ห้องลับนั้นไม่ใหญ่ ดูเหมือนเป็นห้องหนังสือที่ติดตั้งอยู่ภายในมากกว่าเมื่อประตูเปิดออก ในเวลานั้น คนสองคนที่นั่งตรงข้ามกันอยู่ในห้องลับ---ท่านผู้เฒ่ากับเซียวอวี้ ทั้งสองคนต่างมองมายังกลุ่มคนที่อยู่ด้านนอก ใบหน้าปรากฏความงุนงงเล็กน้อย“แคกแคก...ท่านทั้งหลาย นี่พวกท่าน...” ท่านผู้เฒ่าในวัยไม้ใกล้ฝั่ง ดูเหมือนจะทนความตกใจไม่ไหว สีหน้าซีดขาวสลับกับเขียวคล้ำเซียวอวี้มองไปยังเฟิ่งจิ่วเหยียน ดวงตาไม่อาจซ่อนรอยยิ้มไว้ได้เฟิ่งจิ่วเหยียน: ...นางดูเหมือนจะเข้าใจผิดแล้วนางรีบปล่อยมือจากคอของบ่าวรับใช้ แล้วถามเซียวอวี้ด้วยสีหน้าเย็นชา“ท่านรู้หรือไม่ว่าตนเองหายไปนานเพียงใดแล้ว!”เซียวอวี้ลุกขึ้นทันที และเดินมาหานาง“เราก็ไม่รู้ว่าเจ้าจะกลับมาเร็วเพียงนี้ อีกอย่าง อยู่ที่เรือนหลักนี้ คงไม่น่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น”“จะไม่เกิดได้อย่างไร!” เฟิ่งจิ่วเหยียนโต้แย้งตามสัญชาตญาณท่านผู้เฒ่าหยวนเอ่ยช้า ๆ“ดูเหมือนว่า ฮองเฮาจะทรงกลัวว่ากระหม่อมจะทำร้ายฮ่องเต้ฉี”เฟิ่งจิ่วเหยียนมีสีหน้าเคร่งขรึม“ในเมื่อสุจริตใจ แล้วเหตุใดจึงต้องทำให้เสียวอู่หมดสติ หรือเพราะกลัวว่าเขาจะวุ่นวายพยายามจะช่วยศิษย์พี
ในห้องลับนี้ แม้แต่รัชทายาทเซี่ยหวั่นเฉิน ก็ยังต้องบดยานับประสาอะไรกับกลุ่มองครักษ์เหล่านี้ถึงหยิ่นเอ้อร์จะเป็นหัวหน้ากลุ่มองครักษ์เงา แต่ตอนนี้ถูกขัดเกลาจนลดความแข็งกร้าวลง ไม่มีอารมณ์หงุดหงิดแล้ว ถูกสั่งให้บดยาก็บดยาโดยดีดังนั้น เขาจึงหวังอย่างยิ่งว่า คนชรากลุ่มนี้จะปรุงยาถอนพิษออกมาได้โดยเร็ว ก่อนที่บ่าวของท่านผู้เฒ่าจะออกไป ได้อาศัยช่วงที่คนไม่ทันสังเกต แอบยัดน่องไก่ที่ห่อด้วยกระดาษห่ออาหารให้กับเสียวอู่เสียวอู่เพิ่งจะบ่นศิษย์พี่ว่า เหตุใดไม่ให้เขาออกไปซื้อสมุนไพรข้างนอกกับศิษย์พี่สะใภ้ ตอนนี้ได้รับน่องไก่ชิ้นหนัก ๆ จึงฉีกยิ้มกว้าง ให้บ่าวรับใช้ด้วยความดีใจแต่ไม่นานเขาก็ตระหนักถึง ความแตกต่างระหว่างน่องไก่ชิ้นเดียวกับน่องไก่ทุกมื้อนั้นดังนั้นเขาจึงจับแขนบ่าวรับใช้ แล้วถาม“ตอนนี้ข้าคงออกไปได้แล้วกระมัง?”มิใช่เพราะรังเกียจห้องลับที่คนเยอะและอึดอัด แต่หลัก ๆ คืออยากไปดูว่าท่านผู้เฒ่าเป็นอย่างไรจากการที่เขาพูดเช่นนี้ จู่ ๆ บ่าวรับใช้ก็นึกถึงเรื่องสำคัญขึ้นมาได้เรื่องหนึ่ง“เกือบลืมไปแล้ว องค์ชายรัชทายาท ท่านผู้เฒ่าของเราอยากขอพบท่านคืนนี้”เซี่ยหวั่นเฉินหยุดมือจาก
เฟิ่งจิ่วเหยียนบอกกับหมอเทวดาเหล่านั้นไปตรง ๆ“พวกท่านทดลองยาได้เต็มที่ หากเกิดสถานการณ์ที่ไม่อาจควบคุมได้จริง ๆ พิษวารีสวรรค์ ข้าจะจัดการเอง”เหล่าหมอเทวดาต่างดีใจอย่างยิ่ง“ในเมื่อแม่นางจัดการพิษได้ พวกเราก็วางใจแล้ว!”พูดจบพวกเขาก็หันไปมองเซียวอวี้“รบกวนขอเลือดเพิ่มอีกครึ่งถ้วยเล็ก”เซียวอวี้: ...ตอนนี้พวกเขายิ่งเชี่ยวชาญขึ้นเรื่อย ๆในคืนนั้นเซียวเหิงที่ได้รับบาดเจ็บจากไฟไหม้กลับมาที่จวนตระกูลหยวนในจวนเกิดความแตกแยก ท่านผู้เฒ่ายังมิได้ถูกปล่อยตัวกลับมา ตอนนี้เหลือเพียงครอบครัวของหยวนสุยเท่านั้นเซียวเหิงเดินตรงไปยังเรือนตะวันตก ก็เห็นโครงกระดูกของภรรยาใบหน้าของเขาแสดงความโศกเศร้าและสิ้นหวัง แทบจะคุกเข่าลงต่อหน้าโครงกระดูก และปิดหน้าร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด“ฮูหยิน! ฮูหยินเอ๋ย!“แม้แต่เจ้าก็จากข้าไป ข้าอยู่ในโลกนี้ยังจะมีความปรารถนาอะไรอีก...”เสียงร้องไห้คร่ำครวญของเซียวเหิงดังต่อเนื่องเป็นพัก ๆเขาดูเหมือนจะเสียใจอย่างมาก“ข้าไม่ควรสนใจแต่เรื่องภายนอก เป็นข้าที่ละเลยเจ้า รู้ดีว่าเจ้าเพิ่งจะสูญเสียลูก ข้าควรอยู่เป็นเพื่อนเจ้ามากกว่านี้ หากเป็นเช่นนั้น เจ้าก็จะไม
ในคืนนั้นซากโครงกระดูกของฮูหยินนั่วก็ถูกส่งกลับมาที่จวนตระกูลหยวนหยวนสุยกับหยวนจั้นสบตากัน แววตาดูโศกเศร้า และยังมีความสงบเยือกเย็นที่ข่มไว้“ท่านพ่อ งานศพของท่านป้า ต้องจัดอย่างยิ่งใหญ่และสมเกียรติ”หยวนสุยพยักหน้าด้วยท่าทีเงียบขรึมต่อมา ผู้คุ้มกันที่ส่งไปสืบข่าวก็กลับมารายงาน“นายท่าน มหาเสนาบดีเหิงถูกไฟไหม้บาดเจ็บ แต่ไม่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต“ส่วนทางคุกเทียนเหลา ท่านผู้เฒ่ายังคงถูกคุมขังอยู่ แต่ไม่ต้องถูกสอบสวนอีกแล้วขอรับ”หยวนสุยพยักหน้าอีกครั้ง สายตามองตรงไปยังซากโครงกระดูกของฮูหยินนั่ว พร้อมความคิดในหัวมากมายเขาถอนหายใจ แล้วเดินไปคลุมผ้าขาวบนซากโครงกระดูกด้วยตัวเองหยวนจั้นหันไปโค้งคำนับต่อซากโครงกระดูก“ท่านป้า การเสียสละของท่านจะไม่สูญเปล่า”ที่จริงหยวนสุยก็ยังสับสนอยู่ว่า การตัดสินใจของตนนั้นถูกต้องหรือไม่ตอนนี้คือใช้ชีวิตของพี่หญิงรอง แลกกับชีวิตของท่านพ่อแม้จะพูดว่าในตระกูลยกย่องบุรุษเป็นใหญ่ ชีวิตของบุรุษสำคัญกว่า แต่พี่หญิงรองก็สมควรตายเชียวหรือ?หยวนจั้นมองออกถึงความขัดแย้งในใจของบิดา จึงเอ่ยปลอบเบา ๆ“ครั้งนี้ท่านป้าช่วยคนได้มากมาย มิใช่แค่ท่านปู่
นอกคุกเทียนเหลาฮูหยินนั่วมือหนึ่งถือสมุด อีกมือหนึ่งถือคบเพลิงนางตะโกนเสียงดัง“มหาเสนาบดีเหิง! สิ่งที่ท่านต้องการอยู่ที่ข้า!“ท่านพ่อ! บุตรสาวอกตัญญู ยังต้องให้ท่านลำบากมารับผิดแทนลูก!”เมื่อเซียวเหิงออกมา ก็เห็นสมุดในมือของฮูหยินนั่ว ดูจากปกของสมุดแล้ว ดูเหมือนกับสมุดเล่มนั้นของเขาที่หายไปจริง ๆหรือว่า ท่านผู้เฒ่าจะถูกปรักปรำจริง ๆ ?เซียวเหิงพยายามแสดงความอ่อนโยน ค่อย ๆ เอ่ยชักจูงนาง“ฮูหยิน นั่นมิใช่ของส่วนตัวของข้า แต่เป็นสิ่งที่ฝ่าบาทมอบให้ข้าดูแล เจ้ารีบคืนให้ข้าเถิด ทำเช่นนี้แล้ว ท่านพ่อตาก็จะไม่มีปัญหาใด ๆ ...”ในดวงตาของฮูหยินนั่วฉายแววความเกลียดชังหากมิใช่เพราะน้องสามบอกกับนาง เรื่องตัวตนที่แท้จริงของมหาเสนาบดีเหิง รวมถึงเรื่องที่เขาเลี้ยงดูสตรีไว้นอกจวน นางก็ยังคงจะถูกเขาหลอกไปตลอด คิดว่าตัวเองมีสามีที่ดีอย่างยิ่งที่แท้แล้ว เขาก็เหมือนบุรุษส่วนใหญ่ ล้วนเป็นคนไร้หัวใจและไม่ซื่อสัตย์เพื่อเป้าหมายของตัวเอง เขายอมสละทุกคนได้!แต่เหตุใดแม้แต่บุตรชายแท้ ๆ เขาก็ยังไม่ยอมปล่อย!ฮูหยินนั่วด่าทอด้วยความโกรธ: “มหาเสนาบดีเหิง! เจ้าสัตว์นรก! ข้ารู้ว่าสมุดเล่มนี้สำคัญ
“ในตอนนั้น เดิมทีคนที่ต้องถูกส่งไปหนานฉี ก็คือเจ้า”ฮูหยินนั่วสีหน้าเปลี่ยนไปทันทีนางลุกขึ้นพรวดพราด และจ้องมองหยวนสุยด้วยความโกรธ“เจ้าจะพูดว่า คนที่ควรตายในตอนนั้นคือข้าใช่หรือไม่! น้องสาม เจ้าใจร้ายเหลือเกิน! ไม่แปลกใจที่หลายปีมานี้ เจ้ากับท่านพ่อเหมือนกัน คือต่างก็เย็นชากับข้า ที่แท้เพราะคิดว่าข้าทำให้พี่หญิงใหญ่ต้องตาย!“ทำไม ข้ามิใช่ลูกแท้ ๆ ของท่านพ่อหรอกหรือ? ข้ามิใช่พี่สาวแท้ ๆ ของเจ้าหรอกหรือ? เหตุใดเรื่องเลวร้ายทั้งหมดต้องตกมาอยู่ที่ข้าคนเดียว!“พี่หญิงใหญ่ยินดีที่จะไปเป็นสายลับที่หนานฉีแทนข้า ข้ามิได้บังคับนาง!”หยวนสุยมองนางด้วยความผิดหวัง“ข้าพูดเรื่องนี้ มิใช่กำลังตำหนิท่าน ข้าอยากบอกท่านว่า มหาเสนาบดีเหิงหาใช่ว่าจริงใจกับท่าน คนเช่นเขา สามารถหลอกใช้ได้ทุกคน!“หยวนตั๋วก็ตายเพราะถูกเขาหลอกใช้!“หากเขาไม่มีความคิดที่หลงผิด หยวนตั๋วจะเหมือนเด็กทั่วไป ที่เติบโตขึ้นมาโดยไม่มีความกังวลใด ๆ ...”“พอแล้ว!” ความเจ็บปวดจากการสูญเสียบุตรชายที่ฮูหยินนั่วข่มเอาไว้ ตอนนี้กลับลุกโชนขึ้นมาอีกครั้งบุตรชายคือชีวิตของนาง!เขาตายอย่างน่าอนาถ นางไม่มีวันใดที่ไม่คิดแก้แค้นให้เขา