공유

2. อดทนเอาไว้… (1)

last update 최신 업데이트: 2025-06-22 10:26:21

“ท่านย่าทานเนื้อเจ้าค่ะ เม่ยเอ๋อร์คีบให้ท่าน” ซูเม่ยคีบเนื้อหมูป่าตุ๋นให้ชุนฉือผู้เป็นย่า เด็กสาวยิ้มแย้ม พูดคุยอย่างอารมณ์ดี ต่างจากลี่มี่และลี่หมิงที่บัดนี้นั่งทานข้าวเงียบๆ ยิ่งเห็นครอบครัวของท่านลุงอยู่กันพร้อมหน้าเช่นนี้ นางยิ่งอดที่จะคิดถึงท่านพ่อท่านแม่มิได้

“ขอบใจเจ้ามาก หลานรักของย่า”

“มี่เอ๋อร์กับอาหมิงก็รีบทานเข้าเถิด หากมิยอมทานข้าวทานปลาเช่นนี้ บิดามารดาของพวกเจ้าจะหมดห่วงได้อย่างไร” ชุนไห่คีบอาหารใส่ชามข้าวให้หลานทั้งสอง เขามิรู้ว่าต้องทำอย่างไรให้ทั้งคู่หายเศร้าโศก เดิมทีหลานสาวของเขาน่ารักสดใส ช่างพูดช่างจา แต่บัดนี้กลับนิ่งเงียบ คงต้องอาศัยเพียงเวลาเท่านั้นที่จะช่วยเยียวยาบาดแผลในใจของหลานชายและหลานสาวได้

“ขอบพระคุณเจ้าค่ะ” / “ขอบพระคุณขอยับท่านยุง”

“มี่เอ๋อร์ทานให้มากหน่อย มิมีบิดามารดาหาเงินมาเลี้ยงดู เจ้าคงต้องทำหน้าที่หาเงินเข้าตระกูลแทน ใช่หรือไม่เจ้าคะท่านแม่” รอยยิ้มอ่อนโยนของป้าสะใภ้ มิได้ทำให้ลี่มี่ซึ้งใจแม้แต่น้อย นางคิดไว้อยู่แล้วว่าชีวิตหลังจากที่มิมีท่านพ่อท่านแม่ นางจะต้องสู้รบตบมือกับคนเหล่านี้อีกมาก ทั้งยังเตรียมใจมาพบกับความลำบากมาเป็นอย่างดีแล้ว

สิ่งเดียวที่นางทำได้ตอนนี้คือ อดทน อดทนเพื่อให้ตนเองและน้องชายมีที่ซุกหัวนอน ด้วยตอนนี้นางมิมีงานทำ ทั้งเงินที่ท่านพ่อท่านแม่ทิ้งเอาไว้ คงจะไม่เพียงพอ หากว่านำไปเช่าบ้านอยู่ด้วย นางจึงคิดว่าจะอดทนอยู่ที่นี่ไปก่อน หากว่านางมีลู่ทางทำมาหากินและได้เงินมามากพอ ค่อยขยับโยกย้ายไปอยู่ที่อื่น

“อืม เรื่องนั้นมันแน่อยู่แล้ว จะมานั่งๆ นอนๆ ขอข้าวขอน้ำกินไปวันๆ ได้อย่างไร” ชุนฉือพยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่สะใภ้ว่า จะให้อาไห่และอาเต๋อหาเลี้ยงทั้งครอบครัวคงจะลำบากไม่น้อย

“แต่มี่เอ๋อร์เป็นหญิง ทั้งยังมิพ้นวัยปักปิ่น จะให้ออกไปทำงานนอกเรือนคงจะไม่เป็นการดีนักขอรับท่านแม่” ชุนไห่เอ่ยค้านออกมา

“แล้วท่านพี่จะหาเลี้ยงพวกเราไหวหรือเจ้าคะ เพียงแค่ครอบครัวเรา ท่านก็ลำบากมากพอแล้ว อีกไม่นานอาเต๋อก็ต้องแต่งสะใภ้เข้าสกุล ค่าของหมั้นต่างๆ เรายังมิมีเลยนะเจ้าคะ นี่ยังมีภาระเพิ่มมาอีก…” ชุนเจียงกล่าวด้วยน้ำเสียงหวานหยดตามแบบของนาง ทว่าเนื้อความนั้นกลับเชือดเฉือนใจผู้ฟังจนเป็นแผลลึก

“ท่านป้าเอ่ยได้ถูกต้องแล้วเจ้าค่ะท่านลุง อีกอย่างอายุของข้าก็โตพอที่จะทำงานหาเงินได้แล้ว มิใช่เด็กๆ ที่จะละเล่น แต่งเนื้อแต่งตัวไปวันๆ ใช่หรือไม่เจ้าคะท่านป้า” ลี่มี่ฉีกยิ้มหวาน พลางปรายตามองไปทางสองแม่ลูกชุนเจียงและชุนซูเม่ยอย่างท้าทาย

“…” เห็นสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของสองแม่ลูก ลี่มี่ก็หัวเราะร่าอยู่ในใจ จะมิให้สองแม่ลูกนั่นหน้าเสียได้อย่างไร ก็สองแม่ลูก มิคิดจะทำสิ่งใด อยู่เรือนแต่งตัวอวดโฉมไปวันๆ

“อ่อ ส่วนเรื่องทำงานหาเงิน ท่านลุงมิต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ ข้าพอจะมีฝีมือปักผ้าอยู่บ้าง หาปลา ล่าสัตว์เล็กก็พอจะทำได้ ท่านย่าและท่านป้ามิต้องกังวล ว่าข้าและน้องชายจะไปเป็นภาระให้ท่านลุงและพี่ชุนเต๋อ”

“อย่าถือว่าตนเองเก่งกาจให้มากนักเลย หึ! เหมือนแม่มิมีผิด” ยังมิทัน ที่ลี่มี่จะตอบกลับ ผู้เป็นย่าก็วางตะเกียบและลุกออกจากโต๊ะอาหารไป

“มี่เอ๋อร์อย่าได้ใส่ใจคำพูดของท่านย่าเลย ทานข้าวต่อเถิด” ชุนเต๋อเห็นตากลมของน้องสาวแดงก่ำ จึงคิดว่านางคงนึกถึงมารดาขึ้นมา

ท่านย่ามิน่าเอ่ยถึงอาสะใภ้เลย มิสมควรเลยจริงๆ

หลังจากทานมื้อเช้า ลี่มี่ก็กระเตงน้องชายไปหางานปักผ้าที่เรือนของผู้ใหญ่บ้าน หมู่บ้านของนางเป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลตัวเมืองของเมืองซูโจว ใช้เวลาเดินทางด้วยเกวียนไม่ถึงสองชั่วยาม (4 ชั่วโมง) ก็ถึงตัวเมือง ด้วยเหตุนี้จึงมักมีงานให้เลือกทำหลากหลาย บ้างก็จ้างปักถุงหอม สานตะกร้า และงานฝีมืออื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งเรือนผู้ใหญ่บ้านก็จะเป็นที่รับฝากงานต่างๆ ไว้ ให้ลูกบ้านที่ต้องการหาเงินทองมารับไปทำ

“อ่าว ลี่มี่ เจ้ามาทำอันใดหรือ”

“คำนับคุณชายกวนเจ้าค่ะ”

“คำนับคุณชายกวนขอยับ” สองพี่น้องโค้งตัวคำนับบุตรชายผู้ใหญ่บ้านอย่างนอบน้อม

“ข้ามาของานปักไปทำเจ้าค่ะคุณชายกวน ช่วงนี้พอจะมีคนมาจ้างหรือไม่เจ้าคะ” ลี่มี่เอ่ยถามออกไป ตอนที่มารดาของนางยังมีชีวิตอยู่ ท่านแม่ก็พานางมาของานที่เรือนผู้ใหญ่บ้านไปทำเช่นกัน

“มีสิ แต่ก่อนอื่น…เจ้าหยุดเอ่ยเรียกข้าว่าคุณชายก่อนเถิด คนกันเองทั้งนั้น เรียกพี่อู๋ท่งก็พอแล้ว อีกอย่างข้าเป็นเพียงบุตรชายผู้ใหญ่บ้านเท่านั้น” กวนอู๋ท่งกล่าวอย่างมิถือตัว พลางเดินนำลี่มี่และลี่หมิงไปรับงานปักจากมารดาของเขา

งานปักที่ลี่มี่ได้รับมา เป็นงานปักถุงหอมกว่าห้าสิบถุง คาดว่าคงใช้เวลากว่าห้าวันจึงจะแล้วเสร็จ ด้วยลวดลายที่ผู้จ้างวานต้องการนั้นยากมากทีเดียว แต่แน่นอนว่า ค่าตอบแทนย่อมสูงตามไปด้วย หากว่าทำแล้วเสร็จตามเวลา ลี่มี่ก็จะได้เงิน 200 อีแปะ เด็กสาวจึงเร่งงานให้เสร็จตามเวลา ยิ่งเร็วยิ่งดี นางจะได้มีเวลาไปรับงานอื่นมาทำ

หลังจากที่ปักถุงหอมแล้วเสร็จ ลี่มี่ก็เทียวไปขอรับงานจากเรือนผู้ใหญ่บ้านเป็นว่าเล่น เงินที่ได้มานางแบ่งให้ท่านย่าถือเป็นค่าข้าวปลาอาหารของพวกนางหนึ่งในสามส่วน อีกสองส่วนที่เหลือแอบเก็บเอาไว้ แต่ด้วยกลางวันนางต้องทำงานบ้านไปด้วย จึงต้องถ่างตาทำงานปักในตอนกลางคืนแทน

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • แม่หมอแห่งซูโจว   44. หายไป (2)

    “อาหมิง เบื่อหรือไม่” หวังเยี่ยนที่ละเล่นมาทั้งวัน ก็รู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมา ทั้งเวลานี้ก็จะเข้าปลายยามโหย่วแล้ว (17:00 – 18:59 น.) แต่ท่านพ่อและพี่สาวแก้มเขียวก็ยังไม่กลับเรือนเสียที“มิเบื่อขอยับ นี่ น้องวาดปลาได้แย้ว~”“อืมๆ”“คุณชายเบื่อหยือขอยับ” ลี่หมิงเมื่อเห็นว่าคุณชายนอนนิ่งมิไหวติง ก็เข้าไปถามไถ่“อืม เบื่อ! เราไปตลาดกันดีหรือไม่”“ไปหาพี่มี่เอ๋อร์ หยือขอยับ”“ใช่ ไปหาท่านแม่สุดที่รักของข้า ไปช่วยนางทำมาหากินเสียหน่อย ข้าจะได้ชื่อว่าเป็นลูกกตัญญูบ้าง” ว่าแล้วหวังเยี่ยนก็ลุกพรวดขึ้น ใช้เวลาเพียงไม่นานหวังเยี่ยนและลี่หมิงก็ออดอ้อนพ่อบ้านจาง ขอออกมาพบว่าที่ฮูหยินของเรือนท่านเจ้าเมืองจนได้“อาหมิง เจ้าว่าเราเล่นซ่อนหากันดีหรือไม่ สนุกนะ” เสียงกระซิบของคุณชายทำให้ลี่หมิงนึกลังเล พ่อบ้านจางบอกว่าต้องอยู่กับสาวใช้ตลอดเวลา ห้ามแยกตัวออกไปคนเดียว“แต่เดี๋ยวพี่สาวจะเป็นห่วงเอาได้นะขอยับ” พี่สาวที่ลี่หมิงหมายถึง คือสาวใช้ที่อาสามาส่งพวกเขาไปหาพี่มี่เอ๋อร์ที่สำนักแม่หมอ“ก็เดี๋ยวเราให้นางเป็นคนหาอย่างไรเล่า ไปเถิด” ยังไม่ทันที่ลี่หมิงจะเอ่ยปฏิเสธ หวังเยี่ยนก็ดึงแขนลี่หมิงวิ่งแยกตัวออกไป

  • แม่หมอแห่งซูโจว   43. หายไป (1)

    เช้าวันรุ่งขึ้น อี้หานก็รีบไปที่เรือนเล็ก เพื่อสอบถามเรื่องสร้อยข้อมือที่พบในที่เกิดเหตุ หากว่าท่านยายมีเครือญาติที่ใช้แซ่เหมา อาจทำให้หาตัวคนร้ายได้ง่ายขึ้น“ผู้ที่ใช้แซ่เหมา นอกจากท่านแล้ว ยังมีผู้อื่นหรือไม่ขอรับ”“ในเมืองซูโจวมิมีแล้ว สามียายเดินทางมาจากเมืองอื่น จึงมิมีเครือญาติที่ใช้แซ่เหมาอยู่ในเมืองของเราเลย”“ถ้าอย่างนั้นท่านยายเคยเห็นจี้ข้อมือนี้หรือไม่ขอรับ” อี้หานยื่นสร้อยข้อมือให้กับเหมาไป่ได้ดูอย่างถนัดถนี่เมื่อเห็นสร้อยข้อมือชัดเจนแล้ว เหมาไป่ถึงกับน้ำตาไหลออกมาเป็นสาย ร่างอวบของหญิงชราสั่นเทา จนลี่มี่ที่นั่งประคองอยู่รู้สึกได้“ท่านยาย…”“ฮึก! ท่านได้มาจากที่ใดหรือ มันเป็นของบุตรชายข้า” คำตอบของท่านยาย ทำให้ลี่มี่และอี้หานสบตากันอย่างมิได้นัดหมาย ทั้งคู่รู้อยู่แล้วว่าบุตรชายท่านยายได้เสียชีวิตไปแล้วเช่นนั้นคนร้ายเป็นผู้ใดกัน เป็นผีสางอย่างนั้นหรือ“ข้าเจอในที่เกิดเหตุฆาตกรรมขอรับ มีผู้อื่นที่ใส่จี้นี้หรือไม่ขอรับ”“มิมี สร้อยข้อมือนี้เป็นข้า ที่ทำให้อาซางกับมือของข้าเอง มีเพียงชิ้นเดียวในแผ่นดิน แต่บุตรชายข้า ฮึก เขาตายไปแล้ว ถึงเขาจะยังมีชีวิตอยู่ เขาก็มิมีทางทำเช่น

  • แม่หมอแห่งซูโจว   42. สิ่งที่เปลี่ยนไป (2)

    “สลักคำว่า เหมา อย่างนั้นหรือ” อี้หานพึมพำออกมาอย่างแผ่วเบา บนเหรียญอีแปะสลักคำว่าเหมาไม่ผิดแน่“สกุลของท่านยายหรือเจ้าคะ ข้าขอดูทีเถิด” ลี่มี่ขยับเข้าไปใกล้อี้หาน“…”“จริงด้วย สลักคำว่าเหมามิผิดแน่ แซ่ของท่านยายก็มีอักษรเช่นนี้เจ้าค่ะ”“ท่านยายมีเครือญาติที่ใดอีกบ้าง” ฟ่งอู๋เอ่ยถามขึ้น เขากลัวว่าคนร้ายจะเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวสกุลเหมา“ไม่มีเลยเจ้าค่ะ สามีและบุตรของท่านยายตายไปแล้ว แต่ครอบครัวสามีท่านยาย ข้าเองก็ไม่แน่ใจ คงต้องไปถามท่านยายอีกทีเจ้าค่ะ”“อืม พรุ่งนี้ข้าจะถามท่านยายเอง แต่คงต้องรบกวนหรงจี ให้ช่วยหาคนแซ่เหมาในเมืองซูโจวของเรา และประกาศออกไปว่าเรารู้ตัวคนร้ายแล้ว” อี้หานคิดว่าเรื่องบ้านเมืองเช่นนี้ เขาสมควรที่จะเอ่ยปากถามท่านยายด้วยตนเอง“ข้อน้อยยินดีขอรับ”“ข้าขอบใจทุกคนที่มาช่วยเหลือกัน วันนี้กลับไปพักผ่อนก่อนเถิด วันพรุ่งเราจะเร่งหาตัวคนกระทำผิดกันแต่เช้า” ว่าแล้วอี้หานก็จับจูงมือลี่มี่กลับเรือนทันที แต่แม้จะกลับมาถึงเรือนแล้ว ลี่มี่ก็ยังมีภาพน่าสยดสยองเหล่านั้นติดตาอยู่ จนมิกล้าแม้แต่จะก้าวขาออกห่างท่านเจ้าเมือง“นี่ก็ปลายยามฉวีแล้ว (19:00 – 20:59 น.) เจ้ารี

  • แม่หมอแห่งซูโจว   41. สิ่งที่เปลี่ยนไป (1)

    สถานที่เริงรมย์ที่มีเพียงเสียงหัวเราะรื่นเริง ของชายหนุ่มและหญิงสาว กลับแปรเปลี่ยนเป็นเสียงสะอื้นที่แฝงไปด้วยความเสียใจและตื่นกลัว เตียงนอนที่ควรจะมีแพงกลิ่นอายของความสุขเคล้าราคะ บัดนี้กลับเต็มไปด้วยเลือดสีแดงฉาน มิรู้ว่าเลือดมากมายเหล่านั้นเป็นของผู้ใดกันแน่ เพราะในห้องมีคนถึงสามคนที่ถูกฆ่าอย่างทารุณ“เกินไปแล้ว เหตุใดจึงโหดร้ายเช่นนี้” ภาพน่าสยดสยองตรงหน้าทำให้ร่างเล็กถึงกับหันมาซุกอกแกร่ง หลังจากที่ท่านผู้ช่วยมาแจ้งเรื่องราวการฆาตกรรมที่เกิดขึ้นในหอนางโลมหนี่ชิ่ง ลี่มี่ก็รีบขอตามอี้หานมาด้วย แต่มิคิดว่าจะเรื่องราวจะโหดร้ายเช่นนี้“ครานี้ฆ่าไปถึงสามศพเลยหรือ เรียกฟ่งอู๋มาตรวจดูศพแล้วหรือยัง” อี้หานว่า พลางโอบตัวลี่มี่เข้าซุกอกของตนเอง“มาตรวจแล้วขอรับ บัดนี้ท่านหมอกำลังเขียนรายงานอยู่ในอีกห้องขอรับ” หรงจีพยักพเยิดหน้าไปทางห้องข้างๆเหตุคราวนี้เกิดขึ้นในห้องพักส่วนตัวบนหอนางโลมหนี่ชิ่ง ทหารหนุ่มที่พึ่งจะออกเวรยาม เข้ามาเที่ยวสถานที่เริงรมย์ ทั้งยังเรียกสตรีเข้ามาปรนนิบัติถึงสองคน แต่แล้วเรื่องราวกลับไม่เป็นอย่างที่คิด ทั้งสามคนถูกคนร้ายฆ่าตายอย่างน่าอนาถ ร่างกายมีบาดแผลเหวอะเต็มไปหม

  • แม่หมอแห่งซูโจว   40. ส่งเด็กน้อยเข้าสำนักศึกษา (2)

    อาจารย์ที่รับลี่หมิงเข้ามาเรียน ก็แนะนำลี่หมิงให้ศิษย์คนอื่นๆ รู้จัก จากนั้นก็เริ่มทำการเรียนการสอนตามปกติ ลี่หมิงเองก็ตั้งใจเล่าเรียน เพื่อมิให้เงินทองของพี่อี้หานต้องสูญเปล่า ดังที่พี่สาวได้เอ่ยบอกเอาไว้ แต่แล้วช่วงเวลาที่ยากลำบากก็มาถึง เพราะหลังจากเรียนเสร็จ ท่านอาจารย์บอกให้ศิษย์ทุกคนไปพักทานอาหารมื้อกลางวัน“อาหมิง ไปทานข้าวกับพวกเราหรือไม่” เด็กหญิงตัวน้อยเอ่ยชวนสหายคนใหม่อย่างใจดี“ขออภัยขอยับ น้องเอาอาหารไว้ที่คุณชายโจว ต้องไปเอาก่อนขอยับ”“อย่างนั้นหรือ เช่นนั้นพวกเราไปทานข้าวก่อนนะ”“ขอยับ” ลี่หมิงอดเสียดายไม่ได้ เขากำลังจะได้สหายคนใหม่แล้วเชียว มือเล็กรีบเก็บของเข้าย่าม แล้วจึงเดินออกไปหาคุณชายโจว ที่มิรู้ว่าบัดนี้ไปอยู่ที่ใดเดินหาอยู่นาน ลี่หมิงก็พบว่าหวังเยี่ยนเองก็กำลังจะเดินมาทางเขาอยู่พอดี“คุณชาย น้องอยู่ตรงนี้”“รู้แล้วๆ ข้ากำลังเดินอยู่นี่อย่างไร” หวังเยี่ยนพาลี่หมิงไปทานมื้อกลางวันใต้ต้นไม้ใหญ่ ที่ประจำของเขามือเล็กนำห่อข้าวที่บ่าวรับใช้เตรียมมาให้ออกมาแกะกินจนหมด ลี่หมิงที่ยังไม่อิ่มก็รีบนำขนมที่เตรียมมาสองชิ้นขึ้นมากิน แต่เด็กอ้วนก็ยังมีน้ำใจแบ่งให้หวังเยี่ยนไ

  • แม่หมอแห่งซูโจว   39. ส่งเด็กน้อยเข้าสำนักศึกษา (1)

    หลังจากวันที่อี้หานพาลี่มี่ไปแนะนำกับครอบครัวสกุลโจว โจวฟู่เฉียนก็ได้เร่งเข้ามาพูดคุยกับท่านยายเหมาไป่ ทั้งยังส่งมอบของหมั้นให้สมฐานะของสกุลโจวและบุตรชายที่เป็นถึงท่านเจ้าเมือง ในส่วนของพิธีแต่งงาน อี้หานได้ประกาศออกไปว่า จะมีพิธีมงคลก็ต่อเมื่อสามารถจับตัวคนร้ายที่กระทำผิดมาลงโทษได้แล้วเท่านั้น เมื่อประกาศไปดังนั้นชาวบ้านก็แห่สรรเสริญท่านเจ้าเมืองกันยกใหญ่ที่เห็นแก่ทุกข์สุขของชาวเมืองมากกว่าความสุขส่วนตน“พี่ว่าอาภรณ์สีฟ้าเหมาะกับเจ้ายิ่งนัก ใส่แล้วน่ารักยิ่ง” ลี่มี่มองน้องชายที่สวมอาภรณ์สีฟ้าสดใสแล้วยิ่งรู้สึกเอ็นดูน้องชาย เหมาไป่และผิงผิงเองก็พยักหน้าเห็นด้วยกับลี่มี่“มิได้! เจ้าเด็กขี้แยเป็นคนซุ่มซ่าม ประเดี๋ยวก็ทำเสื้อผ้าเปื้อน…ใส่สีดำนี่” หวังเยี่ยนชี้นิ้วไปที่อาภรณ์สีดำ“ยายเองก็คิดเช่นเดียวกับอาเยี่ยนว่า ใส่เสื้อผ้าสีดำจะได้มิเปื้อนง่าย”“สีดำมิน่ารักสักนิด อาเยี่ยนเอาไปใส่เองเถิด” หลังจากที่ลี่มี่หมั้นหมายกับอี้หาน การเรียกขานและการพูดคุยจึงดูสนิทสนมกันมากขึ้น แต่หวังเยี่ยนก็ยังมิเรียกลี่มี่ว่าท่านแม่เสียที“พี่สาวแก้มเขียวจะให้อาหมิงไปทำตัวน่ารักหรือจะให้ไปเรียน หืม” เสียงถก

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status