“ดึกแล้วเรารีบขึ้นข้างบนกันดีกว่า” “จะพาดาวไปไหนคะ” “ไปนอนไงครับ” “แต่นี่เลยห้องดาวแล้วค่ะ” “คืนนี้นอนห้องพี่” “แต่...อื้อ” เมื่อนักธุรกิจหนุ่มหล่อ รวย ทำงานเก่ง ใช้ชีวิตโดดเดี่ยว กับมรดกมหาศาลที่พ่อแม่ทิ้งไว้ให้ ความเพียบพร้อมทั้งหน้าตาและฐานะทำให้เป็นที่หมายตาของเหล่าสาวๆ แต่เขากับสนใจเพียงแต่งาน งาน และงาน เท่านั้น จนได้มาพบกับเธอ... สาวน้อยขี้อ้อนที่มาพร้อมความสดใส เข้ามาป่วนจนชีวิตของเขาเปลี่ยนไป ด้วยความเป็นคนหัวขบถนิดๆไม่ยอมใครยิ่งทำให้เธอดูน่าสนใจ ชีวิตของเธอกำลังตกอยู่ในอันตราย เขาจึงต้องปกป้อง หญิงสาวที่ตกหลุมรักตั้งแต่พบเธอครั้งแรก ถึงการพบกันจะไม่ได้สวยงามนัก แต่นั่นกับเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวมากมายที่ทำให้ทั้งสองคนได้มารักกัน
view moreอากาศยามเช้าที่ควรจะสดใส ถูกปกคลุมด้วยเหล่าก้อนเมฆสีดำ ที่มืดครึ้มตั้งเค้าว่าฝนจะตกมาแต่ไกล เช้านี้เลยทำให้อากาศเย็นสบายกว่าทุกวัน
“ออเดอร์ A045 รายการของลูกค้าเรียบร้อยแล้วค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ” นิศรายิ้มหวานรับแก้วกาแฟและถุงขนมจากพนักงาน ก่อนเดินไปเปิดประตูเพื่อออกจากร้าน
“ขอบคุณที่ใช้บริการ ทานให้อร่อยนะคะ” เสียงพนักงานกล่าวลาลูกค้า
..ติ๊ง ต่อง..เสียงเปิดประตูดังขึ้น
“ว้าย.ย....ขอโทษค่ะ”
นิศราร้องอุทานด้วยความตกใจ เธอชนเข้ากับร่างสูงใหญ่ของคนที่พึ่งเปิดประตูเข้ามา ทำให้กาแฟหกใส่เสื้อนักศึกษาสีขาวเป็นคราบสีน้ำตาลเข้มเลอะเต็มเสื้อ โชคดีที่เธอสั่งเป็นกาแฟเย็น หากเป็นกาแฟร้อนเธอคงถูกลวกอย่างหลบไม่ได้
“เดินประสาอะไร ทำไมถึงไม่ดูตาม้าตาเรือ” เสียงดุเข้มของคนที่เปิดประตูมาชนเธอเอ่ยขึ้น
“อ้าวนี่...คุณมั้ย!ที่เปิดประตูไม่ระวัง ไม่เห็นคนหรือไง พุ่งเข้ามาได้...แล้วดูนี่ป้าย” เธอชี้ไปที่ป้ายที่ติดด้านหน้าประตูอย่างเอาเรื่อง “อ่านออกมั้ย ดึงอะดึง ผลักมาได้ ขอโทษสักคำก็ไม่มี ยังจะมาว่าคนอื่นอีก”
เสียงใสโวยวายอย่างไม่พอใจ เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่สำนึกผิดแถมยังมากล่าวโทษว่าเป็นความผิดเธออีกต่างหาก -ไอ้ขยะเปียก- ประโยคนี้เธอด่าเขาในใจ
“เธอรู้มั้ย ว่าเสื้อตัวนี้มันราคาเท่าไหร่” ชายหนุ่มบ่นอย่างหัวเสีย ไม่สนใจคำพูดของเธอด้วยซ้ำ วันนี้เขามีประชุมสำคัญกับต้องมาเจอเหตุการณ์นี้
“ให้ตายสิ! จะราคาเท่าไหร่มันก็เรื่องของคุณมั้ย ตอนจ่ายเงินซื้อไม่ได้ดูราคารึไง ถึงต้องมาถามจากคนอื่นเนี่ย”เธอก็เริ่มจะหัวเสียกับคำพูดของเขาเช่นกัน
“พูดแบบนี้คือจะไม่รับผิดชอบ” แววตาคมกริบตวัดมอง อย่างไม่ยอมเช่นกัน
“จะให้ฉันรับผิดชอบอะไร ในเมื่อคุณเป็นคนผิด คุณนั่นแหละที่ต้องรับผิดชอบ ชุดฉันเลอะเนี่ยถ่างตาดูด้วย สติค่ะสติ! หน้าตาก็ดี แต่งตัวก็ดูดี ไม่น่าเป็นคนนิสัยไม่ดีเลย วันซวยของฉันจริง ๆ เลย”
หญิงสาวตะเบ็งเสียงต่อว่า ชี้ให้เขาดูสภาพเธอ ด้วยความไม่พอใจ เสียงเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ ใบหน้าจิ้มลิ้ม ถลึงตามองอย่างไม่พอใจ วินาทีนั้นเองที่เขาได้เห็นใบหน้าของเธอชัดเจน
คิ้วบางเลิกสูงขมวดเข้าหากัน ดวงตาโตกลมถลึงตามองอย่างไม่พอใจ ใบหน้าหวานมีสีแดงระรื่นเพราะความโกรธ ปากน้อย ๆ ขยับบ่นเขาไม่หยุด ดวงตาคู่คมจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าตาไม่กะพริบ แล้วต้องชะงักเมื่อเสียงแจ๋ว ๆ ของเธอเงียบลง เปลี่ยนเป็นตะโกนเรียกเขาแทน
“นี่ นี่คุณ ฟังอยู่รึเปล่าเนี่ย”
“งั้นถือว่าหายกัน ก็แล้วกัน” เมื่อได้สติชายหนุ่มจึงปรับน้ำเสียงให้นุ่มลง
“อะไรนะ หายกัน” นิศราถามย้ำเสียงดังก่อนบ่นต่อ
“ชุดฉันเลอะนะ ฉันต้องรีบไปส่งงานอาจารย์ด้วย”
“แล้วคุณต้องการเท่าไหร่”
“อะไร” เธอได้ยินชัดแหละแต่ถามย้ำเพื่อให้แน่ใจ
“ที่พูดมาทั้งหมด คืออยากได้เงินไม่ใช่หรือไง จะเอาเท่าไหร่” เขาเน้นเสียงพร้อมส่งสายตาเหยียดใส่เธอ มันยิ่งทำให้หญิงสาวไม่พอใจมากขึ้นไปอีก
“เท่าไหร่เหรอ พูดแบบนี้หมายความว่าไง”
“ก็อยากได้เงิน ผมก็จะรับผิดชอบให้นี่ไงอยากได้เท่าไหร่จะได้แยกย้ายกัน ผมมีธุระสำคัญรออยู่”
“ธุระของคุณมันสำคัญมากกว่าธุระของคนอื่นสินะ จะบอกให้นะ ว่าเงินของคุณน่ะ มันไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทุกอย่างหรอก”
“อ่าว! เฮ้อ ...แล้วจะเอายังไงล่ะครับคุณผู้หญิง”
ธีรวัฒน์ถอนหายใจยาว รู้สึกเริ่มเหนื่อยหน่ายที่เรื่องนี้จะไม่จบง่ายๆ เสียแล้ว
ไม่ต่างกันหญิงสาวตรงหน้า เธอสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดทำสมาธิ พร้อมทำท่าทางจริงจัง
“ฉัน ไม่ ต้อง การ เงิน ของ คุณ! แต่ขอให้คุณรับผิดชอบแบบนี้แล้วกัน”
นิศราเน้นคำพูดช้า ๆ ชัด ๆ เมื่อพูดจบหญิงสาวก็สาดกาแฟในแก้วที่เหลือ ใส่กลางลำตัวของคนตรงหน้าทันที
“เฮ้ยย! ทำอะไร เด็กบ้านี่”
ธีรวัฒน์อุทานออกมาด้วยความตกใจ ในการกระทำของเธอ ไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะทำเช่นนี้ มือหยาบปัดกาแฟออกจากเสื้อพร้อมเงยหน้ามองคนที่ยืนยิ้มเยาะกับผลงานของตัวเอง
“โอเค แบบนี้ค่อยยุติธรรมหน่อย หายกันแล้วนะ ถือว่าไม่มีอะไรติดค้างกันแล้ว อีกอย่างถ้ารวยมากนักก็ช่วยเคลียร์ที่ทำร้านเขาเลอะเทอะด้วยก็แล้วกัน หวังว่าเราคงจะไม่ต้องเจอกันอีกนะ เพราะคุณมันเฮงซวย!”
‘ขอโทษสักคำก็ไม่มีไอ้ขยะเปียกนี่ โตมาแบบไหนกันนะ’
เธอบ่นในใจ พร้อมมองเขาด้วยสายตาเหยียดกลับ ก่อนจะเดินออกจากร้านไปเลย ปล่อยให้ชายหนุ่มยืนอึ้งกับการกระทำของเธออยู่อย่างนั้น ไม่นึกเลยว่าเธอจะกล้าทำถึงขนาดนี้
'เหนือความคาดหมายจริง ๆ' เขาคิดในใจ ก่อนจะสบถออกมาอย่างหัวเสีย
“เด็กบ้า! อย่าให้เจออีกนะพ่อจะสั่งสอนให้”
เขามองตามร่างบางที่เดินจากไปจนลับสายตา ด้วยความรู้สึกที่หลากหลายบอกไม่ถูกเลยทีเดียว ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำกับเขาแบบนี้มาก่อน ที่ผ่านมาชีวิตเขามีแต่ผู้หญิงมาเอาอกเอาใจ ยอมเขาไปเสียทุกอย่าง ไม่มีใครกล้าขัดใจเขาเลยสักคนแต่เธอคนนี้ ช่างแตกต่างจากผู้หญิงเหล่านั้น
ธีร์ ธีรวัฒน์ เลิศกิจเจริญ นักธุรกิจหนุ่มหล่อไฟแรง ประธานบริษัทธีรวัฒน์ พร็อพเพอร์ตี้ ดำเนินธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ ประเภทหมู่บ้านจัดสรร ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีแผนขยายโครงการไปตามจังหวัดอื่น ๆ ด้วย เป็นบริษัทที่มีรายได้มากที่สุดอันดับต้น ๆ ของประเทศ
เขาเป็นคนที่ทำงานเก่ง เด็ดขาด จริงจังกับการทำงาน พูดได้ว่าชีวิตของเขามีแต่งาน สนใจแต่เรื่องงาน เป็นคนหล่อและรวยมาก ทำให้มีสาว ๆ เข้าแถวมาขายขนมจีบไม่ขาดสาย
แต่ที่เข้ามาก็เพื่อหวังเงินและผลประโยชน์จากเขาทั้งนั้น ทำให้เขามีกำแพงต่อผู้หญิงทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ปัจจุบันสถานะจึงยังโสดสนิท
“เกิดอะไรขึ้นครับ ทำไมมาสภาพนี้” วรวิทย์เลขาคนสนิทถามด้วยความตกใจ เมื่อเห็นสภาพเจ้านายหนุ่มที่เลอะเทอะ หรือเรียกได้ว่าเละไปทั้งตัวก็ว่าได้ เปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานสภาพที่ไม่เหลือมาดประธานบริษัทเลย
“เฮ่อ! อุบัติเหตุนะ จะไปซื้อกาแฟ เปิดประตูร้านผิดฝั่งป้ายให้ดึง แต่ฉันผลักเปิดเข้าไปด้วยความเคยชินอะนะ เลยไปชนเข้ากับนักศึกษาที่กำลังเดินออกจากร้านพอดี กาแฟเลยหกใส่เสื้อเธอ”
ธีรวัฒน์เล่าถึงเหตุการณ์เมื่อสักครู่ ก่อนถอนลมหายใจยาวออกมา อย่างรู้สึกเหนื่อยใจ
“กาแฟร้อนหรือเย็นครับ”
“เฮ้อ โชคดีที่เป็นกาแฟเย็น” เขาถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนจะตอบ
“ว่าแต่ กาแฟหกใส่เสื้อเธอคนนั้นแล้วทำไม ท่านถึง..”
วรวิทย์ถามเพราะสงสัยในสภาพของเจ้านายหนุ่ม ก่อนชี้ไปที่เสื้อของเขา
“เถียงกันไม่ลงตัวนะ ฉันเองก็ไม่ยอมรับผิด เธอคงโกรธมากเลยสาดกาแฟที่เหลือใส่” เขาเอ่ยพร้อมถอดสูท โยนพาดไปที่พนักพิงเก้าอี้
“แล้วไปทำอีท่าไหนครับ ถึงโดนสาดกาแฟใส่เนี่ย”
คนอยากรู้ยังคงถามต่อเพราะไม่เคยเห็นเจ้านายตัวเองอยู่ในสภาพนี้มาก่อน ตั้งแต่ทำงานด้วยกันมา เห็นแต่งตัวเป๊ะตลอดเวลา
“ก็..เถียงกันไปมานั่นแหละ ฉันคิดว่าเธอคงอยากให้รับผิดชอบเป็นเงิน เลยถามไปว่าจะเอาเท่าไหร่..”
“เธอ...โกรธ”
“อืม โกรธ ไม่พอใจมากด้วย บอกไม่ต้องการเงินของฉัน เสียงดังฟังชัดเชียวแหละ ก่อนจะต่อด้วยประโยคที่ว่า ‘ขอให้คุณรับผิดชอบแบบนี้แล้วกัน’ แล้วกาแฟก็ลอยมาใส่ สภาพก็อย่างที่เห็น แถมบอกอีกว่า ‘แบบนี้ค่อยยุติธรรมหน่อย หายกันแล้วนะ’ จากนั้นก็เดินสะบัดก้นออกจากร้านไปเลย”
เขาเล่าซะละเอียดจนคนฟังนึกภาพตามออก เหมือนอยู่ในเหตุการณ์ด้วย
“ฮ่าๆๆ” วรวิทย์หลุดหัวเราะเสียงดังเมื่อฟังจนจบ
“หัวเราะอะไรวะ” คนถูกหัวเราะขึงตามองอย่างคาดโทษเพราะเรื่องที่เขาเล่ามันไม่ตลกเลยสักนิด
“ขอโทษครับท่าน มันตลกท่านเจอคนจริงเข้าให้แล้ว ผมเดาว่าท่านคงไม่ได้พูดขอโทษเธอด้วย”
“อืม”
“เธอคงแค่อยากได้ยินคำว่าขอโทษมากกว่าอยากได้เงินของท่านน่ะครับ แค่ชุดเลอะเธอก็คงรู้สึกแย่มากแล้ว ยังต้องมาเจอคนไม่ยอมใครแบบท่านด้วย เลยทำให้อารมณ์เสียไปอีก แล้วมีใครได้รับบาดเจ็บมั้ยครับ”
“ไม่มี แค่สภาพเละดูไม่ได้ด้วยกันทั้งคู่ แต่ร้านเขาน่ะสิ พื้นเลอะไปหมด”
“ไปล้างตัวก่อนเถอะครับ ผมจะเตรียมชุดใหม่ให้สิบโมง เรามีคุยสรุปแบบโครงการบ้านเดี่ยวที่จะสร้างที่สมุทรสาครครับ”
“อืม” ว่าแล้วเขาก็ไปจัดการกับตัวเองให้พร้อมสำหรับการประชุมในวันนี้
เช้าวันต่อมาประภาสเดินทางมาเยี่ยมเพื่อนเก่า ที่ไม่ได้เจอกันมานานเป็นสิบปี พร้อมนคินทร์ทั้งสองสอบถามสารทุกข์สุกดิบกันพูดคุยอัปเดตชีวิตในช่วงที่ไม่ได้ติดต่อกัน รวมถึงพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องราวของลูก ๆ ช่วงที่ผ่านมาอย่างสนุกสนานทั้งรุ่นพ่อและรุ่นลูก“พวกเรามันแก่แล้ว จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ สิ่งที่ทำให้อยู่ต่อได้ก็คือเห็นลูก ๆ มีความสุขไม่มีเรื่องทุกข์ใจนั่นแหละ” ประภาสว่า“อืม เห็นพวกเขาเติบโตมีงานการที่ดีทำ พ่ออย่างเราก็สบายใจนอนตายตาหลับแล้ว”“ถ้าเจ้าโจกลับไปทำงาน แล้วแกเหงาไม่มีเพื่อนก็มาอยู่ด้วยกันก็ได้นะ ต่อไปยัยดาวก็ต้องออกเรือน ฉันก็ต้องอยู่คนเดียวเหมือนกัน”“ฮ่า ๆ แบบนั้นก็ดีนะไม่เหงาดีด้วย แต่ฉันยังมีหลาน ๆทางโน้นไม่มีเวลาเหงาหรอก ถ้าจะให้มาอยู่กับแก ก็คงต้องคิดถึงหลานทางนั้นจนไม่เป็นอันทำอะไรเป็นแน่”“ก็ถ้าเหงาไง ให้มาอยู่ด้วยกัน”“ฮ่า ๆ ไอ้เรื่องอยู่ด้วยกันไม่ใช่ปัญหาหรอก ปัญหาคือ ตอนนี้แกน่าจะเหงานะเพื่อน ให้หนูดาวหรือตาดินรีบแต่งานสิ จะได้มีหลานมาวิ่
สามชั่วโมงที่นิศราหายออกจากห้องไป และไม่ได้กลับเข้ามาอีกเลย โทรศัพท์ไปก็ไม่รับ ทำให้ธีรวัฒน์หงุดหงิดใส่ทุกคนเป็นการระบายอารมณ์ ไม่เคยมีใครปล่อยให้เขารอนานขนาดนี้มาก่อนเธอเป็นคนแรกที่กล้าทำแบบนี้กับเขา แถมไปไม่บอกไม่อธิบายอะไรเลย เขาไม่พอใจเธอมากภาพสุดท้ายก่อนที่เธอจะหายไป หญิงสาวเดินจับมือชายอื่นต่อหน้าต่อตาเขาออกจากห้องไป ยังวนเวียนอยู่ในหัวเขาอยู่เลยตอนนี้เขานอนไม่เป็นสุข นั่งก็ไม่เป็นสุข ต้องลุกเดินไปมา นคินทร์ก็ไม่ได้บอกเพื่อนว่าหญิงสาวอยู่เพียงห้องข้าง ๆ เท่านั้นเอง แต่หากเขารู้ว่าเธออยู่ห้องข้าง ๆมีหวังได้เดินไปอาละวาดพาตัวน้องสาวเขากลับมาเป็นแน่นคินทร์เอาแต่นั่งยิ้มอย่างสะใจ มองคนป่วยวุ่นวายหัวใจเดินวนไปวนมาภายในห้องอย่างอารมณ์ดี“มึงหยุดเดินก่อนได้มั้ยว่ะไอ้ธีร์ กูเวียนหัว” เมื่อเห็นเพื่อนเดินไม่หยุดก็อดรำคาญไม่ได้“มึงไม่เห็น ดาวจับมือไอ้ผู้ชายคนนั้น เดินออกไปเลยนะเว้ยต่อหน้ากู จะให้กูนอนเฉย ๆได้ยังไง” เขาบอกด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล“มึงอะ คิดมากเกินไปเขาบอกเป็นเพื่อนก็เป็นเพื่อนสิวะ มึงพูดแบบนี้แสดงว่า
ไม่เพียงแต่ชายหนุ่มที่นั่งหน้าตึงรอเธอกลับเข้าไป แต่บอดี้การ์ดที่อยู่หน้าห้องก็ยืนมองทั้งสองคุยกันอย่างออกรส ใจก็ลุ้นให้นิศรารีบกลับเข้าไปในห้องโดยเร็ว เพราะพวกเขาก็ถูกคนในห้องกดดันมาให้รีบพาเธอเข้าไปแต่ก็ไม่มีใครกล้าแทรกกลางบทสนทนาของทั้งคู่ ที่กำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน บอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ต่างเกี่ยงกันจนมีชายหนึ่งคนถูกเพื่อนผลักออกมาด้านหน้า ทำให้หญิงสาวหันไปมองและต้องสงสัยกับท่าทีที่แปลกไปของพวกเขา“มีอะไรหรือเปล่าคะ” นิศราหยุดการสนทนาลงแล้วหันไปถามด้วยความสงสัย“เอ่อ คือเจ้านายรอคุณดาวอยู่ด้านในครับ” บอดี้การ์ดคนหนึ่งบอกเมื่อได้โอกาสที่เพื่อนทั้งสองสร้างให้ ด้วยสีหน้าสำนึกผิดที่เสียมารยาทต่อเธอ“ค่ะ ดาวกำลังจะเข้าไปพอดี”เธอบอกอย่างอ่อนโยน บอดี้การ์ดหนุ่มจึงโค้งศีรษะรับอย่างสุภาพและโล่งใจที่หญิงสาวไม่ต่อว่า“โจงั้นเราเข้าไปข้างในก่อนนะ จะเข้าไปด้วยกันมั้ย” เธอหันมาถามเพื่อน“ยังดีกว่า เดี๋ยวเราจะไปคุยกับคุณหมอ เรื่องอาการของพ่อก่อน”“ถ้าอย่าง
เช้าวันที่สองของการอยู่โรงพยาบาลวันนี้นิศราตื่นเช้ากว่าคนป่วย จึงออกมาเดินสูดอากาศด้านนอก ปล่อยให้คนป่วยได้นอนหลับพักผ่อนยาว ๆขณะที่เดินเล่นมองนั่นมองนี่ไปเรื่อย ทำให้ไม่ทันระวังเดินชนเข้ากับใครบางคน“อุ๊ย..”“ ขอโทษครับเป็นอะไรหรือเปล่า”“ไม่เป็นอะไรค่ะ แล้วคุณละคะ...เอ๊ะ” นิศราชะงักเมื่อใบหน้าของชายตรงหน้าช่างดูคุ้นชินอย่างกับเธอเคยเห็นเขามาก่อน“ดาวว” ชายที่เดินชนเธอเมื่อสักครู่เป็นฝ่ายจำได้ก่อนโดยตะโกนเรียกชื่อเธอด้วยสีหน้าที่ดีใจ“โจ เหรอ” ทันทีที่ได้ยินเสียงเธอก็จำได้ สีหน้าดีใจไม่แพ้กัน“ใช่นะสิ โชคดีจังที่เจอที่นี่” ชายหนุ่มตอบด้วยความดีใจ คาดไม่ถึงว่าจะมาเจอเธอที่นี่ หลังจากไม่ได้เจอกันมาหลายปี“ฮ่าา โจจริง ๆด้วย กลับมาไทยตั้งแต่เมื่อไหร่” เธอถามในขณะที่ทั้งสองสวมกอดกันด้วยความคิดถึง หลังไม่ได้เจอกันนาน ทั้งคู่เป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่สมัยเด็ก เพราะบ้านอยู่ใกล้กัน สนิทสนมเป็นเหมือนคนในครอบครัวกันเลย“พึ่งลงเครื่อ
“ครับ ๆผมก็แค่ตอบคำถามเจ้านายเองนะครับ” พูดแล้วก็มองหน้าเจ้านายอีกครั้ง เมื่อเห็นสายตาที่แข็งกระด้างนั้นแล้ว เขาคิดว่าควรที่จะไปจากตรงนี้ก่อนเสียดีกว่า“ไม่แซวแล้วครับบบ ผมไม่กวนทั้งสองคนแล้ว” พูดจบก็เดินถอยออกมา ก่อนไปก็แวะกระซิบเตือนหญิงสาวเสียหน่อย แต่พูดเสียงดังตั้งใจให้คนถูกนินทาได้ยินด้วย“เจ้านายผมรุกเก่งนะครับ ระวังตัวไว้หน่อยก็ดี”“ไอ้วิทย์” ธีรวัฒน์เรียกเสียงเข้มเป็นการเตือนครั้งสุดท้าย“ไปแล้วคร๊าบบบ”“ขอบคุณนะคะ ดาวจะระวังตัวให้มาก ๆ” นิศรารับคำอย่างว่าง่ายก่อนจะส่งยิ้มหวานให้เลขาหนุ่มเป็นการลา“ถ้าอย่างนั้นผมฝากคุณดาวดูแลท่านด้วยนะครับ ผมจะให้บอดี้การ์ดอยู่เฝ้าหน้าห้องสองคน ขาดเหลืออะไรบอกพวกเขาได้เลย”“ค่ะ พี่วิทย์ไปพักเถอะ ดาวจะดูแลพี่ธีร์ให้เองสัญญาว่ายุงสักตัวก็จะไม่ให้มากัดเลย” เธอบอกเสียงใสจากนั้นวรวิทย์ก็กลับบ้านไปพักผ่อน เพราะตั้งแต่เมื่อคืนเขาเองก็ยังไม่ได้นอนเลย“แฟนพี่นี่ทั้งน่ารักและจิตใจดีจัง” ได
เย็นวันเดียวกันนิศราเดินทางกลับมายังโรงพยาบาล เพื่อเฝ้าไข้ชายหนุ่มอีกครั้ง เธอมาในเสื้อผ้าชุดใหม่พร้อมลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่มีเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัว เตรียมมาสำหรับเฝ้าไข้คนป่วยอีกหลายวัน“นี่จะย้ายบ้านไปไหน ลากกระเป๋าใบใหญ่มาเชียว”นคินทร์แซวน้องสาวที่พึ่งเดินเข้ามาเขารู้ว่าเธอเตรียมมาเฝ้าไข้คนป่วย ที่ต้องรักษาตัวที่นี่อีกหลายวัน แต่ไม่จำเป็นต้องขนกระเป๋าใบใหญ่ขนาดนี้มาก็ได้ นี่เธอกะว่าจะไม่ห่างจากเขาเลยหรือเนี่ย“ไม่ได้จะไปไหนคะ เตรียมมาเฝ้าคนป่วยนี่แหละ”“กะจะไม่กลับบ้านเลยหรือไง คนป่วยก็มีหมอมีพยาบาลดูแลอยู่แล้ว ไม่เห็นจำเป็นจะต้องมาลำบากอยู่เฝ้าเลย” นคินทร์ให้เหตุผล“ดาวไม่ได้ลำบากอะไร อีกอย่างคุณหมอและพยาบาลก็ไม่ได้อยู่ดูแลตลอด24ชั่วโมงนี่คะ เกิดพี่ธีร์เป็นอะไรระหว่างที่พยาบาลไม่อยู่ขึ้นมาจะทำยังไง”“หรา”“ใช่ค่ะ อีกอย่างจะต้องเทียวไปเทียวมาให้เสียเวลาทำไม”นิศราอธิบายเพิ่ม“แล้วไม่ต้องไปทำงานหรือไงเรานะ” นคินทร์ยังพยา
Mga Comments