ตอนที่ 1 ลูกสาวมาเฟีย (ส่วนที่ 1)
เสียงปืนรัวดังสนั่นหวั่นไหว พร้อมๆกับเสียงเครื่องยนต์ของสปีดโบ๊ตที่พุ่งออกสู่ท้องน้ำกว้างอย่างไร้จุดหมาย หญิงสาวร่างเพรียวระหงพยายามบังคับเรืออย่างเต็มความสามารถเท่าที่ตัวเองจะทำได้ โชคยังดีที่เธอยังพอมีทักษณะงูๆปลาๆที่จะพาเรือออกมาได้
'คุณหนูขับเรือหนีไป ทางนี้ผมสกัดไว้เอง' บอดี้การ์ดของผู้เป็นพ่อสั่งขณะจับเธอเหวี่ยงลงบนสปีดโบ๊ตที่บังเอิญมีกุญแจคาอยู่ และเธอก็พามันพุ่งออกมา หนีห่ากระสุนของใครก็ไม่รู้ที่มุ่งจะปลิดชีวิตเธอทันทีที่เหยียบเกาะฮ่องกง หญิงสาวไม่เคยมีศัตรูที่ไหน แต่พ่อของเธอดันมีนี่ซิ ผู้นำของตระกูลอดีตมาเฟียเก่าแก่แห่งเกาะฮ่องกง ต่อให้ล้างมือยังไงก็ยังมีศัตรูคอยตามทำลายล้างทั้งต่อหน้าและลับหลัง และลูกสาวอดีตมาเฟียอย่างเธอเลยหนีไม่พ้นที่จะต้องมีคนตามเอาชีวิตไปด้วย
หญิงสาวรับรู้ว่าอีกปัญหากำลังเกิดขึ้น น้ำมันของสปีดโบ๊ตใกล้จะหมดลง เธอมาไกลเกินจะกลับเข้าฝั่งด้วยน้ำมันเท่าที่มี วินาทีนั้นเองภาพเรือสำราญขนาดใหญ่ประดับไฟสว่างไสวลอยลำอยู่ตรงหน้า ทางเลือกสุดท้ายของเธอซินะ บนเรือลำนั้นอาจมีอันตรายหรือเป็นกลลวงของคนที่หมายเอาชีวิตเธอ แต่หากน้ำมันหมด ต้องลอยคว้างกลางทะเลแบบไม่รู้เหนือรู้ใต้ก็เสี่ยงไม่แพ้กัน สู้ขึ้นไปบนเรือลำนั้น หากเป็นเรือสำราญธรรมดาเธอก็อาจจะสามารถขอความช่วยเหลือได้ หญิงสาวตัดสินใจบังคับสปีดโบ๊ตตรงไปยังเรือสำราญที่ลอยลำนิ่งอยู่ท่ามกลางความมืดมิดของท้องน้ำ
หญิงสาวหาทางขึ้นมายังเรือสำราญได้สำเร็จแทบจะพร้อมๆกับเสียงพลุที่ดังก้อง และส่องสว่างไสวทั่วท้องน้ำ คละเคล้าไปกับเสียงอึกทึกจากบนดาดฟ้าเรือ
"ไม่เห็นมีใครแจ้งไว้ว่าจะมีผู้โดยสารมาขึ้นเรือกลางทาง" เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นไม่ใกล้ไม่ไกลจากจุดที่ร่างบางๆขึ้นมายืนเคว้งคว้างอยู่ ร่างสูงในชุดสูทโก้หรูเหมือนพึ่งออกมาจากงานเลี้ยงยืนนิ่งบนทางเดินที่ค่อนข้างมืดสลัว หญิงสาวหันไปหาเจ้าของเสียง สบสายตากับดวงตาสีอำพันสุกใสบนใบหน้าหล่อเหลาแบบชาวตะวันตกหากทว่ามีบางอย่างที่ทำให้รู้สึกถึงความละมุนละไมแบบเอเชีย
"เรือดิฉันน้ำมันหมด เลยต้องมาขอความช่วยเหลือ" หญิงสาวตัดสินใจเอ่ยขอความช่วยเหลือ ฝ่ายนั้นพยักหน้ารับ ดวงตาสีอำพันมองตรงมาอย่างพินิจ ให้ตายเถอะ ทำไมมันช่างน่าอึดอัดอะไรอย่างนี้นะ
"ผมจูปิเตอร์ มอเรล เป็นคนดูแลเรือลำนี้" นามสกุลนั้นคุ้นหูนัก หากเธอก็นึกไม่ออกอยู่ดีว่าเคยได้ยินมาจากไหน ก็คงเป็นตระกูลยิ่งใหญ่ซักตะกูลบนเกาะฮ่องกงละมั้ง
"ดิฉันดารินทร์ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณจะให้ความช่วยเหลือดิฉันได้มั้ยคะ"
"ดารินทร์" เสียงทุ้มทวนชื่อของหญิงสาว
"คุณเป็นคนไทยรึ" เสียงถามกลับมาเป็นภาษาไทยชัดเจน หญิงสาวเบิกตากว้างอย่างคาดไม่ถึงในใจแอบยินดีอยู่ลึกๆ ว่าอาจจะคุยกันได้ง่ายขึ้น
"ค่ะดิฉันเป็นคนไทย" หญิงสาวตอบกลับไปทันที ดวงตาคมยังจ้องนิ่ง นิ่งจนเธอรู้สึกอึดอัด
"คุณหนูเหริน ลี่ฟาน ผมคงไม่เสี่ยงให้คุณปลอมตัวขึ้นมาก่อความวุ่นวายบนเรือของผมหรอกนะ" เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น สร้างความเย็นเยียบไปจนตลอดร่างของหญิงสาว
ชายหนุ่มมองหญิงสาวร่างระหงตรงหน้านิ่ง เขารู้ว่าเธอเป็นใครตั้งแต่ก่อนเธอจะขับเรือตรงมายังเรือของเขาแล้ว เหตุการณ์ยิงถล่มกันที่ท่าเรือหลังจากที่เรือของเขาออกมาได้ไม่นาน ทำให้เขาต้องออกมาใช้กล้องส่องทางไกลสังเกตการณ์ด้วยตัวเองในทันทีที่ได้รับรายงาน ถึงได้เห็นว่ามีสปีดโบ๊ตลำหนึ่งหนีการไล่ล่ามาทางเรือของเขา และการข่าวของเขาไวกว่าสปีดโบ๊ตลำนั้น เขารู้ว่าเธอคือคุณหนูเหริน ลี่ฟาน ลูกสาวของตระกูลเหรินตระกูลมาเฟียเก่าแก่แห่งเกาะฮ่องกง ซึ่งอาจจะก่อปัญหาให้เขาได้
"ฉันไม่ได้ปลอมตัว ดารินทร์เป็นชื่อฉันจริงๆ แล้วฉันก็เป็นคนไทย" หญิงสาวยืนยัน
"แต่คุณก็คือคุณหนูเหรินด้วยงั้นซิ" เสียงย้อนถามกลับมาไม่บ่งบอกอารมณ์ความรู้สึกใดๆ
"ค่ะ ถ้าที่ฮ่องกงนี่ฉันก็คือเหริน ลี่ฟาน"
"และคุณก็โดนไล่ล่ามาที่นี่"
"ค่ะ และถ้าคุณกลัวว่าฉันจะทำความเดือดร้อนให้คุณ คุณก็ตัดสินใจแล้วกันว่าจะเติมน้ำมันเรือให้ฉัน แล้วให้ฉันไปซะ หรือคุณจะถ่วงฉันลงทะเลไปก็ได้" น้ำเสียงนั้นมีแววถือดีและท้าทาย มันมีทางไหนให้เธอเลือกได้อีกล่ะ
ใบหน้าหล่อเหลาส่ายไปมาช้าๆ เหมือนผู้ใหญ่ที่ระอากับเด็กดื้อ
"ผมไม่แล้งน้ำใจขนาดนั้นหรอก แต่ผมก็ไม่อยากเสี่ยงที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของพวกคุณ เรือลำนี้มีผู้โดยสารให้ผมต้องดูแลความปลอดภัยอีกหลายชีวิต"
"แล้วคุณจะเอาอย่างไง จะถ่วงฉันลงทะเลเลยมั้ย" เสียงใสตวัดสูงตามอารมณ์ที่คุกรุ่นขึ้นมา วันนี่เธอเจอเรื่องบ้าๆมาพอแล้ว ถ้าจะต้องตายก็ให้ตายไปเลยดีกว่า อย่าต้องมาเล่นสงครามสั่นประสาทก่อนตายเลย
"ผมจะช่วยคุณ แต่ผมจะไม่ให้ใครรู้ว่า คุณหนูเหริน ลี่ฟานหนีมาบนนี้" เสียงทุ้มกล่าวอย่างสุขุม หากในน้ำเสียงแฝงแววเด็ดขาด
"แล้วคุณจะทำยังไงคะ" หญิงสาวถามอย่างหมดปัญญา เธอตามความคิดของเขาไม่ทันจริงๆ
"เรือที่คุณหนูเหรินเอาออกมาจะจมลงก่อนมาถึงที่นี่ คุณหนูเหรินจะหายไปไหนก็ช่าง แต่จะไม่มีตัวตนอยู่บนเรือของผม"
ตอนพิเศษ 2 “แสนรัก” (ส่วนที่ 2) "คุณธรรศทำไมถึงกล้าทิ้งสามคนนั่นคะ" ดารินทร์เอ่ยถามอย่างไม่สบายใจ "ไม่มีอันตรายอะไรหรอกรินทร์ เดี๋ยวเช้าเราค่อยไปรับ ผมอยากอยู่กับคุณตามลำพังบ้าง" ชายหนุ่มปลอบใจอุ้มร่างบางมาไว้บนตัก "รินทร์ไม่ห่วงคุณธีร์ กับคุณธามหรอกค่ะ รินทร์ห่วงนิต้า" "โธ่รินทร์ นิต้าน่ะเต็มใจไปกับสองคนนั่น ไม่งั้นป่านนี้อาละวาดไปแล้ว" เขารู้ว่าแม่ลูกสาวตัวน้อยอยากเปิดโอกาสให้เขาได้อยู่ตามลำพังกับภรรยาถึงยอมตามพี่ชายลงจากเรือไป "คุณนี่จริงๆเลยนะคะ" ดารินทร์ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ได้แต่ส่งค้อนให้ชายหนุ่ม "หือ อะไรครับรินทร์ ผมแค่อยากอยู่กับคุณที่ผมรักบ้าง ผมผิดหรอครับ" เสียงทุ้มนุ่มนวลออดอ้อน กระชับวงแขนที่โอบร่างน้อยบนตักแน่นขึ้น ซุกไซร้จมูกโด่งๆลงบนซอกคอขาวนวล "หอมจัง" "หือ คุณธรรศ" ดารินทร์รู้สึกดีใจที่ความมืดมิดช่วยซ่อนหน้าแดงๆของเธอเอาไว้จากชายหนุ่ม "เลิกสนใจเลิกห่วงคนอื่นก่อนนะครับ มาสวีตกันดีกว่า" "คุณนี่" ไม่พูดเปล่า หญิงสาวหยิกลงบนต้นคอของค
ตอนพิเศษ 2 “แสนรัก” (ส่วนที่ 1) ร่างบางระหงนั่งมองพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าอยู่อย่างเพลิดเพลิน แสงสีทองค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นสีส้มก่อนจะค่อยๆหายลับลงไปในพื้นน้ำ ก่อนความมืดจะค่อยๆคืบคลานเข้ามาครอบคลุม "นั่งนิ่งอยู่ตั้งนานแล้ว ผมนึกว่าคุณกลายเป็นดอกทานตะวันไปแล้ว" เสียงของคนตัวสูงที่เดินมาทรุดลงนั่งข้างๆภรรยาเอ่ยขึ้น ดารินทร์หันไปยิ้มกว้างให้กับสามี "ยังไงหรือคะ" "ก็ตำนานดอกทานตะวันไงครับ ที่ว่านางฟ้าไคลตีแอบหลงรักสุริยเทพ จ้องมองจนสุดท้ายก็กลายเป็นดอกทานตะวัน" เสียงทุ้มนุ่มนวลเอ่ยเล่า ขณะดึงร่างบางเข้ามาซบกับอกกว้าง "เห็นจะไม่ใช่แล้วล่ะคะ สามีรินทร์เป็นเทพจูปิเตอร์ รินทร์คงหลงรักสุริยะเทพไม่ได้หรอกคะ" เสียงหวานเอ่ยยิ้มๆ เงยหน้าขึ้นสบตาคนตัวโตที่โอบกอดอยู่ ชายหนุ่มโน้มตัวลงจรดริมฝีปากลงบนหน้าผากโค้งมน "ผมไม่ใช่เทพจูปิเตอร์หรอกครับ เพราะผมรักเดียวใจเดียวผมรักแต่ดารินทร์คนนี้คนเดียว ไม่มีวันหลายใจแบบเทพองค์นั้นแน่ๆ" ดารินทร์รู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้า ถึงอย่างไรเธอก็ไม่ชินกับคำหวานของเขาซะที ใครจะรู้ว่า จูปิ
ตอนพิเศษ 1 “ความลับ” (ส่วนที่ 2) "ยัยตัวเล็กจะงอนไปถึงไหนหา พี่โดนคุณยายด่าเป็นชั่วโมงแล้วนะ" สองคู่แฝดพยายามงอนง้อเด็กหญิงที่ไม่ยอมพูดยอมจาด้วย ท่าทางคงโกรธเอามากๆ ขนาดเขาสองคนโดนผู้เป็นยายอบรมอยู่เกือบชั่วโมงเด็กหญิงก็ยังไม่ยอมหายโกรธ "ผู้ใหญ่นิสัยแย่" เด็กหญิงว่า แกล้งอะไรก็พอทนแกล้งหลอกผีนี่โกรธจริงๆ เพราะตัวเองกลัวผีเป็นที่สุด "โอ้ยหายโกรธเถอะน่า หาพี่ดีๆแบบนี้ไม่ได้แล้วนะสั่งอะไรก็ทำให้หมด นี่ขนมบอกให้ซื้อก็ซื้อมาฝาก" ธามทำตัวเป็นทูตเจรจา ขณะแฝดผู้พี่หยิบของฝากมาวางเรียงราวกับตั้งของบรรณาการ "สั่งให้จัดการให้ธรรศคืนดีกับคุณรินทร์ก็จัดให้ทันที เห็นมั้ยรักกันหวานชื่นแล้ว สั่งอะไรพี่ก็ทำให้หมดยังจะโกรธกันลงอีก" "พี่สองคนทำยังไงพี่รินทร์ถึงเลิกเมินปาป้าคะ" คราวนี้เด็กหญิงสงสัยขึ้นมาทันที เพราะตัวเองพยายามออดอ้อนดารินทร์ให้หายโกรธตั้งแต่ก่อนสองคนนั้นจะไปฝรั่งเศส จนไปแล้วเธอก็ยังโทรไปกล่อม พี่รินทร์ของเธอก็ยังใจแข็ง "หลอกผี" แฝดคนพี่บอกสั่นๆ ดวงตาคมๆเกลื่อนไปด้วยรอยยิ้มขบขันเมื่อนึกถึงวีรกรรมของตัวเอง
ตอนพิเศษ 1 “ความลับ” (ส่วนที่ 1) ร่างสูงๆของสองพี่น้องฝาแฝดค่อยๆย่องเข้าไปด้านหลังร่างเล็กๆที่กำลังก้มหน้าก้มตาวาดรูปลงในสมุดสเก็ต "ยัยตัวเล็ก" เสียงเรียกดังๆ พร้อมกับข้อเท้าที่โดนกระตุกอย่างแรง ทำเอาเจ้าของร่างเล็กบางร้องกรี๊ดสุดเสียง "ช่วยด้วย ผีจับขานิด" คนตัวเล็กหลับตาปี๋ลุกขึ้นกระทืบเท้าสุดแรง จนแฝดคนน้องที่ลงทุนหมอบใต้โต๊ะเพื่อกระตุกขาเด็กหญิงเสียหลักก้นจ้ำเป้ากับพื้น เก้าอี้สนามล้มระเนระนาด ธีร์รีบคว้าร่างน้อยเอาไว้เพราะกลัวสะดุดล้มตามไปด้วย เด็กหญิงยิ่งกรี๊ดหนักดิ้นรนหนีมือที่พยายามจะคว้าตัว "คุณยายช่วยนิดด้วย ผีค่ะผี" คนตัวน้อยยังร้องลั่นไม่ยอมลืมตาขึ้นมา น้ำใสๆอาบสองแก้มด้วยความกลัว "ยัยหนูเป็นอะไรลูก" เสียงร้องถามดังลงมาจากบนบ้าน พร้อมกับร่างของคุณพรรณีที่มีดารินทร์ประคองอยู่เดินแกมวิ่งลงมาตามเสียงร้องกรี๊ดของเด็กหญิงอย่างตื่นตระหนก "ยัยหนู" "นิต้า" เสียงเรียกทั้งของคุณพรรณีและดารินทร์ค่อยๆดึงสติเด็กหญิงกลับมา คนตัวน้อยลืมตาขึ้น โผเข้าหาคุณพรรณีกับดารินทร์ "คุณยา
บทส่งท้าย "มนต์พรางใจ" ร่างบางกระสับกระส่ายบนที่นั่งตอนหลังของรถคันใหญ่ที่นั่งกลับจากสนามบิน ชายหนุ่มรั้งร่างหญิงสาวเข้ามาโอบกอดเอาไว้ใจเขาก็ร้อนลุ่มไม่แพ้กัน ร้อนตั้งแต่ดารินทร์มาบอกว่ายัยตัวน้อยเข้าโรงพยาบาลได้หลายวันแล้วเพราะเป็นไข้เลือดอย่างรุนแรง หากเด็กหญิงไม่ยอมให้ใครบอกเขากับดารินทร์เพราะไม่อยากให้เป็นห่วง แล้วทำให้การฮันนีมูนต้องล่มอีก แต่ดารินทร์ก็รู้จนได้เพราะบังเอิญโทรกลับไปยังเมืองไทยเพื่อถามไถ่ข่าวคราวของคนทางนั้น "รินทร์ห่วงแก ไข้เลือดออกน่ากลัวออกนะคะ ทำไมถึงไม่ให้ใครบอกเรา แล้วนี่ก็ไม่ยอมให้คุณหนึ่งรู้อีก" พอปิดบังธรรศกับดารินทร์ไม่ได้ ยัยตัวน้อยก็ย้ำว่าห้ามบอกพี่ชายเด็ดขาด อาการป่วยทำให้เธอดีขึ้นเป็นพักๆและทรุดลงในช่วงที่ไข้ขึ้น ตอนนี้นิตาอยู่โรงพยาบาลได้เป็นอาทิตย์แล้ว "แกเป็นแบบนี้แหล่ะรินทร์ นิต้ากลัวว่าคนอื่นจะไม่มีความสุข" ตลอดเวลาที่เลี้ยงดูกันมาชายหนุ่มรู้จักยัยตัวน้อยดี หัวใจดวงเล็กนั่นอ่อนโยนและยิ่งใหญ่ นิตาคิดถึงคนอื่นก่อนเสมอ อยากให้คนอื่นมีแต่ความสุขความสบายใจ "รินทร์ห่วงแกนะคะ รินทร์จะมีความสุขได้ยังไงตอนแกป่วยหนัก
ตอนที่ 30 กับดักใจ (ส่วนที่ 2) ดารินทร์ซุกใบหน้าที่รู้สึกได้ว่าคงแดงก่ำกับอกกว้างหลังเพลงรักจบลง แม้ว่าเธอกับเขาจะเป็นสามีภรรยากันได้ซักพักแล้ว หากเธอก็ยังไม่คุ้นชินกับความช่างเรียกร้องของเขาที่ดูจะขัดกับท่าทางนิ่งสุขุมที่เห็นภายนอก แถมเขายังเจ้าเล่ห์แสนกล อาศัยช่องในยามทีเธอกำลังขวัญหายทลายกำแพงที่สร้างขึ้นจากความโมโหและน้อยใจลงซะราบ คิดถึงตรงนี้นิ้วเรียวก็หยิกหมับลงบนสีข้างของคนที่นอนกอดรัดเธอเอาไว้ไม่ยอมปล่อย "โอ้ย เจ็บนะครับ" เสียงทุ้มโอดครวญหากรัดร่างบางแน่นขึ้น ความอิ่มเอมในอารมณ์รักที่โหยหามานานทำให้อยากจะกอดเธอเอาไว้อย่างนี้ไปตลอด "ฉวยโอกาส เจ้าเล่ห์" ปากว่า มือหยิกแรงด้วยความหมั่นเขี้ยวผสมกับความอาย ชายหนุ่มปัดป้องพร้อมทั้งหากำไรไปเรื่อยๆ รู้สึกมีความสุขจนล้น “หือ ฉวยโอกาสกับเมียตัวเองจะเป็นไรไป" ไม่พูดเปล่ายังระดมจูบไปทั่ว เฮ้อ! นี่เธอจะรู้มั้ยว่ากระตุ้นความรู้สึกเขาขึ้นมาอีกแล้ว เขากลายเป็นคนไม่รู้จักอิ่มไม่รู้จักพอไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ "รู้มั้ยว่าผมจะทำแบบนี้ จะรู้สึกแบบนี้กับรินทร์คนเดียวนะครับ" เส