่ เมียข้าชื่อเย่ว์โหรว ไม่ใช่นังพิการ!”

“ให้ข้าดูหน่อย ๆ” จูต้าอันแสดงสีหน้าดุจผู้เหนือกว่า “ยังพูดอีกว่าสมองใช้การได้ ปกติเจ้ารังเกียจฉินสี่ที่สุด เจ้ารังเกียจที่นางซูบผอม ลงนาทำงานหนักไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะมีพวกฉินสาม เจ้าหย่ากับนางและทิ้งนางไปนานแล้ว”

“อ๋อ!” จูต้าอันพูดอยู่พลาง ๆ ก็อ๋อขึ้นมาแล้วชี้หน้าเฉินฝาน “ข้ารู้แล้วว่าเจ้านัดพวกข้าวันนี้ทำไม เพราะฉินสามไม่อยู่ที่เรือน เจ้ากลัวนางนั่นเอง”

“……” ความทรงจำเรื่องนี้ ไม่มีในสมองของเฉินฝานเลยสักนิด

ฉินสาม

จูต้าอันพูดถึงฉินสามทุกประโยค

นางคือพี่สาวของเย่ว์โหรวรึ! และเป็นภรรยาของเขาด้วยรึ นางเป็นผู้หญิงที่มีหน้าตาเป็นอย่างไรกันนะ!

“ช่างเถอะ ไม่พูดถึงฉินสามล่ะ มาคุยเรื่องของวันนี้กันเถอะ” จูต้าอันหันไปหาผู้ชายอีกสองคนที่เขามาด้วย “เป็นอย่างไร ข้าไม่ได้โกหกพวกเจ้าใช่หรือไม่ นังฉินเย่ว์โหรวมีหน้าตา……”

“นายท่าน”

เสียงหวานนุ่มนวลของฉินเย่ว์โหรวพูดขัดจังหวะจูต้าอัน นางยกโต๊ะเล็กที่มีกับข้าวสามอย่างเพิ่งทำเสร็จเดินเข้ามา

มือที่ยกโต๊ะกับเท้าที่ไม่สะดวก ทำให้นางต้องดูแลอาหารบนโต๊ะอย่างระมัดระวัง ฉินเย่ว์โหรวเดินกะเผลกเข้ามาข้างใน

เฉินฝานรีบลุกขึ้นรับโต๊ะเล็กจากมือฉินเย่ว์โหรว “ข้าช่วย!”

ฉินเย่ว์โหรวชะงักเล็กน้อย ดวงตาอ่อนโยนคู่นั้นยังแฝงไว้ด้วยความงุนงงและความประทับใจเล็กน้อย

เฉินฝานไม่เพียงแต่ไม่รังเกียจที่นางยกอาหารช้า แต่ยังลุกขึ้นช่วยนางและพูดกับนางอย่างสุภาพ

เขา......ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วจริง ๆ

“เนื้อผิวทั้งขาวและละเอียดอ่อน หน้าตาก็สะสวยงดงาม ต้าอันพูดไว้ไม่ผิด เป็นหญิงงามที่หายากจริง ๆ น่าเสียดายที่ขาถูกทุบตีจนหัก ไม่เช่นนั้น……”

จูต้าอันจับจ้องฉินเย่ว์ ผู้ชายสองคนที่เขาพามาด้วย ก็จับจ้องบนตัวฉินเย่ว์โหรวไปมาอย่างไม่มีเจตนาดี

แม้ว่ายุคปัจจุบันเฉินฝานไม่เคยมีแฟน แต่เขาไม่ใช่คนโง่ จุดประสงค์การมาของพวกนี้ก็คือฉินเย่ว์โหรว

เจ้าของร่างเดิมมันไม่ใช่คน ตอนเกิดใหม่ลืมพกสมองมาด้วยหรืออย่างไร นับถือคนที่คิดไม่ซื่อกับภรรยาของตัวเองว่าเป็นพี่น้องกัน!

เฉินฝานกวาดสายตาเย็นชามองหน้าผู้ชายสามคนตรงหน้า

“ไสหัวออกไปให้หมด!”
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (7)
goodnovel comment avatar
Arun Immeunwai
อ่านถึงบท ห้าร้อยหกสิบกว่า มาบอกว่าเปลี่ยนล็อกอิน เข้าระบบ คืออะไร ทั้งที่เข้าอ่านประจำทุกวัน
goodnovel comment avatar
Teerawat Sutee Bunthob
สนุกมากเลยครับ เตรียมเงินไว้เติมเหรียญ อ่านเรื่องสนุกๆๆแบบนี้...️
goodnovel comment avatar
ไมตรี ไมตรี
เวลาเปิดใหม่ทำไมไม่ไปหน้าสุดท้ายที่อ่านเลย ขี้เกียจเลื่อน
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1315

    “อะไรนะ!?”“ตอนนี้องค์หญิงเสี่ยวฉู่พาฝ่าบาทไปที่ประตูอู่แล้วขอรับ เจ้าสิ่งนั้น ปะ ปะ...”“ปืนไรเฟิล”“ใช่ ๆ ปืนไรเฟิล ปากกระบอกปืนไรเฟิลจ่อพระเศียรของฝ่าบาทอยู่เลยขอรับ!”“หา นี่เป็นเพราะอะไรกัน?”บรรดาพี่สาวน้องสาวตระกูลฉินได้ยินข่าวขึ้นมา“กราบทูลบรรดาองค์หญิง ข้อเรียกร้องขององค์หญิงเสี่ยวฉู่คืออยากให้ท่านอัครเสนาบดีกับฝ่าบาทอภิเษกสมรสกันเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”“เหลวไหล!”เฉินฝานพุ่งตัวออกไปราวกับพายุเวลานี้บรรดาพี่น้องตระกูลฉินที่เพิ่งแสดงท่าทีรีบร้อนทำหน้าร้อนใจกลับมีสีหน้าแจ่มใส ถึงขนาดที่นั่งลงปรึกษาหารือกันฉินเย่ว์โหรว “พี่หญิงรอง ท่านมีฝีมือดี ท่านรีบไปขวางอยู่ที่หอด้านบนประตูอู่ อย่าให้นายท่านลงมา” ฉินเย่ว์เจียว “ไม่มีปัญหา พอถึงเวลานั้นข้าจะเรียกน้องหวั่นเอ๋อร์ นายท่านหนีไม่รอดแน่”ฉินเย่ว์ฉิน “เช่นนั้นข้าจะให้พี่น้องในวังเซียวเหยาก่อนหน้านี้ไปเดินเล่นแถว ๆ ประตูอู่ให้หมดเลย จะต้องครึกครื้นเป็นแน่ รับรองว่าพี่น้องทหารองครักษ์พวกนั้นจะต้องมองสาวงามอย่างไม่หวาดไม่ไหว”สามพี่น้อง “ความปรารถนาของเสี่ยวฉู่ พวกเราในฐานะพี่สาวจะต้องช่วยอย่างเต็มที่!”เมื่อมองถนนละแวกป

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1314

    “ข้าไม่ได้ขัดขืนจริง ๆ” เย่ลวี่เลี่ยก้มหน้าลง ชายสูงแปดฉื่อทำสีหน้าที่เต็มไปด้วยความท้อแท้ใจ เขาอยากขัดขืนอยู่แล้ว แต่ฉินเย่ว์ฉู่ไม่ได้ให้โอกาสนั้นกับเขาเลยตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่บุกเข้ามาในกระโจมใหญ่ของเย่ลวี่เลี่ย ก็ยิงปืนกำจัดองครักษ์ของเย่ลวี่เลี่ยก่อนพูดแล้วก็น่าอับอาย เย่ลวี่เลี่ยที่เคยผ่านศึกมาอย่างโชกโชนตกใจกลัวรูเลือดตรงกลางหน้าผากขององครักษ์ เขาไม่เคยเห็นอาวุธที่รวดเร็วขนาดนี้มาก่อนเลยได้ยินแค่เสียงดังปัง หน้าผากขององครักษ์ก็มีรูเลือดใหญ่ขนาดนี้แล้ว ความเร็วที่แม้แต่เทพเซียนก็ทำไม่ได้ ความแม่นยำที่แม้แต่เทพเซียนก็ยังทำไม่ได้ในตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่ยกปืนขึ้นแล้วลั่นไกอีกครั้ง เมื่อเย่ลวี่เลี่ยได้ยินเสียง เขาก็ตกใจจนสลบไปทันที หลับไปตื่นหนึ่งถึงค่อยพบว่าฉินเย่ว์ฉินยิงใส่หมวกเล็กของเขาเท่านั้นตกใจสาวน้อยจนสลบไป ไม่ว่าสือจิ่งซานผู้นี้จะถามอย่างไร เย่ลวี่เลี่ยก็ไม่บอกเขา .....ในคืนที่เย่ลวี่เลี่ยถูกจับ ข่าวก็ไปถึงเมืองหลวงแล้ว “เครื่องอัดเสียงพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องเสียง...” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยอ่านคำเหล่านี้ก็ถามเฉินฝานด้วยความมึนงงว่า “จดหมายของเสี่ยวฉู่บอกว่า นางแค่อาศ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1313

    “นางไม่รู้หรือว่าพวกเราไม่อยากลงมือจริงจัง?” “พอไปถึงค่ายทหารของชาวหู ไม่ใช่แค่โดนฆ่าธรรมดาแบบนั้นหรอกนะ” ชาวหูไม่มีทางปล่อยสตรีชาวต้าชิ่งใด ๆ ที่ตกอยู่ในมือพวกเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสตรีชาวต้าชิ่งที่หน้าตางดงามฐานะสูงศักดิ์อย่างฉินเย่ว์ฉู่ พฤติกรรมของพวกเขาใช้คำว่าเดรัจฉานมาอธิบายยังไม่พอเลย สือจิ่งซานสะบัดแขนเสื้อ “พอได้แล้ว สตรีนางเดียวไม่มีค่าพอให้เราต้องใส่ใจหรอก นางอยากตายก็ปล่อยนางไปเถิด โจวจวี่ เจ้าส่งคนไปบอกเยลวี่เลี่ยว่าให้พวกเขาเหลือศพไว้ครบถ้วน ข้าจะซื้อศพไว้ใช้ประโยชน์” ไม่ต้องให้สือจิ่งซานรอนานเกินไป วันรุ่งขึ้นทหารลาดตระเวนก็มารายงาน “ว่าไงนะ? เยลวี่เลี่ยมาด้วยตนเอง?”“ท่านแม่ทัพใหญ่ หากพูดให้ตรงคือเยลวี่เลี่ยโดนฮูหยินเล็กของท่านอัครเสนาบดีจับกุมมาขอรับ”“เจ้าพูดอีกทีสิ?”ทหารลาดตระเวนพูดซ้ำถึงสามรอบเต็ม ๆ สือจิ่งซานก็ยังไม่เชื่อไม่ใช่แค่สือจิ่งซานที่ไม่เชื่อ ต่อให้เป็นผู้ถูกจับกุมอย่างเยลวี่เลี่ยก็ไม่เชื่อเช่นกัน เขาจะโดนสตรีนางเดียวจับกุมได้อย่างไรยิ่งไปกว่านั้นสตรีผู้นี้ยังอายุน้อย พาทหารหญิงรุ่นราวคราวเดียวกันมาแค่ร้อยกว่าคนเมื่อฉินเย่ว์ฉู่พาเยลวี่เล

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1312

    สือจิ่งซานยกมุมปากยิ้มคลุมเครือ “แปรพักตร์อันใดกัน ฝ่าบาทกับท่านอัครเสนาบดีเห็นอกเห็นใจกองทัพหมาป่าเรา จึงส่งสะใภ้คนเล็กมา เช่นนั้นกองทัพหมาป่าเราย่อมต้องต้อนรับสะใภ้ท่านนี้ให้ดี ๆ”“แม่ทัพใหญ่กล่าวถูกต้อง พวกเราต้อง ‘ต้อนรับ’ ให้ดี ๆ!” โจวจวี่พูดคล้อยตามทันที ไม่นานนักก็มีคำสั่งจากในกระโจมใหญ่ ให้ทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนยุคโบราณที่จารีตเคร่งครัดอย่างยิ่ง การเปลือยท่อนบนเช่นนี้เป็นพฤติกรรมดูหมิ่นไม่ให้ความกียรติสตรีอย่างรุนแรงยิ่งกว่านั้นฉินเย่ว์ฉู่เป็นภรรยาเอกของอัครเสนาบดีขั้นหนึ่ง องค์หญิงแห่งต้าชิ่ง พระขนิษฐาแท้ๆ ของฮ่องเต้หญิงหากฉินเย่ว์ฉู่เป็นเพียงสตรีทั่วไปในยุคนี้ เกรงว่ามีแต่จะตกใจจนมือไม้อ่อนไปหมดทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนออกจากกระโจม รอดูท่าทางตกใจกลัวจนร้องไห้โฮยกใหญ่ของฉินเย่ว์ฉู่“ผู้ชายมากมายถึงเพียงนี้ข่มขู่เด็กสาวคนเดียวจะไม่เกินไปหน่อยหรือ” มีบางคนรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ค่อยดีนัก แต่คำพูดของเขาก็โดนคนอื่นสวนกลับทันที “เกินไปอันใดเล่า เฉินฝานเป็นคนส่งมา ให้เขาหยามพวกเราได้เท่านั้น แต่ไม่ยอมให้พวกเราตอบโต้คืนหรือ? เปลือย

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1311

    เย่ว์หนูได้รับบาดเจ็บในระหว่างที่ปกป้องเฉินฝานครั้งหนึ่ง ร่างกายของนางตอนนี้จึงไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน เดิมทีเฉินฝานอยากให้หวงหวั่นเอ๋อร์ตามฉินเย่ว์ฉู่ไป มีหวงหวั่นเอ๋อร์อยู่ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยของฉินเย่ว์ฉู่ ผลปรากฏว่าฉินเย่ว์ฉู่ปฏิเสธแม้กระทั่งหวงหวั่นเอ๋อร์ด้วยฉินเย่ว์ฉู่พาทหารหญิงไปหนึ่งร้อยกว่าคน มุ่งตรงสู่ทางเหนือ บุกไปยังกองทัพหมาป่าอย่างกล้าหาญ “เจ้าปล่อยให้นางไปเช่นนี้หรือ?” คนที่ตำหนิเฉินฝาน ไม่ใช่แค่พี่น้องตระกูลฉินทั้งสามคนในจวนสกุลเฉิน แม้แต่ฉินเย่ว์เหมยที่อยู่ในวังหลวงก็รีบออกมาเช่นกันนางคิดว่าไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยที่สุดเฉินฝานต้องให้ฉินเย่ว์ฉู่นำกองพลมือปืนไป“เย่ว์ฉู่เป็นน้องเล็กของพวกเจ้า น้องเล็กของพวกเจ้ามีนิสับแบบไหน พวกเจ้าไม่รู้เลยหรือไร?” คำพูดประโยคเดียวของเฉินฝานทำให้พวกนางสำลักแล้วแม้ว่าฉินเย่ว์ฉู่จะเป็นน้องเล็กสุดในตระกูลฉิน ทว่าตั้งแต่เด็กจนโต นางมีความคิดของตัวเองมากที่สุด ขอเพียงเป็นเรื่องที่นางตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครสามารถทำให้นางเปลี่ยนใจได้“แต่ว่า...” ฉินเย่ว์โหรวที่เป็นคนกังวลใจมากที่สุด ขมวดคิ้วมุ่น ดูกลัดกล

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1310

    การปรากฏตัวของนาง ทำให้ทุกคนรู้สึกปีติยินดีกันมากแต่ฉินเย่ว์เจียวกลับถลึงมองสตรีผู้นั้น “พอได้แล้ว เสี่ยวฉู่เจ้าเด็กตัวแสบ แสร้งทำตัวเป็นผู้ใหญ่อันใด ยังไม่รีบเข้ามาอีก?” ฉินเย่ว์ฉู่ขี่ม้าเข้ามา ขณะที่นางผ่านฉินเย่ว์เจียวยังไม่ลืมเถียงกลับว่า “พี่หญิงรอง ข้าอายุยี่สิบแล้ว เป็นผู้ใหญ่ตั้งนานแล้วนะ”ฉินเย่ว์เจียวเชิดหน้าขึ้นสูง “ไม่ว่าเจ้าจะอายุเท่าไหร่ ถึงอย่างไรในสายตาข้า เจ้าก็เป็นเด็กตลอดกาล” ฉินเย่ว์ฉู่ควบม้าตรงมาหาเฉินฝาน แล้วฟ้องเขาว่า “นายท่านดูสิเจ้าคะ พี่หญิงรองรังแกข้าอีกแล้ว นางรังแกข้ามาตลอด ท่านไม่จัดการนางบ้างหรือ?”เฉินฝานมองฉินเย่ว์ฉู่ที่สดใสมั่นใจในตัวเองตรงหน้า ภาพที่เขาเห็นฉินเย่ว์ฉู่ครั้งแรกเมื่อสิบปีก่อนฉายขึ้นมาในสมอง เกิดความรู้สึกราวกับว่าเวลาผ่านไปชาติหนึ่งเด็กสาวที่ขี้กลัวในวันวาน บัดนี้กลายเป็นโฉมสะคราญที่มีสง่าราศี เฉินฝานรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย“เหตุใดที่กลับมาตอนนี้ ไม่ต้องเข้าเรียนแล้วหรือ?” เฉินฝานถามตั้งแต่ฉินเย่ว์ฉู่อายุสิบห้า เฉินฝานก็ส่งนางไปเรียนที่โรงเรียนสตรีในเมืองเซียนตู“นายท่าน ข้าน้อยเรียนจบแล้วเจ้าค่ะ”“เรียนจบแล้ว?”“ข้าน้อยเ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status