ความผูกพันที่ก่อตัวขึ้นอย่างช้า ๆ ระหว่างฉันกับภูผา ทำให้บรรยากาศในคฤหาสน์เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ฉันไม่เคยคิดว่าจะได้สัมผัส เราสองคนไม่ได้พูดคำว่ารัก แต่การกระทำและสายตาที่สื่อสารกัน ก็ทำให้ฉันรู้สึกถึงความหมายที่ลึกซึ้งกว่านั้นในวันหนึ่ง ขณะที่ภูผากำลังจัดเตรียมงานเลี้ยงต้อนรับลูกค้าคนสำคัญของบริษัท ซึ่งจะจัดขึ้นที่คฤหาสน์ของเราในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ฉันเห็นเขายุ่งอยู่กับการตรวจเช็ครายละเอียดต่าง ๆ อย่างเคร่งเครียด“มีอะไรให้ช่วยไหมคะ” ฉันเดินเข้าไปหาเขาที่ห้องโถงภูผาเงยหน้าขึ้นมองฉันเล็กน้อย “แค่เรื่องการจัดงานนิดหน่อย” เขาตอบสั้น ๆ“ให้ฉันช่วยดูเรื่องการจัดดอกไม้ หรืออาหารไหมคะ” ฉันเสนอตัว “ฉันพอจะมีความรู้เรื่องนี้อยู่บ้าง”ภูผานิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย “ก็ได้ ถ้าเธออยากช่วย”ฉันยิ้มให้เขาเล็กน้อย รู้สึกดีใจที่เขาเปิดโอกาสให้ฉันได้มีส่วนร่วมในเรื่องของเขาตลอดทั้งวันนั้น ฉันช่วยภูผาดูแลเรื่องการจัดเตรียมงานเลี้ยง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกดอกไม้ การจัดโต๊ะอาหาร หรือแม้กระทั่งการดูแลเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดงาน ฉันได้เห็นภูผาในมุมที่จริงจังและทุ่มเทให
ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิดในคืนนั้น ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับภูผาพัฒนาไปอีกขั้นหนึ่ง แม้เราจะไม่ได้พูดคุยกันเรื่องความรู้สึกโดยตรง แต่การกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ และช่วงเวลาที่เราใช้ร่วมกัน ก็สื่อสารความผูกพันที่กำลังก่อตัวขึ้นได้อย่างชัดเจนภูผายังคงเป็นคนทำงานหนักและเคร่งขรึม แต่ฉันสังเกตเห็นว่าเขาเริ่มใช้เวลาอยู่กับฉันและน้องไทม์มากขึ้น เขาจะเข้ามานั่งดูน้องไทม์เล่นในห้องนั่งเล่น หรือบางครั้งก็เข้ามานั่งอ่านหนังสือพิมพ์เงียบ ๆ ในห้องสมุดที่ฉันกำลังอ่านหนังสืออยู่ด้วยในวันหนึ่ง ขณะที่ฉันกำลังจัดดอกไม้ในแจกันที่ห้องโถง ภูผาเดินผ่านมา เขาหยุดยืนมองฉันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้“ดอกไม้สวยดีนะ” เขาเอ่ยขึ้นเบา ๆฉันเงยหน้าขึ้นมองเขา “ขอบคุณค่ะ ฉันชอบจัดดอกไม้”ภูผาพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปที่หน้าต่าง มองออกไปนอกสวนอย่างเงียบ ๆฉันยังคงจัดดอกไม้ต่อไปอย่างตั้งใจ บรรยากาศในห้องเงียบสงัด มีเพียงเสียงกระดิ่งลมที่ดังแผ่วเบาจากหน้าต่าง“เธอสบายดีใช่ไหม” ภูผาถามขึ้นมาอย่างกะทันหันฉันประหลาดใจเล็กน้อยกับคำถามของเขา “สบายดีค่ะ”ภูผาหันกลับมามองฉัน ดวงตาคมกริบของเขาฉายแววกังว
หลังจากวันนั้นที่ฉันพยายามพูดคุยกับภูผาเรื่องป้าธิดาและอดีตของเขา แม้คำตอบที่ได้จะไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการทั้งหมด แต่ฉันก็รู้สึกว่ากำแพงที่เคยมีระหว่างเราเริ่มลดต่ำลงไปอีกนิด ความเข้าใจผิดที่ฝังรากลึกในใจเขาอาจจะไม่ได้หายไปในพริบตา แต่ฉันก็หวังว่าสักวันหนึ่ง เขาจะเชื่อในความจริงใจของฉันฉันยังคงใช้ชีวิตในแต่ละวันอย่างปกติ ทั้งการดูแลน้องไทม์ ทำงานที่ร้านกาแฟ และดูแลคุณพ่อที่มาเยี่ยมคฤหาสน์เป็นครั้งคราว แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปคือความถี่ที่ฉันได้พบปะพูดคุยกับภูผามากขึ้นภูผาไม่ได้กลับบ้านดึกดื่นเหมือนเมื่อก่อน เขามักจะใช้เวลาช่วงเย็นอยู่กับน้องไทม์ และบางครั้งก็จะมีช่วงเวลาที่เขาเข้ามานั่งทำงานในห้องนั่งเล่นที่ฉันมักจะใช้เวลาอ่านหนังสืออยู่ด้วยในค่ำคืนหนึ่ง ขณะที่ฉันกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องนั่งเล่น ภูผาเดินเข้ามาพร้อมกับเอกสารกองโต เขาเดินตรงไปยังโต๊ะทำงานเล็ก ๆ มุมห้อง และเริ่มทำงานอย่างเงียบ ๆบรรยากาศในห้องเงียบสงัด มีเพียงเสียงพลิกหน้ากระดาษและเสียงคลิกเมาส์เป็นระยะ ฉันเงยหน้าขึ้นมองภูผาเป็นครั้งคราว ใบหน้าของเขาดูเคร่งเครียด แต่ฉันก็เห็นแววตาที่มุ่งมั่นและจริงจังจู่ ๆ ฉันก็ไ
ค่ำคืนนั้น หลังจากที่ฉันได้รู้ความจริงเกี่ยวกับป้าธิดา และความเจ็บปวดในอดีตของภูผา ฉันนอนไม่หลับอีกครั้ง ภาพของน้องพีทในอัลบั้มรูป และแววตาที่เต็มไปด้วยความเศร้าของภูผา วนเวียนอยู่ในหัวฉันตลอดทั้งคืนวันรุ่งขึ้น ฉันตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกหนักอึ้งในใจ ฉันลงมาที่ห้องอาหาร พบภูผากำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่แล้ว ใบหน้าของเขาดูเคร่งขรึมเหมือนเดิม“คุณภูผาคะ” ฉันเอ่ยขึ้นเบา ๆ “ฉัน… ฉันขอคุยอะไรด้วยได้ไหมคะ”ภูผาเงยหน้าขึ้นมองฉัน ดวงตาคมกริบของเขาฉายแววประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้า“มีอะไร” เขาถามเสียงเรียบฉันสูดหายใจเข้าลึก ๆ พยายามรวบรวมความกล้า “ฉัน… ฉันได้อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัวของคุณ… และเรื่องของป้าธิดา”แววตาของภูผาเปลี่ยนไปเล็กน้อย ความเย็นชาหายไปชั่วขณะ แทนที่ด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ยากจะอธิบาย คล้ายกับความเจ็บปวดที่ถูกซ่อนไว้ลึก ๆ“เธอรู้เรื่องแล้วก็ดี” เขาพูดเสียงเรียบ แต่ก็แฝงไว้ด้วยความหนักแน่น“ฉันเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นนะคะภูผา” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ “ฉันไม่เคยรู้เลยว่าคุณต้องเจอเรื่องราวเลวร้ายมากขนาดนี้”ภูผานิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เขาลุกขึ้นยืนและเดิน
คำตอบของภูผาที่ว่าผู้หญิงที่ฉันเห็นที่โรงเรียนอนุบาลคือป้าของเขา และเขาไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ ทำให้ฉันยิ่งรู้สึกสงสัยมากขึ้น ค่ำคืนนั้นฉันนอนไม่หลับ ฉันพยายามนึกย้อนถึงสิ่งที่ภูผาเคยเล่าเกี่ยวกับครอบครัวของเขา และเรื่องราวในอดีตที่ฉันพอจะทราบมาวันรุ่งขึ้น หลังจากส่งน้องไทม์ที่โรงเรียนอนุบาลแล้ว ฉันตัดสินใจที่จะลองหาข้อมูลเกี่ยวกับป้าของภูผา ฉันรู้ว่าเรื่องราวของตระกูลวรธนามักจะถูกเขียนถึงในหน้าหนังสือพิมพ์และนิตยสารเก่า ๆ ฉันจึงกลับไปที่ห้องสมุดของคฤหาสน์ และเริ่มค้นหาข้อมูลอีกครั้งฉันใช้เวลาเกือบทั้งวันอยู่ในห้องสมุด กวาดสายตาอ่านหนังสือพิมพ์เก่า ๆ และนิตยสารที่เกี่ยวข้องกับตระกูลวรธนา เพื่อหวังว่าจะเจอเบาะแสบางอย่างที่จะไขปริศนาในใจฉันได้ในที่สุด สายตาของฉันก็ไปสะดุดเข้ากับบทความเก่า ๆ ในหนังสือพิมพ์ที่เก็บรวบรวมไว้ บทความนั้นเขียนเกี่ยวกับข่าวเศร้าของตระกูลวรธนาเมื่อหลายปีก่อน นอกจากข่าวการเสียชีวิตของคุณหญิงธารา มารดาของภูผา และการทุจริตที่เกี่ยวข้องกับพี่ชายของเขาแล้ว ยังมีเรื่องราวของ ‘คุณธิดา’ น้องสาวของคุณหญิงธารา ซึ่งเป็นป้าของภูผาด้วยบทความระบุว่า คุณธิดาเป็นคนรักและผูกพ
หลังจากคืนนั้นที่ฉันได้เห็นภูผาแสดงความรู้สึกอ่อนไหวถึงความทรงจำของน้องพีท ความสัมพันธ์ระหว่างเราดูเหมือนจะก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง เราเริ่มพูดคุยกันมากขึ้น ไม่ใช่แค่เรื่องน้องไทม์หรือเรื่องงาน แต่บางครั้งก็เป็นเรื่องราวทั่วไปที่ทำให้ฉันได้เรียนรู้ภูผาในมุมที่ลึกซึ้งขึ้นฉันยังคงสังเกตเห็นว่าภูผามักจะใช้เวลาอยู่กับน้องไทม์มากขึ้น เขาจะพาไปเล่นในสวน เล่านิทานให้ฟัง หรือแม้กระทั่งช่วยน้องไทม์ทำการบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ เมื่อน้องไทม์เริ่มเข้าโรงเรียนอนุบาลแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าของภูผาที่ปรากฏขึ้นบ่อยครั้งขึ้น ทำให้ฉันรู้สึกอุ่นใจในวันหนึ่ง ขณะที่ฉันกำลังพาน้องไทม์ไปส่งที่โรงเรียนอนุบาล ฉันเหลือบไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่หน้าโรงเรียน เธอเป็นผู้หญิงวัยกลางคน แต่งกายสุภาพ ใบหน้าของเธอมีรอยยิ้มอบอุ่น แต่ดวงตาของเธอกลับฉายแววเศร้าสร้อยเล็กน้อย เธอจ้องมองมาที่น้องไทม์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและความอาลัยฉันรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ไม่เคยเห็นผู้หญิงคนนี้มาก่อน แต่เธอกลับมองน้องไทม์ราวกับรู้จักกันมาก่อน ฉันไม่ได้คิดอะไรมากในตอนนั้น เพราะมีผู้ปกครองหลายคนมายืนรอส่งลูกที่หน้าโรงเรียนหลังจากส่งน้องไทม์เสร็จ