"ยายรดา..."
"ไม่ต้องพูด" พอยายจ๋าวางสาย เอ่ยเรียกเธอเสียงอ่อย เธอก็เดาได้ทันที แต่กระนั้นก็ได้แต่ยิ้มพลางทำหน้างอนๆ ใส่เพื่อน "เดี๋ยวเช้าจะซื้อโจ๊กร้านโปรดมาฝาก" "ฉันกลับไปกินโจ๊กที่โรงแรมดีกว่า" "นอนนี่แหละ กลับโรงแรมไปอันตราย ไม่อยากให้นั่งแท็กซี่กลางคืนแบบนี้ ยิ่งแต่งตัวโป๊ๆ ด้วย" พอมองชุดที่ตัวเองใส่มาก็เห็นจะจริง ชุดเซ็กซี่ที่ยายจ๋าเคยพาไปซื้อเพื่อให้เขากับสีผมใหม่นั่นแหละ และนั่นก็หมายความว่ายายจ๋ารีบมากจนไปส่งเธอที่โรงแรมไม่ได้ด้วย "โอเค นอนนี่ก็ได้ หวังว่าตอนเช้าฉันจะได้กินโจ๊กนะ" "แก่แดดใหญ่แล้ว ลงไปเลย" ยายจ๋าได้แต่เอานิ้วจิ้มหน้าผากเพื่อนด้วยความหมั่นไส้เพราะถูกรู้ทัน พอเธอลงรถยายจ๋าก็รีบขับรถคันหรูออกไปทันที เธอรีบค้นหาคีย์การ์ดในกระเป๋าสตางค์ที่ยายจ๋าเคยให้ไว้ เพราะต่างก็มีของกันและกัน ห้องขนาดไม่ใหญ่นักที่ถูกตกแต่งไว้ด้วยสไตล์โมเดิร์น ขนาดที่ว่าไม่ใหญ่ก็ยังใหญ่กว่าห้องเธอสองเท่าได้มั้ง ของธรรมดาอยู่แล้วเพราะความรวยระดับเจ้าสัวของบ้านยายจ๋า ขึ้นมาถึงห้องเธอก็รีบเปิดน้ำอุ่นที่อ่างอาบน้ำทิ้งไว้ทันที เพราะเหนื่อยเมื่อยล้ามาทั้งวัน ที่ว่าจะออกมาผ่อนคลายกลายเป็นเมื่อยหนักกว่าเก่า แถมยังแสบคอจนเสียงใสกลายเป็นเสียงแหบๆ เสียงเพลงจากเพลย์ลิสต์ในโทรศัพท์มือถือถูกเปิดคลอไว้เบาๆ น้ำอุ่นจัดช่วยให้เธอผ่อนคลายขึ้นได้ดีทีเดียว กลิ่นหอมอ่อนๆ ของฟองสบู่สีขาวนวลที่ลอยอยู่เต็มอ่างยิ่งช่วยให้เธอสดชื่น ดวงตากลมโตหลับพริ้มซึมซับบรรยากาศแห่งความสบาย แต่ก็ต้องถูกขัดขึ้นจากเสียงประตูอัตโนมัติที่ถูกเปิดออก สงสัยจะถูก 'ผู้' เท ศิรดาได้แต่แอบนึกสมน้ำหน้ายายจ๋า ยิ่งนึกถึงใบหน้างอง้ำก็ได้อมยิ้มอยู่คนเดียว พี่เจอะไรนั่นคงผิดนัดกันล่ะมั้ง หรืออาจจะเปลี่ยนใจไม่ต้องให้ยายจ๋าไปหาแล้ว เสียงกุกกักอยู่ในห้องนอนไม่ได้ทำให้เธอสนใจนัก เดี๋ยวยายตัวดีก็คงเข้ามาตามเธอเองนั่นแหละ ยิ่งเสียงเปิดประตูห้องน้ำอย่างแรง คงจะหงุดหงิดที่โดนผู้ชายทิ้ง ราวกับใช้ประตูระบายโทสะอย่างนั้น เสียงเดินก็ออกจะดังกว่าทุกครั้งคงจะหงุดหงิดมาก "ไงยะ โดนเทหรือไง มามะ เดี๋ยวเพื่อนจะช่วยปลอบใจให้เองนะ" เธอเอ่ยเย้าเพื่อนด้วยเสียงใสที่แหบพร่า ก่อนจะตวัดผ้าม่านที่กั้นระหว่างโซนอ่างอาบน้ำไว้ออก กรี๊ด!!! เสียงกรีดร้องด้วยความตกใจทันทีที่ผ้าม่านถูกเปิดออก เผยให้เห็นคนที่อยู่ตรงหน้าเคาน์เตอร์อ่างล้างมือ ที่เธอคิดว่าเป็นยายจ๋า แต่กลับไม่ใช่ เสียงร้องยังไม่ทันได้สุดเสียงก็กลายเป็นเสียงอื้ออึงฟังไม่ได้ศัพท์ เพราะริมฝีปากอิ่มที่อ้ากว้างแหกปากร้องถูกตะปบไว้ด้วยฝ่ามือหนาที่กดเอาไว้แน่นจนเธอร้องออกมาไม่ได้ยินเสียง คำพูดที่เธอพูดต่อจากนั้นก็ยิ่งฟังไม่รู้เรื่องเช่นกัน "เงียบ" เสียงตะคอกต่ำ ทำให้เธอหยุดร้องโวยวายทันที ได้แต่เหลือบสายตามองหน้าเจ้าของฝ่ามือใหญ่นั้น "เงียบได้หรือยัง" เสียงเค้นต่ำแทบไม่ลอดไรฟัน ทำให้เธอพยักหน้าหงึก ฝ่ามือหนาที่ปิดปากเธอไว้แน่นค่อยๆ คลายออก แล้วฝ่ามือนั้นก็รีบเท้าแขนลงที่ขอบอ่างอาบน้ำอย่างรวดเร็วราวกับคนตัวใหญ่ไร้เรี่ยวแรงที่จะพยุงตัวเองเอาไว้ สองมือที่เกาะขอบอ่างแน่นจนเส้นเลือดที่หลังมือขึ้นเป็นเส้นสีเขียวชัดเจน ใบหน้าหล่อเข้มมีเม็ดเหงื่อผุดอยู่เต็มกรอบหน้า เส้นผมสีเทาสลวยถูกเสยลวกๆ ไว้ดูชื้นไปด้วยเหงื่อราวกับคนเพิ่งออกกำลังกายมาอย่างหนัก ท่าทางของเขาไม่ได้เหมือนคนเมาเพราะดูมีสติอยู่มากทีเดียว แต่เหมือนคนที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ หรือกำลังควบคุมตัวเองกันแน่เธอก็ไม่แน่ใจ เขาก้มหน้าเท้าแขนที่อ่างอยู่แบบนั้นอยู่ครู่ พอเธอได้สติหายตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้า เห็นท่าทางเขาไม่ค่อยดีนัก จึงได้เอื้อมมือไปสะกิดที่แขนเขาเบาๆ "พะ...พี่ธร..เป็นอะไรหรือเปล่าคะ" น้ำเสียงตะกุกตะกักที่เอ่ยอย่างกล้าๆ กลัวๆ แต่พอมือเธอถูกตัวเขาเพียงนิด ชลันธรก็สะบัดมือเธออย่างแรง "ออกไป" เสียงเข้มคล้ายตวาดแม้จะไม่ดังนักแต่ก็ทำให้ศิรดาถึงกับสะดุ้งตัวเช่นกัน เสียงตวาดใส่คนตัวเล็กที่ยังนั่งแช่อยู่ในอ่างอาบน้ำ เพราะอาการแปลกๆ ของเขาที่กำลังดึงดูดความสนใจของเธอ จนลืมว่าตัวเองที่อยู่ในอ่างไม่ได้มีเสื้อผ้าติดตัวสักชิ้น จะมีก็แค่ฟองสบู่ละมุนติดตามตัวพอได้บดบังสายตาเขาได้บ้าง เหมือนตัวเองก็จะยังไม่รู้ตัว "พี่ธร เป็นอะไรหรือเปล่าคะ ไม่สบายหรือคะ" เธอยังเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะเห็นอาการเขาดูแย่ลงไปอีก "ว้าย" ยังไม่ทันได้คำตอบเธอก็ต้องร้องเสียงหลง เมื่ออยู่ๆ เขาก็ก้าวลงมานั่งในอ่างอาบน้ำด้วยแถมยังเปิดฝักบัวที่อยู่ด้านบน กระแสน้ำเย็นเฉียบทำเธอสะดุ้งตัวหันไปมองที่ก๊อกจึงรู้ว่าเขาเปิดน้ำเย็นสุด เขาปล่อยน้ำอุ่นในอ่างเธอออก แล้วมันก็ไหลออกอย่างรวดเร็ว จนเธอรู้สึกตัวว่าตัวเองอยู่ในสภาพไหน ด้วยความตกใจเธอรีบคว้าผ้าขนหนูที่พาดอยู่ตรงราวด้านบนมาพันตัวไว้ หันไปมองเขาไม่ได้สนใจมองมาที่เธอ ได้แต่นั่งก้มหน้าให้น้ำที่ฝักบัวไหลกระทบใส่ศีรษะตัวเอง เสื้อเชิ้ตสีดำที่เขาสวมอยู่ถูกถอดออกอย่างรวดเร็วโยนทิ้งไปข้างๆ อ่าง สองมือเขาก็กลับมาเกาะขอบอ่างไว้อีกครั้ง เธอเห็นเขาเกร็งมือบีบขอบอ่างเอาไว้จนแน่น "พี่ธร เป็นอะไรคะ ไปหาหมอไหม" แม้ตัวเองจะโป๊อยู่ แต่เพราะเห็นอาการไม่สู้ดีของเขา ก็ทำเธอไม่กล้าหนีไปทางไหน "ฉันบอกให้ออกไป อยากเจ็บตัวหรือไง" "พี่ธร เป็นอะไรล่ะคะ ทำไมอาการเป็นแบบนี้ แล้วอาบน้ำเย็นเดี๋ยวก็ไม่สบายหรอกค่ะ เมาหรือเปล่าคะ" เห็นเขาเปิดน้ำเย็นใส่อ่างเธอก็ยิ่งไม่สบายใจ "ไม่ได้เมา ออกไป" เขาตวาดเสียงดังอีกครั้ง เส้นเอ็นที่ข้อมือเกร็งขึ้นกว่าเดิมจนน่ากลัว แผงอกล่ำสันที่เน้นให้เห็นกล้ามเนื้อเป็นมัด แล้วดูเหมือนเขาจะทรมานอยู่ไม่น้อยทีเดียวคุณแม่มือใหม่นอนหลับไปพร้อมกับเจ้าตัวอ้วนที่กินนมอิ่มก็หลับ ศิรดาจะได้หลับก็ต่อเมื่อเจ้าตัวน้อยหลับ เพราะเธอเลือกให้นมลูกจากเต้า การต้องตื่นทุกสองชั่วโมงเพื่อให้นมดูจะทำให้เธอเพลียไม่น้อย หลังจากจากคุณแม่ต้องพักผ่อน ทุกคนจึงแยกย้ายออกมาจากห้องนั่งเล่นใหญ่ที่กลายเป็นห้องเลี้ยงเด็ก คุณพรรณีจึงได้เข้าครัวสำหรับเตรียมอาหารเย็นโดยมียายจ๋าตามเข้าไปช่วย พี่เลี้ยงเจ้าตัวเล็กก็จะใช้เวลานี้จัดการทำความสะอาดกับพวกเสื้อผ้าหรือของใช้เด็ก และรอเวลามาช่วยตอนที่เจ้าตัวเล็กตื่นนอน ชลันธรกับวรุตจึงได้หลบมานั่งคุยกันอยู่ที่สระว่ายน้ำ ปรึกษากับตามประสาคู่เขยไม่ว่าจะเรื่องธุรกิจ หรือเรื่องภรรยาของตัวเอง รวมถึงอีกหลายๆ เรื่อง "พวกไอ้พงษ์เทพ มันยังมายุ่งกับมึงอีกหรือเปล่า" วรุตเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง "ไม่แล้วแหละ ตั้งแต่ขู่พิมพ์พิมลไปก็เงียบไปเลย" "กูว่าไม่รอดศาลฎีกาแน่ ยังไงก็ต้องยืนตามอุทธรณ์" วรุตให้ความเห็น "ไม่น่ารอด แต่คดีรับสินบนน่าจะสืบอีกนาน แต่ให้มันโดนสักคดีก็ยังดี มึงรู้เรื่องพิมพ์พิมลแล้วใช่เปล่า" "รู้ว่า" วรุตไม่แน่ใจว่าหมายถึงเรื่องไหน "เรื่องที่เมียหลวงรัฐมนตรีจับได้น
และในอีกหลายๆ ครั้งที่ยายจ๋าต้องไปคุยเรื่องงานกับบริษัทก่อสร้างที่กำลังเริ่มงาน จะต้องมีคนตัวสูงเดินเคียงคู่ไปด้วยทุกครั้ง และในหลายๆ ครั้งที่การตัดสินใจมาจากเขา ถ้ายิ่งต้องไปดูไซต์งานก่อสร้างเธอจะถูกจำกัดบริเวณให้อยู่แค่ในออฟฟิศชั่วคราวเท่านั้น จะมีเพียงเขาและไตรฉัตรที่เดินตากแดดออกไปที่ไซต์ แต่ก็ยังมีบางครั้งที่คนตัวเล็กดื้อดึงจะออกไปดูเองให้ได้ ก็จะต้องมีวรุตที่คอยกางร่มให้อยู่ข้างๆ ตลอด งานก่อสร้างที่กำลังเริ่มต้นก็ดำเนินไปอย่างเรียบร้อย ตามแพลนที่วางไว้เช่นเดียวกับงานแต่งงานที่กำหนดไว้ในเวลาไล่เลี่ยกันก็ดำเนินไปตามกำหนดภายในงานแทบจะไม่ต่างกับงานของชลันธรกับศิรดามากนัก แม้แต่สินสอดทองหมั้นก็ไม่ได้น้อยหน้ากว่ากัน ที่จะมีขัดใจก็คงเป็นตอนที่ชลันธรคนเจ้าคิดเจ้าแค้นแกล้งมาป่วนในตอนที่เขาเหลือเวลาว่างเพียงนิดพอจะได้พักผ่อนเสียหน่อย หลังงานแต่งเพียงไม่กี่วันทั้งคู่ก็กลับไปใช้ชีวิตที่เชียงใหม่ ระหว่างที่รีสอร์ตของยายจ๋ากำลังก่อสร้าง เธอก็มักจะมาอยู่ที่ห้องทำงานของสามี เพื่อจะได้ศึกษาข้อมูลจากเขาและมันก็ทำให้เธอเข้าใจระบบงานโรงแรมได้เป็นอย่างดี การก่อสร้างเริ่มเข้าในระยะที่สองแล้ว
คุณจ๋าที่ดูร่าเริงพูดเยอะอยู่เมื่อครู่ แต่พอนั่งข้างกับคนหน้าตึง ก็ทำเธอกลายเป็นคนพูดน้อยไปเสียอย่างนั้น ไตรฉัตรมองสายตาของคนทั้งสองคงมากกว่าคนรู้จักกันแน่นอน แต่ไม่รู้ทั้งคู่จะงอนกันหรือเพราะอะไรจึงดูเงียบๆ แปลกๆ "คุณจ๋าทานเยอะๆ นะครับ อาหารโรงแรมของคุณวรุตนี่อร่อยมากเลย สงสัยผมจะได้บินมาเชียงใหม่บ่อยๆ ซะแล้ว" ไตรฉัตรตักอาหารใส่จานให้คุณจ๋า พูดจบก็แอบมองหน้าเจ้าของโรงแรม ใบหน้าเรียบดูจะตึงขึ้นอีกไม่น้อย จนไตรฉัตรแอบยิ้ม "ที่กรุงเทพก็มีสาขาครับ ถ้าติดใจรสชาติอาหารทานที่กรุงเทพก็ได้ครับ รับรองสูตรเดียวกันแน่นอนครับ" "ก็ดีนะครับ แต่ถ้าได้มาเชียงใหม่ คงไม่พลาดแน่นอนครับ" ในมื้ออาหารเที่ยงที่กำลังจะผ่านพ้นไป เธอแทบจะไม่ได้เอ่ยอะไร ปล่อยให้ผู้ชายสองคนคุยกัน เสียงคุณไตรฉัตรเอ่ยถามเสียมากกว่า คนตอบก็ตอบบ้าง ตอบปัดๆ ให้ผ่านไปบ้าง "เดี๋ยวผมขอตัวก่อนนะครับ มีประชุมตอนบ่ายโมง" วรุตเอ่ยบอกตอนที่มื้ออาหารเที่ยงผ่านพ้นไปแล้ว "ครับ ขอบคุณสำหรับอาหารอร่อยนะครับ" "คุณไตรฉัตรจะกลับวันไหนหรือครับ" "อ๋อ วันนี้แหละครับ พอดีผมต้องขึ้นเชียงรายต่อ" "เสียดายนะครับ ไม่งั้นจะชวนให้พัก
"พี่รุตคะ แม่บอกว่าฤกษ์แต่งงานต้องอีกสองเดือนข้างหน้านะ" "ก็ตามนั้นแหละ" "ค่ะ" ยายจ๋าได้แต่ตอบรับเสียงอ่อยๆ มองคนที่ลุกเดินจากโซฟารับแขกในห้องทำงานกลับไปที่โต๊ะทำงานตัวใหญ่ เธอลุกตามไปนั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะ จ้องมองคนที่กำลังเปิดแฟ้มเอกสารตรงหน้า "พี่รุต เราแต่งฤกษ์สะดวกดีไหมคะ เพราะอีกสองเดือนบริษัทก่อสร้างน่าจะเริ่มงานแล้ว จ๋ากลัวจะยุ่ง" "พวกแม่ๆ จะฟังเธอไหมล่ะ วันไหนก็วันนั้นแหละ" "ก็ได้ค่ะ จ๋ามีนัดกับบริษัทก่อสร้างที่ห้องอาหารโรงแรมนี่แหละค่ะ ออฟฟิศที่จ๋าเช่าไว้ยังตกแต่งไม่เสร็จเลยพี่รุตจะลงไปด้วยไหมคะ" "กี่โมง" "สิบโมงค่ะ" "พี่มีประชุม" "ค่ะ งั้นจ๋าขอตัวก่อนนะคะ" เธอได้แต่รับคำเสียงอ่อยๆ เพราะเหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่นาทีที่จะถึงเวลานัด เมื่อวรุตไม่ว่างที่จะลงมาคุยกับบริษัทก่อสร้าง เธอจึงได้แต่ลงมารอสถาปนิกออกแบบที่พี่นทีพี่ชายคนโตแนะนำมาให้ เธอลงมาถึงห้องอาหารก่อนเวลาเพียงสิบนาที และก็พอดีกับที่สถาปนิกมาถึง เสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้น พอกดรับสาย "คุณจ๋า ใช่ไหมครับ ผมมาถึงแล้วนะครับ" "ค่ะ คุณไตรฉัตร..." "อ้าว..." เธอยังพูดไม่ทันได้จบประ
เธอได้แต่เรียกคนตัวสูงให้มานั่งข้างๆ บังคับให้เขาเปิดอ่านเกี่ยวกับการตั้งครรภ์การดูแลต่างๆ จากแหล่งค้นหาข้อมูลที่ชื่อว่ากูเกิล ชลันธรจึงได้แต่นั่งอ่านข้อมูลในโทรศัพท์อยู่พักใหญ่ "แล้วนั่นจะไปไหนอีกล่ะครับ" "รดาจะไปหยิบผลไม้ในครัวค่ะ" เธอได้แต่ถอนหายใจหนักๆ สุดท้ายเขาก็เป็นฝ่ายเดินไปหยิบมาให้ ตลอดระยะเวลาของการตั้งครรภ์แม้จะล่วงเข้าสู่ไตรมาสสุดท้าย อีกเพียงไม่ถึงสองเดือนเจ้าหนูน้อยทายาทคนแรกของเจ้าสัวทินกรก็จะได้ออกมาดูโลกกว้าง ทั้งสองบ้านดูจะเห่อหลานชายคนแรกกันไม่น้อย ส่วนคู่แต่งงานที่แต่งหลังเธอก็ตกอยู่ในภาวะที่ถูกครอบครัวกดดันอย่างหนัก เมื่อยังไม่เห็นวี่แววว่าทั้งคู่จะมีทายาทคนต่อไปให้ครอบครัว ยายจ๋าให้เหตุผลขอทำรีสอร์ตให้เสร็จก่อน ส่วนฟาร์มของพี่รุตก็ดูเป็นรูปเป็นร่างขึ้นแล้ว ทั้งคู่จึงยังใช้ชีวิตที่เชียงใหม่เป็นส่วนใหญ่ "ท้องที่สอง พี่ว่าเราทำลูกแฝดดีกว่าไหม จะได้เจ็บทีเดียว" ชลันธรเอ่ยบอกภรรยาที่ยังท้องโย้เอนตัวนอนอยู่บนโซฟาเบดตัวใหญ่ โดยมีเขาที่นอนกอดท้องใหญ่ๆ ของเธอไว้ "พี่ธรจะทำได้หรือคะ" "ใครมันจะทำได้เองล่ะ พูดเข้า ก็ต้องใช้การแพทย์ช่วยซิ" ฟังคำถามนั้
เพราะข่าวในทีวีที่เธอเปิดทิ้งไว้ภายในห้องนั่งเล่นไม่ได้ใส่ใจสักเท่าไร แต่นักข่าวชื่อดังที่กำลังเล่าข่าวอย่างออกรสเอ่ยชื่อถึงนายพงษ์เทพเท่านั้น อาหารตรงหน้าจึงถูกลดความสนใจลงทันที "ตื่นเต้นกับข่าวอะไรแต่เช้าครับ" ชลันธรแกล้งทำลากเสียงยาวในท้ายประโยค เพราะเพิ่งออกจากห้องน้ำ ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กยังเช็ดผมที่หมาดอยู่ เดินมานั่งข้างภรรยาคนสวย ข่าวการตัดสินคดีพรากผู้เยาว์เด็กอายุต่ำกว่าอายุสิบแปดปีของนายพงษ์เทพและพวก ที่ศาลตัดสินจำคุกแปดปีไม่รอลงอาญา และปรับสองแสนบาท "สมน้ำหน้า" นักข่าวยังอ่านข่าวไม่ทันจบดีด้วยซ้ำ แค่พอจับใจความได้ ศิรดาก็เอ่ยเน้นเสียงขึ้นมาด้วยความสะใจ "ท่าจะหลุดยาก ถึงจะประกันตัวไปสู้คดีต่อก็เถอะ" ชลันธรได้แต่ให้ความเห็น "กฎแห่งกรรมยุติธรรมเสมอค่ะ ถึงจะรอนานสักหน่อย แต่เสียดายยายคุณพี่พิมพ์นั่นน่าจะโดนอะไรสักหน่อย คิดแล้วก็แค้นนัก" พอพูดถึงพิมพ์พิมลอดไม่ได้ที่เธอจะเหลือบตามองสามีตัวเอง ด้วยสายตาที่ทำให้คนถูกมองต้องรีบแก้ต่างให้ตัวเอง "อย่ามองพี่แบบนั้นนะ" "รดายังไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อยนี่คะ ร้อนตัว" "ก็สายตาเธอ" "สายตารดาทำไมคะ" "ไม่ทำไมจ้า เมียจ๋า