共有

แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย
แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย
作者: อี้ซัวเยียนอวี่

บทที่ 1

作者: อี้ซัวเยียนอวี่
“แม่ทัพน้อย สารด่วนที่สุด! คุณหนูใหญ่ได้รับความอัปยศจนปลิดชีพตัวเอง นายหญิงต้องการให้ท่านกลับโดยเร็วที่สุด เพื่ออภิเษกสมรสแทนคุณหนูใหญ่!”

ชายแดนแคว้นหนานฉี เกือกม้าย่ำผ่านลำธารที่เพิ่งละลาย หยดน้ำกระเซ็นซ่าน

เฟิ่งจิ่วเหยียนควบม้านำอยู่หน้าสุด นางสวมอาภรณ์เรียบง่ายแขนสอบสีดำ ใช้ปิ่นไม้อันเดียวรวบผมดำขลับ เส้นผมและชายชุดสะบัดพลิ้ว ในความองอาจเหนือคนนั้นแฝงไว้ซึ่งอารมณ์อันคุกรุ่น

นางกับเฟิ่งเวยเฉียงน้องสาวเป็นฝาแฝดกัน แต่เนื่องจากการมีฝาแฝดไม่เป็นมงคล นางจึงถูกเลี้ยงดูอยู่ข้างนอกมาตั้งแต่เล็ก

เวยเฉียงมีนิสัยอ่อนโยนอ่อนหวาน ไม่เคยผูกความแค้นกับใคร

นางไม่เข้าใจเลย ใครจะทำร้ายคนที่บริสุทธิ์ดีงามเช่นนั้น

นางจะจับคนผู้นั้นมาถลกหนังเลาะกระดูก สับเป็นชิ้น ๆ ป้อนให้สุนัขกินเสีย!

องครักษ์เห็นว่าจะตามไม่ทันความเร็วของนางแล้วจึงตะโกนว่า

“แม่ทัพน้อย ตอนนี้ควบม้าตายไปสองตัวแล้ว ข้างหน้ามีโรงเตี๊ยม แวะพักก่อนดีหรือไม่...”

เฟิ่งจิ่วเหยียนสะบัดแส้ม้า

“ตามไม่ทันก็ไสหัวกลับค่ายทหาร! ย่าห์!”

โง่เง่า!

มีเวลามาพักผ่อนเสียที่ไหน!

สิ่งที่นางแบกรับอยู่ตอนนี้คือหนึ่งร้อยกว่าชีวิตในตระกูลเฟิ่ง!

องครักษ์ไล่ตามนางอย่างไม่คิดชีวิต

แต่นั่นคือแม่ทัพน้อยทหารม้าเบา[1]ที่ฝีเท้าไวที่สุดในค่ายทหารเป่ยต้าเชียวนะ! ว่องไวดั่งสายลม รวดเร็วประดุจเงา

……

เจ็ดวันให้หลัง ณ เมืองหลวง

ตระกูลเฟิ่งตบแต่งบุตรี ทั้งยังเป็นถึงฮองเฮาแห่งแว่นแคว้น นี่คือเกียรติยศอันสูงสุด

ชาวบ้านทยอยล้อมเข้ามาดู อยากเห็นฉากอันแสนยิ่งใหญ่ที่โอรสสวรรค์แต่งภรรยาเป็นบุญตาสักครั้ง

ทว่า จนขบวนรับเจ้าสาวมาถึงแล้ว แต่เจ้าสาวกลับยังไม่ออกมาเสียที

ผู้คนวิพากษ์วิจารณ์ไปต่าง ๆ นานา

“ได้ยินว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลเฟิ่งถูกโจรภูเขากลุ่มหนึ่งลักพาตัวไป ถูกทารุณอย่างหนัก ตระกูลเฟิ่งต้องเคลื่อนย้ายองครักษ์หลวงจึงสามารถช่วยเหลือคนกลับมาได้ แต่ดูเหมือนจะไม่บริสุทธิ์แล้ว ไฉนยังสามารถเข้าวังไปเป็นฮองเฮาได้อีกเล่า?”

“บุตรีตระกูลเฟิ่งโชคดีจริง ๆ เป็นตัวเลือกฮองเฮาอันดับหนึ่งมาทุกรัชสมัย สามารถคุ้มครองแคว้นหนานฉีของพวกเราให้รุ่งเรืองสถาพร!”

“คงไม่ได้เกิดอะไรขึ้นจริง ๆ หรอกนะ? เหตุใดเจ้าสาวจึงยังไม่ออกมาเสียทีเล่า?”

คนทั้งหลายเขย่งเท้า สายตาต้องการมองทะลุประตูใหญ่ของจวนตระกูลเฟิ่งเข้าไปเสียให้ได้

ณ ห้องโถงหลักในจวนตระกูลเฟิ่ง

หมัวมัวที่รับราชโองการมารับตัวเจ้าสาวดื่มชาไปหลายจอกจนดื่มต่อไปไม่ไหว จึงโบกมือปฏิเสธน้ำชาที่นายท่านเฟิ่งส่งมาให้

“ใต้เท้าเฟิ่ง ลูกสาวท่านเป็นอะไรไป? ให้ข้าแวะไปดูที่ห้องเจ้าสาวดีหรือไม่? มัวแต่รออยู่เช่นนี้ไม่ใช่วิธีที่ดีหรอกนะ! ถ้าพลาดฤกษ์มงคลไป ข้าก็ไม่รู้ว่าควรอธิบายอย่างไรแล้ว!”

ชาวบ้านทั่วไปแต่งงานยังให้ความสำคัญกับฤกษ์ยาม นับประสาอะไรกับราชวงศ์ ราชันผู้สูงศักดิ์ที่สุดในแคว้นหนานฉี

ตระกูลเฟิ่งชักช้าเช่นนี้ หรือคิดจะเล่นตัว? จะไม่รู้หนักเบาเกินไปแล้ว!

นายท่านเฟิ่งได้ยินหมัวมัวบอกว่าจะไปห้องเจ้าสาว สีหน้าก็พลันเปลี่ยนแปลง

เขาปรับสีหน้า ลุกขึ้นทำเป็นเรียกนางไว้อย่างหนักแน่น “เฮ้อ! จะต้องเป็นเพราะภรรยาข้าตัดใจปล่อยลูกสาวออกเรือนไม่ได้แน่ ๆ นางเป็นเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไร ข้าจะให้คนไปเร่งนางอีกครั้ง ท่านโปรดรอสักครู่ รับรองว่าไม่พลาดฤกษ์มงคลแน่นอน!”

กล่าวจบ เขาก็ส่งสายตาให้พ่อบ้าน

พ่อบ้านเข้าใจจึงรีบวิ่งออกไปทันที

จนไปถึงหน้าห้องเจ้าสาว พ่อบ้านเคาะประตูห้องอย่างเคารพนบนอบ

“นายหญิง คุณหนู คนจากในวังเร่งรัดมาอีกแล้วนะขอรับ!”

ภายในห้องไร้เงาเจ้าสาว

เฟิ่งฮูหยินกระวนกระวายใจเหลือประมาณ ใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อบนหน้าผากไม่หยุด

“เจ้ากลับไปบอกว่า แจ้งว่า...ว่าชุดเจ้าสาวมีปัญหา ช่างเย็บผ้ากำลังซ่อมให้อยู่”

พ่อบ้านกวาดสายตามองไปรอบ ๆ เอ่ยเตือนจากหน้าประตู

“นายหญิง ไม่ได้นะขอรับ! หมัวมัวผู้นั้นเร่งรัดมาหลายรอบแล้ว ถ้ายังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนให้ละก็ น่ากลัวว่าคงจะบุกเข้ามาแล้ว!”

เฟิ่งฮูหยินกัดฟัน

จะทำอย่างไรดี!

ขณะกำลังร้อนรุ่มใจอยู่นั่นเอง เงาคนสายหนึ่งก็เบี่ยงร่างเข้ามาทางหน้าต่าง ความเคลื่อนไหวคล่องแคล่วดุจสายลม

เห็นว่ามีคนมา เฟิ่งฮูหยินเริ่มจากตกใจ จากนั้นจึงถอยหลังกรูดด้วยความตื่นตัว

“เจ้า เจ้าเป็นใคร!”

“ท่านแม่ ข้าเอง”

เฟิ่งจิ่วเหยียนปลดหน้ากากลงมา เผยให้เห็นโฉมหน้าพิลาศล้ำดวงนั้น เมื่อเฟิ่งฮูหยินจำนางได้แล้วก็น้ำตาไหลพรากด้วยความยินดีสุดขีด

“จิ่วเหยียน! ลูกแม่! ในที่สุดเจ้าก็กลับมาได้เสียที!” นางเดินเข้าไปกอดบุตรสาวราวกับคว้าฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้ายเอาไว้ได้ จิตใจที่พะวักพะวนค่อยปล่อยวางได้เสียที

“คารวะท่านแม่” แม่ลูกพบหน้า เฟิ่งจิ่วเหยียนกลับสงบนิ่งอย่างมากจนไม่เอ่ยคำทักทายปราศรัยที่ไม่จำเป็น กระทั่งแฝงความห่างเหินอยู่บ้าง

นางรู้ว่าสายมากแล้วจึงถอดชุดชั้นนอกออก แล้วปล่อยผมลงมา

เฟิ่งฮูหยินเห็นเช่นนั้นก็รีบเข้ามาช่วยนางสวมชุดเจ้าสาว

“จิ่วเหยียน ลำบากเจ้าแล้ว แม่รู้ว่าเจ้าชอบชีวิตที่อิสระเสรี ตอนนี้กลับมาให้เจ้าแต่งเข้าวังหลวง...”

เฟิ่งจิ่วเหยียนสะบัดอาภรณ์นั่งลงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง

“ท่านแม่ไม่จำเป็นต้องเล่าซ้ำ ข้ารู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ยามนี้เรื่องสำคัญที่สุดคือการปกป้องตระกูลเฟิ่ง”

ตระกูลเฟิ่งไม่สามารถส่งมอบบุตรีออกไปได้ ทำให้พิธีอภิเษกสมรสเสียหาย จะต้องมีจุดจบถูกประหารทั้งตระกูลอย่างแน่นอน

เฟิ่งฮูหยินถอนหายใจ

“เจ้ากลับมาก็ดีเหมือนกัน หลายปีมานี้ ทุกวันแม่คิดถึง...”

“ท่านแม่ ตอนนี้เวยเฉียงเป็นอย่างไรบ้าง” น้ำเสียงเฟิ่งจิ่วเหยียนสงบนิ่งเกินไป จนชวนให้คนรู้สึกกลัว

แต่หากมองอย่างละเอียดจะพบว่าสองมือของนางกำแน่น นางยังคงหวังว่าสวรรค์จะทรงเมตตา เวยเฉียงฆ่าตัวตายไม่สำเร็จและยังมีชีวิตอยู่ ยังหวังว่าเวยเฉียงจะปรากฏตัวขึ้นมากะทันหันเหมือนสมัยเด็ก เรียกนางว่า “พี่สาว ข้ามาหาท่านแล้ว”...

แต่สีหน้าของเฟิ่งฮูหยินฉายความโศกเศร้ารวดร้าวอย่างไม่อาจควบคุม ทำให้ความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ของนางต้องสูญสลาย

“เวยเฉียง...ได้พักผ่อนอย่างสงบใต้ธรณีแล้ว

“เป็นเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน นางได้รับความทุกข์แสนสาหัส ถ้ารอดมาได้ก็คงมีชีวิตเหมือนตายทั้งเป็น

“คืนนั้น นางถูกคนโยนทิ้งไว้หน้าประตูจวนตระกูลเฟิ่ง บาดแผลเต็มร่าง อาภรณ์ไม่ปิดบังเรือนกาย บนทรวงอกยังถูกเหล็กไฟนาบ...”

เฟิ่งฮูหยินพูดต่อไปไม่ไหว ได้แต่เช็ดน้ำตาให้ตัวเอง

แล้วหันไปมองจิ่วเหยียน นางดูราวกับไม่สะทกสะท้าน เย็นชาเหมือนก้อนน้ำแข็ง

เฟิ่งจิ่วเหยียนถามต่อไป

“ผู้ใดทำร้ายนาง มีเบาะแสหรือไม่?”

“เป็น...เป็นหวงกุ้ยเฟยที่ได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้เพียงคนเดียวผู้นั้น! นางสนมตัวร้ายนั่น นางทำร้ายเวยเฉียง!”

กร๊อบ!

เฟิ่งจิ่วเหยียนจดบัญชีนี้ไว้แล้ว พอออกแรง ตลับแป้งในมือก็ปริแตก

เฟิ่งฮูหยินขมวดคิ้ว วางมือลงบนไหล่นาง

“จิ่วเหยียน แม่รู้ว่าเจ้าฝึกฝนในค่ายทหารมาตั้งแต่เด็ก มีฝีมือไม่ธรรมดา แต่วังหลังต่างจากสนามรบ แค่ปกป้องตัวเองให้ดีก็พอแล้ว หวงกุ้ยเฟยผู้นั้นวางอำนาจบาตรใหญ่นัก ทำร้ายคนนับไม่ถ้วน แต่ถึงนางจะก่อกรรมทำชั่วไว้มากมาย ฮ่องเต้ก็ยังคงโปรดปรานนางไม่คลาย เจ้าอย่าไปสู้กับนางเลย”

เวยเฉียงไม่อยู่แล้ว นางไม่อยากให้จิ่วเหยียนถูกทำร้ายไปอีกคน

ทว่า ถึงต้นไม้อยากอยู่นิ่ง ลมก็ไม่มีทางหยุดพัด

ขณะที่เฟิ่งจิ่วเหยียนคลุมผ้าคลุมหน้าสีแดงตระเตรียมจะออกไปก็มีเสียงแหลมเสียดโสตดังมาจากข้างนอก

“หยุดพิธีอภิเษกสมรสไว้ก่อนชั่วคราว! ข้ารับบัญชาหวงกุ้ยเฟยมาจัดการธุระ!”

เฟิ่งฮูหยินกดเฟิ่งจิ่วเหยียน “แม่ออกไปดูข้างนอกก่อน”

ขันทีนอกห้องผู้นั้นโอหังยิ่งนัก พาดแส้ไว้เหนือแขน ท่าทางหยิ่งผยองไม่เห็นใครอยู่ในสายตา

“ได้ยินว่าก่อนหน้านี้คุณหนูใหญ่ตระกูลเฟิ่งถูกโจรร้ายลักพาตัว หวงกุ้ยเฟยเป็นห่วงชื่อเสียงราชวงศ์จึงมีบัญชาให้นางกำนัลจากในวังมาตรวจสอบ”

“ตรวจสอบอะไร?” เฟิ่งฮูหยินหน้าซีด

ขันทีผู้นั้นแค่นหัวเราะ “ตรวจสอบว่าร่างกายคุณหนูใหญ่ตระกูลเฟิ่งยังบริสุทธิ์อยู่หรือไม่อย่างไรเล่า!”

“อะไรนะ!”

ตรวจร่างกายในวันที่เจ้าสาวออกเรือน ความอัปยศอดสูเช่นนี้ ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย!

----------------------------------------------

[1] ทหารม้าเบา คือ ทหารม้าที่สวมเกราะเบาหรือไม่สวมเลย
この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード
コメント (33)
goodnovel comment avatar
นลิน ลิดา
ทำไมมันกลับมาบทที่1 กด เสียเวลาชิบหาย
goodnovel comment avatar
Piyada Kampeerapawong
ขอติดตามตลอดไปค่ะ
goodnovel comment avatar
Piyada Kampeerapawong
สนุกค่ะเริ่มต้นก็โหดเหี้ยมอำมหิตชอบๆๆ
すべてのコメントを表示

最新チャプター

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1406

    ถึงแม้เซียวอวี้จะไม่ค่อยได้พบหน้าจางฉี่หยาง แต่ก็ยังจดจำเขาได้ในทันทีเพียงแต่ไม่รู้ว่าเหตุใด จางฉี่หยางจึงมาปรากฏตัวที่นี่ได้จากนั้น จางฉี่หยางจึงเอ่ยอธิบาย“พวกกระหม่อมได้เข้าเฝ้าฮองเฮาที่เมืองลี่หย่วนพ่ะย่ะค่ะ”“พระนางมีรับสั่งให้พวกเราตามหายาถอนพิษ เพื่อเตรียมพร้อมช่วยเหลือฝ่าบาท”“เดิมทีในแต่ละเมืองก็มีทหารปกติประจำการอยู่ พวกเราก็อาศัยขโมยยาถอนพิษจากพวกเขานี่แหละพ่ะย่ะค่ะ”“แต่หลายวันมานี้ แม้แต่ทหารเหล่านั้นก็กลายเป็นมนุษย์โอสถไปหมดสิ้น ทำให้ไม่สามารถหายาแก้ได้อีก”“นี่คือยาที่พวกกระหม่อมรวบรวมมาได้ ขอฝ่าบาทโปรดเสวยยา แล้วรีบเสด็จออกจากเมืองนี้ไปพร้อมกับกระหม่อมเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”เขายื่นกระบอกน้ำให้เซียวอวี้เซียวอวี้เพียงเอ่ยถาม “แล้วฮองเฮาเล่า? นางอยู่ที่ใด?”เขาต้องการยืนยันก่อนว่าจิ่วเหยียนปลอดภัยดีหรือไม่จางฉี่หยางทูลตอบตามความจริง“ฮองเฮาเสด็จไปตามหาตัวการผู้ควบคุมมนุษย์โอสถแล้วพ่ะย่ะค่ะ พระนางให้พวกกระหม่อมมาช่วยฝ่าบาทก่อน แล้วให้ไปพบกันที่เมืองฝานหลู”แต่ยาถอนพิษนี้เพียงพอสำหรับคนผู้เดียวเท่านั้น กระทั่งคนเดียวก็ยังแทบไม่พอจางฉี่หยางตั้งใจจะทิ้งพี่น้องคนอื่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1405

    นับตั้งแต่ที่ทรงทราบว่าองค์หญิงใหญ่หายตัวไป ไทเฮาก็ไม่เคยบรรทมหลับลงอย่างสนิทใจได้เลยสักคืนนางไม่คาดคิดเลยว่า แม้จะส่งคนไปมากมายเพื่อจับตาดูฉีเอ๋อร์ แต่นางก็ยังหนีไปได้อยู่ดีความรักที่ฉีเอ๋อร์มีต่อฮ่องเต้นั้นลึกซึ้งถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?ลึกซึ้งเสียจนไม่ห่วงแม้ความปลอดภัยของตนเอง?กุ้ยหมัวมัวเอ่ยปลอบใจอยู่ข้าง ๆ“ไทเฮาเพคะ อย่าทรงกังวลไปเลย องค์หญิงใหญ่เสด็จออกไปก็มีองครักษ์ติดตามไปด้วย พวกเขาย่อมปกป้ององค์หญิงได้เป็นอย่างดีแน่นอนเพคะ”“อีกทั้งหม่อมฉันได้ยินมาว่า เมืองต่าง ๆ ทางตอนเหนือล้วนปิดประตูเมือง ห้ามราษฎรเข้าออก”“จากการณ์นี้จะเห็นได้ว่า ต่อให้องค์หญิงใหญ่จะหนีออกจากเมืองหลวงไปได้ ก็คงไปไม่ถึงเมืองชายแดนเป็นแน่เพคะ”เมื่อได้ฟังดังนั้น สีพระพักตร์ของไทเฮาก็คลายลงเล็กน้อย“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม จะต้องตามหาองค์หญิงใหญ่ให้พบโดยเร็วที่สุด!”จะปล่อยให้เด็กคนนั้นทำอะไรตามอำเภอใจต่อไปอีกไม่ได้แล้ว!อายุก็ปาเข้าไปสามสิบกว่าแล้ว ยังไม่มีความหนักแน่นเอาเสียเลย......ชาวบ้านในเมืองหลวงรู้เพียงว่าที่ชายแดนกำลังเกิดเหตุการณ์มนุษย์โอสถอาละวาด แต่หารู้ไม่ว่าสถานการณ์นั้นคับขันเพีย

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1404

    วิชาตัวเบาของตงฟางซื่อนั้นด้อยกว่าเฟิ่งจิ่วเหยียน แต่ด้านอื่น ๆ กลับเหนือกว่านางอยู่หนึ่งขั้นดังนั้นเขาจึงสามารถสลัดทหารของจั่วเฟิงหลุดและออกจากเมืองหรงโจวไปได้ก่อนแต่เพราะเขายึดมั่นในคุณธรรมเป็นหลัก ยังคงเป็นห่วงพี่น้องที่ติดอยู่ในเมือง จึงไม่ยอมจากไปก่อนหลายวันนี้ เขาเตร็ดเตร่อยู่บริเวณนอกประตูเมือง ครุ่นคิดว่าจะช่วยเหลือได้อย่างไรดีใต้เมืองหรงโจว มี 'ใยแมงมุม' อยู่ช่วงหนึ่งจริง ๆแต่มันไม่ได้พาดผ่านคุกหลวงของเมืองหรงโจวก่อนที่เขาจะคิดแผนการแหกคุกออก จะลงมือทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ในขณะที่เขากำลังลังเลอยู่นั้น ก็ได้เห็นสัญญาณของหร่วนฝูอวี้ในคืนวันนั้น เขาก็ลอบเข้าไปในเมืองผ่านทาง 'ใยแมงมุม'ภายในโรงพักแรม คนหลายคนมารวมตัวกันตงฟางซื่อยิ้มตาหยี มองสำรวจหร่วนฝูอวี้ “เจ้าหนีออกมาได้อย่างไร? แล้วเหล่าฝานกับคนอื่น ๆ เล่า?”หร่วนฝูอวี้เห็นเขาสภาพสมบูรณ์ดี ไม่มีร่องรอยบาดเจ็บแม้แต่น้อย ก็หัวเราะออกมาอย่างขุ่นเคืองนางพูดจาประชดประชัน “สมแล้วที่เป็นผู้นำพันธมิตรตงฟาง ยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งยุทธภพ”ตงฟางซื่ออธิบายอย่างจริงจัง“ข้าไม่ได้ทิ้งพี่น้องหนีเอาตัวรอด...”“เลิก

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1403

    เมื่อได้ฟังคำบอกเล่าของจั่วเฟิง องค์หญิงใหญ่และรุ่ยอ๋องก็สบตากันอย่างรวดเร็วดูท่าแล้วจั่วเฟิงผู้นี้คงจะรับมือได้ไม่ง่ายพูดให้ชัดเจนก็คือ คนผู้นี้เป็นคนหัวแข็ง ยึดมั่นในหลักการจนเกินไป ไม่ยืดหยุ่นจั่วเฟิงเองก็มองคนทั้งสองอย่างระแวดระวัง“ท่านทั้งสองก็จะบุกฝ่าด่านไปเช่นกันหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เมื่อเขาพูดถึงขนาดนั้นแล้ว รุ่ยอ๋องและองค์หญิงใหญ่จะยอมพูดความจริงได้อย่างไรองค์หญิงใหญ่กล่าวด้วยใบหน้าที่จริงใจอย่างยิ่ง“มีทหารผู้ภักดีเช่นพวกท่านคอยปกป้องเมืองหลวงเช่นนี้ แคว้นหนานฉีคงไม่เกิดความวุ่นวายใหญ่โตเป็นแน่ ส่วนเรื่องการไปช่วยฝ่าบาทนั้น ย่อมมีเหล่าทหารกล้าเดินทางไปอย่างแน่นอน ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาสตรีผู้อ่อนแอเช่นข้าหรอก”รุ่ยอ๋องก็ร่วมวงโกหกหน้าตายเช่นกัน“ข้ามาเพื่อตามหาพระชายา”“จั่วเฟิง เจ้ารีบพาข้าไปพบพระชายาเดี๋ยวนี้”จั่วเฟิงคลายความระแวงต่อคนทั้งสองลงชั่วคราว“ข้าน้อยขอกล่าวไว้ก่อนว่า ความวุ่นวายเรื่องมนุษย์โอสถในครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย”“ท่านเจ้าเมืองมีคำสั่งให้เฝ้าระวังด่านประตูเมืองนี้อย่างเข้มงวด”“หลังจากที่ท่านทั้งสองได้พบกับพระชายาแล้ว ก็ขอให้รีบกลับเมืองห

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1402

    หร่วนฝูอวี้เพิ่งคลอดลูกได้ไม่กี่วัน ก็รีบออกเดินทางไปเสียแล้วรุ่ยอ๋องอุ้มลูก คิดอยากไล่ตามความเร็วของนางนั้นไม่ง่ายอย่างไรลูกน้อยก็ร่างกายอ่อนแอ จะให้เดินทางไกลย่อมไม่เหมาะนักทันทีที่ถึงชายแดนแคว้นหนานฉี รุ่ยอ๋องก็ถูกหร่วนฝูอวี้ทิ้งห่างต่อให้เขาเรียกนางเสียงดังเพียงใด นางก็ไม่แม้แต่จะหันกลับมามองเขาอยากตามไป แต่ลูกน้อยในอ้อมแขนร้องไห้ไม่หยุดรุ่ยอ๋องมองลูกด้วยความสงสารน่าสงสารลูกคนนี้เพิ่งลืมตาดูโลก ยังไม่ได้แม้แต่จะตั้งชื่อเดิมเขาคิดจะคุยกับหร่วนฝูอวี้เรื่องการตั้งชื่อของลูก แต่เวลานี้คงไม่เหมาะสมกู่ราชาแห่งหนานเจียงถูกขโมยไป แคว้นหนานฉีก็มีมนุษย์โอสถก่อความวุ่นวาย เรื่องราวประดังเข้ามาในเวลาเดียวกัน ใครเล่าจะไม่รู้สึกหนักใจรุ่ยอ๋องได้แต่คิดว่า ลูกคนนี้เกิดมาในเวลาที่ไม่เหมาะเอาเสียเลยดูเหมือนลูกจะสัมผัสได้ถึงความรังเกียจของผู้เป็นพ่อ จึงร้องไห้เสียงดังกว่าเดิมก่อนหน้าหร่วนฝูอวี้ พวกตงฟางซื่อออกเดินทางไปก่อนแล้วรุ่ยอ๋องคิดว่า ในเมื่อมีคนมากพอแล้ว เขาจึงไม่จำเป็นต้องรีบร้อน หาสถานที่ปลอดภัยให้ลูกก่อน แล้วค่อยตามไปสมทบไม่เช่นนั้น หากต้องพาลูกเดินทางไปด้วย คงจะ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1401

    เมืองฝานหลู จวนฉู่อ๋องเซียวม่อกลับมาถึงจวน ก็แทบไม่ได้ทำอะไรเลยหยวนตั๋วจัดการทุกอย่างไว้อย่างเรียบร้อย ไม่ต้องให้เขาเหนื่อยใจสักนิดเซียวม่อนอกจากกิน ดื่ม เล่นสนุก ก็มีแค่คอยถามหยวนตั๋วว่าคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว...หาเซียวอวี้เจอหรือยัง? เมื่อไหร่เขาถึงจะได้ขึ้นครองบัลลังก์?วันนี้ ฉวีเต้ายางกลับมาอย่างกะทันหันเซียวม่อกำลังหยอกล้อกับนกในกรง ถามโดยไม่แม้แต่จะเงยศีรษะขึ้นมา“ท่านฉวี เจอฝ่าบาทแล้วหรือยัง?”ฉวีเต้ายางยกมือประสานคำนับแล้วรายงาน“ข้าพบชาวบ้านหลายคนที่ยังไม่กลายเป็นมนุษย์โอสถ ตามที่พวกเขาบอกมา เมื่อไม่นานมานี้เห็นฝ่าบาทมุ่งหน้าไปทางใต้ น่าจะหลบหนีออกจากชายแดนไปถึงชายแดนเหนือเดิมของแคว้นหนานฉีแล้วขอรับ”“ว่าอะไรนะ!” เซียวม่อเผลอสะบัดกรงนกในมือ ดวงตาเบิกกว้างทันทีเขามองฉวีเต้ายางด้วยโทสะ“ข่าวนี้เชื่อถือได้หรือไม่?”บัดซบ!หยวนตั๋วบอกไว้ว่า มีมนุษย์โอสถเฝ้าตามชายแดน เซียวอวี้ไม่มีทางหนีไปได้ไม่ใช่หรือ!ฉวีเต้ายางข่มอารมณ์ให้มั่งคง“เรียนท่านอ๋อง ข้าน้อยคิดว่า ควรเชื่อไว้ก่อน ดีกว่าไม่เชื่อแล้วปล่อยให้หลุดมือไป“ขอท่านอ๋องให้ข้าออกไปติดตามขอรับ!”ตอนนี้ในใจของเซี

続きを読む
無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status