Home / โรแมนติก / เขาคนนั้น / บทที่ 5 ใจสลาย

Share

บทที่ 5 ใจสลาย

last update Huling Na-update: 2025-05-15 23:36:28

ห้องที่คุ้นเคย?

เจ้าของขนตาแพยาวไร้การเสริมแต่ง กวาดมองไปทั่วห้องก่อนขึงตาโต ชนิดกว้างครั้งแรกในชีวิต ก็ตอนเห็นควันโขมงพร้อมกลิ่นลอยอยู่บนอากาศ บริเวณนอกโดยมีประตูเลื่อนกั้นกลางระหว่างห้องนอนกับระเบียง ด้วยกระจกที่ใสมองเห็นจากข้างในแต่ทึบข้างนอกไร้ผ้าม่านปกคลุม ทำให้เจ้าของควันถูกมองไม่ชัด เขายืนอยู่ในท่าหันหลัง ด้วยสภาพผ้าเช็ดตัวพันรอบเอวอย่างหมิ่นเหม่

หญิงสาวก้มมองเลือดบนเตียงสลับกับเขาอยู่หลายรอบ ก่อนกรีดร้องสุดเสียงก็ตอนเขามองข้ามไหล่กลับมา

“กรี๊ด!!!!”

ครืน ครืน

“เฮือก!”

เสียงโทรศัพท์ทำคนบนเตียงสะดุ้งตื่น ร่างบางผุดลุกขึ้นนั่งพลางกุมขมับ ไม่ใช่แค่ความตกใจจากฝันเสมือนจริงทำให้เธอปวดหัว แต่เป็นฤทธิ์จากแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปอย่างหนักหน่วงของเมื่อคืนด้วย

“บ้าจริง”

อินถาลูบหน้า กว่าจะรับโทรศัพท์ได้ปล่อยให้ดังตั้งนาน

(เธอ เป็นไงบ้าง)

“นะ นักรบ”

เสียงแหบพร่าร้องเรียก ปลายสายที่มักจะโทรมาได้จังหวะ และเธอมักจะลืมดูหน้าจอก่อนกดรับทุกที

(ฟังจากเสียง น่าจะดูแย่เหมือนกันนะ ไหวไหมเนี่ย ถ้าไม่ไหวลางานก็ได้ เดี๋ยวเรื่องลูกค้าที่นัดไว้วันนี้ รบจะไปแทนเอง)

“เดี๋ยวนะ..”

หญิงสาวหันมองนาฬิกาบนหัวเตียง บอกให้รู้อีกครึ่งชั่วโมงจะสาย เธอไปไม่ทันนัดที่ว่านั้นแน่ การหลับตานิ่งมาพร้อมกับเสียงถอนหายใจ

(ว่าไง โอเคไหม)

“ใครมาส่ง ฉะ ฉัน แกเหรอ?”

ไม่ได้สนใจเรื่องที่ปลายสายพูด การงุนงงทำให้ต้องสูดลมหายใจเข้าปอดเน้นๆอีกครั้ง เป็นตัวช่วยอย่างหนึ่งต่อการตั้งสติ ภาพสุดท้ายของเมื่อคืนก่อนจะถูกตัดไปคือเธออยู่กับเขาจริงๆ

(รบไง)

“ฮะ!?”

(นี่จำอะไรไม่ได้เลยเหรอ)

“ไม่อะ..”

(เฮ้อ ก็คงใช่ เมาซะขนาดนั้น บอกแล้วให้รบยืนรอหน้าห้องน้ำซะก็จบ)

ดวงตาแดงก่ำขึงขึ้นจากความตกใจเท่าทวี กวาดมองไปทั่ว เห็นรอบบริเวณเป็นห้องของเธอ ก็ยิ่งงุนงงเข้าไปใหญ่ แต่รู้สึกโล่งใจเปราะหนึ่งก็ตอนก้มลงสำรวจแล้วพบเสื้อผ้ายังอยู่ครบ

“ฝันเป็นตุเป็นตะขนาดนั้นเลย?”

(ฝัน? ใครฝัน? เธอไม่ได้ฝัน รบไปส่งจริงๆ ไม่เชื่อถามพี่ รปภ ดู)

“เกี่ยวอะไรกับพี่ รปภ?”

(ก็เขาหามหัว รบหามท้าย)

"ฮะ? อะไรนะ! หามหัวหามท้าย ล้อเล่นปะเนี่ย"

(ล้อเล่นกับผีอะดิ เขายังบ่นอยู่เลย เห็นตัวเล็กๆแบบนี้หนักใช่เล่นเลยนะฮะ ฮ่าๆๆ )

"พูดให้จริงนะรบ ถ้าไม่จริงฉันจะตุยท้องแก"

(เอามีดมาปาดคอเลยก็ได้)

"ชิ! ว่าแต่เขาคนนั้นล่ะ จำได้ว่าเจอเขาที่ห้องน้ำ"

ปลายสายเงียบไปสักพัก เพื่อใช้ความคิด

(คนไหน? อ่อ.. คนนั้นนะหรือ ใช่เขาแบกเธอมาส่งที่โต๊ะ เชื่อไหมพี่มลขอโทษขอพายใหญ่เลย คงรู้จักกัน )

อินถากลืนน้ำลายก้อนใหญ่ ได้แต่ตำหนิตัวเองในใจที่จำอะไรไม่ได้เลย

“แบก?”

(อันที่จริงก็ไม่ใช่แบกหรอก เรียกว่าพาดบ่ามาจะดีกว่า)

ฮะ?! ทำไมมันฟังดูแย่กว่าเดิมล่ะ...

อินถาขึงโตขณะฟังปลายสายเล่า

(รบเห็นเธอหายไปนาน ก็เลยเดินกลับไปใหม่ เขากำลังอุ้มเธอมาที่โต๊ะพอดี มารู้ว่าเป็นเจ้าของผับก็ตอนพี่มลทักนั่นแหละ )

“ฮะ เจ้าของผับ?”

(อืม โอเคอิน เราขับรถอยู่อะ เอาเป็นว่าเธอพักผ่อนไปนะ ช่วงบ่ายจะไปเจอลูกค้าแทนให้ ตอนนี้ขอทำงานเราก่อน)

“อะ อืม”

เสียงแผ่วเบาตัดบทด้วยความเหม่อลอย ใจไม่ได้อยู่ในห้องนี้สักเท่าไหร่ แต่หายกลับไปยังอดีตช่วงเมื่อคืน

สรุป ฝันไปหรอกหรือเนี่ย?!

“หึ ตลกชะมัด”

กว่าจะเรียกสติกลับมาได้อย่างครบถ้วนก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยง ร่างบางในชุดกางเกงขาสั้นสีดำเสื้อยืดสีขาวยืนพิงโต๊ะบาร์ ในมือถือแก้วน้ำที่ดื่มไปแล้วครึ่งหนึ่งอย่างใจลอย ก่อนจะวางมันลงก้นกระแทกแล้วเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้า พลางกดโทรศัพท์แนบหูไปด้วย ทว่าปลายสายให้ฝากข้อความเสียงซะงั้น

++เฮ้ นักรับสุดหล่อครับ ถ้าไม่รับสายคือไม่ว่าง ได้ยินไหมไม่ว่าง บอกว่าไม่ว่าง เอ๊! ยังไม่วางอีก++

ติ๊ด!

“ไอ้บ้า”

หญิงสาวสบถด่ากลั้วหัวเราะ ส่ายศีรษะให้กับความทะเล้นของเจ้าของเสียง เปลี่ยนเป้าหมายเป็นการเร่งแต่งตัว อย่าให้ทันนักรบต้องทำงานแทน ไม่เช่นนั้นเธอจะถูกมองไม่ดี การถูกมองแย่ในเรื่องงานสำหรับเธอนั้นเรื่องใหญ่มาก ความเมาจะต้องไม่เป็นอุปสรรคกับสิ่งนี้!

และถ้าจำเป็นจะมีอุปสรรคจริงๆ ภาวนาให้เป็นเรื่องอื่นดีกว่า เรื่องที่มนุษย์ธรรมดาอย่างเธอควบคุมไม่ได้ อาทิเช่น เวลาประจวบเหมาะที่เรียกว่าบังเอิญ จังหวะเธอเปิดประตูออกมา แล้วประตูข้างห้องนั้นก็เปิดออกมาด้วย

ชิ้ง!

สายตาคนทั้งคู่บรรจบสบกัน แน่นอนหากแข่งว่าใครเป็นผู้ชนะในเรื่องจ้องตาคงหนีไม่พ้นเขา ร่างสูงไม่มีแม้แต่สะทกสะท้าน แถมเลิกคิ้วสูงอีกต่างหาก

“อะไรติดหน้าพี่งั้นหรือ?”

เหมือนโดนสะกดจิต คนตัวเล็กยืนนิ่ง ราวอัมพาตจับริมฝีปาก ถูกเม้มสนิทขยับไม่ได้ กลายเป็นจำต้องส่ายหัว ใช้สมองอย่างหนักหน่วงเพื่อเลือกระหว่างการหมุนตัวหนี กับเดินหน้าให้รู้แล้วรู้รอด และแน่นอนเธอเลือกอย่างหลัง

“เมื่อคืนเป็นคุณใช่ไหมคะ”

หัวคิ้วคนถูกถามย่นลงเล็กน้อยขณะมองหน้าหล่อน ก่อนคลายสู่สภาพเดิมตอนนึกขึ้นได้ ลากสายตายากจะคาดเดานั้นหลุบลง จดจ่ออยู่ตรงมือที่พันด้วยผ้าพันแผลแล้วยิ้มมุมปาก

“คิดว่าน่าจะใช่..”

ด้วยแววตาเฉยเมยเย็นชา คราวนี้เป็นอินถาที่ต้องขมวดคิ้วบ้างเพราะงงในท่าทางของเขา คล้ายๆกับว่าเมื่อคืนมีอะไรมากกว่าที่นักรบ เพื่อนของเธอเล่า

“ขอบคุณนะคะ ที่ช่วยเหลือฉัน..คือฉันเมาซะจนไม่ได้สติ..”

“ค่ะ พี่ทราบ”

“คะ?”

ยิ่งประโยคนี้ยิ่งแล้วใหญ่ ดวงตาคู่สวยขึงขึ้น พร้อมอ้าปากเหวอ ไม่เข้าใจในสิ่งที่เขากำลังสื่อ

มุมปากผู้ชายตรงหน้ากระตุก ขณะล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วเดินเชื่องช้าเข้ามา

เรื่อยๆซะจนหญิงสาวต้องเป็นฝ่ายถอย ก่อนจะเจอทางตันด้วยแผ่นหลังแนบชิดประตู กลายเป็นหนูติดจั่นหลังวงแขนของเขายกขึ้นมาเหนือศีรษะ เท้ายันไว้กับขอบประตู ต้องการขังคนตัวเล็กไม่ให้ขยับ

“แล้ว..แผลเป็นยังไงบ้าง”

โน้มหน้าลงมากระซิบข้างหู

อ๊างงง!

เขาจงใจอ่อยเธอชัดๆ

อะไรกันเนี่ย?! เจตนาจริงๆต้องการจะหาคำตอบ มายืนยันให้มั่นใจว่าแท้จริงแล้วเป็นเธอที่เพ้อเจ้อ เก็บเอาเขาไปฝัน หรือเป็นเขาทำจริง แต่กลับถูกเพิ่มความทรงจำให้หวั่นไหวซะงั้น!

“เอ่อ..ดีขึ้นแล้วค่ะ”

ชายหนุ่มยิ้มมุมปากอีกครั้ง ก้มลงต่ำมากกว่าเดิม

“เหรอคะ..”

แม้จะไม่เข้าใจกับสิ่งที่เขาสื่อ แต่เธอก็ชอบแบบนี้ หญิงสาวพยักหน้า มือข้างที่เจ็บเผลอขยุ้มเสื้อตรงตำแหน่งหัวใจ และเหมือนร่างสูงจะสังเกตเห็น เขาเหลือบตาลงมาดู จ้องเขม็งผ้าก็อตนั้นก่อนจะพามือตัวเองเลื่อนมากุมเบาๆ

"พี่ขอโทษแทนผู้หญิงของพี่ด้วยนะ”

พร้อมประโยคที่ทำให้คนได้ยินหัวใจร่วงหล่นลงตาตุ่ม

“คะ?”

“...ที่กล้าดีไปทำหนูเจ็บ”

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • เขาคนนั้น   บทที่ 32 เหมือนกัน

    บ้านหลังหนึ่ง สร้างด้วยช่างฝีมือดี ตั้งตระหง่านอยู่บนเขตนอกชานเมือง ถูกรายล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ และพืชเขียวขจี ราวกับอาณาเขตนั้นจงใจถูกจัดแต่งโดยเจ้าของบ้านที่รักอิสระทว่าไม่ใช่ ไม่เลย..เพราะนั่นคือตรงกันข้ามหล่อนมักจะอ้างว้างทุกครั้งยามต้องอยู่คนเดียว และยิ้มดีอกดีใจก็ตอนประตูรั้วค่อยๆเลื่อนเปิด ตอนรถหรูคันหนึ่งเคลื่อนผ่านเข้ามา ใช่เลยเป็นเขาคนที่รออยู่“มาแล้วเหรอ”เสียงหวานถามทันทีที่เห็นร่างสูงหลุดวงกบประตูเข้ามา“เป็นไงบ้าง”เสียงแหบพร่าถามกลับ ไม่ได้มองหล่อนเต็มตาสักเท่าไหร่ เลือกที่จะเดินไปทิ้งตัวลงบนฟูกพร้อมพ่นลมหายใจเขาคงเหนื่อยมาก มากซะจนไม่มีอารมณ์จะมองตากันดวงตากลมโตของจินดาขึงกว้างขึ้นเล็กน้อย หล่อนเป็นผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งจัดว่ารู้จักเขาดีมากกว่าใครอื่น ถึงได้รู้อารมณ์ที่แสดงออกมาตอนนี้นั้นยากจะควบคุมของเขา หากพูดผิดหูไปเพียงนิดเดียว อาจจะโดนตะเพิด และทำเขาหายไปจากบ้านหลังนี้ได้ จึงเลือกที่จะกลืนน้ำลายดับความน้อยใจลงก่อน ถึงจะเอาตัวเข้าไปใกล้“อะไรเย็นๆหน่อยไหม”แม้ว่าจินดาจะจัดไปทางคนเจ้าอารมณ์ ชอบเหวี่ยงชอบวีน แต่หล่อนก็อยู่เป็น เลือกที่จะใช้ท่าทางและคำพูดได้ดีและถู

  • เขาคนนั้น   บทที่ 31 ธาตุแท้

    นับตั้งแต่นั้น ความระแวงก่อให้เกิดความกระอักกระอ่วนใจ ภายในห้องใหญ่แต่เบาเสียง ชนิดไร้ซึ่งการหยอกล้อระหว่างคนสองคน และกำลังเสี่ยงต่อความสัมพันธ์ ที่อาจทำให้เกิดการสั่นคลอนได้ราล์ฟกลับบ้านดึกทุกวัน บางครั้งอินถาหลับไปแล้ว กว่าจะเห็นเขานอนอยู่ข้างๆก็ตอนเช้าตรู่ความตึงเครียดจึงเริ่มมีอิทธิพล สาวเจ้าในวันทำงานไร้รอยยิ้มและวันผ่อนคลายเหมือนเช่นเคย จนนักรบเพื่อนร่วมงานทันสังเกต และเริ่มสงสัยจริงจังก็ตอนอยู่กันตามลำพังในร้านกาแฟของบริษัท“มีปัญหากันใช่ไหม”“อืม”“ตั้งแต่เมื่อไหร่”“สักพักละ”“ตั้งแต่ตอนนั้นเหรอ”“อืม”คนถูกถามเอาแต่พยักหน้า ขณะสายตาหลุบต่ำจ้องเพียงแก้วกาแฟที่เพิ่งจะลดลงไปไม่ถึงคืบ เพียงเพราะมันขมกว่าวันปกติจนกลืนไม่ลงชายหนุ่มถอนลมหายใจพรืด ฉุดมือนั้นไว้และบังคับให้แก้วลดลง เพื่อจะเห็นสีหน้าบูดบึ้งอย่างชัดเจน“อิน..”“หืม?”“รบหวังดีนะ”ประโยคบอกเล่า ให้ความรู้สึกถึงคนพูดไม่สู้ดีนัก ทำคนฟังชะงักกึก ยอมที่จะละทิ้งความตะขิดตะขวงใจไว้เบื้องหลัง ความประหม่าถูกทาบทับลดระดับลง หลงเหลือความซึ้งใจให้พึงระลึกแทน“เรารู้” หญิงสาวพยักหน้า ช้อนตาขึ้น “แยกแยะได้แหละน่า มันไม่เกี่ยวกับร

  • เขาคนนั้น   บทที่ 30 นอกแผนที่วาง

    โทรศัพท์แนบอยู่กับหูเขา โดยไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมาสักนิด เขาเงียบกริบ รับบทเป็นผู้ฟังที่ดี จะมีก็แต่สีหน้าที่ยากจะคาดเดาอินถาเม้มปากแน่น เงยหน้ามองตาละห้อย ในใจลุ้นระทึกไม่รู้ปลายสายพูดอะไรหรือเปล่า ไม่นานเบิกกว้างตอนเขาตัดสายทิ้ง รับรู้ถึงหายนะที่กำลังจะตามมา“เลือกเอาระหว่างพี่กับมัน”“คะ?”ใช้เสียงทุ้มกดดัน หญิงสาวอ้าปากค้างทำอะไรไม่ถูก“หยุดทำหน้างงแล้วฟัง?" มือหนาบีบไหล่แน่น จ้องเขม็งตาไม่กะพริบ "ถ้ามีมัน ต้องไม่มีพี่”เสียงกลืนน้ำลายลงคอ กับการขยับเขยื้อนของเส้นเลือด ตัดสินใจพูด เป็นการเกทับที่อันตรายอย่างหนึ่ง“ไม่ได้ค่ะ” หญิงสาวส่ายหน้า “นักรบคือเพื่อนของหนู เป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่อยู่ในที่ทำงาน เราทำงานด้วยกันมาโดยตลอด หนูจะอยู่ได้อย่างไงถ้าไม่มีเขา”“อะไรนะ?!”“เอ่อ..หมายถึง งานจะราบรื่นได้ยังไงถ้า..”“ลาออกสิ”“ฮะ?”“ลาออก พี่จะหาที่ใหม่ให้ พี่ไม่เชื่อว่ามันอยากจะเป็นแค่เพื่อน”เริ่มใช้น้ำเสียงแข็ง“อะไร” เธออึ้ง “ทำไมถึงคิดแบบนั้น..เขาไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมต้องห้ามคบเขา”“เพราะพี่ไม่ชอบมัน”และเริ่มพาล“ก็ต้องเข้าใจกันสิ พี่ต้องเข้าใจว่านั่นคือเพื่อนของหนู คือบุคคลที่หนูเล

  • เขาคนนั้น   บทที่ 29 เคลียร์ไม่จบ

    “ไงคะ..”รอยยิ้มกระชากใจที่มักจะเกิดขึ้นทุกครั้งหลังกระจกถูกเลื่อนลง เผยหน้าคนขับอยู่ข้างหลังพวงมาลัยแบบเด่นชัด พร้อมคำถามแหบพร่าชวนให้หลงใหลปกติการกระโดดขึ้นรถ นั่งประจำที่ข้างกัน จะมาพร้อมความร่าเริง ขี้เล่นบวกสดใสของคนตัวเล็กเสมอ เสมือนมีพลังแม่เหล็กที่แม้จะเหน็ดเหนื่อยกับงาน หรือเครียดหนักมาทั้งวัน ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เป็นบุคลิกที่ราล์ฟคุ้นชินดีและชื่นชอบเป็นที่สุด เธอเป็นส่วนหนึ่งของรอยยิ้มเขา พร้อมสัมผัสได้ว่าเมื่อใดก็ตามที่อยู่ในรถขนาดพื้นที่เล็ก มีแค่พวกเขาทั้งสอง เมื่อนั้นราวกับร่างกายได้ชาร์จพลังงานผ่อนคลาย หัวใจประหนึ่งถูกพรวนดินรดน้ำหากแต่ต่างจากวันนี้...เขาทักทายเธอพร้อมรอยยิ้มละมุนเหมือนเช่นเคย ทว่ากลับได้คืนมาด้วยหน้าที่บึ้งตึง ไม่คิดแม้แต่จะชายตามอง ไม่เงยหน้าขึ้นมาแม้แต่น้อย“เป็นอะไรไปคะ งานยุ่งหรือ..”ในขณะคนขับยังคงถาม หยั่งเชิงเผื่อเธอจะเหนื่อยจริงๆแต่แล้ว..มีเพียงความว่างเปล่าเท่านั้นเป็นฝ่ายตอบ ในรถเงียบเชียบไม่ต่างกับก่อนหน้านี้ เขาขับมาคนเดียว ชายหนุ่มจึงขมวดคิ้ว เหลือบตามองเธอสลับกับท้องถนนเป็นระยะ ทิ้งห่างความวอแวไปสักพักใหญ่ ก่อนจะถามใหม่ก็ตอนลงจากท

  • เขาคนนั้น   บทที่ 28 เสี่ยงถูกหักหลัง

    เมื่ออินถาอาบน้ำเสร็จ กับเวลาที่จงใจใช้ให้นานกว่าปกติ สถานการณ์หลังเดินออกมาก็ดูเปลี่ยนไปทันที"อ่าวไปไหนแล้ว.."ทั้งห้องเงียบกริบ จะมีก็แต่เสียงเครื่องปรับอากาศที่เปิดทิ้งไว้ และกลิ่นอ่อนๆของควันบุหรี่ตลบอบอวล บ่งบอกถึงการใช้งานมาได้สักพัก เตรียมจะจางหายไปสาวเจ้ากวาดตามองไปทั่ว เมื่อไม่เห็นเขาก็เริ่มใจหาย และเลือกที่จะเดินหามากกว่าการจัดการตัวเอง ในสภาพชุดคลุมกับเส้นผมที่เปียกชุ่ม แต่พอเหลือบไปเห็นโทรศัพท์ ที่ถูกชาร์จแบตทิ้งไว้อยู่บนโต๊ะก็โล่งใจขึ้นคงจะไปไหนไม่ไกล..ครืด~เธอกะจะหมุนตัวกลับไปยังห้องแต่งตัวแล้ว ถ้าไม่ติดว่าโทรศัพท์เครื่องนั้นมีเสียงแจ้งเตือน กลายเป็นต้องชะงัก และเดินเข้าไปใกล้กว่าเดิมอีก เพราะความอยากรู้ตามสัญชาตญาณแกมหวาดระแวง ทว่าเจ้าของกลับคว่ำโทรศัพท์ไว้ทำให้ไม่เห็นหน้าจอสาวเจ้าขมวดคิ้วชน ความแปลกประหลาดทำนิสัยชอบคิดมากเริ่มทำงาน ย้อนกลับมาถามตัวเอง มีคนประเภทไหนบ้างที่มักจะคว่ำโทรศัพท์เป็นวิสัยนอกจากคนที่มีความลับ?อินถาใช้นิ้วถูจมูกตัวเอง เมื่อรู้สึกเริ่มคิดไปไกลจึงถอนหายใจพรืด ต่อให้อยากรู้มากแค่ไหน การถลาเข้าไปพลิกโทรศัพท์ก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำอยู่ดี เจ้าของ

  • เขาคนนั้น   บทที่ 27 แรงหึง

    หลังจากพวกเขาย้ายมาอยู่ด้วยกัน ชีวิตประจำวันของคนทั้งคู่ก็เปลี่ยน คนที่โสดมานานอย่างอินถาจะต้องปรับตัวเป็นอย่างมาก ไม่ใช่ว่าค่อยๆ แต่ก้าวกระโดดจนน่าใจหาย นั่นเพราะอีกคนทำให้เป็นแบบนั้น เปรียบเสมือนทิศทางของน้ำที่ถูกขุดร่องจากจอบของอีกคนเพียงด้ามเดียว ทว่านั้นไม่ใช่อุปสรรคหรือทำให้อึดอัดแต่อย่างใดในตอนนี้ความลุ่มหลงที่มีเกินพอดี ทำให้ปัญหาถูกมองข้ามไปทุกเช้าราล์ฟจะไปส่งที่ทำงานและเย็นหลังเลิกงานก็จะรับแวะทานข้าวกันก่อน ก่อนพากันกลับห้อง ซึ่งเป็นเช่นนี้มาแล้วหลายวันจนกระทั่งวันนี้.."อ๋อ~ ไม่เป็นไรค่ะ หนูกลับเองได้"แฟนหนุ่มของเธอโทรมาขอโทษ เนื่องจากมีภารกิจเกี่ยวกับงานที่เขาจะต้องทำเร่งด่วน ไม่สามารถมารับเธอได้ตามปกติ หญิงสาวจะต้องเดินทางกลับที่พักเอง(พี่ไม่สบายใจเลยค่ะ)ปลายสายเอ่ยเสียงเนือย สาวเจ้ายิ้มจังหวะหนีบโทรศัพท์ไว้ระหว่างหัวไหล่กับกกหู หลังต้องใช้มือเก็บเอกสารบนโต๊ะเข้าแฟ้มอย่างทุลักทุเล"แต่ก็ยกเลิกไม่ได้ใช่ไหมละคะ อย่าห่วงหนูเลย หนูกลับได้ พี่ทำงานให้สบายใจเถอะค่ะ"(จริงนะ?)"จริงๆ รถเมล์เยอะจะตาย ปลอดภัยด้วย"(โอเคค่ะ งั้นกลับดีๆนะคะ)"ค่ะ"(เจอกันที่ห้องค่ะ)"ได้ค่า"

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status