แม้จะตกใจที่ถูกไล่เสียงดัง แต่ก็ยังไม่กล้าทิ้งเขาไว้ เธอจึงได้เอื้อมมือมาแตะที่หน้าผากเขาเบาๆ หวังจะดูว่าเขาตัวร้อนไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า แต่มือเล็กยังไม่ทันได้ถึงตัว ก็ถูกเขาจับข้อมือไว้แน่น สบตาเขาครั้งแรกถึงรู้ว่าใบหน้าหล่อของเขาแดงก่ำขนาดดวงตายังแดงจนน่าตกใจ เธอเผลอมองสายตาคมอยู่ครู่ แม้มันจะแดงจนดูน่ากลัว แต่ดวงตาเขาตอนนี้ดูมันแตกต่างจากทุกครั้ง แม้จะดุแต่มันก็ดูหวานกว่าทุกครั้ง
"ไปหาหมอ ไหมคะ" มือเล็กยิ่งถูกเขาบีบแรงขึ้น "โอ๊ย เจ็บ" เสียงร้องของเธอทำเขาถอนหายใจหนักๆ ทำท่าคล้ายกำลังรวบรวมสมาธิอย่างนั้นแหละ "อื้อ" เสียงอื้ออึงในลำคอที่ร้องด้วยความตกใจ เมื่อเธอถูกเขารั้งข้อมืออย่างแรงจนร่างอรชรที่มีเพียงผ้าขนหนูพันกายไว้ ถลาลงไปนั่งที่ตักเขา ริมฝีปากอิ่มที่กำลังจะร้อง ก็ถูกปิดสนิทด้วยริมฝีปากได้รูป ดวงตาหวานเบิกกว้างอยู่ครู่ตอนที่ถูกบดจูบอย่างแรง ก่อนจะค่อยๆ หลับตาลง เรี่ยวแรงที่จะขัดขืนเพียงนิดแทบไร้สิ้น เมื่อริมฝีปากที่ถูกประกบไว้แนบชิดจนแทบไร้ช่องว่าง ข้อมือที่ถูกเขาจับไว้แน่นยังไม่ปล่อยแม้จะดึงรั้งตัวเองอย่างไรก็ดูจะไม่เป็นผล จนเมื่อเรียวขาเธอตั้งหลักได้หวังใช้หัวเข่าชันกับพื้นที่ช่องว่างระหว่างขาเขา คิดจะพยุงตัวให้ลุกขึ้น ก็กลับถูกฝ่ามือใหญ่รั้งเอวให้กลับลงมานั่งอยู่ในท่าเดิม "พะ...พี่ธร" เสียงแหบกระเส่าเอ่ยเรียกตอนที่เขาถอนจูบอันหนักหน่วงออกแล้ว แต่เธอยังเผลอหลับตาพริ้มอยู่อย่างนั้น จนได้สติว่าเขาปล่อยปากให้เป็นอิสระ จึงได้รีบลืมตาขึ้น "ออกไป ฉันโดนยา กลับไปซะ ถ้าไม่อยากโดนดี" เสียงเข้มต่ำไม่พูดเปล่า ยังผลักเธอออกอย่างแรงจนน้ำในอ่างกระฉอก ถ้าไม่ติดขอบอ่างอีกฝั่งเธอคงจะได้หงายหลังไปแน่ "อะไรนะคะ โดนยา ยาอะไรคะ รีบไปหาหมอเถอะค่ะ" เพราะคำว่ายาบวกกับอาการที่ดูยิ่งแย่ ทำเธอเป็นห่วงแม้ผ้าขนหนูที่เปียกน้ำจนชุ่มพันอกไว้จะหลุดมิหลุดแหล่ก็ไม่ได้สนใจ ใช้เพียงมืออีกข้างช่วยจับไว้ไม่ให้มันหลุดออก คำถามของเธอทำชลันธรกัดฟันกรอดจนเธอได้ยินเสียง แม้น้ำจากฝักบัวด้านบนที่กระทบน้ำในอ่างจะเสียงดัง เขาเงยหน้ามองเธอด้วยสายตาปรารถนาชัดเจน เขากัดริมฝีปากตัวเองเอาไว้แน่น "ยาปลุกเซ็กซ์" ไม่พูดเปล่าเจ้าตัวยังลุกขึ้นยืนปลดตะขอกางเกงผ้าเนื้อถอดทิ้งอีกต่างหาก เหลือเพียงกางเกงชั้นในสีขาว ตอนเขาลุกขึ้นยืนเธอตกใจจนรีบถอยหลังไปนั่งอยู่ขอบอ่างอีกฝั่ง แต่สายตาก็ยังจับจ้องที่เขาว่าจะทำอะไร จนกางเกงที่เขาถอดถูกโยนไปข้างเสื้อจนเกิดเสียงดัง ทำเธอรู้สึกตัวอีกครั้ง ใบหน้าหวานแดงระเรื่อเมื่อเห็นเพียงร่างกำยำของเขามีเพียงกางเกงผ้าตัวเล็กเท่านั้น แถมภายใต้กางเกงตัวเล็กนั่นยังเห็นความเป็นชายของเขาชัดเจนและดูท่ามันคงจะโดนยาปลุกอย่างที่เขาว่านั่นแหละ เพราะมันออกจะคับแน่นเห็นเป็นลำชัดเจน "พี่ธร" เขาไม่ได้เอ่ยไล่เธออีก เธอก็ไม่ทันได้รบเร้าจะพาเขาไปหาหมออีกครั้ง เมื่อข้อมือข้างเดิมถูกเขาคว้าได้แล้วรั้งให้เธอเข้าหา ปากอิ่มถูกเขาบดจูบอีกครั้ง มือเรียวถูกปล่อยเป็นอิสระแต่ฝ่ามือใหญ่ของเขากลับรั้งผ้าขนหนูเปียกน้ำนั้นให้หลุดออกจากตัว เอวบางถูกรวบกอดจนแนบชิดสัมผัสกล้ามเนื้อแน่นของเขาไปทุกส่วน "ไล่ไม่ไป งั้นก็อย่ามาว่าฉันใจร้ายแล้วกัน" ร่างอรชรถูกรวบอุ้มขึ้นในท่าเจ้าสาว เขาก้าวเท้าเร็วๆ พาเธอเดินออกจากห้องน้ำ จนมาถึงห้องนอน เธอถูกทิ้งลงที่เตียงอย่างไม่เบามือนัก มีเขาก้าวตามประกบทับขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เธอใช้มือดันอกเขาไว้ด้วยความตกใจ ตอนที่ถูกคนตัวใหญ่คร่อมไว้ ข้อมือเธอสองข้างถูกรวบด้วยมือเพียงมือข้างเดียวของเขาตรึงไว้เหนือศีรษะ ก่อนจะประกบจูบลงมา จมูกโด่งซุกไซ้จนทั่วลำคอระหง ไล่จนมาถึงติ่งหูอ่อนนุ่ม ลิ้นอุ่นตวัดเบาๆ ขนอ่อนที่ต้นคอก็ลุกชันเสียวซ่านไปทั้งกาย เมื่อเห็นเธอไม่แข็งขืนต่อต้าน เขาจึงปล่อยมือเธอแล้วมาคว้าแก่นกายของตัวเองออกจากกางเกงตัวเล็กสาวมันหนักๆ อยู่หลายที "รีบกลับไปซะ ก่อนฉันจะอดทนไม่ไหว" ใบหน้าหล่อเข้มซุกอยู่ที่ไหล่เนียนเอ่ยเสียงต่ำอย่างคนที่กำลังอดกลั้น "และ..แล้วพี่ธร..จะ..จะทำยังไงคะ" เขาไม่ตอบได้แต่เงยหน้ามอง เธอยังสัมผัสได้ว่ามือเขายังไม่หยุดชักเจ้าแท่งเนื้ออันใหญ่ที่เธอเห็นเมื่อครู่นั่น "ระ..รดา...ไม่.." "ถ้าเธอไม่ไป เรื่องหลังจากนี้ฉันไม่รับผิดชอบนะ อย่ามาเรียกร้องอะไรจากฉัน" แม้จะฟังดูโหดร้าย แต่อาการเขาตอนนี้เธอคิดว่าไม่สามารถทิ้งไปได้แน่นอน สบตาคมแล้วเธอก็ได้แต่เม้มปากแน่น "ค่ะ รดาจะไม่เรียกร้องอะไร แค่ช่วยพี่ธรได้" "ฉันไม่ได้มีถุงยางมา" "ค่ะ รดาเข้าใจ" เธอเข้าใจที่เขาจะสื่อได้ดี นอกจากเขาจะไม่รับผิดชอบความส่อเสือกของเธอ ไล่ไม่ไป นั่นหมายถึงว่าเธอก็ต้องควบคุมปัญหาที่จะเกิดตามมาหลังจากนั้นเองด้วย หลังจากรับปากเขาอย่างหนักแน่น เพราะอาการกระวนกระวายน่าทรมานของเขาแล้ว ถ้าได้รับการปลดปล่อยคงจะช่วยให้เขาหายทรมานได้ เธอคิดได้เพียงแค่นี้ ก็หลับตาลงรั้งคอเขาเข้าหา เป็นเธอที่เป็นฝ่ายจูบเขาก่อน จูบที่ไม่เคยจูบกับใครสักครั้ง แต่เมื่อครู่เขาทำอย่างไรเธอก็ทำตามอย่าง "ไม่ได้เรื่อง" เสียงเขาบ่นเบาๆ เงยหน้าขึ้นมองเธอ ก่อนจะประกบปากลงมาในแบบที่มันได้เรื่องและออกจะช่ำชอง คนจูบก่อนในคราวแรกจึงได้แต่สนองตอบตามแล้วแต่เขาจะนำไปทางไหน และดูเหมือนคนตัวเล็กจะหัวไวไม่น้อยแม้จะตกใจที่ถูกไล่เสียงดัง แต่ก็ยังไม่กล้าทิ้งเขาไว้ เธอจึงได้เอื้อมมือมาแตะที่หน้าผากเขาเบาๆ หวังจะดูว่าเขาตัวร้อนไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า แต่มือเล็กยังไม่ทันได้ถึงตัว ก็ถูกเขาจับข้อมือไว้แน่น สบตาเขาครั้งแรกถึงรู้ว่าใบหน้าหล่อของเขาแดงก่ำขนาดดวงตายังแดงจนน่าตกใจ เธอเผลอมองสายตาคมอยู่ครู่ แม้มันจะแดงจนดูน่ากลัว แต่ดวงตาเขาตอนนี้ดูมันแตกต่างจากทุกครั้ง แม้จะดุแต่มันก็ดูหวานกว่าทุกครั้ง "ไปหาหมอ ไหมคะ" มือเล็กยิ่งถูกเขาบีบแรงขึ้น "โอ๊ย เจ็บ" เสียงร้องของเธอทำเขาถอนหายใจหนักๆ ทำท่าคล้ายกำลังรวบรวมสมาธิอย่างนั้นแหละ "อื้อ" เสียงอื้ออึงในลำคอที่ร้องด้วยความตกใจ เมื่อเธอถูกเขารั้งข้อมืออย่างแรงจนร่างอรชรที่มีเพียงผ้าขนหนูพันกายไว้ ถลาลงไปนั่งที่ตักเขา ริมฝีปากอิ่มที่กำลังจะร้อง ก็ถูกปิดสนิทด้วยริมฝีปากได้รูป ดวงตาหวานเบิกกว้างอยู่ครู่ตอนที่ถูกบดจูบอย่างแรง ก่อนจะค่อยๆ หลับตาลง เรี่ยวแรงที่จะขัดขืนเพียงนิดแทบไร้สิ้น เมื่อริมฝีปากที่ถูกประกบไว้แนบชิดจนแทบไร้ช่องว่าง ข้อมือที่ถูกเขาจับไว้แน่นยังไม่ปล่อยแม้จะดึงรั้งตัวเองอย่างไรก็ดูจะไม่เป็นผล จนเมื่อเรียวขาเธอตั้งหลักได้หวังใช้หั
"ยายรดา..." "ไม่ต้องพูด" พอยายจ๋าวางสาย เอ่ยเรียกเธอเสียงอ่อย เธอก็เดาได้ทันที แต่กระนั้นก็ได้แต่ยิ้มพลางทำหน้างอนๆ ใส่เพื่อน "เดี๋ยวเช้าจะซื้อโจ๊กร้านโปรดมาฝาก" "ฉันกลับไปกินโจ๊กที่โรงแรมดีกว่า" "นอนนี่แหละ กลับโรงแรมไปอันตราย ไม่อยากให้นั่งแท็กซี่กลางคืนแบบนี้ ยิ่งแต่งตัวโป๊ๆ ด้วย" พอมองชุดที่ตัวเองใส่มาก็เห็นจะจริง ชุดเซ็กซี่ที่ยายจ๋าเคยพาไปซื้อเพื่อให้เขากับสีผมใหม่นั่นแหละ และนั่นก็หมายความว่ายายจ๋ารีบมากจนไปส่งเธอที่โรงแรมไม่ได้ด้วย "โอเค นอนนี่ก็ได้ หวังว่าตอนเช้าฉันจะได้กินโจ๊กนะ" "แก่แดดใหญ่แล้ว ลงไปเลย" ยายจ๋าได้แต่เอานิ้วจิ้มหน้าผากเพื่อนด้วยความหมั่นไส้เพราะถูกรู้ทัน พอเธอลงรถยายจ๋าก็รีบขับรถคันหรูออกไปทันที เธอรีบค้นหาคีย์การ์ดในกระเป๋าสตางค์ที่ยายจ๋าเคยให้ไว้ เพราะต่างก็มีของกันและกัน ห้องขนาดไม่ใหญ่นักที่ถูกตกแต่งไว้ด้วยสไตล์โมเดิร์น ขนาดที่ว่าไม่ใหญ่ก็ยังใหญ่กว่าห้องเธอสองเท่าได้มั้ง ของธรรมดาอยู่แล้วเพราะความรวยระดับเจ้าสัวของบ้านยายจ๋า ขึ้นมาถึงห้องเธอก็รีบเปิดน้ำอุ่นที่อ่างอาบน้ำทิ้งไว้ทันที เพราะเหนื่อยเมื่อยล้ามาทั้งวัน ที่ว่าจะออกมาผ่อน
ยายจ๋าหันมามองหน้าเธอตาโต คล้ายจะเป็นเชิงถาม แต่เธอยังไม่ทันได้ตกลงด้วยสักหน่อย ยายเพื่อนตัวดีก็จูงมือให้เดินตามพี่ณัฐกรไปกลุ่มด้านในนั่นแล้ว เดินมาถึงเธอจึงได้สังเกตเห็นว่าหลายคนที่คุ้นหน้า แต่อะไรก็ไม่ร้ายเท่าคนคุ้นหน้าอีกคนที่นั่งอยู่ข้างเขาออกจะแนบชิดแม้จะเว้นระยะห่างแต่ก็ไม่มากพอ จนทำให้คนที่เห็นเผลอคิดไปไกลได้ พิมพ์พิมล ใบหน้าสวยเก๋แม้จะผ่านเวลามาหลายปีแล้วแต่พี่พิมพ์ก็ยังสวย เปรี้ยว เฉี่ยวตามสไตล์ของเขา คนที่นั่งข้างๆ ก็ดูจะพูดคุยเทกแคร์ไม่ห่าง จนเธอเผลอคิดถึงผู้หญิงอีกคนที่อยู่ในห้องเขาเมื่อเช้า และคุณดาราคนนั้นคงจะอยู่มาทั้งคืนนั่นแหละ เธอแอบคิดว่าวันนี้อาจจะไม่ได้เจอเขาก็ได้ เพราะไอ้ของสมนาคุณดินเนอร์สุดหรูพร้อมไวน์ราคาแพงที่นำไปเสิร์ฟให้ถึงห้องนอน คงจะทำให้เขาชื่นมื่นอยู่ในห้องจนไม่อยากออกมาสังสรรค์ข้างนอก "อ้าว น้องรดา มาด้วยหรือคะ" เสียงทักทายของพี่พิมพ์เรียกสายตาของใครบางคนข้างๆ ให้หันมามองด้วย เธอจึงได้แต่ยกมือขึ้นสวัสดี ยายจ๋าดึงเธอให้ไปนั่งที่โซฟาตรงข้ามพี่ชายตัวเอง ส่วนพี่ณัฐกรก็มานั่งโซฟาเดี่ยวข้างๆ เรียกพนักงานมาช่วยบริการเครื่องดื่มให้เธอสองคน "สบายดีห
คนตัวสูงไม่เพียงสาวเท้าเข้าหาเท่านั้น มือเขายังดึงเชือกชุดคลุมอาบน้ำที่มัดเอวไว้ออก เผยให้เห็นแผงอกล่ำสัน สะดุดตากับรอยสักรูปงูที่หน้าอกจนเผลอร้องตกใจออกมาเบาๆ "พี่ธรคะ" เสียงหวานของคุณดาราสาวที่เอ่ยเรียก ทำให้เธอได้สติอีกครั้ง รีบผลักเขาให้พ้นทางเดินอีกเพียงไม่กี่ก้าวก็จะถึงประตูนั้น แล้วก็รีบออกไปทันที เรื่องเมื่อตอนเช้าบนห้องพักชั้น VIP ถูกนำเข้าที่ประชุมในช่วงสายของวัน เธอคือผู้อยู่ในเหตุการณ์จึงได้เข้าร่วมด้วย เรื่องนี้จึงได้กลายเป็นเรื่องใหญ่ไปโดยปริยาย นับว่ายังโชคดีที่เจ้าของห้องไม่ได้ถูกพูดถึง คงเพราะไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใคร มีเพียงคุณดาราที่ถูกกล่าวถึง แต่นั่นก็ยิ่งทำให้ในที่ประชุมออกจะกลัวอยู่ไม่น้อยเพราะกลัวเธอจะเอาเรื่องไปรีวิวตามสื่อต่างๆ อย่างที่ว่าจริงๆ และนั่นคงทำให้ชื่อเสียงของโรงแรมเสียหายไม่น้อย เธอเผลอนึกไปถึงถ้าเกิดพี่รุตรู้ว่าคนในห้องนั้นเป็นชลันธร พี่ชายเธอจะมีสีหน้าแบบไหนกันแน่ เพราะห้องพักนั้นถูกจองในชื่อของบริษัทเครือราชศิริโสภณ และห้องพักชั้นหรูห้องนั้นจะยังได้รับดินเนอร์สุดหรู พร้อมไวน์ขวดละหลายหมื่นนั่นเป็นการขอโทษหรือเปล่า จบเรื่องวุ่นวายในห้
"อะไรกันนักหนาวะ โรงแรมห้าดาวหรือโรงแรมจิ้งหรีด วุ่นวายฉิบหาย" เสียงโวยวายทันทีที่ประตูไม้บานใหญ่ถูกเปิดออก เธอได้ยินคำบ่นแกมด่านั้นเต็มสองหูอย่างชัดเจน แต่อะไรก็ไม่ร้ายเท่าน้ำเสียงคุ้นหู จนเมื่อประตูเปิดออกเห็นใบหน้า "พี่ธร" เสียงอุทานแผ่วเบา ใบหน้าหล่อเหลายืนหน้าตึงขวางประตูเอาไว้ ยิ่งเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนเคาะเขาก็พ่นลมหายใจออกมาแรงๆ อย่างหงุดหงิด "แห่กันมาทั้งโรงแรมหรือยัง แล้วเมื่อไหร่จะเสร็จ" เสียงถามอย่างไม่พอใจทำให้เธอได้สติ "เอ่อ..ทางโรงแรมต้องขออภัยด้วยนะคะ ความไม่พอใจทั้งหมดเราจะรับไว้เองค่ะ ขออนุญาตให้รดาเข้าไปดูช่างด้านในหน่อยนะคะ" เขาไม่ตอบได้แต่เบี่ยงตัวหลบให้เธอเดินผ่านประตูเข้ามาได้ เธอรีบเดินตรงไปทางห้องน้ำแต่เมื่อเข้ามาถึงห้องโถงใหญ่ก็ต้องชะงักฝีเท้าลง เมื่อเห็นสาวสวยผมบอร์นทองเดินออกมาจากห้องนอนด้วยชุดคลุมสีขาวเช่นเดียวกับเขา เธอเหลือบสายตามองเพียงแวบเดียว ทีแรกนึกว่าสาวฝรั่งเสียอีก แต่กลับไม่ใช่ ที่น่าตกใจกว่านั้นก็คือผู้หญิงคนนี้เธอเคยเห็นใบหน้าสวยๆ อยู่ตามสื่อโซเชียลบ่อยครั้งในฐานะดาราหน้าใหม่ของช่องที่กำลังได้รับการโปรโมตเพราะละครที่กำลังออกอากา
"โห ทำไมมันยากขนาดนี้เนี่ย" "คุณรดา ต้องทำให้ได้นะคะ พี่นภาย้ำมาเรื่องผ้าปูเตียงเลยค่ะ แอบบอกว่าคุณวรุตจะทดสอบด้วยนะคะ" "ฮะ! พี่รุตจะมาทดสอบด้วย" "ใช่ค่ะ" คำตอบของพี่อารีไม่ได้ทำให้เธอมีแรงลุกขึ้นสู้สักนิด นอกจากจะทิ้งตัวนอนหงายลงกับพื้นไปทั้งอย่างนั้น "ตายแล้ว คุณรดา นอนแบบนี้ได้ไงคะ" "ทำไมล่ะ" "เอ่อ.." เสียงอ้ำอึ้งของพี่อารี เธอพอจะเข้าใจบ้าง คงเพราะคิดว่าเธอจะไม่กล้านอนพื้นห้องแบบนี้ "ทำความสะอาดซะเอี่ยมอ่อง ฆ่าเชื้ออย่างดี ทำไมจะนอนไม่ได้" เสียงใสที่เอ่ยตอบ พร้อมมือที่ตบลงที่พื้นข้างตัวเป็นสัญญาณให้พี่อารีที่นั่งอยู่ข้างๆ เอนตัวนอนตาม "พี่คิดว่าคุณรดา จะเป็นคุณหนูเรื่องมากซะอีก ไม่คิดว่าจะติดดินขนาดนี้" พี่อารีที่นอนเอนตัวตามมาข้างๆ เอ่ยอย่างที่คิดไว้ตอนแรก เธอจึงได้แต่หัวเราะชอบใจ "ใครว่ารดาติดดิน ติดพื้นต่างหาก" เมื่อได้พูดคุยกันมากขึ้น พี่อารีก็เริ่มเป็นกันเองกับเธอขึ้นเยอะกว่าตอนแรกที่เกร็งจนแทบจะไม่กล้าสอนงาน ผ่านไปอีกเกือบชั่วโมง แม้เตียงจะยังไม่เรียบตึงจนพี่อารีต้องเป็นคนปูผ้าเองอีกครั้ง แต่ก็ถือว่าเธอทำได้ดีกว่าตอนแรกมากนัก ถ้าขืนรอจนเธอ
HouseKeeping ศิรดาเงยหน้ามองป้ายภาษาอังกฤษที่ผนังข้างประตูไม้บานใหญ่ ก่อนจะเคาะเป็นสัญญาณให้คนด้านใน คุณนภาที่นั่งอยู่โต๊ะทำงานด้านในรีบลุกมาต้อนรับ เพราะเป็นผู้มากวัยกว่าเธอจึงยกมือขึ้นสวัสดี แม้จะต้องมาฝึกงานแต่ในฐานะลูกสาวเจ้าของโรงแรมก็ทำให้คุณนภาอดจะเกรงใจไม่ได้ แม้จะได้รับการกำชับจากพี่ชายเธอแล้วก็ตาม 'ให้ฝึกเหมือนเป็นพนักงานอีกคน และต้องเป็นงาน ห้ามเกรงใจเด็ดขาด' "สวัสดีค่ะ คุณนภา" "สวัสดีค่ะ คุณรดาไปเปลี่ยนชุดก่อนนะคะ แล้วเดี๋ยวเราค่อยเริ่มงานกัน" ศิรดารับเสื้อผ้าชุดแม่บ้านของโรงแรมมาแล้วก็เดินหายไปที่ห้องน้ำ ตลอดทางที่เจอพนักงานบางคนที่รู้จักเธอต่างก็ยกมือสวัสดี พร้อมสายตาที่มองมาทางเธออย่างกล้าๆ กลัวๆ คงเพราะที่หน้าผากเธอมีคำว่าลูกสาวเจ้าของโรงแรมติดอยู่นั่นกระมัง ศิรดาจึงได้แต่ฉีกยิ้มหวานส่งให้ หวังให้พนักงานในแผนกจะไม่มองเธอแปลกแยกจนเธอเกร็งไม่สามารถทำงานได้ กลับเข้ามาที่แผนกอีกครั้ง พอเปิดประตูมาก็ต้องตกใจ เพราะพนักงานในแผนกแม่บ้านมารวมตัวกันอยู่ในห้องนี้ทั้งหมด เธอได้รับการแนะนำจากคุณนภา ถึงเรื่องการมาฝึกงานแต่สายตาของทุกคนที่มองมา ยังดูไม่ไว้วางใ
แต่วันนี้พี่รุตพาเธอไปทำความรู้จักกับพนักงานในหลายแผนกที่บางคนยังไม่เคยแม้จะเห็นหน้ากันสักครั้ง รอยยิ้มหวานที่ส่งยิ้มให้พนักงานยามเมื่อถูกแนะนำ เธอฉีกยิ้มจนปากแห้ง กว่าจะครบทุกแผนก มันไม่ง่ายสักนิดเลยนะเนี่ยไอ้การเริ่มงานเนี่ย เธอแทบลากสังขารกลับบ้านด้วยความเมื่อยล้า เดินวนในโรงแรมอยู่หลายรอบขึ้นลิฟต์ลงลิฟต์อยู่หลายเที่ยว กลับมาถึงก็ทิ้งตัวนอนด้วยความหมดแรง JaJa : เป็นไงบ้าง พี่รุตกลับยัง เสียงแจ้งเตือนข้อความเข้า พร้อมข้อความที่ขึ้นโชว์อยู่หน้าจอโทรศัพท์ เมื่อเห็นว่าเป็นข้อความของใคร เธอก็รีบเปิดอ่านทันที Sirada : ยังเลย Sirada : (สติกเกอร์รูปหมาหมดแรง นอนลิ้นห้อย) JaJa : ขนาดนั้นเลย Sirada : เมื่อยขามาก แถมพรุ่งนี้ต้องเข้าไปทำงานที่โรงแรมด้วย JaJa : ว่าจะชวนเที่ยวสักหน่อย งั้นพักผ่อนเถอะ สู้ๆ นะ แม้จะไม่อยากตื่นเช้าเพื่อมาเริ่มงานที่โรงแรมสักเท่าไร แต่เพราะคำขู่ของพี่ชายเมื่อวานหลังอาหารค่ำ ทำให้เธอต้องลุกขึ้นแต่งตัวด้วยชุดสุภาพเรียบร้อย และต้องให้ดูภูมิฐานน่าเชื่อถืออีกด้วย เมื่อสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองจนดูดีแล้ว เธอก็ต้องรีบลงมาที่ห้องอาหารให้ทันพี่ชา
"องุ่นหวานจังครับ แม่ซื้อจากไหนเนี่ย" เสียงทุ้มคุ้นหูที่ดังอยู่ในห้องอาหาร แทบจะทำให้เธอนึกอยากปฏิเสธยายจ๋าขึ้นมาเสียตอนนี้ เมื่อกี้ไม่น่ารับปากเลย กลับไปให้พี่รุตดุซะยังจะดีกว่า "หนูรดาเอามาให้น่ะ ตารุตกลับมาจากเชียงใหม่" เสียงตอบของคุณพรรณีที่เธอได้ยินอยู่ในห้องอาหาร จนนึกอยากจะเห็นสีหน้าของคนถามเหลือเกิน แต่ก็ไม่ทันได้เห็น พอเธอกับยายจ๋าเดินมาถึงห้องอาหารเห็นเพียงเขากำลังโยนผลไม้ในมือลงตะกร้าหวายอย่างเดิม แต่สายตาที่หันมามองคนที่เดินเข้ามา จนมองเลยมาถึงเธอ ก็แทบไม่ต้องคิดหรอกว่าเมื่อครู่เขาจะทำหน้าอย่างไร ก็คงทำหน้าอย่างนี้แหละ ใบหน้าบึ้งตึงดูหงุดหงิดขึ้นทันตาแค่ได้ยินชื่อเธอหรือพี่ชาย และยิ่งเห็นหน้าเธอด้วย เขาคงยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นอีกเท่าตัว "อ้าว ยายจ๋า มาพอดี มาหนูรดา มาทานข้าวพร้อมกันลูก" เธอจึงได้แต่เดินตามยายจ๋าเข้าไปนั่งข้างๆ อย่างเงียบๆ แต่พอเหลือบสายตามองคนตรงข้ามเห็นสายตาที่เขามองผมสีแปลกตาของเธอ เธอไม่ได้รู้สึกไปเองแน่นอน คล้ายเขายิ้มเยาะด้วยมุมปาก ทำเอาเธอประหม่าถึงกับยกมือขึ้นลูบผมตรงท้ายทอยตัวเองเบาๆ มันดูน่าเกลียดขนาดนั้นเลยหรือ ก็ช่างบอกว่าสีนี้สวย