แม้จะตกใจที่ถูกไล่เสียงดัง แต่ก็ยังไม่กล้าทิ้งเขาไว้ เธอจึงได้เอื้อมมือมาแตะที่หน้าผากเขาเบาๆ หวังจะดูว่าเขาตัวร้อนไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า แต่มือเล็กยังไม่ทันได้ถึงตัว ก็ถูกเขาจับข้อมือไว้แน่น สบตาเขาครั้งแรกถึงรู้ว่าใบหน้าหล่อของเขาแดงก่ำขนาดดวงตายังแดงจนน่าตกใจ เธอเผลอมองสายตาคมอยู่ครู่ แม้มันจะแดงจนดูน่ากลัว แต่ดวงตาเขาตอนนี้ดูมันแตกต่างจากทุกครั้ง แม้จะดุแต่มันก็ดูหวานกว่าทุกครั้ง
"ไปหาหมอ ไหมคะ" มือเล็กยิ่งถูกเขาบีบแรงขึ้น "โอ๊ย เจ็บ" เสียงร้องของเธอทำเขาถอนหายใจหนักๆ ทำท่าคล้ายกำลังรวบรวมสมาธิอย่างนั้นแหละ "อื้อ" เสียงอื้ออึงในลำคอที่ร้องด้วยความตกใจ เมื่อเธอถูกเขารั้งข้อมืออย่างแรงจนร่างอรชรที่มีเพียงผ้าขนหนูพันกายไว้ ถลาลงไปนั่งที่ตักเขา ริมฝีปากอิ่มที่กำลังจะร้อง ก็ถูกปิดสนิทด้วยริมฝีปากได้รูป ดวงตาหวานเบิกกว้างอยู่ครู่ตอนที่ถูกบดจูบอย่างแรง ก่อนจะค่อยๆ หลับตาลง เรี่ยวแรงที่จะขัดขืนเพียงนิดแทบไร้สิ้น เมื่อริมฝีปากที่ถูกประกบไว้แนบชิดจนแทบไร้ช่องว่าง ข้อมือที่ถูกเขาจับไว้แน่นยังไม่ปล่อยแม้จะดึงรั้งตัวเองอย่างไรก็ดูจะไม่เป็นผล จนเมื่อเรียวขาเธอตั้งหลักได้หวังใช้หัวเข่าชันกับพื้นที่ช่องว่างระหว่างขาเขา คิดจะพยุงตัวให้ลุกขึ้น ก็กลับถูกฝ่ามือใหญ่รั้งเอวให้กลับลงมานั่งอยู่ในท่าเดิม "พะ...พี่ธร" เสียงแหบกระเส่าเอ่ยเรียกตอนที่เขาถอนจูบอันหนักหน่วงออกแล้ว แต่เธอยังเผลอหลับตาพริ้มอยู่อย่างนั้น จนได้สติว่าเขาปล่อยปากให้เป็นอิสระ จึงได้รีบลืมตาขึ้น "ออกไป ฉันโดนยา กลับไปซะ ถ้าไม่อยากโดนดี" เสียงเข้มต่ำไม่พูดเปล่า ยังผลักเธอออกอย่างแรงจนน้ำในอ่างกระฉอก ถ้าไม่ติดขอบอ่างอีกฝั่งเธอคงจะได้หงายหลังไปแน่ "อะไรนะคะ โดนยา ยาอะไรคะ รีบไปหาหมอเถอะค่ะ" เพราะคำว่ายาบวกกับอาการที่ดูยิ่งแย่ ทำเธอเป็นห่วงแม้ผ้าขนหนูที่เปียกน้ำจนชุ่มพันอกไว้จะหลุดมิหลุดแหล่ก็ไม่ได้สนใจ ใช้เพียงมืออีกข้างช่วยจับไว้ไม่ให้มันหลุดออก คำถามของเธอทำชลันธรกัดฟันกรอดจนเธอได้ยินเสียง แม้น้ำจากฝักบัวด้านบนที่กระทบน้ำในอ่างจะเสียงดัง เขาเงยหน้ามองเธอด้วยสายตาปรารถนาชัดเจน เขากัดริมฝีปากตัวเองเอาไว้แน่น "ยาปลุกเซ็กซ์" ไม่พูดเปล่าเจ้าตัวยังลุกขึ้นยืนปลดตะขอกางเกงผ้าเนื้อถอดทิ้งอีกต่างหาก เหลือเพียงกางเกงชั้นในสีขาว ตอนเขาลุกขึ้นยืนเธอตกใจจนรีบถอยหลังไปนั่งอยู่ขอบอ่างอีกฝั่ง แต่สายตาก็ยังจับจ้องที่เขาว่าจะทำอะไร จนกางเกงที่เขาถอดถูกโยนไปข้างเสื้อจนเกิดเสียงดัง ทำเธอรู้สึกตัวอีกครั้ง ใบหน้าหวานแดงระเรื่อเมื่อเห็นเพียงร่างกำยำของเขามีเพียงกางเกงผ้าตัวเล็กเท่านั้น แถมภายใต้กางเกงตัวเล็กนั่นยังเห็นความเป็นชายของเขาชัดเจนและดูท่ามันคงจะโดนยาปลุกอย่างที่เขาว่านั่นแหละ เพราะมันออกจะคับแน่นเห็นเป็นลำชัดเจน "พี่ธร" เขาไม่ได้เอ่ยไล่เธออีก เธอก็ไม่ทันได้รบเร้าจะพาเขาไปหาหมออีกครั้ง เมื่อข้อมือข้างเดิมถูกเขาคว้าได้แล้วรั้งให้เธอเข้าหา ปากอิ่มถูกเขาบดจูบอีกครั้ง มือเรียวถูกปล่อยเป็นอิสระแต่ฝ่ามือใหญ่ของเขากลับรั้งผ้าขนหนูเปียกน้ำนั้นให้หลุดออกจากตัว เอวบางถูกรวบกอดจนแนบชิดสัมผัสกล้ามเนื้อแน่นของเขาไปทุกส่วน "ไล่ไม่ไป งั้นก็อย่ามาว่าฉันใจร้ายแล้วกัน" ร่างอรชรถูกรวบอุ้มขึ้นในท่าเจ้าสาว เขาก้าวเท้าเร็วๆ พาเธอเดินออกจากห้องน้ำ จนมาถึงห้องนอน เธอถูกทิ้งลงที่เตียงอย่างไม่เบามือนัก มีเขาก้าวตามประกบทับขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เธอใช้มือดันอกเขาไว้ด้วยความตกใจ ตอนที่ถูกคนตัวใหญ่คร่อมไว้ ข้อมือเธอสองข้างถูกรวบด้วยมือเพียงมือข้างเดียวของเขาตรึงไว้เหนือศีรษะ ก่อนจะประกบจูบลงมา จมูกโด่งซุกไซ้จนทั่วลำคอระหง ไล่จนมาถึงติ่งหูอ่อนนุ่ม ลิ้นอุ่นตวัดเบาๆ ขนอ่อนที่ต้นคอก็ลุกชันเสียวซ่านไปทั้งกาย เมื่อเห็นเธอไม่แข็งขืนต่อต้าน เขาจึงปล่อยมือเธอแล้วมาคว้าแก่นกายของตัวเองออกจากกางเกงตัวเล็กสาวมันหนักๆ อยู่หลายที "รีบกลับไปซะ ก่อนฉันจะอดทนไม่ไหว" ใบหน้าหล่อเข้มซุกอยู่ที่ไหล่เนียนเอ่ยเสียงต่ำอย่างคนที่กำลังอดกลั้น "และ..แล้วพี่ธร..จะ..จะทำยังไงคะ" เขาไม่ตอบได้แต่เงยหน้ามอง เธอยังสัมผัสได้ว่ามือเขายังไม่หยุดชักเจ้าแท่งเนื้ออันใหญ่ที่เธอเห็นเมื่อครู่นั่น "ระ..รดา...ไม่.." "ถ้าเธอไม่ไป เรื่องหลังจากนี้ฉันไม่รับผิดชอบนะ อย่ามาเรียกร้องอะไรจากฉัน" แม้จะฟังดูโหดร้าย แต่อาการเขาตอนนี้เธอคิดว่าไม่สามารถทิ้งไปได้แน่นอน สบตาคมแล้วเธอก็ได้แต่เม้มปากแน่น "ค่ะ รดาจะไม่เรียกร้องอะไร แค่ช่วยพี่ธรได้" "ฉันไม่ได้มีถุงยางมา" "ค่ะ รดาเข้าใจ" เธอเข้าใจที่เขาจะสื่อได้ดี นอกจากเขาจะไม่รับผิดชอบความส่อเสือกของเธอ ไล่ไม่ไป นั่นหมายถึงว่าเธอก็ต้องควบคุมปัญหาที่จะเกิดตามมาหลังจากนั้นเองด้วย หลังจากรับปากเขาอย่างหนักแน่น เพราะอาการกระวนกระวายน่าทรมานของเขาแล้ว ถ้าได้รับการปลดปล่อยคงจะช่วยให้เขาหายทรมานได้ เธอคิดได้เพียงแค่นี้ ก็หลับตาลงรั้งคอเขาเข้าหา เป็นเธอที่เป็นฝ่ายจูบเขาก่อน จูบที่ไม่เคยจูบกับใครสักครั้ง แต่เมื่อครู่เขาทำอย่างไรเธอก็ทำตามอย่าง "ไม่ได้เรื่อง" เสียงเขาบ่นเบาๆ เงยหน้าขึ้นมองเธอ ก่อนจะประกบปากลงมาในแบบที่มันได้เรื่องและออกจะช่ำชอง คนจูบก่อนในคราวแรกจึงได้แต่สนองตอบตามแล้วแต่เขาจะนำไปทางไหน และดูเหมือนคนตัวเล็กจะหัวไวไม่น้อยคุณแม่มือใหม่นอนหลับไปพร้อมกับเจ้าตัวอ้วนที่กินนมอิ่มก็หลับ ศิรดาจะได้หลับก็ต่อเมื่อเจ้าตัวน้อยหลับ เพราะเธอเลือกให้นมลูกจากเต้า การต้องตื่นทุกสองชั่วโมงเพื่อให้นมดูจะทำให้เธอเพลียไม่น้อย หลังจากจากคุณแม่ต้องพักผ่อน ทุกคนจึงแยกย้ายออกมาจากห้องนั่งเล่นใหญ่ที่กลายเป็นห้องเลี้ยงเด็ก คุณพรรณีจึงได้เข้าครัวสำหรับเตรียมอาหารเย็นโดยมียายจ๋าตามเข้าไปช่วย พี่เลี้ยงเจ้าตัวเล็กก็จะใช้เวลานี้จัดการทำความสะอาดกับพวกเสื้อผ้าหรือของใช้เด็ก และรอเวลามาช่วยตอนที่เจ้าตัวเล็กตื่นนอน ชลันธรกับวรุตจึงได้หลบมานั่งคุยกันอยู่ที่สระว่ายน้ำ ปรึกษากับตามประสาคู่เขยไม่ว่าจะเรื่องธุรกิจ หรือเรื่องภรรยาของตัวเอง รวมถึงอีกหลายๆ เรื่อง "พวกไอ้พงษ์เทพ มันยังมายุ่งกับมึงอีกหรือเปล่า" วรุตเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง "ไม่แล้วแหละ ตั้งแต่ขู่พิมพ์พิมลไปก็เงียบไปเลย" "กูว่าไม่รอดศาลฎีกาแน่ ยังไงก็ต้องยืนตามอุทธรณ์" วรุตให้ความเห็น "ไม่น่ารอด แต่คดีรับสินบนน่าจะสืบอีกนาน แต่ให้มันโดนสักคดีก็ยังดี มึงรู้เรื่องพิมพ์พิมลแล้วใช่เปล่า" "รู้ว่า" วรุตไม่แน่ใจว่าหมายถึงเรื่องไหน "เรื่องที่เมียหลวงรัฐมนตรีจับได้น
และในอีกหลายๆ ครั้งที่ยายจ๋าต้องไปคุยเรื่องงานกับบริษัทก่อสร้างที่กำลังเริ่มงาน จะต้องมีคนตัวสูงเดินเคียงคู่ไปด้วยทุกครั้ง และในหลายๆ ครั้งที่การตัดสินใจมาจากเขา ถ้ายิ่งต้องไปดูไซต์งานก่อสร้างเธอจะถูกจำกัดบริเวณให้อยู่แค่ในออฟฟิศชั่วคราวเท่านั้น จะมีเพียงเขาและไตรฉัตรที่เดินตากแดดออกไปที่ไซต์ แต่ก็ยังมีบางครั้งที่คนตัวเล็กดื้อดึงจะออกไปดูเองให้ได้ ก็จะต้องมีวรุตที่คอยกางร่มให้อยู่ข้างๆ ตลอด งานก่อสร้างที่กำลังเริ่มต้นก็ดำเนินไปอย่างเรียบร้อย ตามแพลนที่วางไว้เช่นเดียวกับงานแต่งงานที่กำหนดไว้ในเวลาไล่เลี่ยกันก็ดำเนินไปตามกำหนดภายในงานแทบจะไม่ต่างกับงานของชลันธรกับศิรดามากนัก แม้แต่สินสอดทองหมั้นก็ไม่ได้น้อยหน้ากว่ากัน ที่จะมีขัดใจก็คงเป็นตอนที่ชลันธรคนเจ้าคิดเจ้าแค้นแกล้งมาป่วนในตอนที่เขาเหลือเวลาว่างเพียงนิดพอจะได้พักผ่อนเสียหน่อย หลังงานแต่งเพียงไม่กี่วันทั้งคู่ก็กลับไปใช้ชีวิตที่เชียงใหม่ ระหว่างที่รีสอร์ตของยายจ๋ากำลังก่อสร้าง เธอก็มักจะมาอยู่ที่ห้องทำงานของสามี เพื่อจะได้ศึกษาข้อมูลจากเขาและมันก็ทำให้เธอเข้าใจระบบงานโรงแรมได้เป็นอย่างดี การก่อสร้างเริ่มเข้าในระยะที่สองแล้ว
คุณจ๋าที่ดูร่าเริงพูดเยอะอยู่เมื่อครู่ แต่พอนั่งข้างกับคนหน้าตึง ก็ทำเธอกลายเป็นคนพูดน้อยไปเสียอย่างนั้น ไตรฉัตรมองสายตาของคนทั้งสองคงมากกว่าคนรู้จักกันแน่นอน แต่ไม่รู้ทั้งคู่จะงอนกันหรือเพราะอะไรจึงดูเงียบๆ แปลกๆ "คุณจ๋าทานเยอะๆ นะครับ อาหารโรงแรมของคุณวรุตนี่อร่อยมากเลย สงสัยผมจะได้บินมาเชียงใหม่บ่อยๆ ซะแล้ว" ไตรฉัตรตักอาหารใส่จานให้คุณจ๋า พูดจบก็แอบมองหน้าเจ้าของโรงแรม ใบหน้าเรียบดูจะตึงขึ้นอีกไม่น้อย จนไตรฉัตรแอบยิ้ม "ที่กรุงเทพก็มีสาขาครับ ถ้าติดใจรสชาติอาหารทานที่กรุงเทพก็ได้ครับ รับรองสูตรเดียวกันแน่นอนครับ" "ก็ดีนะครับ แต่ถ้าได้มาเชียงใหม่ คงไม่พลาดแน่นอนครับ" ในมื้ออาหารเที่ยงที่กำลังจะผ่านพ้นไป เธอแทบจะไม่ได้เอ่ยอะไร ปล่อยให้ผู้ชายสองคนคุยกัน เสียงคุณไตรฉัตรเอ่ยถามเสียมากกว่า คนตอบก็ตอบบ้าง ตอบปัดๆ ให้ผ่านไปบ้าง "เดี๋ยวผมขอตัวก่อนนะครับ มีประชุมตอนบ่ายโมง" วรุตเอ่ยบอกตอนที่มื้ออาหารเที่ยงผ่านพ้นไปแล้ว "ครับ ขอบคุณสำหรับอาหารอร่อยนะครับ" "คุณไตรฉัตรจะกลับวันไหนหรือครับ" "อ๋อ วันนี้แหละครับ พอดีผมต้องขึ้นเชียงรายต่อ" "เสียดายนะครับ ไม่งั้นจะชวนให้พัก
"พี่รุตคะ แม่บอกว่าฤกษ์แต่งงานต้องอีกสองเดือนข้างหน้านะ" "ก็ตามนั้นแหละ" "ค่ะ" ยายจ๋าได้แต่ตอบรับเสียงอ่อยๆ มองคนที่ลุกเดินจากโซฟารับแขกในห้องทำงานกลับไปที่โต๊ะทำงานตัวใหญ่ เธอลุกตามไปนั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะ จ้องมองคนที่กำลังเปิดแฟ้มเอกสารตรงหน้า "พี่รุต เราแต่งฤกษ์สะดวกดีไหมคะ เพราะอีกสองเดือนบริษัทก่อสร้างน่าจะเริ่มงานแล้ว จ๋ากลัวจะยุ่ง" "พวกแม่ๆ จะฟังเธอไหมล่ะ วันไหนก็วันนั้นแหละ" "ก็ได้ค่ะ จ๋ามีนัดกับบริษัทก่อสร้างที่ห้องอาหารโรงแรมนี่แหละค่ะ ออฟฟิศที่จ๋าเช่าไว้ยังตกแต่งไม่เสร็จเลยพี่รุตจะลงไปด้วยไหมคะ" "กี่โมง" "สิบโมงค่ะ" "พี่มีประชุม" "ค่ะ งั้นจ๋าขอตัวก่อนนะคะ" เธอได้แต่รับคำเสียงอ่อยๆ เพราะเหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่นาทีที่จะถึงเวลานัด เมื่อวรุตไม่ว่างที่จะลงมาคุยกับบริษัทก่อสร้าง เธอจึงได้แต่ลงมารอสถาปนิกออกแบบที่พี่นทีพี่ชายคนโตแนะนำมาให้ เธอลงมาถึงห้องอาหารก่อนเวลาเพียงสิบนาที และก็พอดีกับที่สถาปนิกมาถึง เสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้น พอกดรับสาย "คุณจ๋า ใช่ไหมครับ ผมมาถึงแล้วนะครับ" "ค่ะ คุณไตรฉัตร..." "อ้าว..." เธอยังพูดไม่ทันได้จบประ
เธอได้แต่เรียกคนตัวสูงให้มานั่งข้างๆ บังคับให้เขาเปิดอ่านเกี่ยวกับการตั้งครรภ์การดูแลต่างๆ จากแหล่งค้นหาข้อมูลที่ชื่อว่ากูเกิล ชลันธรจึงได้แต่นั่งอ่านข้อมูลในโทรศัพท์อยู่พักใหญ่ "แล้วนั่นจะไปไหนอีกล่ะครับ" "รดาจะไปหยิบผลไม้ในครัวค่ะ" เธอได้แต่ถอนหายใจหนักๆ สุดท้ายเขาก็เป็นฝ่ายเดินไปหยิบมาให้ ตลอดระยะเวลาของการตั้งครรภ์แม้จะล่วงเข้าสู่ไตรมาสสุดท้าย อีกเพียงไม่ถึงสองเดือนเจ้าหนูน้อยทายาทคนแรกของเจ้าสัวทินกรก็จะได้ออกมาดูโลกกว้าง ทั้งสองบ้านดูจะเห่อหลานชายคนแรกกันไม่น้อย ส่วนคู่แต่งงานที่แต่งหลังเธอก็ตกอยู่ในภาวะที่ถูกครอบครัวกดดันอย่างหนัก เมื่อยังไม่เห็นวี่แววว่าทั้งคู่จะมีทายาทคนต่อไปให้ครอบครัว ยายจ๋าให้เหตุผลขอทำรีสอร์ตให้เสร็จก่อน ส่วนฟาร์มของพี่รุตก็ดูเป็นรูปเป็นร่างขึ้นแล้ว ทั้งคู่จึงยังใช้ชีวิตที่เชียงใหม่เป็นส่วนใหญ่ "ท้องที่สอง พี่ว่าเราทำลูกแฝดดีกว่าไหม จะได้เจ็บทีเดียว" ชลันธรเอ่ยบอกภรรยาที่ยังท้องโย้เอนตัวนอนอยู่บนโซฟาเบดตัวใหญ่ โดยมีเขาที่นอนกอดท้องใหญ่ๆ ของเธอไว้ "พี่ธรจะทำได้หรือคะ" "ใครมันจะทำได้เองล่ะ พูดเข้า ก็ต้องใช้การแพทย์ช่วยซิ" ฟังคำถามนั้
เพราะข่าวในทีวีที่เธอเปิดทิ้งไว้ภายในห้องนั่งเล่นไม่ได้ใส่ใจสักเท่าไร แต่นักข่าวชื่อดังที่กำลังเล่าข่าวอย่างออกรสเอ่ยชื่อถึงนายพงษ์เทพเท่านั้น อาหารตรงหน้าจึงถูกลดความสนใจลงทันที "ตื่นเต้นกับข่าวอะไรแต่เช้าครับ" ชลันธรแกล้งทำลากเสียงยาวในท้ายประโยค เพราะเพิ่งออกจากห้องน้ำ ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กยังเช็ดผมที่หมาดอยู่ เดินมานั่งข้างภรรยาคนสวย ข่าวการตัดสินคดีพรากผู้เยาว์เด็กอายุต่ำกว่าอายุสิบแปดปีของนายพงษ์เทพและพวก ที่ศาลตัดสินจำคุกแปดปีไม่รอลงอาญา และปรับสองแสนบาท "สมน้ำหน้า" นักข่าวยังอ่านข่าวไม่ทันจบดีด้วยซ้ำ แค่พอจับใจความได้ ศิรดาก็เอ่ยเน้นเสียงขึ้นมาด้วยความสะใจ "ท่าจะหลุดยาก ถึงจะประกันตัวไปสู้คดีต่อก็เถอะ" ชลันธรได้แต่ให้ความเห็น "กฎแห่งกรรมยุติธรรมเสมอค่ะ ถึงจะรอนานสักหน่อย แต่เสียดายยายคุณพี่พิมพ์นั่นน่าจะโดนอะไรสักหน่อย คิดแล้วก็แค้นนัก" พอพูดถึงพิมพ์พิมลอดไม่ได้ที่เธอจะเหลือบตามองสามีตัวเอง ด้วยสายตาที่ทำให้คนถูกมองต้องรีบแก้ต่างให้ตัวเอง "อย่ามองพี่แบบนั้นนะ" "รดายังไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อยนี่คะ ร้อนตัว" "ก็สายตาเธอ" "สายตารดาทำไมคะ" "ไม่ทำไมจ้า เมียจ๋า