แชร์

แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย
แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย
ผู้แต่ง: อี้ซัวเยียนอวี่

บทที่ 1

ผู้เขียน: อี้ซัวเยียนอวี่
“แม่ทัพน้อย สารด่วนที่สุด! คุณหนูใหญ่ได้รับความอัปยศจนปลิดชีพตัวเอง นายหญิงต้องการให้ท่านกลับโดยเร็วที่สุด เพื่ออภิเษกสมรสแทนคุณหนูใหญ่!”

ชายแดนแคว้นหนานฉี เกือกม้าย่ำผ่านลำธารที่เพิ่งละลาย หยดน้ำกระเซ็นซ่าน

เฟิ่งจิ่วเหยียนควบม้านำอยู่หน้าสุด นางสวมอาภรณ์เรียบง่ายแขนสอบสีดำ ใช้ปิ่นไม้อันเดียวรวบผมดำขลับ เส้นผมและชายชุดสะบัดพลิ้ว ในความองอาจเหนือคนนั้นแฝงไว้ซึ่งอารมณ์อันคุกรุ่น

นางกับเฟิ่งเวยเฉียงน้องสาวเป็นฝาแฝดกัน แต่เนื่องจากการมีฝาแฝดไม่เป็นมงคล นางจึงถูกเลี้ยงดูอยู่ข้างนอกมาตั้งแต่เล็ก

เวยเฉียงมีนิสัยอ่อนโยนอ่อนหวาน ไม่เคยผูกความแค้นกับใคร

นางไม่เข้าใจเลย ใครจะทำร้ายคนที่บริสุทธิ์ดีงามเช่นนั้น

นางจะจับคนผู้นั้นมาถลกหนังเลาะกระดูก สับเป็นชิ้น ๆ ป้อนให้สุนัขกินเสีย!

องครักษ์เห็นว่าจะตามไม่ทันความเร็วของนางแล้วจึงตะโกนว่า

“แม่ทัพน้อย ตอนนี้ควบม้าตายไปสองตัวแล้ว ข้างหน้ามีโรงเตี๊ยม แวะพักก่อนดีหรือไม่...”

เฟิ่งจิ่วเหยียนสะบัดแส้ม้า

“ตามไม่ทันก็ไสหัวกลับค่ายทหาร! ย่าห์!”

โง่เง่า!

มีเวลามาพักผ่อนเสียที่ไหน!

สิ่งที่นางแบกรับอยู่ตอนนี้คือหนึ่งร้อยกว่าชีวิตในตระกูลเฟิ่ง!

องครักษ์ไล่ตามนางอย่างไม่คิดชีวิต

แต่นั่นคือแม่ทัพน้อยทหารม้าเบา[1]ที่ฝีเท้าไวที่สุดในค่ายทหารเป่ยต้าเชียวนะ! ว่องไวดั่งสายลม รวดเร็วประดุจเงา

……

เจ็ดวันให้หลัง ณ เมืองหลวง

ตระกูลเฟิ่งตบแต่งบุตรี ทั้งยังเป็นถึงฮองเฮาแห่งแว่นแคว้น นี่คือเกียรติยศอันสูงสุด

ชาวบ้านทยอยล้อมเข้ามาดู อยากเห็นฉากอันแสนยิ่งใหญ่ที่โอรสสวรรค์แต่งภรรยาเป็นบุญตาสักครั้ง

ทว่า จนขบวนรับเจ้าสาวมาถึงแล้ว แต่เจ้าสาวกลับยังไม่ออกมาเสียที

ผู้คนวิพากษ์วิจารณ์ไปต่าง ๆ นานา

“ได้ยินว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลเฟิ่งถูกโจรภูเขากลุ่มหนึ่งลักพาตัวไป ถูกทารุณอย่างหนัก ตระกูลเฟิ่งต้องเคลื่อนย้ายองครักษ์หลวงจึงสามารถช่วยเหลือคนกลับมาได้ แต่ดูเหมือนจะไม่บริสุทธิ์แล้ว ไฉนยังสามารถเข้าวังไปเป็นฮองเฮาได้อีกเล่า?”

“บุตรีตระกูลเฟิ่งโชคดีจริง ๆ เป็นตัวเลือกฮองเฮาอันดับหนึ่งมาทุกรัชสมัย สามารถคุ้มครองแคว้นหนานฉีของพวกเราให้รุ่งเรืองสถาพร!”

“คงไม่ได้เกิดอะไรขึ้นจริง ๆ หรอกนะ? เหตุใดเจ้าสาวจึงยังไม่ออกมาเสียทีเล่า?”

คนทั้งหลายเขย่งเท้า สายตาต้องการมองทะลุประตูใหญ่ของจวนตระกูลเฟิ่งเข้าไปเสียให้ได้

ณ ห้องโถงหลักในจวนตระกูลเฟิ่ง

หมัวมัวที่รับราชโองการมารับตัวเจ้าสาวดื่มชาไปหลายจอกจนดื่มต่อไปไม่ไหว จึงโบกมือปฏิเสธน้ำชาที่นายท่านเฟิ่งส่งมาให้

“ใต้เท้าเฟิ่ง ลูกสาวท่านเป็นอะไรไป? ให้ข้าแวะไปดูที่ห้องเจ้าสาวดีหรือไม่? มัวแต่รออยู่เช่นนี้ไม่ใช่วิธีที่ดีหรอกนะ! ถ้าพลาดฤกษ์มงคลไป ข้าก็ไม่รู้ว่าควรอธิบายอย่างไรแล้ว!”

ชาวบ้านทั่วไปแต่งงานยังให้ความสำคัญกับฤกษ์ยาม นับประสาอะไรกับราชวงศ์ ราชันผู้สูงศักดิ์ที่สุดในแคว้นหนานฉี

ตระกูลเฟิ่งชักช้าเช่นนี้ หรือคิดจะเล่นตัว? จะไม่รู้หนักเบาเกินไปแล้ว!

นายท่านเฟิ่งได้ยินหมัวมัวบอกว่าจะไปห้องเจ้าสาว สีหน้าก็พลันเปลี่ยนแปลง

เขาปรับสีหน้า ลุกขึ้นทำเป็นเรียกนางไว้อย่างหนักแน่น “เฮ้อ! จะต้องเป็นเพราะภรรยาข้าตัดใจปล่อยลูกสาวออกเรือนไม่ได้แน่ ๆ นางเป็นเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไร ข้าจะให้คนไปเร่งนางอีกครั้ง ท่านโปรดรอสักครู่ รับรองว่าไม่พลาดฤกษ์มงคลแน่นอน!”

กล่าวจบ เขาก็ส่งสายตาให้พ่อบ้าน

พ่อบ้านเข้าใจจึงรีบวิ่งออกไปทันที

จนไปถึงหน้าห้องเจ้าสาว พ่อบ้านเคาะประตูห้องอย่างเคารพนบนอบ

“นายหญิง คุณหนู คนจากในวังเร่งรัดมาอีกแล้วนะขอรับ!”

ภายในห้องไร้เงาเจ้าสาว

เฟิ่งฮูหยินกระวนกระวายใจเหลือประมาณ ใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อบนหน้าผากไม่หยุด

“เจ้ากลับไปบอกว่า แจ้งว่า...ว่าชุดเจ้าสาวมีปัญหา ช่างเย็บผ้ากำลังซ่อมให้อยู่”

พ่อบ้านกวาดสายตามองไปรอบ ๆ เอ่ยเตือนจากหน้าประตู

“นายหญิง ไม่ได้นะขอรับ! หมัวมัวผู้นั้นเร่งรัดมาหลายรอบแล้ว ถ้ายังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนให้ละก็ น่ากลัวว่าคงจะบุกเข้ามาแล้ว!”

เฟิ่งฮูหยินกัดฟัน

จะทำอย่างไรดี!

ขณะกำลังร้อนรุ่มใจอยู่นั่นเอง เงาคนสายหนึ่งก็เบี่ยงร่างเข้ามาทางหน้าต่าง ความเคลื่อนไหวคล่องแคล่วดุจสายลม

เห็นว่ามีคนมา เฟิ่งฮูหยินเริ่มจากตกใจ จากนั้นจึงถอยหลังกรูดด้วยความตื่นตัว

“เจ้า เจ้าเป็นใคร!”

“ท่านแม่ ข้าเอง”

เฟิ่งจิ่วเหยียนปลดหน้ากากลงมา เผยให้เห็นโฉมหน้าพิลาศล้ำดวงนั้น เมื่อเฟิ่งฮูหยินจำนางได้แล้วก็น้ำตาไหลพรากด้วยความยินดีสุดขีด

“จิ่วเหยียน! ลูกแม่! ในที่สุดเจ้าก็กลับมาได้เสียที!” นางเดินเข้าไปกอดบุตรสาวราวกับคว้าฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้ายเอาไว้ได้ จิตใจที่พะวักพะวนค่อยปล่อยวางได้เสียที

“คารวะท่านแม่” แม่ลูกพบหน้า เฟิ่งจิ่วเหยียนกลับสงบนิ่งอย่างมากจนไม่เอ่ยคำทักทายปราศรัยที่ไม่จำเป็น กระทั่งแฝงความห่างเหินอยู่บ้าง

นางรู้ว่าสายมากแล้วจึงถอดชุดชั้นนอกออก แล้วปล่อยผมลงมา

เฟิ่งฮูหยินเห็นเช่นนั้นก็รีบเข้ามาช่วยนางสวมชุดเจ้าสาว

“จิ่วเหยียน ลำบากเจ้าแล้ว แม่รู้ว่าเจ้าชอบชีวิตที่อิสระเสรี ตอนนี้กลับมาให้เจ้าแต่งเข้าวังหลวง...”

เฟิ่งจิ่วเหยียนสะบัดอาภรณ์นั่งลงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง

“ท่านแม่ไม่จำเป็นต้องเล่าซ้ำ ข้ารู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ยามนี้เรื่องสำคัญที่สุดคือการปกป้องตระกูลเฟิ่ง”

ตระกูลเฟิ่งไม่สามารถส่งมอบบุตรีออกไปได้ ทำให้พิธีอภิเษกสมรสเสียหาย จะต้องมีจุดจบถูกประหารทั้งตระกูลอย่างแน่นอน

เฟิ่งฮูหยินถอนหายใจ

“เจ้ากลับมาก็ดีเหมือนกัน หลายปีมานี้ ทุกวันแม่คิดถึง...”

“ท่านแม่ ตอนนี้เวยเฉียงเป็นอย่างไรบ้าง” น้ำเสียงเฟิ่งจิ่วเหยียนสงบนิ่งเกินไป จนชวนให้คนรู้สึกกลัว

แต่หากมองอย่างละเอียดจะพบว่าสองมือของนางกำแน่น นางยังคงหวังว่าสวรรค์จะทรงเมตตา เวยเฉียงฆ่าตัวตายไม่สำเร็จและยังมีชีวิตอยู่ ยังหวังว่าเวยเฉียงจะปรากฏตัวขึ้นมากะทันหันเหมือนสมัยเด็ก เรียกนางว่า “พี่สาว ข้ามาหาท่านแล้ว”...

แต่สีหน้าของเฟิ่งฮูหยินฉายความโศกเศร้ารวดร้าวอย่างไม่อาจควบคุม ทำให้ความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ของนางต้องสูญสลาย

“เวยเฉียง...ได้พักผ่อนอย่างสงบใต้ธรณีแล้ว

“เป็นเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน นางได้รับความทุกข์แสนสาหัส ถ้ารอดมาได้ก็คงมีชีวิตเหมือนตายทั้งเป็น

“คืนนั้น นางถูกคนโยนทิ้งไว้หน้าประตูจวนตระกูลเฟิ่ง บาดแผลเต็มร่าง อาภรณ์ไม่ปิดบังเรือนกาย บนทรวงอกยังถูกเหล็กไฟนาบ...”

เฟิ่งฮูหยินพูดต่อไปไม่ไหว ได้แต่เช็ดน้ำตาให้ตัวเอง

แล้วหันไปมองจิ่วเหยียน นางดูราวกับไม่สะทกสะท้าน เย็นชาเหมือนก้อนน้ำแข็ง

เฟิ่งจิ่วเหยียนถามต่อไป

“ผู้ใดทำร้ายนาง มีเบาะแสหรือไม่?”

“เป็น...เป็นหวงกุ้ยเฟยที่ได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้เพียงคนเดียวผู้นั้น! นางสนมตัวร้ายนั่น นางทำร้ายเวยเฉียง!”

กร๊อบ!

เฟิ่งจิ่วเหยียนจดบัญชีนี้ไว้แล้ว พอออกแรง ตลับแป้งในมือก็ปริแตก

เฟิ่งฮูหยินขมวดคิ้ว วางมือลงบนไหล่นาง

“จิ่วเหยียน แม่รู้ว่าเจ้าฝึกฝนในค่ายทหารมาตั้งแต่เด็ก มีฝีมือไม่ธรรมดา แต่วังหลังต่างจากสนามรบ แค่ปกป้องตัวเองให้ดีก็พอแล้ว หวงกุ้ยเฟยผู้นั้นวางอำนาจบาตรใหญ่นัก ทำร้ายคนนับไม่ถ้วน แต่ถึงนางจะก่อกรรมทำชั่วไว้มากมาย ฮ่องเต้ก็ยังคงโปรดปรานนางไม่คลาย เจ้าอย่าไปสู้กับนางเลย”

เวยเฉียงไม่อยู่แล้ว นางไม่อยากให้จิ่วเหยียนถูกทำร้ายไปอีกคน

ทว่า ถึงต้นไม้อยากอยู่นิ่ง ลมก็ไม่มีทางหยุดพัด

ขณะที่เฟิ่งจิ่วเหยียนคลุมผ้าคลุมหน้าสีแดงตระเตรียมจะออกไปก็มีเสียงแหลมเสียดโสตดังมาจากข้างนอก

“หยุดพิธีอภิเษกสมรสไว้ก่อนชั่วคราว! ข้ารับบัญชาหวงกุ้ยเฟยมาจัดการธุระ!”

เฟิ่งฮูหยินกดเฟิ่งจิ่วเหยียน “แม่ออกไปดูข้างนอกก่อน”

ขันทีนอกห้องผู้นั้นโอหังยิ่งนัก พาดแส้ไว้เหนือแขน ท่าทางหยิ่งผยองไม่เห็นใครอยู่ในสายตา

“ได้ยินว่าก่อนหน้านี้คุณหนูใหญ่ตระกูลเฟิ่งถูกโจรร้ายลักพาตัว หวงกุ้ยเฟยเป็นห่วงชื่อเสียงราชวงศ์จึงมีบัญชาให้นางกำนัลจากในวังมาตรวจสอบ”

“ตรวจสอบอะไร?” เฟิ่งฮูหยินหน้าซีด

ขันทีผู้นั้นแค่นหัวเราะ “ตรวจสอบว่าร่างกายคุณหนูใหญ่ตระกูลเฟิ่งยังบริสุทธิ์อยู่หรือไม่อย่างไรเล่า!”

“อะไรนะ!”

ตรวจร่างกายในวันที่เจ้าสาวออกเรือน ความอัปยศอดสูเช่นนี้ ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย!

----------------------------------------------

[1] ทหารม้าเบา คือ ทหารม้าที่สวมเกราะเบาหรือไม่สวมเลย
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (33)
goodnovel comment avatar
นลิน ลิดา
ทำไมมันกลับมาบทที่1 กด เสียเวลาชิบหาย
goodnovel comment avatar
Piyada Kampeerapawong
ขอติดตามตลอดไปค่ะ
goodnovel comment avatar
Piyada Kampeerapawong
สนุกค่ะเริ่มต้นก็โหดเหี้ยมอำมหิตชอบๆๆ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1394

    ไทเฮาทรงหนังตากระตุกอย่างแรง“มนุษย์โอสถอะไรกัน? เมืองชายแดนเกิดสิ่งใดขึ้น?”องค์หญิงใหญ่ทรงหัวใจเต้นแรงเช่นกัน มีลางสังหรณ์ไม่ดีโดยไม่ทราบสาเหตุข้าหลวงผู้นั้นตอบอย่างระมัดระวัง“เมืองชายแดนเต็มไปด้วยมนุษย์โอสถ ฝ่าบาททรงกำลังตรวจการณ์อยู่ที่เมืองชายแดน จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีข่าวคราวส่งกลับมา เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างร้อนใจยิ่งนัก กำลังเตรียมการอย่างเร่งด่วนที่จะส่งคนไปยังเมืองชายแดน...”องค์หญิงใหญ่ทรงมีสีหน้าซีดเซียวหากเป็นเช่นนั้นจริง นั่นจะเป็นหายนะครั้งใหญ่!เมืองชายแดนเป็นดินแดนที่เป่ยเยี่ยนยกให้หนานฉี เดิมก็ไม่ได้มีเจตนาเดียวกับหนานฉีหากจะหวังให้เจ้าหน้าที่และราษฎรที่นั่นคุ้มครองฮ่องเต้ คงเป็นไปไม่ได้เด็ดขาดเรื่องของพวกมนุษย์โอสถเหล่านั้น แน่นอนว่าต้องเป็นพวกเขาที่แอบวางแผนไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว รอเพียงแต่ให้ฮ่องเต้เข้าไปติดกับ!หากเป็นเช่นนั้น พวกเขาคงไม่มีทางอนุญาตให้ทหารนานฉีเข้าไปองค์หญิงใหญ่ทรงมีสีหน้าเคร่งเครียด จมอยู่กับความคิดเรื่องของสำนักคุ้มภัยหลินหย่วนกับสวีเจิน ยังสามารถเลื่อนไปก่อนได้ สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ ก็คือช่วยฮ่องเต้กับฮองเฮากลับมา“ฉีเอ๋อร์?”

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1393

    “เรียนท่านแม่ทัพ หลายวันมานี้จู่ ๆ ก็มีพวกมนุษย์โอสถจำนวนมากปรากฏตัวขึ้น เมืองชายแดนหลายแห่งต่างถูกยึดครอง!”เมื่อเมิ่งฉวีได้ยินเรื่องนี้ รู้สึกสันหลังเย็นวาบขึ้นมาทันทีคดีมนุษย์โอสถ มิใช่ว่าจบสิ้นไปหมดแล้วหรือ?เหตุใดพวกเขาถึงหวนกลับมาอีก?หรือว่าเป็นแคว้นตงซานที่ลงมือ?“มีข่าวคราวของฝ่าบาทกับฮองเฮาหรือไม่?” เมิ่งฉวีถามทหารสอดแนมที่รับผิดชอบในการสืบหาข่าวผู้นั้นทหารสอดแนมตอบกลับ“มนุษย์โอสถกำลังอาละวาด ตอนนี้ประตูเมืองทุกแห่งต่างปิดสนิท เกรงว่าสถานการณ์ของฝ่าบาทกับฮองเฮาไม่ค่อยสู้ดีนักขอรับ”เหล่าผู้บัญชาการคนอื่น ๆ ในกระโจมต่างพากันเสนอความเห็น“ท่านแม่ทัพเมิ่ง พวกเราต้องส่งทหารไปช่วยฝ่าบาทกับฮองเฮา!”“ท่านแม่ทัพ ฝ่าบาทกับฮองเฮามีคนคอยคุ้มกัน จะต้องรอดพ้นจากอันตรายได้อย่างแน่นอน พวกเราในฐานะทหารชายแดน สมควรต้องอยู่ปกป้องชายแดน!”“ถูกต้องท่านแม่ทัพ ตามสถานการณ์นี้ พวกมนุษย์โอสถเหล่านั้นไม่นานก็คงมาถึงชายแดน พวกเราควรต้องป้องกันไว้ก่อน! เริ่มจากสั่งการลงไป ให้เพิ่มทหารออกลาดตระเวนในค่าย ทันทีที่พบมนุษย์โอสถ ก็ให้สังหารโดยไม่ลังเล!”ทหารสอดแนมยังเตือนเมิ่งฉวี“ท่านแม่ทัพ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1392

    หยวนตั๋วมิได้ปฏิเสธการคาดเดาของเซียวม่อ“ใช่ พวกมนุษย์โอสถที่อยู่ด้านนอก ล้วนเป็นฝีมือของข้ากับสหายสวี”เซียวม่อมองไปทางสวีเจิน คนหลังคำนับให้เขาอีกครั้ง“ข้าน้อยสกุลสวีเลื่อมใสท่านอ๋องมานาน ตอนนี้มีโอกาสได้รับใช้ท่านอ๋อง...”“พวกท่านช้าก่อน!” เซียวม่อขัดจังหวะคำพูดของสวีเจินสวีเจินมองไปทางหยวนตั๋วโดยไม่รู้ตัวเห็นได้ชัดว่า เขาทำตามคำสั่งของหยวนตั๋วทั้งหมดหยวนตั๋วมีท่าทีใจเย็น “ท่านอ๋องยังมีข้อสงสัยอันใดอีกหรือ?”เซียวม่อสีหน้าเคร่งขรึม“ท่านหยวน ข้าต้องคอยอยู่ในคุกตั้งนาน แต่ท่านมัวแต่จัดการเรื่องของมนุษย์โอสถอยู่ภายนอกใช่หรือไม่?”หยวนตั๋วมุมปากยกโค้งเล็กน้อยคนโง่ที่ไม่รู้จักแยกแยะความสำคัญ ถึงเวลานี้แล้ว ยังจะคิดเล็กคิดน้อยว่าไม่ช่วยเขาออกมาเร็วกว่านี้อีกหรือ?“ท่านอ๋อง เป็นข้าที่คิดไม่รอบคอบ เลยทำให้ท่านต้องลำบาก”สวีเจินรีบช่วยอธิบายให้หยวนตั๋ว“ท่านอ๋องอย่าตำหนิคุณชายหยวนเลย เรื่องของมนุษย์โอสถเกี่ยวพันกันซับซ้อน ตอนแรกคุณชายหยวนก็ยังไม่มั่นใจนัก“เพื่อป้องกันไม่ให้โยงใยมาถึงท่านอ๋อง จึงคิดจะแบกรับภาระทั้งหมด“ตอนนี้พิษมนุษย์โอสถสำเร็จแล้ว จึงรีบไปรับท่านอ๋องออ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1391

    “ใยแมงมุม” เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา หากมิใช่ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านกลไก ก็ยากที่จะเข้าใจความลึกลับของมันอย่างถ่องแท้อย่างเช่น การเปิดทางเข้าและทางออก หรือพื้นที่ภายในมีระบบกลไกป้องกันศัตรูหรือไม่“ใยแมงมุม” ที่พวกเฟิ่งจิ่วเหยียนขุดพบ คือห้องลับใต้ดินที่สามารถรองรับคนได้หลายร้อยคนนางพบกลไกในการเข้ามา แต่ยังไม่พบกลไกในการออกไปในตอนนี้สถานที่นี้พอที่จะให้พวกเขาหลบซ่อนจากพวกมนุษย์โอสถด้านนอกได้ทว่า สิ่งที่เร่งด่วนที่สุดในตอนนี้คือต้องหาทางออกให้พบ หรือไม่ก็หาทางเข้าที่เชื่อมต่อไปยัง “ใยแมงมุม” ส่วนถัดไปในขณะเดียวกัน ก็ยังต้องระมัดระวัง ห้ามแตะต้องสุ่มสี่สุ่มห้า เพื่อมิให้ไปกระทบกับกลไกป้องกันศัตรู เพราะกลไกประเภทนี้ส่วนใหญ่จะร้ายแรงและทรงพลัง เป็นอันตรายถึงชีวิตหลังจากผ่านการขุดอุโมงค์ และหลบซ่อนอยู่หลายวัน ตอนนี้ได้พบห้องลับใต้ดินแล้ว เสียวอู่มองไปรอบ ๆ ถอนหายใจพลางเอ่ย“ในที่สุดก็ไม่ต้องคลานไปข้างหน้าแล้ว ความรู้สึกของการยืดหลังตรงเป็นคนปกตินั้นดีกว่าจริง ๆ !”เซียวอวี้เหลือบมองเขาแวบหนึ่ง“ก็ไม่เห็นว่าเจ้าจะได้ออกแรงขุดอุโมงค์”เสียวอู่หัวเราะหึหึ“ศิษย์พี่ หน้าที่ของ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1390

    จู่ ๆ หร่วนฝูอวี้ก็พูดขึ้นว่าจะกลับหนานฉี รุ่ยอ๋องไม่เข้าใจเหตุผลรู้แต่ว่า ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาชวนนางกลับไป นางตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะไม่ยอมทิ้งหนานเจียงโดยไม่สนใจเนื่องจากหร่วนฝูอวี้มีอารมณ์ตื่นตัวรุนแรง ยังไม่ทันที่รุ่ยอ๋องจะถามเหตุผลให้ชัดเจน นางก็มีอาการน้ำเดินแล้วทันทีที่น้ำเดิน ก็ต้องคลอดแล้วหร่วนฝูอวี้ไม่คาดคิดเช่นกันว่า เรื่องนี้จะเกิดขึ้นอย่างกะทันหันเช่นนี้รุ่ยอ๋องเจอเหตุการณ์เช่นนี้เป็นครั้งแรก จึงตกใจจนทำตัวไม่ถูกเขาอุ้มหร่วนฝูอวี้ขึ้นมา และเดินเข้าไปในห้อง พร้อมกับตะโกนเสียงดัง“รีบไปตามหมอตำแยมา!”ในลานกว้าง หลิวหวากับเหล่าองครักษ์ต่างเผยให้เห็นสีหน้ายินดีในที่สุดพระชายาก็จะคลอดแล้ว!พวกเขารีบวิ่งไปเชิญหมอตำแยขณะที่รอหมอตำแย รุ่ยอ๋องก็คอยเฝ้าหร่วนฝูอวี้อยู่ในห้องตลอดเวลาในจวนมีสาวใช้อยู่หลายคน เป็นรุ่ยอ๋องที่จัดเตรียมไว้ล่วงหน้า เผื่อว่าหร่วนฝูอวี้จะคลอดอย่างกะทันหันพวกนางล้วนมีประสบการณ์ จึงรีบไปต้มน้ำร้อน และเตรียมสิ่งของที่จำเป็นต้องใช้อย่างกรรไกรหร่วนฝูอวี้ปวดท้องอย่างรุนแรง จึงคว้ามือของรุ่ยอ๋อง มาใส่ปากแล้วกัดไว้รุ่ยอ๋องก็ไม่สนใจความเจ็บปวด ย

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1389

    “มีหนอนบ่อนไส้?!” หนานเจียงอ๋องมีปฏิกิริยาต่อเรื่องนี้อย่างรุนแรงเมื่อย้อนคิดดูอีกที ก็มีความเป็นไปได้เช่นนั้นจริงความสามารถของเสิ่นซิง เขารู้เป็นอย่างดียังมีกู่ราชานั่นด้วยหากไม่มีหนอนบ่อนไส้ช่วยเหลือ กลุ่มค้ามนุษย์โอสถจะรู้ได้อย่างไรว่ามีกู่ราชา และรู้ได้อย่างไรว่ามันสามารถแยกออกจากแหล่งอาศัยได้?“จักต้องสืบเรื่องนี้ให้แน่ชัด!”หนานเจียงอ๋องสายตาคมกริบ ไม่อาจยอมรับผู้ที่ทรยศบ้านเมืองได้เมื่อไม่มีกู่ราชา หมอกพิษของแคว้นหนานเจียงก็คงสภาพอยู่ได้ไม่นานครู่ต่อมา หร่วนฝูอวี้ก็ออกมาจากพระราชวังรุ่ยอ๋องกำลังรอนางอยู่ด้านนอกแววตาของเขาเต็มไปด้วยความกังวล ไม่อาจทนเห็นนางในสภาพท้องโตต้องวิ่งวุ่นไปทั่ว“พวกเรากลับหนานฉีกันเถอะ” รุ่ยอ๋องเสนอช่วงหลายวันที่ผ่านมาหร่วนฝูอวี้ได้รับความทุกข์ทรมาน แต่ประกายแสงในดวงตากลับยิ่งแน่วแน่และสว่างไสว“ในเวลาเช่นนี้ ข้าจะทิ้งหนานเจียงไปโดยไม่สนใจได้อย่างไร?“อีกอย่าง ท่านอ๋องทรงมีคำสั่งปิดประตูเมืองแล้ว พวกเราไม่อาจออกไปได้”รุ่ยอ๋องจับมือนางขึ้นมา พร้อมเอ่ยอย่างหนักแน่นและจริงใจ“มิใช่ว่าจะไม่ให้เจ้าสนใจการอยู่รอดหรือล่มสลายของหนานเจีย

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status