แนะนำตัวละคร
พระเอก เตชินท์ หรือ อาเต นักธุรกิจหนุ่มใหญ่มากความสามารถ หล่อ รวย อบอุ่น ขี้เล่น ไม่ถือตัว แต่บุคลิคภายนอกอาจจะดูนิ่งๆ อายุ38ปี สูง188เซนติเมตร
นางเอก น้ำพั้นซ์ หรือ หนูพั้นซ์ เด็กใต้กะโปโลจอมแสบซน ดื้อรั้นไม่ฟังใคร ร่าเริงสดใส อัธยาศัยดี หน้าตาน่ารักราวกับตุ๊กตา อายุ22ปี สูง159เซนติเมตร
ลำดับตัวละครเนื่องจากนิยายเรื่องนี้เป็นซีรี่ย์ต่อจากเรื่องเด็กดื้อของศิลา ไรท์จึงขอแนะนำลำดับความสัมพันธ์ของตัวละครกันก่อนจะไปอ่านบทนำนะคะ เพื่อความเข้าใจได้ง่ายขึ้นสำหรับคนที่ยังไม่ได้อ่านหรือตามมาจากเรื่องแรก... เตชินท์คือเพื่อนสนิทของศิลา และเขายังเป็นอาแท้ๆของซีเซีย (ศิลากับซีเซียคือพระนางในเรื่องเด็กดื้อของศิลา) ส่วนน้ำพั้นซ์ก็เป็นลูกของน้องสาวแม่ซีเซียหรือเป็นลูกพี่ลูกน้องกับซีเซียทางฝ่ายแม่นั่นเอง แต่ทั้งคู่อายุรุ่นเดียวกัน เข้าใจอีกอย่างง่ายๆคือ แม่ของซีเซียกับแม่ของน้ำพั้นซ์เป็นพี่น้องกัน
บทนำ...เขา หนุ่มใหญ่นักธุรกิจมากความสามารถ หล่อ รวย เป็นที่หมายปองของสาวน้อยสาวใหญ่ที่พร้อมทอดสะพานทอดกายให้เขาทุกเมื่อ ทว่าเขากลับไม่สนใจใครเลยนอกจาก เธอ เด็กสาวกะโปโลจอมแสบซน หน้าตาน่ารักราวกับตุ๊กตา ที่เป็นลูกพี่ลูกน้องฝ่ายแม่ของหลานสาวเขา แค่เพียงเขาได้เห็นเธอผ่านวีดีโอคอลตอนโทรไปหาหลานสาวเมื่อสี่ปีก่อนตอนที่หลานสาวของเขายังอยู่ใต้ เขาก็โดนเธอตกไปเป็นที่เรียบร้อย ตั้งแต่นั้นมาเขาก็ได้แอบจ้างนักสืบคอยตามดูความเคลื่อนไหวของเธอมาตลอด แม้แต่หลานสาวของเขาเองก็ไม่รู้ มีเพียงแค่เพื่อนของเขาหรือศิลาเท่านั้นที่รู้
คำเตือนนิยายเรื่องนี้สร้างขึ้นจากจินตนาการของไรท์ บรรยายให้อ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาจะพาดพิงถึงบุคคลหรือสถานที่ใด ข้อมูลในเรื่องอาจจะผิดเพี้ยนหรือไม่ถูกต้อง100% และอาจมีเนื้อหา18+ หรือพฤติกรรมบางอย่างที่ไม่เหมาะสมของตัวละคร นักอ่านควรใช้วิจารณญานในการอ่านด้วยนะคะ (ด้วยรักและเคารพนักอ่านทุกคนของไรท์ค่ะ ขอบคุณค่ะ)
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ 2537 ห้ามคัดลอก เลียนแบบ หรือดัดแปลงเนื้อหาส่วนใดส่วนหนึ่งของงานเขียนนี้ รวมทั้งการจัดเก็บ ถ่ายทอด สแกน บันทึก ถ่ายภาพ ไม่ว่าในรูปแบบหรือวิธีการใดๆทางอิเล็กทรอนิกส์ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์เท่านั้น
จากนั้นดิวก็เดินกลับไปขึ้นคร่อมรถมอเตอร์ไซค์ของตัวเอง ก่อนจะสตาร์ทรถแล้วขับออกไปจากเรือนไม้สัก โดยมีน้ำพั้นซ์มองตามจนสุดสายตาด้วยความเป็นห่วง จนกระทั่งได้ยินเสียงทุ้มเอ่ยขึ้น เธอจึงหันกลับมามองเจ้าของเสียง"เป็นห่วงแฟนที่โดนอาว่าเหรอ ถึงได้มองตามขนาดนั้น" เตชินท์อดไม่ได้ที่จะพูดประชดประชันคนตัวเล็ก เพราะท่าทีของเธอที่ดูเป็นห่วงเป็นใยอีกฝ่ายทำให้เขาหงุดหงิดในใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้"พี่ดิวไม่ใช่แฟนหนูค่ะ แค่พี่ชายที่รู้จักกันเท่านั้น"ทว่าคำตอบของคนตัวเล็ก ทำให้เตชินท์หันใบหน้าหลบไปอีกทางแล้วลอบกระตุกยิ้มด้วยความพอใจ จากนั้นก็หันกลับมาทำหน้านิ่งเหมือนเดิม ก่อนจะทำทีพูดประชดออกไปอีกครั้ง"เหรอครับ อาก็นึกว่าแฟนเห็นนั่งตัวติดกันเชียว""พวกเราโตมาด้วยกันค่ะ เลยสนิทกันมาก""ถึงจะสนิทกันมากแค่ไหน แต่หนูพั้นซ์ก็เป็นผู้หญิง ไม่ควรจะใกล้ชิดผู้ชายขนาดนั้น อาหวง" เตชินท์ตั้งใจที่จะพูดคำว่าหวงออกมาชัดเจน จ้องมองคนตัวเล็กไม่วางตา"หวง อ๋อ คงจะหมายถึงเป็นห่วงใช่ไหมคะ ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วงหนู คราวหลังหนูจะระวังให้มากกว่านี้ค่ะ" คราแรกก็ตกใจกับคำว่าหวงของคนตัวโต แต่พอคิดได้ว่าเขาอาจจะหมายถึงเป็นห่วงเธอแ
~~~~~ทว่าอยู่ๆเสียงรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งที่ขับเข้ามาทางประตูรั้วหน้าบ้าน ทำให้ทั้งสองที่นั่งกินข้าวกันอยู่หันไปมองยังรถมอเตอร์ไซค์คันดังกล่าวทันที เมื่อเห็นว่าเป็นใครน้ำพั้นซ์ก็ยิ้มออกมาตามปกติ ผิดกับอีกคนที่รู้สึกไม่ชอบใจเอาเสียเลยเมื่อเห็นดิว เด็กหนุ่มในหมู่บ้านที่มาติดพันคนตัวเล็กของเขา แต่ภายนอกก็ยังคงนิ่ง ไม่ได้แสดงท่าทีความไม่พอใจใดๆออกมา...ดิวเป็นเด็กหนุ่มในหมู่บ้านและยังเป็นลูกกุหลีหรือลูกจ้างตัดยางในสวนของตาบุญ ดิวอายุมากกว่าน้ำพั้นซ์สองปี และชอบน้ำพั้นซ์ข้างเดียวมานานแล้ว โดยที่น้ำพั้นซ์เองก็รู้ว่าดิวคิดยังไงกับเธอ แต่เพราะเธอรู้จักดิวมาตั้งแต่เล็กๆและโตมาด้วยกันเล่นมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก เธอจึงคิดกับดิวได้แค่พี่ชายคนหนึ่งเท่านั้น ซึ่งข้อนี้ดิวก็รู้ดี แต่เพราะเขารักน้ำพั้นซ์ด้วยใจจริง ไม่ได้หวังอะไรตอบแทน เขาจึงไม่เคยเรียกร้องอะไรเลย อยู่ในฐานะไหนก็ได้ที่น้ำพั้นซ์อยากให้อยู่ ขอแค่ได้เป็นฝ่ายดูแลน้ำพั้นซ์เขาก็มีความสุขแล้ว..."มีอะไรพี่ดิว ทำไมมาซะค่ำเลย"เป็นน้ำพั้นซ์ที่เอ่ยพูดขึ้นมาก่อน ในขณะที่ดิวกำลังเอาขาตั้งรถลงแล้วเดินมาหาน้ำพั้นซ์ ก่อนจะนั่งลงข้างๆเธอ ทำเอาเตชินท์กัดฟ
เมื่อน้ำพั้นซ์ขับรถพ้นประตูรั้วบ้านเข้ามาก็ขับมุ่งตรงต่อไปยังโรงจอดรถข้างรั้วทันที พอเห็นว่าตากับยายยังไม่กลับจากวัดเพราะไม่เห็นรถกระบะของตาจอดอยู่ที่โรงจอดรถ ปากบางก็ระบายยิ้มออกมาด้วยความโล่งอก โดยไม่ทันสังเกตเห็นคนตัวโตที่นั่งอยู่ใต้ถุนบ้านตรงโต๊ะไม้สักที่มองมาทางเธอ พอจอดรถเรียบร้อยน้ำพั้นซ์ก็เตรียมจะเดินไปยังใต้ถุนบ้านเพื่อกินข้าวเย็น ทว่าเมื่อหันไปเห็นคนตัวโตนั่งอยู่ใต้ถุนบ้านโดยมองมาที่เธอ สองเท้าเล็กก็หยุดชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะเดินตรงไปหาเขาด้วยอาการประหม่าเล็กน้อย แล้วเอ่ยถามเขาด้วยน้ำเสียงติดขัด"เอ่อ อาเตมานั่งทำอะไรตรงนี้คนเดียวคะ แล้วเซียล่ะคะ""น้องเซียอยู่บนบ้านครับ" เอ่ยตอบคนตัวเล็กจบ ปากหนาก็ยกยิ้มบางๆให้เธอ ทำเอาใจดวงน้อยสั่นระรัวกับรอยยิ้มของเขา ก่อนเสียงหวานจะเอ่ยถามเขาไปอีกครั้งเพื่อกลบเกลื่อนอาการประหม่าของตัวเอง"แล้วกินข้าวกันหรือยังคะ" "น้องเซียกับไอศิกินแล้วครับ เหลือแค่อาที่ยังไม่ได้กิน""อ่าว ทำไมล่ะคะ หรือว่าอาเตยังไม่หิว" "หิวครับ แต่อารอกินเป็นเพื่อนหนูพั้นซ์"ได้ยินเช่นนั้นน้ำพั้นซ์ก็ถึงกับชะงักไปอีกครั้งกับคำพูดของคนตัวโต แม้จะรู้สึกดีที่เขารอกินข้าวพ
ด้านน้ำพั้นซ์ขับรถมาถึงบ้านไข่ดำ ไม่ทันจะได้จอดรถสนิทเธอก็เอ่ยถามหาไข่ดำกับป้าแดงแม่ของไข่ดำที่นั่งกินข้าวอยู่หน้าบ้าน"ป้าแดงไอไข่ดำอยู่ไหมจ๊ะ""อยู่หลังบ้าน ไปแลตะ" (อยู่หลังบ้าน ไปดูสิ)ได้ยินเช่นนั้นน้ำพั้นซ์ก็รีบเอาขาตั้งรถลง พอจอดรถเสร็จเธอก็รีบเดินไปหาไข่ดำหลังบ้านตามที่ป้าแดงบอกทันทีด้านไข่ดำที่นั่งชื่นชมปลากัดหลายตัวที่อยู่ในขวดแก้วใสๆหรือขวดเหล้าหงส์และขวดโซดา พอหันไปเห็นน้ำพั้นซ์ที่เดินมุ่งตรงมาทางตัวเอง ไข่ดำก็เอ่ยทักออกไปทันที"อ่าวพี่พั้นซ์ มาแลไอเงินเนาะ" (อ่าวพี่พั้นซ์ มาดูไอเงินเหรอ)"อือ ว่าจะมาดูตั้งแต่เช้าแล้วแหละ แต่เมื่อวานต้องมีใครไปบอกตาแน่ว่าพี่แอบไปเล่นปลากันที่บ้านพี่แสน พี่เลยโดนตาจับขังไว้ในห้องตั้งแต่เมื่อวาน นี่ตาก็เพิ่งปล่อยออกมาเนี่ยแหละ โคตรเซ็งเลย อย่าให้รู้นะว่าใครที่มันปากบอนไปบอกตา แม่จะไปจับแหกปากถึงบ้านเลยคอยดู" น้ำพั้นซ์พูดด้วยท่าทีกระฟัดกระเฟียด ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห เพราะไม่รู้ว่าคนที่เอาเรื่องของเธอไปฟ้องตาเป็นใคร แต่ก็คงจะไม่พ้นพวกป้าข้างบ้านอีกเหมือนเดิม แค่ไม่รู้ตัวบุคคลแน่ชัดเท่านั้น เพราะพวกที่ชอบทำตัวเป็นป้าข้างบ้านมันมีเยอะเหลือเกิน"โหด
ด้านน้ำพั้นซ์เดินไปเดินมาอยู่ภายในห้องนอนของตัวเองอย่างร้อนใจ เพราะก่อนหน้านี้ซีเซียได้ส่งข้อความบอกเธอว่ามาถึงที่นี่แล้ว เธอจึงตั้งหน้าตั้งตารอว่าเมื่อไหร่ซีเซียจะมาช่วยเธอให้เป็นอิสระจากการถูกขังไว้ในห้องแบบนี้เสียที ทว่าพอได้ยินเสียงกึกกักๆคล้ายว่ากลอนประตูไม้หน้าห้องกำลังถูกเปิดออกจากคนข้างนอก น้ำพั้นซ์ก็ยิ้มออกมาได้จนแก้มแทบปริ และไม่รอช้าสองขาเรียวเล็กเดินกรูไปยังประตูห้องทันที และเมื่อประตูไม้คู่บานเล็กถูกผลักเข้ามาจากคนด้านนอก ก็ทำให้สองสาวสบตากันพร้อมเอ่ยเรียกชื่อกันและกันทันที"เซีย/พั้นซ์"หมับ!เห็นเช่นนั้นน้ำพั้นซ์ก็ก้าวขาออกจากห้องแล้วกอดหมับคนที่มีศักดิ์เป็นพี่สาวทันทีด้วยความดีใจ ด้านซีเซียก็กอดตอบทันทีเช่นเดียวกัน ไม่นานสองสาวก็ผละกอดออกจากกัน แล้วเป็นน้ำพั้นซ์ที่เอ่ยพูดขึ้นก่อน"ขอบใจนะเซียที่มาช่วยเรา""ไม่เป็นไร เรื่องแค่นี้เอง"ด้านสองหนุ่มใหญ่ที่ยืนมองอยู่ด้านหลังของซีเซีย ไม่ได้อยู่ในสายตาของน้ำพั้นซ์เลย เพราะมัวแต่ดีใจที่ซีเซียมาช่วย น้ำพั้นซ์จึงให้ความสำคัญแค่ซีเซียที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอเท่านั้น กระทั่งซีเซียเอ่ยพูดขึ้น"อาศิกับอาเตก็มาด้วยนะ มัวแต่ดีใจอยู่นั่นแ
ณ เรือนไม้สักยกพื้นในที่สุดทั้งสามก็เดินทางมาถึงที่หมายอย่างสวัสดิภาพในเวลาที่ตะวันใกล้จะตกดินพอดี โดยมีเจ้าของบ้านหรือตาบุญกับยายลียืนรอต้อนรับทั้งสามคนอยู่หน้าบ้านแล้ว เพราะหลานสาวคนโตหรือซีเซียได้โทรบอกทั้งสองล่วงหน้าแล้วว่าจะมาหาด้านซีเซียเมื่อลงจากรถก็รีบวิ่งไปหาตากับยายของเธอที่ยืนรออยู่หน้าบันไดบ้าน ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงใสแจ๋ว"ตาจ๋ายายจ๋า สวัสดีค่ะ หนูคิดถึงตากับยายที่สุดเลย" พนมสองมือน้อยๆไว้ตากับยายเสร็จ ซีเซียก็เข้าไปกอดทั้งสองทันทีด้วยความคิดถึง แม้เธอจะกลับกรุงเทพไปได้ไม่ถึงสองอาทิตย์ แต่ก็รู้สึกคิดถึงท่านทั้งสองเหมือนว่ากลับไปนานเป็นเดือน"ยายกับตาก็คิดถึงเราเหมือนกันยัยหนูเซีย เดินทางมาเหนื่อยๆขึ้นไปพักบนบ้านก่อนเถอะ" ยายลีเอ่ยพูดพลางลูบศรีษะเล็กของหลานสาวคนโตอย่างรักใคร่เอ็นดู ไม่ต่างกับตาบุญที่แม้จะไม่ได้พูดอะไร แต่ก็ลูบศรีษะเล็กของหลานสาวคนโตอย่างรักใคร่เอ็นดูเช่นเดียวกัน...ตาบุญกับยายลี ถิ่นกำเนิดไม่ใช่คนใต้ แต่เป็นคนภาคกลางที่ย้ายมาตั้งถิ่นฐานสร้างครอบครัวอยู่ที่ใต้ตั้งแต่หนุ่มสาว ทั้งคู่จึงพูดภาษากลางกันตามปกติรวมถึงน้ำพั้นซ์ด้วย ทุกคนในครอบครัวพูดภาษากลางกันห