บทที่ 1
“ว้าว เจ้าสาวสวยมากเลยค่ะ” เสียงชื่นชมของช่างแต่งหน้าดังขึ้นพร้อมกันหลายคนเมื่อทำขั้นตอนสุดท้ายเสร็จสรรพ ใบหน้าสวยหวานถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางค์ราคาแพง ปากอวบอิ่มดูชุ่มชื้นด้วยสีชมพูเข้มรับการแก้มนวลสีสวย ขนตางอนยาวเป็นแพ ดวงตากลมโตกระพริบขึ้นลงถี่ ๆ ราวกับไม่เชื่อว่าคนในกระจกคือตัวเอง “คุณอัญญาเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดเลยนะคะ” เธอหันไปส่งยิ้มหวานให้คนที่เอ่ยปากชมเธอไม่หยุด อัญญาลุกขึ้นเดินไปยังกระจกบานใหญ่ที่สามารถมองเห็นได้เต็มตัว ชุดเกาะอกสีขาวกับกระโปรงยาวลากพื้น มีโบว์ขนาดใหญ่ประดับอยู่กลางหลัง เธอหมุนตัวมองชุดเจ้าสาวของตัวเองด้วยรอยยิ้ม ผลั่ก ประตูห้องแต่งตัวถูกเปิดออก เสกสรรมองลูกสาวตั้งแต่หัวจรดเท้า เขาก้าวเท้าหาอัญญาช้า ๆ เธอเองก็ขยับตัวเดินเข้าหาผู้เป็นพ่อเช่นกัน “ได้เวลาแล้ว ไปกัน” มือเล็กเอื้อมจับกับมือผู้เป็นบิดา ทั้งสองจูงมือกันเดินออกไปยังลานโถงกว้าง พนักงานที่เดินผ่านหันมองตามความสวยของเจ้าสาวไม่หยุด จนถึงประตูไม้ขนาดใหญ่ที่มีชายใส่ชุดสูทยืนรอก่อนแล้ว “ดอกไม้เจ้าสาวค่ะ” ผู้หญิงอีกคนเดินเข้ามาพร้อมยื่นช่อดอกไม้สีขาวช่อใหญ่ให้กับเจ้าสาว อัญญารับมาถือไว้ในมือ เธอตื่นเต้นจนมือเย็นเฉียบและสั่นไหว หัวใจเต้นแรงจนรู้สึกอึดอัด ยิ่งนึกถึงหน้าเจ้าบ่าวของตัวเองที่อยู่หลังประตูเธอยิ่งกังวลมากขึ้นไปอีก ไม่รู้ว่าศิลาจะทำสีหน้าแบบไหน เขาจะดีใจที่ได้แต่งงานกับเธอเหมือนที่เธอดีใจไหม ปากสวยเม้มแน่นเข้าหากัน ยิ่งคิดยิ่งกดดัน หากเปิดประตูออกไปไม่พบเจ้าบ่าวเธอจะทำอย่างไร “แกก็แต่งแทนลานิลไปเลยแล้วกัน” คำพูดของรัลยายังดังแว่วอยู่ในโสตประสาท เมื่อเช้าในวันถัดมาหลังจากที่ลานิลหายออกจากบ้าน ทั้งรัลยาและเสกสรรเปิดกล้องวงจรปิดดูและเห็นว่าลูกสาวตัวเองหนีออกจากบ้านไปพร้อมกับชายคนอื่น ซ้ำยังมีอัญญายืนดูอยู่เฉย ๆ ไม่ช่วยห้ามยิ่งทำให้รัลยาไม่พอใจ เธอโดนด่าว่าทอสารพัดที่อยู่กินนอนในชายคาบ้านรัลยาแต่กลับทำตัวไร้ประโยชน์ ปล่อยให้ลานิลหนีงานแต่งไปเสียอย่างนั้น ซึ่งอัญญาไม่สามารถโต้ตอบอะไรได้นอกจากยืนรับฟังเงียบ ๆ เพราะตัวเธอเองก็นิ่งเฉยอย่างที่โดนว่าจริง แต่คนที่นิ่งเฉยไม่ได้มีแค่เธอ ยังมียามเฝ้าหน้าประตูอีกสองคนที่โดนหารเลขไปกับเธอด้วย เสกสรรติดต่อทางฤทธิ์ศิลาไป แต่ฝั่งนั้นยังยืนยันที่จะจัดงานแต่งต่อ ไม่สนว่าลานิลหายไปไหนแต่ในวันงานจะต้องมีเจ้าสาวให้กับศิลา อัญญาจึงต้องรับชะตากรรมนี้แทน “เมื่อความรักเดินมาถึงจุดหมายที่เส้นชัยคือจุดเริ่มอีกครั้ง บนถนนสายใหม่ที่ชื่อว่าการแต่งงาน โดยมีทุกท่านมาร่วมเป็นสักขีพยานความรักในวันนี้…” เสียงพิธีกรเริ่มเกริ่นพูด “ณ บัดนี้ ขอเสียงปรบมือแสดงการต้อนรับเจ้าสาวของเราด้วยครับ” อัญญาสูดหายใจเข้าปอดลึก ๆ มือเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อที่ไหลออกมาเพราะความตื่นเต้น หัวใจเต้นแรงขึ้นไม่หยุดเมื่อบานประตูถูกเปิดออก ภายในห้องโถงขนาดใหญ่เต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่มาร่วมเป็นสักขีพยานในการแต่งงานครั้งนี้ของเธอ แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาของเจ้าสาวแสนสวยในคืนนี้กำลังยืนอยู่บนเวทีด้วยชุดสูทสีขาวทั้งตัว โบว์กระต่ายที่คอไม่ได้ทำให้เขาดูน่ารักแต่กลับดูหล่อมากกว่าที่เคยพบเจอเสียอีก อัญญาฉีกยิ้มกว้างทันที ความกังวลในใจก่อนหน้านั้นแทบไม่เหลือ เธอคิดว่าเขาจะไม่ยอมแต่งงานกับเธอเสียอีก ศิลาจ้องมองกลับมาที่หน้าหวานเช่นกัน แต่ต่างตรงที่ใบหน้าหล่อเหลากลับไร้รอยยิ้ม เมื่ออัญญาก้าวขึ้นเวทีเรียบร้อย เสียงดนตรีค่อย ๆ เบาลงแล้วพิธีกรจึงเริ่มทำหน้าที่อีกครั้ง เธอหันมองใบหน้าด้านข้างของผู้ชายที่ยืนข้างกาย เขาเอาแต่มองตรงไปข้างหน้าไม่แม้แต่จะเหลือบมองเจ้าสาวของตัวเองสักนิด “ดีใจไหม” คำถามแรกที่ศิลาเอ่ยถาม “ดีใจค่ะ” อัญญาพยักหน้ารัว ๆ เธอหันไปยิ้มให้เขา “ดีใจที่ได้แต่งงานแทนพี่สาวตัวเองน่ะหรอ” คำถามของเขาทำเอารอยยิ้มของหญิงสาวหายไป “อยากได้ผู้ชายของพี่สาวมากเลยรึไง?” “…” “ที่ลานิลหายตัวไปก็เป็นเพราะเธอสินะ” “ไม่ใช่นะคะ” “อย่าโกหก” ศิลากดเสียงต่ำ เขาขยับตัวเข้าใกล้เธอมากขึ้นและยื่นหน้าเข้ามากระซิบใกล้ ๆ “พี่สาวหายตัวไป น้องสาวก็เข้ามาแทนทันที… มันจะเป๊ะไปหน่อยมั้ง” “พี่หมายถึงอะไร” “เธอวางแผนไว้จะมาถามอะไรฉัน” “ไม่ใช่นะคะ” อัญญาพยายามปฏิเสธแต่อีกฝ่าย แต่ศิลาขยับตัวออกไปแล้ว คนตัวเล็กได้แต่เม้มปากแน่น เธอไม่ได้คิดที่จะมาแทนที่ลานิลเลยสักนิด ไม่รู้ด้วยว่าการที่ไม่เข้าไปห้ามพี่สาวตัวเองในคืนนั้นจะทำให้เธอต้องมาแต่งงานแบบนี้ เธอไม่อยากให้ศิลาเข้าใจผิดแต่ตอนนี้คงยังอธิบายอะไรไม่ได้นอกจากรอให้พิธีทุกอย่างจบลงก่อน “เรามาถามเจ้าบ่าวเจ้าสาวกันดีกว่าว่ารู้สึกยังไงกับวันแสนหวานที่อบอวลไปด้วยความรักแบบนี้” ไมโครโฟนยื่นให้กับอัญญา เธอรับมาอย่างเงอะงะ “เอ่อ…” พรึ่บ ยังไม่ทันที่จะได้เอื้อนเอ่ยคำพูดอะไรออกไป มือหนาของคนข้างกายก็ฉกไมค์แย่งไปจากมือของเธอทันที ศิลามองเธอด้วยสีหน้าไม่น่าไว้วางใจเท่าไร “ขอบคุณทุกคนที่มาร่วมงานแต่งของผมกับลา…” ศิลาเหลือบมองหน้าสวยที่ตกใจกับคำพูดของเขา “อัญญา…?” “…” อัญญาเม้มปากแน่น เธอมองตรงไปยังผู้คนมากมายที่นั่งอยู่ด้านล่าง ไม่รู้เลยว่าเขาจะพูดอะไรออกไปบ้าง ถ้าเกิดศิลาพูดเรื่องที่เขากำลังเข้าใจผิด เธอจะถูกหัวเราะเยาะและถูกมองไม่ดีเหมือนที่เขาคิดไหม “ครับ ภรรยาผมชื่อ อัญญา” เขาเน้นเสียงตอนเอ่ยชื่อของเธอราวกับกำลังประชดประชัน “ผมเลือกเธอเองเลย” “…” “เลือกเจ้าสาวด้วยตัวเอง” “…” “ผมหวังอย่างยิ่งว่าเธอจะทำหน้าที่ภรรยาได้ดีเหมือนแม่ของผม ที่เป็นทั้งภรรยาที่ดีของคุณพ่อและแม่ที่ดีของลูก ๆ” ศิลาเอื้อมจับมือเล็กของหญิงสาว ดูจากภายนอกเหมือนว่าเขาจับแสดงความรัก แต่ความเป็นจริง เขาออกแรงบีบมือขาวจนเจ็บไปหมด แม้พยายามจะชักออกแต่ก็ไม่อาจต้านแรงเขาได้ อัญญาไม่อยากให้เสียฤกษ์จึงทำได้แค่กัดฟันทนไป “ผมคิดไว้ว่าวันนี้เจ้าสาวของผมจะต้องสวยมาก ๆ และเธอก็สวยมากจริง ๆ” ดวงตาคมของเขาจ้องมองเธอ “เกินคาดไปเยอะเลยครับ” “…” “แล้วเจ้าสาวล่ะครับ มีอะไรอยากพูดกับเจ้าบ่าวของเราบ้างไหม” พิธีกรยังคงทำหน้าที่ต่อโดยมองไม่เห็นถึงสิ่งผิดปกติ “มะ…ไม่มีค่ะ” อัญญาส่ายหัวให้ พิธีกรจึงพูดขั้นตอนต่อไป พิธีการดำเนินไปเรื่อย ๆ โดยที่อัญญาแทบจะไม่รับรู้อะไร เธอเม้มปากเข้าหากันอยู่ตลอด ทั้งเครียดและกังวลใจไม่หาย ศิลาดูไม่ชอบเธอมากกว่าที่ตัวเองจินตนาการเอาไว้ หลังจากจบพิธีในวันนี้ถ้ากลับไปบ้านแล้วจะเป็นยังไง… เธอกลัวเหลือเกิน “โยนช่อดอกไม้เสร็จแล้วถึงเวลาเจ้าบ่าวจูบเจ้าสาวแล้วครับ” สิ้นเสียงเอ่ยของพิธีกร เสียงโห่ร้องเชียร์ก็ดังกระหึ่มห้องโถง ผู้คนลุกขึ้นปรบมืออย่างสนุกสนาน อัญญาเหลือบมองผู้ชายข้างกายที่ถอนหายใจราวกับไม่สบอารมณ์ เขาหันมองหน้าเธอ ทั้งสองสบตากันอยู่ครู่ใหญ่ก่อนที่ร่างสูงจะขยับตัวก้าวเข้าหาเธอ มือหนายกขึ้นประคองหน้าหวานให้เอียงหลบ หากมองจากข้างล่างคงเห็นว่าทั้งสองจูบกันไปแล้ว แต่ความเป็นจริง ศิลากำลังจุ้บนิ้วมือของตัวเองอยู่ต่างหาก “อย่าหวังสูงว่าคนอย่างฉันจะทำอะไรเธอลง” “…” ศิลากระซิบบอก “ผู้หญิงที่อยากได้ผู้ชายของคนอื่นจนตัวสั่นแบบเธอ…” “…” “โคตรน่าขยะแขยงเลย” “…” “ฉันจะทำให้เธอรู้…ว่าคิดผิดที่อยากแต่งงานกับฉัน” “อึก…เจ็บ” มือหนาออกแรงบีบหน้าหวานจนอัญญารู้สึกเจ็บตามกรอบหน้า “ยินดีต้อนรับสู่นรกของฤทธิ์ศิลา” “…” “ฉันจะไม่ทำให้เธอผิดหวังเลย!”บทที่ 17 “เจ็บมากแน่ ๆเลย” ขนุนนั่งชะเง้อคอมองต้นคอของอัญญา เธอไม่ได้ตอบเพียงแต่พยักหน้าให้แทน ป้าพรยังคงทายาให้อย่างเบามือ ปากก็พร่ำบ่นสงสารถามตลอดว่าเจ็บไหม อัญญากลับมาถึงบ้านด้วยสภาพคอเสื้อเปียกโชกไปด้วยเลือด ทั้งแม่บ้านพ่อบ้านต่างพากันวิ่งวุ่นหากล่องยากันจ้าละหวั่น ทั้งที่เธอบาดเจ็บจนเลือดออกขนาดนี้แต่ศิลากลับไม่พาเธอไปยังโรงพยาบาล เขารีบขับรถกลับมาที่บ้านแทบจะทันที ระหว่างทางเขาคุยโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ไม่นานก็มีรถของอัคคีขับประกบตามมาตลอดทาง ศิลาไม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหน มีเพียงเสื้อผ้าที่หลุดรุ่ยจากการวิ่งหนีคนพวกนั้น ตลอดเวลาที่เขาพาเธอขับกลับบ้านมันยาวนานอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน หัวใจของเธอยังคงเต้นรัวด้วยความกลัวไม่หาย ไม่รู้ว่าจะถูกคนกลุ่มนั้นตามมาทำร้ายอีกหรือไม่ ส่วนศิลาก็ไม่แม้แต่จะปลอบใจเธอ ตอนที่เขาเดินเข้าหาพร้อมปลายกระบอกปืนที่ยื่นจอตรงหน้าเธอ วินาทีนั้นราวกับโลกหยุดหมุน แววตาของเขามันน่ากลัวเกินกว่าที่คนอย่างเธอจะสบตาไหว แต่โชคดีที่กระสุนในปืนกระบอกนั้นไม่ได้มีไว้ยิงเธอ เขายิงผู้ชายอีกคนที่วิ่งเ
บทที่ 16 “พยายามากกว่านี้ไม่งั้นเราตายแน่!” ศิลาบอก เขาพาเธอวิ่งหนีมายังทางเข้าตลาดที่มีผู้คนแออัดกันอยู่มาก ศิลาหันกลับไปมองเห็นคนกลุ่มนั้นยังคงวิ่งตามมาเขาจึงตัดสินใจพาอัญญาวิ่งฝ่าฝูงชนเข้าไปด้านใน “โอ้โหชนมาได้ ไม่เห็นหัวคนรึไงวะ!!” เสียงของชาวบ้านตะโกนด่าตามไล่หลัง เพราะศิลาเล่นวิ่งชนทุกคนที่ขวางหน้าเลย ปัง! เสียงปืนดังขึ้นจากฝีมือของคนตัวโต ผู้คนต่างร้องกรี๊ดด้วยความตกใจ เขาตั้งใจยิงปืนขึ้นฟ้าเพื่อให้เกิดความโกลาหล ชายฉกรรจ์พวกนั้นจะได้ตามมาได้ยากกว่าเดิม “เร็วหน่อยอัญญา” เขาพูดบอกกับเธอ คนตัวเล็กยืนหอบแฮก กลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผาก เหลียวมองข้างหลังด้วยสีหน้าวิตกกังวล เกิดมาเหตุการณ์ละทึกสุดในชีวิตก็คงตอนโดนหมาไล่กัดตอนเลิกเรียน ใครจะคิดว่าโตมาจนอายุเท่านี้จะต้องมาวิ่งหนีคนตามไล่ยิงอีก “เหนื่อย” เธอพูดเสียงแผ่ว เหนื่อยจนหายใจแทบไม่ทัน ปัง! “กรี๊ดดด” เธอยกมือขึ้นปิดหูทิ้งตัวนั่งลงกับพื้นอัตโนมัติด้วยความตกใจ “นั่งทำไมลุก!!” ศิลาดุเสียงดัง เขาหันไปยิง
บทที่ 15 “ทำอะไรอยู่คะคุณอัญญา” ป้าพรเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มใจดีอย่างเช่นทุกวัน ในมือมีถาดใส่แก้วน้ำและแก้วยามาให้คนตัวเล็ก “อัญกำลังไล่ดูร้านขายต้นไม้น่ะค่ะ” “ต้นอะไรคะ” ป้าพรวางถาดยาลงบนโต๊ะกระจก ขยับตัวเข้ามาดูภาพในจอโทรศัพท์ “อ๋อชวนชม” “ป้าพรพอจะรู้จักร้านที่ขายต้นไม้พวกนี้ไหมคะ พอดีอัญอยากลองแต่งสวนดู” “ขาเพิ่งจะเริ่มหายบวมเองนะคะ อย่าพึ่งออกไปทำอะไรหนัก ๆเลยดีกว่า” “ใครบอก อัญหายแล้วต่างหากค่ะ แค่ต้องกินยาให้หมดตามที่หมอสั่งเฉย ๆ” เธอด้วยน้ำเสียงสดใส ข้อเท้าที่บวมเป่งตอนนี้ดีขึ้นจนเกือบจะหายดีแล้ว ตั้งแต่กลับมาจากญี่ปุ่นเธอก็ไม่ได้ออกไปไหนอีก ยิ่งป้าพรรู้เรื่องที่เธอบาดเจ็บอัญญายิ่งไม่ได้ขยับตัวเพราะได้รับการดูแลอย่างดีประดุจดั่งเจ้าหญิง “คุณศิลาจะไม่ปลื้มเอานะคะ” สิ้นคำพูดนั้นรอยยิ้มบนหน้าหวานก็หายไป ศิลาไม่พูดคุยกับเธอเลยหลังจากมาถึงบ้าน ไม่แม้แต่จะเจอหน้ากัน เขาหลบหน้าเธอตลอดจนอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมถึงได้แสดงท่าทีแบบนั้นใส่ แต่เธอก็เลือกที่จะเงียบไม่ถามอะไรออกไปเพราะรู้ตัวดีว่าถ้
บทที่ 14 “คุณอัคคีให้ไปพบที่บ้านครับ” ทันทีที่ทั้งอัญญาและศิลาเข้านั่งบนรถคันหรูประจำตระกูล เสียงของผู้ติดตามก็กล่าวบอกแบบนั้นทันที ศิลาไม่ได้ตอบอะไร เขาเพียงแต่ถอนใจเสียงดัง ตั้งแต่ตอนนั้นที่สจ๊วดหนุ่มจากไปทั้งเขาและเธอก็ไร้บทสนทนาต่อกัน มีเพียงความเงียบเท่านั้นที่เข้าปกคลุม รถเคลื่อนที่เข้าสู่บริเวณลานกว้างของบ้านหลังใหญ่โต อัญญากวาดสายตามองรอบ ๆอย่างสนอกสนใจ สวนดอกไม้ที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงามดึงดูดสายตาหญิงสาวได้อย่างดี เธอเดินลงจากลงรถกำลังจะเข้าไปด้านใน แต่ก็สะดุดตากับต้นไม้ต้นหนึ่งเข้า “อันนี้ต้นอะไรหรอคะ” นิ้วเรียวชี้ไปยังต้นไม้ต้นหนึ่ง ลำต้นใหญ่หนาแต่ปลายพุ่มใบไม้ด้านบนดกเป็นกลุ่มใหญ่มีดอกไม้สีสดประดับอย่างสวยงาม เธอถามคนสวนที่กำลังตัดแต่งกิ่งอย่างขมักเขม้น “อ่อ ต้นชวนชมครับ” เขาตอบพร้อมรอยยิ้ม “ขอบคุณค่ะ” อัญญาจดจำชื่อต้นไม้ไว้อย่างดีก่อนจะรีบก้าวเท้าตามศิลาไป เธออยากลองจัดสวนหลังบ้านอยู่พอดี วันก่อนลองเลื่อนดูในอินเทอร์เน็ตแล้วเห็นเกี่ยวกับการจัดสวน เธอคิดว่
บทที่ 13“ยาที่ขอได้แล้วครับ” สจ๊วตหนุ่มหล่อหน้าตาดีเดินเข้ามาหาอัญญาพร้อมกับถาดใส่ยาและน้ำดื่มเธอเอ่ยปากขอบคุณก่อนจะรับมันมากิน ก่อนหน้านั้นอัญญาได้ขอยาแก้ปวดหัวกับเขาไป เธอไม่ได้รู้สึกปวดหัวเพียงอย่างเดียวแต่ยังปวดเมื่อยไปทั้งตัวจากการกระทำของคนข้างกายตื่นเช้ามาเธอก็ยังคงนอนอยู่บนโซฟาที่เดิม ต่างจากอีกคนที่นอนหลับอย่างสบายในห้องนอน กว่าอัญญาจะลุกเดินได้แต่ละก้าวมันทรมานไปหมด ทั้งข้อเท้าที่เจ็บและใจกลางของร่างกายที่โดนเล่นงานอย่างหนัก เธอเดินผ่านร่างกำยำที่หลับตาพริ้มอยู่ในห้วงนิทราไปอย่างเงียบ ๆ ชำระร่างกายผ่านสายน้ำอุ่น ๆตามลำคอขาวเนียนมีร่องรอยแดงช้ำอยู่สองสามจุด อัญญาพยายามถูออกแต่ยิ่งทำผิวขาว ๆของเธอยิ่งขึ้นสีแดง พอจะปัสสาวะก็แสบซะจนไม่อยากจะปล่อยของเสียผ่านช่องทางที่บวมเป่ง มันทั้งเจ็บและแสบเกินกว่าจะอดทนจนทำธุระเสร็จ มีคราบน้ำสีขาวขุ่นปนแดงไหลออกมาพร้อมกัน เธอเม้มปากแน่นก่อนจะรีบกดชักโครกให้มันไหลลงไปความเจ็บยังจุดอ่อนไหวของร่างกายยังคงอยู่ เวลานั่งหรือเดินเร็ว ๆจะรู้สึกเจ็บแปลบอย่างหาสาเหตุไม่ได้ แต่อัญญาไม่ได้เอ่ยปากบอกอีกคนไปเพระเขาก็ไม่ได้มีท่าทีสนใจเธอแม้แต่น้อยมันคว
บทที่ 12“พี่ศิลาอัญเจ็บนะ” เสียงหวานร้องบอกเขาในตอนที่อีกฝ่ายคว้าเข้าที่เอวคอดก่อนจะลากเข้าหาตัวเองอย่างเอาแต่ใจความเจ็บแปลบแล่นเข้าสู่ข้อเท้าที่ถูกผ้าพันไว้ มันเจ็บจนเธอร้องเสียงหลง รู้สึกปวดตุบ ๆไม่หยุด แต่ศิลาก็ไม่ได้สนใจแต่อย่างใด ชายหนุ่มจับชายกระโปรงชุดนอนเธอขึ้น ออกแรงดึงแพนตี้ตัวจิ๋วให้รูดลงมาอยู่ตรงข้อพับอัญญานั่งชันเข่าคว่ำหน้าลง มือทั้งสองข้างยันเบาะโซฟาไว้ ส่วนศิลาอยู่ด้านหลังมือใหญ่บีบจับเอวบางของเธอไว้อย่างแนบแน่น คนตัวเล็กสะดุ้งเฮือกเมื่อรับรู้ถึงความอุ่นวาบที่ต้นขาใกล้กับจุดอ่อนไหวของร่างกายหน้าสวยหันกลับไปมองอีกคน ศิลากำลังก้มมองแท่งร้อนของตัวเองที่ตั้งใจจับมันถูไถเข้ากับร่างกายของเธอ ดวงตาคมดุเหลือบมองเธอเช่นกัน พอเห็นหน้าขาวขึ้นสีแดงระเรื่อก็ส่งเสียงหัวเราะหึในลำคอ“กลัวหรอ?”“…”“นี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการแต่แรกรึไงอัญญา” ดวงตากลมโตเลื่อนสบตากับเขาอย่างหงุ่นงง “อยากได้ฉันมากถึงขนาดยอมให้ลานิลหนีไปไม่ใช่รึไง”“มะ…ไม่จริงนะคะ อัญบอกแล้วไงว่าเขาหนีไปเอง”“แล้วทำไมไม่ห้าม?”“….”“มันต่างจากที่เธอพูดตรงไหนอัญญา”“แต่อัญไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้ ไม่ได้มีเจตนาจะมาแ