แชร์

แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย
แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย
ผู้แต่ง: อี้ซัวเยียนอวี่

บทที่ 1

ผู้เขียน: อี้ซัวเยียนอวี่
“แม่ทัพน้อย สารด่วนที่สุด! คุณหนูใหญ่ได้รับความอัปยศจนปลิดชีพตัวเอง นายหญิงต้องการให้ท่านกลับโดยเร็วที่สุด เพื่ออภิเษกสมรสแทนคุณหนูใหญ่!”

ชายแดนแคว้นหนานฉี เกือกม้าย่ำผ่านลำธารที่เพิ่งละลาย หยดน้ำกระเซ็นซ่าน

เฟิ่งจิ่วเหยียนควบม้านำอยู่หน้าสุด นางสวมอาภรณ์เรียบง่ายแขนสอบสีดำ ใช้ปิ่นไม้อันเดียวรวบผมดำขลับ เส้นผมและชายชุดสะบัดพลิ้ว ในความองอาจเหนือคนนั้นแฝงไว้ซึ่งอารมณ์อันคุกรุ่น

นางกับเฟิ่งเวยเฉียงน้องสาวเป็นฝาแฝดกัน แต่เนื่องจากการมีฝาแฝดไม่เป็นมงคล นางจึงถูกเลี้ยงดูอยู่ข้างนอกมาตั้งแต่เล็ก

เวยเฉียงมีนิสัยอ่อนโยนอ่อนหวาน ไม่เคยผูกความแค้นกับใคร

นางไม่เข้าใจเลย ใครจะทำร้ายคนที่บริสุทธิ์ดีงามเช่นนั้น

นางจะจับคนผู้นั้นมาถลกหนังเลาะกระดูก สับเป็นชิ้น ๆ ป้อนให้สุนัขกินเสีย!

องครักษ์เห็นว่าจะตามไม่ทันความเร็วของนางแล้วจึงตะโกนว่า

“แม่ทัพน้อย ตอนนี้ควบม้าตายไปสองตัวแล้ว ข้างหน้ามีโรงเตี๊ยม แวะพักก่อนดีหรือไม่...”

เฟิ่งจิ่วเหยียนสะบัดแส้ม้า

“ตามไม่ทันก็ไสหัวกลับค่ายทหาร! ย่าห์!”

โง่เง่า!

มีเวลามาพักผ่อนเสียที่ไหน!

สิ่งที่นางแบกรับอยู่ตอนนี้คือหนึ่งร้อยกว่าชีวิตในตระกูลเฟิ่ง!

องครักษ์ไล่ตามนางอย่างไม่คิดชีวิต

แต่นั่นคือแม่ทัพน้อยทหารม้าเบา[1]ที่ฝีเท้าไวที่สุดในค่ายทหารเป่ยต้าเชียวนะ! ว่องไวดั่งสายลม รวดเร็วประดุจเงา

……

เจ็ดวันให้หลัง ณ เมืองหลวง

ตระกูลเฟิ่งตบแต่งบุตรี ทั้งยังเป็นถึงฮองเฮาแห่งแว่นแคว้น นี่คือเกียรติยศอันสูงสุด

ชาวบ้านทยอยล้อมเข้ามาดู อยากเห็นฉากอันแสนยิ่งใหญ่ที่โอรสสวรรค์แต่งภรรยาเป็นบุญตาสักครั้ง

ทว่า จนขบวนรับเจ้าสาวมาถึงแล้ว แต่เจ้าสาวกลับยังไม่ออกมาเสียที

ผู้คนวิพากษ์วิจารณ์ไปต่าง ๆ นานา

“ได้ยินว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลเฟิ่งถูกโจรภูเขากลุ่มหนึ่งลักพาตัวไป ถูกทารุณอย่างหนัก ตระกูลเฟิ่งต้องเคลื่อนย้ายองครักษ์หลวงจึงสามารถช่วยเหลือคนกลับมาได้ แต่ดูเหมือนจะไม่บริสุทธิ์แล้ว ไฉนยังสามารถเข้าวังไปเป็นฮองเฮาได้อีกเล่า?”

“บุตรีตระกูลเฟิ่งโชคดีจริง ๆ เป็นตัวเลือกฮองเฮาอันดับหนึ่งมาทุกรัชสมัย สามารถคุ้มครองแคว้นหนานฉีของพวกเราให้รุ่งเรืองสถาพร!”

“คงไม่ได้เกิดอะไรขึ้นจริง ๆ หรอกนะ? เหตุใดเจ้าสาวจึงยังไม่ออกมาเสียทีเล่า?”

คนทั้งหลายเขย่งเท้า สายตาต้องการมองทะลุประตูใหญ่ของจวนตระกูลเฟิ่งเข้าไปเสียให้ได้

ณ ห้องโถงหลักในจวนตระกูลเฟิ่ง

หมัวมัวที่รับราชโองการมารับตัวเจ้าสาวดื่มชาไปหลายจอกจนดื่มต่อไปไม่ไหว จึงโบกมือปฏิเสธน้ำชาที่นายท่านเฟิ่งส่งมาให้

“ใต้เท้าเฟิ่ง ลูกสาวท่านเป็นอะไรไป? ให้ข้าแวะไปดูที่ห้องเจ้าสาวดีหรือไม่? มัวแต่รออยู่เช่นนี้ไม่ใช่วิธีที่ดีหรอกนะ! ถ้าพลาดฤกษ์มงคลไป ข้าก็ไม่รู้ว่าควรอธิบายอย่างไรแล้ว!”

ชาวบ้านทั่วไปแต่งงานยังให้ความสำคัญกับฤกษ์ยาม นับประสาอะไรกับราชวงศ์ ราชันผู้สูงศักดิ์ที่สุดในแคว้นหนานฉี

ตระกูลเฟิ่งชักช้าเช่นนี้ หรือคิดจะเล่นตัว? จะไม่รู้หนักเบาเกินไปแล้ว!

นายท่านเฟิ่งได้ยินหมัวมัวบอกว่าจะไปห้องเจ้าสาว สีหน้าก็พลันเปลี่ยนแปลง

เขาปรับสีหน้า ลุกขึ้นทำเป็นเรียกนางไว้อย่างหนักแน่น “เฮ้อ! จะต้องเป็นเพราะภรรยาข้าตัดใจปล่อยลูกสาวออกเรือนไม่ได้แน่ ๆ นางเป็นเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไร ข้าจะให้คนไปเร่งนางอีกครั้ง ท่านโปรดรอสักครู่ รับรองว่าไม่พลาดฤกษ์มงคลแน่นอน!”

กล่าวจบ เขาก็ส่งสายตาให้พ่อบ้าน

พ่อบ้านเข้าใจจึงรีบวิ่งออกไปทันที

จนไปถึงหน้าห้องเจ้าสาว พ่อบ้านเคาะประตูห้องอย่างเคารพนบนอบ

“นายหญิง คุณหนู คนจากในวังเร่งรัดมาอีกแล้วนะขอรับ!”

ภายในห้องไร้เงาเจ้าสาว

เฟิ่งฮูหยินกระวนกระวายใจเหลือประมาณ ใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อบนหน้าผากไม่หยุด

“เจ้ากลับไปบอกว่า แจ้งว่า...ว่าชุดเจ้าสาวมีปัญหา ช่างเย็บผ้ากำลังซ่อมให้อยู่”

พ่อบ้านกวาดสายตามองไปรอบ ๆ เอ่ยเตือนจากหน้าประตู

“นายหญิง ไม่ได้นะขอรับ! หมัวมัวผู้นั้นเร่งรัดมาหลายรอบแล้ว ถ้ายังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนให้ละก็ น่ากลัวว่าคงจะบุกเข้ามาแล้ว!”

เฟิ่งฮูหยินกัดฟัน

จะทำอย่างไรดี!

ขณะกำลังร้อนรุ่มใจอยู่นั่นเอง เงาคนสายหนึ่งก็เบี่ยงร่างเข้ามาทางหน้าต่าง ความเคลื่อนไหวคล่องแคล่วดุจสายลม

เห็นว่ามีคนมา เฟิ่งฮูหยินเริ่มจากตกใจ จากนั้นจึงถอยหลังกรูดด้วยความตื่นตัว

“เจ้า เจ้าเป็นใคร!”

“ท่านแม่ ข้าเอง”

เฟิ่งจิ่วเหยียนปลดหน้ากากลงมา เผยให้เห็นโฉมหน้าพิลาศล้ำดวงนั้น เมื่อเฟิ่งฮูหยินจำนางได้แล้วก็น้ำตาไหลพรากด้วยความยินดีสุดขีด

“จิ่วเหยียน! ลูกแม่! ในที่สุดเจ้าก็กลับมาได้เสียที!” นางเดินเข้าไปกอดบุตรสาวราวกับคว้าฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้ายเอาไว้ได้ จิตใจที่พะวักพะวนค่อยปล่อยวางได้เสียที

“คารวะท่านแม่” แม่ลูกพบหน้า เฟิ่งจิ่วเหยียนกลับสงบนิ่งอย่างมากจนไม่เอ่ยคำทักทายปราศรัยที่ไม่จำเป็น กระทั่งแฝงความห่างเหินอยู่บ้าง

นางรู้ว่าสายมากแล้วจึงถอดชุดชั้นนอกออก แล้วปล่อยผมลงมา

เฟิ่งฮูหยินเห็นเช่นนั้นก็รีบเข้ามาช่วยนางสวมชุดเจ้าสาว

“จิ่วเหยียน ลำบากเจ้าแล้ว แม่รู้ว่าเจ้าชอบชีวิตที่อิสระเสรี ตอนนี้กลับมาให้เจ้าแต่งเข้าวังหลวง...”

เฟิ่งจิ่วเหยียนสะบัดอาภรณ์นั่งลงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง

“ท่านแม่ไม่จำเป็นต้องเล่าซ้ำ ข้ารู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ยามนี้เรื่องสำคัญที่สุดคือการปกป้องตระกูลเฟิ่ง”

ตระกูลเฟิ่งไม่สามารถส่งมอบบุตรีออกไปได้ ทำให้พิธีอภิเษกสมรสเสียหาย จะต้องมีจุดจบถูกประหารทั้งตระกูลอย่างแน่นอน

เฟิ่งฮูหยินถอนหายใจ

“เจ้ากลับมาก็ดีเหมือนกัน หลายปีมานี้ ทุกวันแม่คิดถึง...”

“ท่านแม่ ตอนนี้เวยเฉียงเป็นอย่างไรบ้าง” น้ำเสียงเฟิ่งจิ่วเหยียนสงบนิ่งเกินไป จนชวนให้คนรู้สึกกลัว

แต่หากมองอย่างละเอียดจะพบว่าสองมือของนางกำแน่น นางยังคงหวังว่าสวรรค์จะทรงเมตตา เวยเฉียงฆ่าตัวตายไม่สำเร็จและยังมีชีวิตอยู่ ยังหวังว่าเวยเฉียงจะปรากฏตัวขึ้นมากะทันหันเหมือนสมัยเด็ก เรียกนางว่า “พี่สาว ข้ามาหาท่านแล้ว”...

แต่สีหน้าของเฟิ่งฮูหยินฉายความโศกเศร้ารวดร้าวอย่างไม่อาจควบคุม ทำให้ความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ของนางต้องสูญสลาย

“เวยเฉียง...ได้พักผ่อนอย่างสงบใต้ธรณีแล้ว

“เป็นเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน นางได้รับความทุกข์แสนสาหัส ถ้ารอดมาได้ก็คงมีชีวิตเหมือนตายทั้งเป็น

“คืนนั้น นางถูกคนโยนทิ้งไว้หน้าประตูจวนตระกูลเฟิ่ง บาดแผลเต็มร่าง อาภรณ์ไม่ปิดบังเรือนกาย บนทรวงอกยังถูกเหล็กไฟนาบ...”

เฟิ่งฮูหยินพูดต่อไปไม่ไหว ได้แต่เช็ดน้ำตาให้ตัวเอง

แล้วหันไปมองจิ่วเหยียน นางดูราวกับไม่สะทกสะท้าน เย็นชาเหมือนก้อนน้ำแข็ง

เฟิ่งจิ่วเหยียนถามต่อไป

“ผู้ใดทำร้ายนาง มีเบาะแสหรือไม่?”

“เป็น...เป็นหวงกุ้ยเฟยที่ได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้เพียงคนเดียวผู้นั้น! นางสนมตัวร้ายนั่น นางทำร้ายเวยเฉียง!”

กร๊อบ!

เฟิ่งจิ่วเหยียนจดบัญชีนี้ไว้แล้ว พอออกแรง ตลับแป้งในมือก็ปริแตก

เฟิ่งฮูหยินขมวดคิ้ว วางมือลงบนไหล่นาง

“จิ่วเหยียน แม่รู้ว่าเจ้าฝึกฝนในค่ายทหารมาตั้งแต่เด็ก มีฝีมือไม่ธรรมดา แต่วังหลังต่างจากสนามรบ แค่ปกป้องตัวเองให้ดีก็พอแล้ว หวงกุ้ยเฟยผู้นั้นวางอำนาจบาตรใหญ่นัก ทำร้ายคนนับไม่ถ้วน แต่ถึงนางจะก่อกรรมทำชั่วไว้มากมาย ฮ่องเต้ก็ยังคงโปรดปรานนางไม่คลาย เจ้าอย่าไปสู้กับนางเลย”

เวยเฉียงไม่อยู่แล้ว นางไม่อยากให้จิ่วเหยียนถูกทำร้ายไปอีกคน

ทว่า ถึงต้นไม้อยากอยู่นิ่ง ลมก็ไม่มีทางหยุดพัด

ขณะที่เฟิ่งจิ่วเหยียนคลุมผ้าคลุมหน้าสีแดงตระเตรียมจะออกไปก็มีเสียงแหลมเสียดโสตดังมาจากข้างนอก

“หยุดพิธีอภิเษกสมรสไว้ก่อนชั่วคราว! ข้ารับบัญชาหวงกุ้ยเฟยมาจัดการธุระ!”

เฟิ่งฮูหยินกดเฟิ่งจิ่วเหยียน “แม่ออกไปดูข้างนอกก่อน”

ขันทีนอกห้องผู้นั้นโอหังยิ่งนัก พาดแส้ไว้เหนือแขน ท่าทางหยิ่งผยองไม่เห็นใครอยู่ในสายตา

“ได้ยินว่าก่อนหน้านี้คุณหนูใหญ่ตระกูลเฟิ่งถูกโจรร้ายลักพาตัว หวงกุ้ยเฟยเป็นห่วงชื่อเสียงราชวงศ์จึงมีบัญชาให้นางกำนัลจากในวังมาตรวจสอบ”

“ตรวจสอบอะไร?” เฟิ่งฮูหยินหน้าซีด

ขันทีผู้นั้นแค่นหัวเราะ “ตรวจสอบว่าร่างกายคุณหนูใหญ่ตระกูลเฟิ่งยังบริสุทธิ์อยู่หรือไม่อย่างไรเล่า!”

“อะไรนะ!”

ตรวจร่างกายในวันที่เจ้าสาวออกเรือน ความอัปยศอดสูเช่นนี้ ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย!

----------------------------------------------

[1] ทหารม้าเบา คือ ทหารม้าที่สวมเกราะเบาหรือไม่สวมเลย
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (33)
goodnovel comment avatar
นลิน ลิดา
ทำไมมันกลับมาบทที่1 กด เสียเวลาชิบหาย
goodnovel comment avatar
Piyada Kampeerapawong
ขอติดตามตลอดไปค่ะ
goodnovel comment avatar
Piyada Kampeerapawong
สนุกค่ะเริ่มต้นก็โหดเหี้ยมอำมหิตชอบๆๆ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1558

    หลังจากเซียวเหิงไตร่ตรองอยู่ครู่ใหญ่ ก็ถามถานไถเหยี่ยน “เสียวอู่จะยอมให้พวกเราควบคุมหรือ? แล้วเจ้าอีก ต้องการอะไร?”สายตาของถานไถเหยี่ยนลึกล้ำ“ไม่ว่าเสียวอู่จะควบคุมได้หรือไม่นั้น ตอนนี้เราก็ไม่มีทางเลือกอื่น“ส่วนสิ่งที่ข้าต้องการ จริง ๆ แล้วเรียบง่ายมาก“ข้าต้องการให้ใต้หล้าเป็นหนึ่งเดียว ชื่อเสียงถูกจารึกเป็นประวัติศาสตร์”เซียวเหิงหัวเราะออกมาเสียงดัง“ดี! ดี!“เช่นนั้นก็พิสูจน์ความแน่วแน่ของเจ้ามาก่อน!“หากข้าเชื่อเจ้าง่าย ๆ ก็คงให้คำอธิบายกับคนอื่นไม่ได้ ไม่ใช่หรือ?“พูดตามตรง คือต้องปฏิญาณเข้าร่วม!“เจ้าเพียงจับตัวเสียวอู่มา ก็จะให้ข้าได้ยอมรับเจ้าแล้วหรือ?”ถานไถเหยี่ยนมีสีหน้าสบาย ๆ“ข้าจะร่วมมือกับท่าน ช่วยหนานเจียงบุกทำลายแคว้นต้าเซี่ย โจมตีแคว้นตงซาน รวมทุกแคว้นในทิศตะวันออกให้สำเร็จ โจมตีแคว้นหนานฉีในแนวขวาง“หากแคว้นหนานฉีล่มสลาย แคว้นบริวารก็ไม่มีอะไรน่าเกรงกลัว เหลือแค่แคว้นเล็ก ๆ อย่างซีหนี่ว์ ที่จัดการง่ายเหมือนเอามือล้วงกระเป๋า”เซียวเหิงแสยะยิ้ม“พูดเหมือนง่าย เจ้ามั่นใจเพราะอะไร?”ที่เขายุยงหนานเจียงอ๋องให้บุกโจมตีแคว้นต้าเซี่ย ก็แค่ปลอบใจอีกฝ่าย เ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1557

    เดือนเจ็ดล่วงเลย เดือนแปดใกล้จะสิ้นสุดกลางเดือนแปด ณ หนานเจียงณ เรือนแห่งหนึ่งในเมืองหวังสองคนนั่งหันหน้าเข้าหากัน ตรงกลางมีสาวใช้คอยชงชาให้กลิ่นชาอบอวลไปทั่วบริเวณ แต่ก็ไม่สามารถซึมซับเข้ามาในหัวใจของคนได้เซียวเหิงมองคนตรงหน้าด้วยแววตาเย็นชา “ถานไถเหยี่ยน เจ้าหักหลังแคว้นตงซานนานแล้วไม่ใช่หรือ?”ถานไถเหยี่ยนอยู่ในชุดสีขาว เหมือนละทางโลกเขายิ้มเล็กน้อย “คำว่าหักหลัง ดูรุนแรงไปหน่อย นกที่ดีย่อมรู้จักเลือกกิ่งไม้ทำรัง เช่นเดียวกับหลักการที่ว่า ผู้มีคุณธรรมไม่อยู่ใกล้กำแพงที่กำลังจะพัง ด้วยเหตุนี้ การตัดสินใจของคนเรา จึงไม่มีถูกมีผิด”เซียวเหิงยิ้มเยาะ“ทำไม ตอนนี้แคว้นหนานฉีกลายเป็นกำแพงอันตรายแล้วหรือ? เจ้าจะกลับใจ หรือใช้เล่ห์เหลี่ยมเดิม ด้วยการมาเป็นสายลับที่นี่ ช่วยแคว้นหนานฉีกำจัดข้า?“ข้าไม่ได้โง่เหมือนคนแคว้นตงซานเหล่านั้น จะยอมเชื่อคำพูดของเจ้า โดยไม่ตรวจสอบอะไร“หลายปีมานี้เจ้าอยู่ที่แคว้นหนานฉี ตัวอยู่ในคุก แต่กลับรับภารกิจใหญ่ ช่วยสอนชาวหนานฉีเรื่องหลักพิชัยสงคราม ช่างเต็มอกเต็มใจนัก…”ใบหน้าของถานไถเหยี่ยนยังคงมีรอยยิ้มเขายกน้ำชาตรงหน้าขึ้นมา กล่าวอย่างแฝง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1556

    ตอนที่เสียวอู่ตื่นขึ้นมา ก็พบว่าตัวเองอยู่ในห้องที่ไม่คุ้นเคยรอบตัวเขามีคนชุดดำล้อมวงอยู่ ต่างกำลังจับจ้องเขา ราวกับเขาเป็นสัตว์ประหลาดอะไรบางอย่างมือเท้าของเขาถูกมัดไว้ ปากก็ถูกอุดไว้เช่นกัน ฤทธิ์ของยาสลบยังไม่หายไป สมองยังคงมึนงงเสียวอู่ส่งเสียง “อู้อู้” อยู่ในลำคอ พร้อมกับดิ้นรนขัดขืนคนชุดดำเหล่านั้นกลับยืนนิ่งหนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้น: “เอาน้ำให้เขาดื่มหน่อย”หลังจากผ้าที่อุดปากถูกดึงออก ในที่สุดเสียวอู่ก็เอ่ยปากพูดได้เขาถามทันที: “พวกเจ้าจับข้ามาเพราะเหตุใด?”ดูจากท่าทางของพวกเขา ไม่เหมือนต้องการจะฆ่าเขามิเช่นนั้นตอนอยู่ที่โรงพักแรมก็คงลงมือไปแล้วนั่นเท่ากับต้องการพาเขามา เพื่อจะทำอะไรบางอย่างโดยใช้ประโยชน์จากเขา?อย่างแรกต้องรู้ให้แน่ชัดก่อนว่า คนพวกนี้เป็นใคร และมีจุดประสงค์ใดทว่า จากคำถามที่เขาถามไปเมื่อครู่ มีแต่คนโง่เท่านั้นถึงจะตอบเขาคนชุดดำป้อนน้ำให้เขาดื่ม เขาดื่มอึก ๆ ราวกับวัวกระหายน้ำขณะที่ดื่มน้ำลงไปหลายอึก ก็กลอกตาไปมา เพื่อมองสำรวจโดยรอบไปพลางคนชุดดำเหล่านี้แต่ละคนต่างก็ปิดบังใบหน้า ดูลึกลับยิ่งนักเสียวอู่ลอบถอนหายใจเขาถูกดวงตาหลายคู่จับจ้องอ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1555

    ในโรงพักแรม ท่านผู้เฒ่าหยวนได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนเหล่าองครักษ์ลับที่ติดตามเขา ต่างก็บาดเจ็บและล้มตายเช่นกันภายในห้องมีสภาพเละเทะ ล้วนเป็นร่องรอยของการต่อสู้เฟิ่งจิ่วเหยียนมาตรวจดูด้วยตนเอง และสอบถามพวกเขาว่า คนที่พาเสียวอู่ไปเป็นผู้ใด มีเบาะแสหรือไม่ถานไถเหยี่ยนหลบหนีไปคืนนี้ เสียวอู่ก็ถูกคนลักพาตัวไปเช่นกัน ช่างบังเอิญเกินไปจริง ๆนางสงสัยว่า ทั้งสองเรื่องนี้จะต้องมีความเชื่อมโยงกันบางอย่างเป็นแน่ท่านผู้เฒ่าหยวนถูกย้ายขึ้นไปบนเตียง มีหมอมาตรวจรักษาให้เขาโชคยังดีที่อาการบาดเจ็บของเขาไม่ถึงแก่ชีวิตเขาบอกกับเฟิ่งจิ่วเหยียน“ข้าพักอยู่ห้องข้าง ๆ แต่จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวในห้องนี้ จึงรีบมาทันที... จากนั้นก็เห็น คนชุดดำหลายคน ทำร้ายเสียวอู่จนหมดสติ ต้องการจะพาเขาไป“ข้าพยายามเต็มที่แล้ว ก็ยังขวางไว้ไม่ได้“คนเหล่านั้นโดยสารนกไม้หนีไป...”คำพูดของท่านผู้เฒ่าวกวนอยู่บ้าง เห็นได้ชัดว่าอาการบาดเจ็บมีผลกระทบต่อเขาพอสมควรแต่สิ่งที่ควรพูด เขาก็พูดชัดเจนแล้วโดยเฉพาะเรื่องนกไม้ถ้าเช่นนั้นก็แทบจะแน่ใจได้ว่า คนที่พาเสียวอู่ไป ก็คือพวกของถานไถเหยี่ยนความวุ่นวายที่ถา

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1554

    ภายในประตูเมืองพระราชวังศพของทหารกองทัพชั้นยอดที่เสียชีวิต ถูกวางเรียงอยู่บนพื้นอย่างเป็นระเบียบ โดยมีผ้าขาวคลุมอยู่บนร่างส่วนคนที่ยังมีชีวิตอยู่ ในใจต่างรู้สึกหดหู่พวกเขาล้วนเป็นสหายร่วมรบ ที่ฝึกฝนและเติบโตมาด้วยกัน ไม่ว่าผู้ใดเสียชีวิตลง คนที่เหลือย่อมต้องโศกเศร้าและเสียใจเฟิ่งจิ่วเหยียนมองดูศพเหล่านั้นอย่างสงบนิ่ง พร้อมสั่งการทหารคนอื่น ๆ“คนที่ได้รับบาดเจ็บ ให้ไปรักษาแผลก่อน ส่วนคนอื่นก็จัดแถวกลับค่าย!”“รับทราบ!”อู๋ไป๋ก็ถูกธนูยิงหนึ่งดอก แต่ไม่สนใจบาดแผลของตน ยังทูลถามขอคำชี้แนะ“ฮองเฮา จะเสด็จกลับวังก่อนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”ค่ำคืนนี้อันตรายยิ่งนักเริ่มจากมนุษย์โอสถที่คุกทางตะวันตกของเมือง แล้วต่อด้วยการไล่ล่าถานไถเหยี่ยนสิ่งที่น่าแค้นใจที่สุดคือ คนตายไปมากมายเพียงนี้ แต่ก็ยังจับคนเลวทรามอย่างถานไถเหยี่ยนไม่ได้!อู๋ไป๋รู้สึกไม่ยินยอม แต่ก็ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของฮองเฮาเฟิ่งจิ่วเหยียนเหลือบมองดูศพเหล่านั้นเป็นครั้งสุดท้าย“จัดพิธีฝังศพให้ดี และนำเงินเยียวยาจากราชสำนัก ไปมอบให้ถึงมือครอบครัวของพวกเขาด้วยตัวเอง”“พ่ะย่ะค่ะ! ฮองเฮา!”......ในวังหลวงเซียวอวี

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1553

    เฟิ่งจิ่วเหยียนนำทหารกองทัพชั้นยอดไล่ตามไป ระยะห่างก็สั้นลงเรื่อย ๆแม้นกไม้กลไกนั้นจะลอยอยู่บนท้องฟ้าได้ แต่ความเร็วกลับห่างไกลจากวิชาตัวเบาของพวกเขาอย่างมาก เหมือนความเร็วในการเดินของคนธรรมดามากกว่าโดยเฉพาะยังต้องบรรทุกคนจำนวนมาก ความเร็วก็ยิ่งช้าลงไปอีกในบรรดาทหารกองทัพชั้นยอด มีบางคนพกเชือกปีนกำแพงมาด้วยที่ปลายเชือกนั้นมีตะขอเกี่ยวอยู่พวกเขาเล็งเป้าหมายอย่างแม่นยำ ก็โยนตะขอขึ้นไปเกี่ยวที่นกไม้กลไกนั่นเชือกหลายเส้นที่คล้องเกี่ยวนกไม้ไว้จากทุกทิศทาง ราวกับควบคุมปีกของมัน ทำให้มันไม่อาจบินต่อไปได้การสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ทำให้ถานไถเหยี่ยนกับพรรคพวกสั่นสะเทือนตามไปด้วยเฟิ่งจิ่วเหยียนยืนอยู่บนสันหลังคา ชายอาภรณ์พลิ้วไหว แววตาเย็นชาถึงขีดสุดนางสั่งการอย่างเฉียบขาด“ดึง!”เหล่าทหารกองทัพชั้นยอดที่จับเชือกอยู่ก็ออกแรงพร้อมกัน และตะโกน“ดึงมันลงมา!”“ลงมาซะ!”นกไม้แกว่งไปมาอย่างรุนแรง ราวกับเรือที่อยู่ท่ามกลางคลื่นลม ที่พร้อมจะพลิกคว่ำได้ทุกเมื่อมองเห็นได้ว่าตำแหน่งของนกไม้ลดต่ำลงเรื่อย ๆในขณะนั้นเอง แผ่นไม้ที่อยู่สองข้างของนกไม้ก็ยกขึ้นมา เผยให้เห็นกระบอกธนูนับไม

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status