ตอนที่ 1 ลูกสาวมาเฟีย (ส่วนที่ 2)
"คะ" ก็คุณหนูเหรินตัวเป็นๆยืนอยู่ตรงนี้แล้ว จะให้ทำยังไงล่ะ
"คุณก็เป็นคนอื่นไปแล้วกัน เป็นคนที่คุณบอกผมตั้งแต่แรกก็ได้"
"ค่ะ ดารินทร์เป็นชื่อไทยของฉัน" ตาสีอำพันจับจ้องดวงหน้าขาวนวลอย่างพินิจ
"มีใครรู้มั้ยว่าคุณมีอีกชื่อนอกจาก เหริน ลี่ฟาน"
"ไม่ค่ะ ที่ฮ่องกงคงมีแต่พ่อที่รู้" ชีวิตของเหริน ลี่ฟาน กับดารินทร์ แทบจะแยกจากกัน ที่ฮ่องกงใครๆอาจรู้จักเธอในฐานะคุณหนูเหริน ลูกสาวมาเฟียใหญ่ แต่ที่เมืองไทยเธอคือดารินทร์ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง เพราะตากับยายของเธอไม่ต้องการเกี่ยวข้องกับมาเฟีย ชีวิตของเธอจึงเหมือนมีสองภาค ระหว่างภาคคุณหนูเหริน ลี่ฟาน ตอนอยู่กับพ่อ และดารินทร์ผู้หญิงไทยธรรมดาในตอนที่อยู่กับผู้เป็นตากับยายที่เมืองไทย
"ดี งั้นคุณเป็นดารินทร์ไปแล้วกัน" ชายหนุ่มตัดสินใจง่ายๆ
"ไป ผมจะพาคุณไปห้องพัก ทางนี้คนของผมจะจัดการเอง" ในความรู้สึกของดารินทร์ ผู้ชายคนนี้ช่างเผด็จการเหลือเกิน เขาสั่งให้เธอทำนั่นทำนี่ และหญิงสาวก็ไม่มีทางเลือกให้ปฎิเสธซะด้วยซิ ดารินทร์จำต้องเดินตามคนตัวสูงไปตามทางเดินที่ผ่านห้องพักบนเรือสำราญซึ่งค่อนข้างเงียบ เพราะผู้โดยสารส่วนใหญ่ขึ้นไปดูพลุและร่วมงานเลี้ยงบนดาดฟ้าเรือ
"ห้องพักบนเรือเต็มทุกห้อง" เสียงทุ้มนุ่มนวลดังขึ้นทำลายความเงียบ แล้วยังไงล่ะห้องเต็ม ถ้าเขาจะให้เธอนอนที่โถงทางเดินนี้เธอก็คงต้องนอน ไม่งั้นก็คงต้องลงไปอยู่ในทะเล เธอไม่ใช่นางเงือกแล้วก็หายใจทางเหงือกไม่เป็น นอนในน้ำคงไม่ได้
ชายหนุ่มตวัดสายตามองดวงหน้าสวยๆนั่น ริมฝีปากบางเม้มแน่น ดวงตารีงามมีร่องรอยหวาดหวั่น หากพยายามเก็บซ่อนไว้ ถือว่าเป็นผู้หญิงที่ใจเด็ดใช้ได้เลยทีเดียว ที่ยังคุมสติอยู่ได้ทั้งๆที่ผ่านเหตุการณ์เฉียดเป็นเฉียดตายมาแบบนี้
มือเรียวสะอาดสะอ้านผลักประตูห้องพักห้องหนึ่งเปิดออก
"ห้องลูกสาวผม คุณต้องพักกับแก ผมจะบอกทุกคนว่าคุณเป็นพี่เลี้ยงของยายหนู" ดารินทร์คาดไม่ถึงกับคำบอกเล่าที่เหมือนเป็นคำสั่งกลายๆนั่น อยู่ๆเธอจะต้องมาเป็นพี่เลี้ยงเด็ก เด็กลูกสาวของตานี่ พ่อเป็นจอมเผด็จการ แล้วลูกจะขนาดไหน
"ฉันไม่ชอบเด็ก ไม่เคยเลี้ยงเด็กด้วย" หญิงสาวพูดไปตามความรู้สึก เธอไม่เคยคุ้นกับเด็กมาก่อน แล้วนี่เด็กผู้หญิงด้วยซิ เธอจะรับมือได้มั้ยถ้ายัยเด็กนั้นเป็นคุณหนูเอาแต่ใจ
"แต่คุณไม่มีทางเลือก" คนตัวสูงเอ่ยเสียงเรียบ หญิงสาวตวัดสายตามองหน้าหล่อๆนั่น ใช่ซิเธอไม่มีทางเลือก ไม่งั้นคงไม่มายืนให้เขาบงการชีวิตอยู่แบบนี้หรอก หญิงสาวกวาดตามองเข้าไปในห้องนั่น มันก็เหมือนๆห้องในเรือสำราญหรูๆทั่วไป แค่มันว่างเปล่าไม่มีร่างของ'ลูกสาว'ที่เขาพูดถึง เหมือนจะเดาความคิดเธอออก เสียงทุ้มเลยเอ่ยขึ้น
"แกคงไปดูพลุ ตอนผมจะลงไปข้างล่างแกกำลังหัดสับไพ่กับพนักงานบนคาสิโนอยู่" เสียงบอกเล่ามีแววเอ็นดูชัดเจน หากหญิงสาวจ้องเขาเขม็ง นี่เขาเลี้ยงลูกสาวในคาสิโนรึไง เธอไม่เข้าใจกับวิธีการเลี้ยงลูกของบรรดาผู้ยิ่งใหญ่เลยจริงๆ ผู้ชายคนนี้คงรวยและยิ่งใหญ่ไม่ใช่เล่น ถึงดูมีอำนาจเด็ดขาดบนเรือลำนี้ ส่วนเธอถ้าต้องโตมากับผู้เป็นพ่อล่ะ จะเป็นยังไงนะ ก็พ่อเธอเป็นมาเฟียเหมือนกันนี่นา พ่อจะเลี้ยงเธอในบ่อน หรือท่ามกลางดงอาชญกรหรือเปล่า เอาแค่พ่อเธอทำธุรกิจอะไร เธอยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ ตากับยายบอกพ่อเป็นมาเฟีย ที่แม่เธอพลาดพลั้งไปเป็นภรรยาคนที่เท่าไหร่ไม่รู้ของพ่อและมีเธอขึ้นมา แต่เธอเป็นเพียงลูกสาวคนเดียวของพ่อท่ามกลางลูกชายจากบรรดาเมียคนอื่นๆ และแปลกที่ผู้ชายจีนอย่างพ่อกลับให้ความรักความสำคัญกับลูกสาวอย่างเธอมากกว่าบรรดาลูกชาย พ่อบอกเธอคือเสี้ยวหนึ่งในชีวิตที่อ่อนหวานของพ่อ อีกด้านหนึ่งของชายที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้นำของตระกูลมาเฟียเก่าแก่ และมันก็ทำให้เธอแทบเอาชีวิตไม่รอดแบบตอนนี้ เพียงเพราะเธอเป็นลูกสาวมาเฟีย
ตอนที่ 5 งานใหม่ (ส่วนที่ 2) สุดท้ายแล้วดารินทร์ก็ไม่สามารถขัด'จอมเผด็จการ' ภายใต้ท่าทางแสนสุภาพได้ ต้องยอมให้เขาพามายังด้านหนึ่งของเรือ ซึ่งจัดเป็นออฟฟิศขนาดย่อมๆ หญิงสาวยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่านอกจากดูแลเรือลำนี้แล้ว ชายหนุ่มยังต้องทำงานอะไรอีก เธอพอจะได้ข้อมูลเกี่ยวกับธรรศมาบ้างจากเด็กหญิงนิตา เด็กหญิงเล่าว่าปาป้าของเธอเป็นลูกชายคนโตของตระกูลมอเรล ตระกูลที่รวยติดอันดับโลกเพราะมีธุรกิจหลายอย่าง เรือลำนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น ถึงแม้ดารินทร์จะได้ชื่อว่าเป็นลูกสาวตระกูลเหริน ตระกูลมาเฟียแห่งเกาะฮ่องกง มีธุรกิจมากมายเช่นกัน หากแต่เธอไม่เคยไปข้องเกี่ยวกับกิจการใดๆของตระกูล เพราะถูกเลี้ยงดูโดยตากับยายที่เมืองไทย เธอเลยไม่เคยรู้ว่าลูกหลานเศรษฐีนี่จะต้องสืบทอดงานอะไรของครอบครัวบ้าง แล้วบนเรือลำนี้มีอะไรให้ธรรศทำอีก "ผมต้องบริหารธุรกิจของครอบครัวหลายๆอย่าง ถึงตอนนี้ผมจะมาอยู่บนเรือ แต่งานหลายๆอย่างมันหยุดไม่ได้" จริงๆแล้วชายหนุ่มตั้งใจจะใช้เวลาช่วงที่ล่องเรือจากฮ่องกงกลับไทย เป็นช่วงเวลาพักผ่อน แต่ภาระหน้าที่หลายๆอย่างก็ทำให้เขาละทิ้งงานไม่ได้เลย โชคดีที่เทคโนโลยีปัจจุบั
ตอนที่ 5 งานใหม่ (ส่วนที่ 1) ดารินทร์ลืมตาตื่นขึ้นในเช้าวันใหม่ พบว่าตัวเองกำลังนอนกอดอยู่กับนิตา อีกฝากหนึ่งของเตียงว่างเปล่า เขาคงลุกออกไปตั้งแต่เช้าแล้ว เมื่อคืนกว่าเธอจะข่มตาหลับได้ก็ดึกมาก เพราะความรู้สึกปั่นป่วน และไม่คาดคิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น มือเรียวยกแตะริมฝีปากบางของตัวเอง บ้า! เขาจู่โจมทำแบบนั้นจริงหรือนี่ จูปิเตอร์ มอเรล จูบเธอ เพียงแค่สัมผัสแผ่วเบานั้นถึงกับทำให้เธอแยกไม่ออกว่าเป็นความฝันหรือความจริงเชียวหรือ หญิงสาวสั่นศีรษะแรงๆไล่ความคิดฟุ้งซ่านในหัว รีบลุกเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการธุระส่วนตัว พอเงยหน้ามองกระจกเงาบานกว้าง หญิงสาวก็เห็นกระดาษโน๊ตแผ่นหนึ่งแปะเอาไว้ ดารินทร์กวาดสายตาผ่านตัวหนังสือสวยงามเป็นระเบียบเร็วๆ เมื่อเช้าตื่นมามอนิ่งคิสคุณแล้ว แต่คุณไม่ยอมตื่น เจอกันที่ห้องอาหารนะครับ.......ธรรศ มือเรียวขยำกระดาษโน๊ตในมือ ตาบ้าเอ้ย! เขาทำบ้าอะไรเนี่ย ถ้านิตาตื่นมาเข้าห้องน้ำก่อนเธอ เธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน แล้วเด็กหญิงจะรู้สึกยังไง ดารินทร์ยกมือแตะริมฝีปากตัวเองอีกครั้งอย่างเผลอตัว เขาจูบเธอจริงๆหรือนี่ หรือมันเพ
ตอนที่ 4 เรื่องเล่า (ส่วนที่ 2)สุดท้ายธรรศก็ต้องเดินไปส่งสองสาวต่างวัยที่กลายเป็นคู่หูที่แสนจะเข้ากันดีเพราะกลัวผีขึ้นสมองเหมือนกัน พอทานอาหารเสร็จทั้งคู่ก็แสร้งทำเป็นโอเอ้ไม่ยอมกลับห้อง ขณะที่ธรรศพูดคุยทักทายกับผู้โดยสารหลังทานอาหาร ทั้งๆ ที่ปกติทั้งคู่จะพยายามไม่อยู่ในห้องอาหารนาน เพราะไม่อยากปะทะกับบรรดาคุณหญิงคุณนายหลายคนที่ไม่ลงรอยกัน ตอนแรกชายหนุ่มตั้งใจจะคุยธุรกิจกับแขกบางคน หากพอเห็นท่าทางของดารินทร์และนิตา ก็ต้องตัดสินใจจะพักเรื่องงานเอาไว้ก่อน แล้วไปส่งสองสาวที่ห้องพัก คนสามคนเดินเรียงแถวไปตามทางเดินสลัวๆของเรือโดยมีธรรศนำหน้า ดารินทร์รั้งท้ายและเด็กหญิงนิตาเดินตรงกลาง ดารินทร์รู็สึกว่าวันนี้ทางเดินจากห้องอาหารกลับห้องพักดูทั้งไกลและมืดกว่าทุกวัน นิตาก็คงรู้สึกเหมือนเธอเพราะเด็กหญิงทำท่าเหมือนไม่มีแรงจะก้าวขาเอาซะเลย "คุณธรรศ ฉันว่าคุณอุ้มนิต้าเถอะค่ะ ดูแกเดินไม่ค่อยจะไหวแล้ว" จริงๆ นิตาก็โตเกินกว่าจะให้คนเป็นพ่ออุ้มแลัว หากดารินทร์เห็นท่าทางแล้วว่าถ้าปล่อยให้เด็กหญิงเดินต่อไปเอง คงไม่ถึงห้องพักง่ายๆ แน่ ธรรศหันมามองหน้าซีดๆ ของเด็กหญิงตัวน้อยแ
ตอนที่ 4 เรื่องเล่า (ส่วนที่ 1) "พี่รินทร์ขา" เสียงใสๆ ดังแจ้วๆ มาก่อนตัว ดารินทร์เงยหน้าขึ้นจากหนังสือที่กำลังนอนอ่านอยู่บนเตียงอาบแดด มองดูร่างเล็กที่วิ่งมาหยุดหอบตัวโยนอยู่ข้างๆ "ใจเย็นๆ นิต้า หายใจก่อน" มือเรียวเอื้อมไปช่วยประคองร่างของเด็กหญิงให้นั่งลงข้างๆ สังเกตเห็นแววตาตื่นตระหนกบนวงหน้าเล็กๆ นั่นๆ "แย่แล้วค่ะ แย่มากๆ" พอหายเหนื่อยเด็กหญิงก็ละล่ำละลักกับพี่เลี้ยงจำเป็นทันที "อะไรจ้ะนิต้า แล้วไปไหนมา" วันนี้ดารินทร์ชวนเด็กหญิงมานั่งเล่นที่ระเบียงด้านหนึ่งของเรือ การได้นอนอ่านหนังสือท่ามกลางท้องทะเลกว้างมันก็ทำให้ลืมๆไปได้ว่าทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ ส่วนหนึ่งคงเพราะเด็กหญิงตัวน้อยแสนน่ารักที่ทำให้เธอรู้สึกไม่เหงา วันนี้เด็กหญิงนิตาขนเอาสมุดสเก็ตมานั่งวาดรูปเล่น เด็กหญิงมีพรสวรรค์ทางด้านศิลปะพอตัวเลยทีเดียว หากวาดไปได้ซักพักก็ขอไปเอาอุปกรณ์เพิ่ม โดยให้ดารินทร์นั่งเฝ้าของไว้ แล้วเด็กหญิงก็หายไปเสียนาน ก่อนจะวิ่งหน้าเริ่ดกลับมา "ไปเอาของค่ะ แล้วไปเจอป้าแม่บ้าน" เด็กหญิงนั่งแปะลงบนเตียงอาบแดดข้างๆ อาการหอบเพราะ
ตอนที่ 3 เจ้าเสน่ห์ (ส่วนที่ 2)ดารินทร์เพลิดเพลินกับการช็อปปิ้งที่มีชายหนุ่มคอยตามจ่ายเงินให้ จริงๆ มันก็เงินเธอนี่ เค้าบอกเองว่าจะส่งบิลไปเก็บ แล้วทำไมเธอจะต้องเกรงใจ ร้านค้าบนเรือไม่มีอะไรแตกต่างไปจากบนบกแต่อย่างไร แม้แต่ร้านกาแฟริมทางสไตล์ฝรั่งเศสก็จำลองมาเหมือนทุกรายละเอียด หญิงสาวรู้สึกตื่นตาไปหมดจนอดนึกถึงคนที่นอนพักอยู่ที่ห้องไม่ได้ เด็กหญิงคงสนุกสนานไม่น้อยถ้าได้มาเดินเที่ยวด้วยกัน "นิต้าเคยมาที่นี่หรือยังคะ" เสียงหวานใสเอ่ยถามคนเป็นพ่อของเด็กหญิง "ยังครับ เราเพิ่งขึ้นเรือมาก่อนคุณไม่นาน" ดวงหน้างดงามครุ่นคิดนิดนึงก่อนจะเอ่ยขึ้น "เราน่าจะไปชวนแกนะคะ ป่านนี้แกคงตื่นแล้ว" ชายหนุ่มเหลือบตามองคนพูดแว้บหนึ่ง รอยยิ้มทาทับดวงตาสีอำพัน "เดี๋ยวผมให้คนไปตามแกแล้วกัน เราไปนั่งรอแกที่ร้านกาแฟตรงนู้นดีกว่า" หญิงสาวพยักหน้ารับ เพราะเธอก็เริ่มรู้สึกเมื่อยแล้วเหมือนกัน เสียงกรี๊ดกร๊าดดังขึ้นใกล้ๆ จนหญิงสาวต้องเงยหน้าขึ้นจากเมนูที่แสร้งทำเป็นสนใจเพื่อจะได้ไม่ต้องอึดอัดที่ไม่รู้จะคุยอะไรกับคนตัวโตที่นั่งอยู่ตรงข้าม
ตอนที่ 3 เจ้าเสน่ห์ (ส่วนที่ 1) ร่างบางระหงเดินเลาะริมระเบียงท่ามกลางแสงแดดอ่อนๆในยามบ่าย น้ำทะเลเบื่องล่างเป็นสีเขียวใสราวมรกต ระยิบระยับท่ามกลางเปลวแดด ดารินทร์รู้สึกว่าเธอคงดื่มด่ำกับความงามรอบๆตัวมากกว่านี้ หากการที่เธอมาอยู่บนเรือลำนี้ตอนนี้ไม่ใช่เพราะหนีการตามล่า แล้วจับพลัดจับผลูมาอยู่กับสองพ่อลูกประหลาดคู่นี้ ประหลาดตรงไหนน่ะหรือก็ประหลาดตั้งแต่ผู้ชายคนนั้นมีลูกสาวโตขนาดนี้ โตจนน่าจะเป็นน้องสาวได้เลย เธอไม่มั่นใจว่าผู้ชายคนนั้น จูปิเตอร์ มอเรล อายุเท่าไหร่ หากจากรูปลักษณ์อายุของเขาไม่น่าจะเกินสามสิบ นั่นแปลว่าเขามีลูกตั้งแต่อายุสิบกว่าๆเท่านั้นเอง เด็กหญิงลูกสาวของเขานั่นก็งดงามน่ารักราวตุ๊กตาตัวน้อย ดวงตากลมโตดำสนิท จมูกปากจิ้มลิ้มพริ้มเพราแบบไทยแท้ๆ ต่างจากพ่อที่หน้าฝรั่งจ๋า แม่ของเด็กหญิงคงเป็นสาวไทยแสนสวย แต่แปลกที่ไม่เห็นพ่อลูกจะพูดถึงเลย แล้วอยู่ๆคนที่กำลังคิดถึงก็โผล่มาในสายตา ร่างสูงในชุดลำลองชุดเดียวกับเมื่อเช้าเดินลิ่วๆมาจากด้านตรงข้ามของเรือ คิ้วได้รูปสีเดียวกับเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนเลิกขึ้นอย่างแปลกใจ "คุณมาทำอะไรตรงนี้" หญ