Share

โชคชะตาลิขิต

last update Dernière mise à jour: 2024-12-14 11:10:23

5

โชคชะตาลิขิต

“ข้าเคารพรองแม่ทัพต่งมานาน ได้เห็นว่าเจ้าเป็นบุตรสาวของนางจึงมีความคิดอยากจุดธูปไหว้นางหน่อยได้หรือไม่” ซูเหวินมองหน้าผู้พูดด้วยความงุนงง เหตุใดนางจึงกล่าวพิกลเช่นนี้ มีผู้ใดกันเดินเข้าบ้านผู้อื่นขอไหว้ผู้ล่วงลับ พอเห็นผู้เป็นนายเดินมาองครักษ์ก็หลบไปอยู่ข้างประตูหลีกทางให้ผู้เป็นเจ้านาย

“เจ้าเป็นผู้ใด เหตุใดมาโหวกเหวกหน้าจวนผู้อื่นเช่นนี้ แปลกยิ่งนัก”

“ข้าองค์หญิงหนิงเอ๋อ”

“ข้าจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเจ้าเป็นองค์หญิง” ซูเหวินกล่าวขณะเดินไปยืนอยู่ตรงหน้าสตรีที่แสร้งปลอมตัวเป็นชาย มองนางอย่างชั่งใจแปดในสิบส่วนเชื่อไปแล้วว่านางเป็นองค์หญิง คิดว่าหากนางตั้งใจหลอกจริงคงไม่กล้ามาถึงจวนเช่นนี้

“หน้าข้าเจ้าคงไม่เคยเห็น แต่คงรู้จักป้ายหยกตระกูลไป๋นี่ใช่หรือไม่” สตรีอายุน้อยกว่ายื่นป้ายหยกขาวสลักคำว่าไป๋ ดูก็รู้ว่าเป็นของในวังอย่างแน่นอน แต่นางกลับคิดว่าแปลกอยู่ดี องค์หญิงหนิงเอ๋อผู้ไม่เคยสนใจงานรื่นเริง งานของสตรีในวังเลย อยู่ ๆ มาหน้าจวนเช่นนี้

“ถวายบังคมองค์หญิง”

“ไม่ต้องมากพิธี หากเจ้ามั่นใจแล้วให้ข้าเข้าไปได้หรือไม่” สาวใช้ องครักษ์ รวมถึงคนงานเฝ้าประตูจวนล้วนพากันตกใจที่นางเป็นองค์หญิงจริง ๆ ซ้ำยังแต่งตัวเช่นนี้อยู่นอกวังอีก

“ทรงมาถึงหน้าจวน หม่อมฉันจะกล้าไม่ต้อนรับได้อย่างไร เชิญองค์หญิง” ซูเหวินผายมือเชิญให้องค์หญิงเข้าจวน เดินผ่านลานหน้าประตูใหญ่ก็พาไปทางลานประลอง ลานประลองร้างผู้คนมีเพียงคนเฝ้าประตูสองคนเท่านั้น

ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดยามได้เห็นต้นเฟิงหายากก็ต้องมองจนตาค้าง ความงดงามของลานประลองนั้นยากจะละสายตาจริง ๆ

ซูเหวินเลือกพาองค์หญิงหนิงเอ๋อไปนั่งโต๊ะหินใต้ต้นเฟิง แทนที่จะพาไปยังโถงรับแขก เพราะเห็นว่านางแต่งตั้งเช่นนี้คงไม่เหมาะจะให้ผู้อื่นได้เห็นจึงพานางไปยังลานประลองแทน

“องค์หญิงมาที่นี่ทำไมหรือเพคะ” เมื่อองค์หญิงนั่งลงนางจึงเอ่ยถามพลางไล่หญิงรับใช้ให้ไปนำชามารับแขก ซูเหวินยืนยิ่งอยู่ข้างโต๊ะม้าหินอ่อน อย่างไรสตรีตรงหน้าก็เป็นองค์หญิง สามชาติก่อนนางไม่เคยได้สนิทชิดเชื้อกับองค์หญิงหนิงเอ๋อ เพราะนางเป็นน้องสาวร่วมอุทรขององค์ชายสาม และองค์ชายสามกับองค์หญิงสี่ไม่ค่อยลงรอยกันสักเท่าไร

“ข้าไม่ได้ตั้งใจ ก็แค่ตามมาขอบคุณเท่านั้นที่ก่อนหน้านี้ช่วยข้าเอาไว้ แต่เมื่อรู้แล้วว่าเจ้าเป็นบุตรีรองแม่ทัพต่งจึงอยากรู้จัก เจ้านั่งลงเถอะ” องค์หญิงกล่าวด้วยรอยยิ้มพลางยื่นมือไปตบเก้าอี้หินอ่อนเรียกสองสามที

นางเดินมานั่งอย่างว่าง่าย ไม่ได้นึกเกรงกลัวหรือเกรงใจเพียงแต่อยากหยั่งเชิงนิสัยองค์ญิงผู้นี้ ดูว่านางมีนิสัยเหมือนองค์หญิงหนิงลี่พี่สาวหรือไม่ สองสามชาติก่อนนางมักถูกสตรีผู้นั้นหาเรื่องอยู่เสมอ

“ขอบพระทัยองค์หญิง ซูเหวินเป็นแค่ราษฎรตัวเล็ก ๆ จะมีสิ่งใด้ให้องค์หญิงสนพระทัยกันเพคะ”

“ข้าบอกตามตรงที่จริงก็ไม่ได้อยากรู้เรื่องเจ้าสักเท่าใด ข้าอยากรู้เรื่องมารดาเจ้ามากกว่า อยากรู้ว่านางฝึกวิชาต่อสู้ กลยุทธ์ต่าง ๆ จากผู้ใด”

“เช่นนั้นขอตอบตามตรง ซูเหวินแม้จะเป็นบุตรสาวแต่มารดาไม่ปรารถนาให้ดำเนินรอยตามจึงไม่เคยสั่งสอนวิชาเหล่านั้นให้ มีเพียงรำกระบี่เท่านั้นที่มารดาสอน หากจะให้บอกว่าอาจารย์ของท่านแม่เป็นใครก็คงจะเป็นท่านตา ซึ่งทั้งสองไม่อยู่แล้วเกรงว่าจะมาสอนองค์หญิงไม่ได้”

“น่าเสียดาย เจ้าว่าข้าพอจะเป็นอย่างรองแม่ทัพต่งได้หรือไม่ ข้าชื่นชมนางยิ่งนัก ภายหน้าก็อยากเป็นวีรสตรีเช่นนาง” องค์หญิงพูดไปเรื่อยเปื่อยราวกับกำลังบอกเล่าเรื่องชีวิตให้สหายอย่างไรอย่างนั้น เมื่อรู้ว่าต่งซูเหวินเป็นบุตรสาวรองแม่ทัพต่งอคติในใจก็ลดลง กลายเป็นสบายใจจะพูดคุยกับนางทั้งที่นางไม่เข้าหาผู้อื่นก่อน

“องค์หญิง...”

“ขอโทษ ข้าไม่ค่อยมีเพื่อน เมื่อมีคนให้พูดด้วยจึงลืมตัวไป อีกทั้งเจ้าดูไม่เหมือนบุตรสาวผู้สูงศักดิ์คนอื่น ๆ พวกนางมักประจบข้าเพราะรู้ว่าข้าเป็นลูกที่ฮ่องเต้โปรดปราน” แม้จะกล่าวขอโทษแต่นางก็ยังคงเล่าเรื่องราวไม่หยุด ชวนให้ต่งซูเหวินขบขัน นางหัวเราะเบา ๆ ให้ท่าทีองค์หญิงหนิงเอ๋อ

สาวใช้เดินถือกาน้ำชามาวางลงบนโต๊ะหินอ่อน พอได้ยินเสียงหัวเราะหญิงสาวผู้มาเยือนจึงหันมองเจ้าของเสียงหัวเราะ แววตางุนงง ขมวดคิ้วแน่น นางคิดตรึกตรองอยู่สักครู่จึงหัวเราะตามเจ้าของจวน

ทั้งที่ตนเองเพิ่งกล่าวขอโทษแต่ยังพูดไม่หยุด เจ้าของบ้านไม่มีโอกาสพูดสักคำ ช่างน่าขันยิ่งนัก

“เจ้าน่าสนใจยิ่งนัก”

“องค์หญิงคิดไปเองกระมัง หม่อมฉันมิได้ทำสิ่งใดเลย”

“เอาเถอะ เอาเป็นว่าข้าถูกใจเจ้านัก เช่นนั้นมาเป็นสหายกันเถอะ”

“เดี๋ยวก่อนองค์หญิง...”

“อย่างไรเราก็เป็นสหายกันแล้ว เจ้ารำกระบี่ให้ข้าดูได้หรือไม่” ครานี้เป็นต่งซูเหวินขมวดคิ้ว นางไม่เคยพบเจอคนเช่นนี้มาก่อนจริง ๆ พูดเองเออเองไปเสียหมดนางยังไม่ได้ตอบตกลงเสียหน่อย แต่กระนั้นนางก็ไม่ได้ดูมีพิษมีภัยหรือร้อยเล่ห์มารยาทเช่นหนิงลี่

“ให้ข้ารำกระบี่ก็มิใช่ปัญหา เพียงต้องเตรียมตัวสักหน่อย แต่นี่เย็นมากแล้วหากรอนานกว่านี้เกรงว่าทางกลับวังขององค์หญิงจะอันตราย”

“ไม่เป็นไรข้ารอได้ หากฟ้ามืดเสียก่อนเดี๋ยวก็มีคนมารับข้าเอง อย่าห่วงเลย” องค์หญิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม ยืนยันว่าจะมืดค่ำเพียงใดก็อย่างดูรำกระบี่ของรองแม่ทัพต่ง บุคคลที่ตนเองนับถือมาแสนนาน ป่านนี้นางยังไม่กลับคนผู้นั้นคงออกมาตามหานางแล้วกระมัง เช่นนี้จะกลัวอันตรายทำไม

ท่านหญิงต่งเตรียมตัวสักพักก็หลันอันฉีก็กระบี่บางสองเล่มเดินตามมา ส่วนหงอิงก็แบกฉินตามมาด้วย

“อันฉี เจ้าเล่นฉินเป็นหรือไม่”

“พอได้ขอรับ”

“เช่นนั้นเจ้าเล่นเพลงที่ข้าเล่นวันประลองได้หรือไม่” นางถามองครักษ์ข้างกายอีกครั้ง พลางยื่นมือไปชักกระบี่บางสองเล่มในมือเขามาถือเอาไว้

หงอิงเดินไปวางฉินลงบนแท่นไม้ข้างโต๊ะหินอ่อนซึ่งอยู่ห่างจากต้นเฟิงไม่มากนัก

“ข้าจะพยายาม” หลันอันฉีกล่าวด้วยความเจียวตัวเดินไปนั่งหน้าฉิน วางฝักกระบี่ลงข้างกาย พอเห็นผู้ร่วมแสดงพร้อมหญิงสาวจึงถือกระบี่เดินไปยืนอยู่ใต้ต้นเฟิง

ชายหนุ่มเริ่มบรรเลงเพลงฉินที่จำได้ไม่เคยลืมวันนั้น เมื่อเขาเริ่มนางก็ขยับร่างกายอ่อนช้อย พริ้วไหวราวกับกลีบดอกไม้ร่วงหล่นจากต้นในฤดูสารท งดงามเพลินตา ประกอบกับแสงตอนพลบค่ำ ทำให้นางยิ่งดูงดงามท่ามกลางการร่ายรำกระบี่

ใบเฟิงถูกลมพัดลมลงใบแล้วใบเล่า ท่วงทำนองเพลงยังคงเล่นไปไม่หยุด การร่ายรำก็ยังอ่อนหวานและแข็งแรงไปพร้อม ๆ กัน

มือยังคงอยู่บนสายฉิน แต่สายตากับจดจ้องอยู่ที่เรือนร่างเพรียวบางไม่วางตา เช่นเดียวกับสายตาอีกคู่ตรงประตูทางเข้าลานประลอง...

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Latest chapter

  • ได้โอกาสอีกคราข้าไม่ขอเป็นอนุ   มีเพียงท่าน [จบ]

    45มีเพียงท่านเช้ามาทั่วทั้งเมืองต่างมีข่าวว่าตระกูลหลานของเสนาบดีเลี้ยงต้อนรับบุตรชายคนเล็ก และยังมีข่าวงานหมั้นหมายของบุตรชายกับหญิงสาวตระกูลสูงศักดิ์ตระกูลหนึ่ง“หงอิงให้คนเตรียมรถม้า ข้าจะไปตระกูลหลาน”“เจ้าค่ะคุณหนู”“ไหนบอกว่ารักข้า ยอมปลิดชีพตนตามมาเพื่อดูแล แต่เสร็จเรื่องแล้วจะไปแต่งผู้อื่นแบบนี้ได้อย่างไรกัน หลันอันฉีเจ้าใจร้ายยิ่งนัก” นางบ่นพึมพำขณะผลัดเปลี่ยนอาภรณ์อยู่ลำพัง เดิมทีวันนี้ตั้งใจจะไปถามเขาให้รู้เรื่องว่าเหตุใดจึงหนีนางไปเช่นนี้ แต่เช้านี้กลับได้ยินบ่าวในเรือนพูดคุยกัน บุตรชายคนเล็กของเสนาบดีขวากลับมาและที่จวนหลานกำลังจะมีงานมงคลครึ่งชั่วยามรถม้าจากจวนต่งก็มาถึงหน้าจวนหลาน ผู้คนหน้าจวนมิได้มีผู้คนมากมายนัก อาจเพราะทั่วเมืองกำลังไว้ทุกข์ให้หวงกุ้ยเฟยที่สิ้นพระชนม์ งดเว้นงานรื่นเริงสังสรรค์ งดเว้นการจัดการงานสมรส ที่จวนหลานเพียงเชิญสหายสนิทมากินอาหารและพูดคุยเรื่องแต

  • ได้โอกาสอีกคราข้าไม่ขอเป็นอนุ   ในใจมีผู้ใด

    44ในใจมีผู้ใด“องค์ชายสี่เชิญนั่งเพคะ” เมื่อไท่จื่อเดินออกไป องค์ชายสี่ก็เดินเข้ามา เขาเองก็คงมาด้วยเหตุผลเดียวกับไท่จื่อ หลิงซือฝูเองก็เช่นเดียวกัน เหตุใดชาติก่อนนางจึงไม่มีผู้คนมารักมากมายเพียงนี้บ้าง“ท่านหญิงคงรู้แล้วว่าข้ามาด้วยเหตุใด”“พอรู้เพคะ แต่...”“ท่านหญิงฟังข้าให้จบก่อนได้หรือไม่” นางไม่ได้ตอบแต่พยักหน้าแทนคำตอบ จากนั้นนั่งเงียบให้เขาได้พูดเรื่องราวต่าง ๆ ให้จบสิ้นไม่ติดค้างในใจก่อน“ในใจข้ามีท่านหญิงมาตั้งแต่เราได้รู้จักกันในคราแรกแล้วยิ่งรู้สึกชื่นชมเมื่อได้รู้จักท่านมากขึ้น ช่วงเวลาที่ท่านกับน้องหญิงมาที่สำนักศึกษาข้าดีใจยิ่งนักที่ได้เห็นท่านทุกวัน”“...”“แต่เมื่อได้รู้ว่ามารดาทำสิ่งใดลงไปบ้าง ข้าจึงเริ่มรู้สึกว่าท่านรู้บางสิ่งที่ข้าไม่รู้ จนได้รู้ว่าเสด็จแม่เป็นหนึ่งในผู้ที่ส่งคนมาทำร้ายท่าน ยามนั้นข้าได้รู

  • ได้โอกาสอีกคราข้าไม่ขอเป็นอนุ   ผู้ทำผิดถูกลงโทษ

    43ผู้ทำผิดถูกลงโทษประกาศจากในวังให้มีการสอบรับเลือกขุนนางอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า เพราะขุนนางจากตระกูลซูถูกลงโทษและถูกปลด องค์จักรพรรดิของแผ่นดินนี้ยังคงเป็นจักรพรรดิหนิงหวง องค์ชายสี่เกลี้ยกล่อมมารดาไม่สำเร็จจึงกราบทูลต่อบิดาด้วยความเสียใจถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่ได้ยินมาด้วยเห็นแก่บุตรชายฮ่องเต้จึงยังคงรักษาพระเกียรติของหวงกุ้ยเฟยเอาไว้ ทรงประทานเหล้าพิษและปล่อยข่าวไปว่าพระองค์ทรงป่วยจนสิ้นพระชนม์ มิได้บอกกล่าวแก่ผู้ใดว่าพระนางร่วมมือกับตระกูลซูก่อกบฎองค์ชายสามได้รับแต่งตั้งเป็นไท่จื่อ เพราะองค์ชายสี่ขอเป็นผู้คอยช่วยเหลือเคียงข้างพี่ชายเท่านั้น กุ้ยเฟยเองก็ถูกแต่งตั้งเป็นฮ่องเฮาหลังจากเหตุการณ์นี้เช่นกัน ราชสำนักสั่นคลอนอย่างแท้จริง โชคดีที่ได้เสนาบดีขวาเป็นเสาหลักอยู่ จึงไม่มีจราจลใดในยามนี้ตระกูลซูถูกตัดสินประหารชีวิต แต่ซูฉางเหอยอมรับความผิดทั้งหมดไว้เอง ซูชิงเยียนและหญิงสาวในตระกูลจึงถูกลงโทษเนรเทศไปยังเขตชายแดนที่หนาวเหน็บห้ามกลั

  • ได้โอกาสอีกคราข้าไม่ขอเป็นอนุ   ข้าไม่รั้ง

    42ข้าไม่รั้งเพียงสามวันนางก็ได้ข่าวจากหลิงซือฝูว่าองค์ชายสี่ทรงกราบทูลต่อฮ่องเต้ หวงกุ้ยเฟยทรงสมคบคิดกับตระกูลซูคิดก่อการกบฎ เรื่องนี้ถูกสอบสวนอย่างหนักรวมไปถึงคดีสินบนของเหล่าขุนนาง กระทั่งคดีลอบทำร้ายท่านหญิงเจียวจ้านแห่งสกุลต่ง ทำให้เช้านี้ต่งซูหนี่ถูกพาตัวไปยังกรมอาญาเพื่อสอบสวนร่วมกันเช้านี้ต่งซูเหวินจึงมีสีหน้าสดชื่นกว่าก่อน หากในจวนไม่มีต่งซูหนี่เหมือนทุกวันคงดีนัก หลังอ่านจดหมายของหลิงซือฝูเสร็จนางไปเดินเล่นอยู่หน้าลานประลองชื่นชมลานประลอง และต้นเฟิงที่มารดารักยิ่ง ใบหน้างดงามประดับด้วยรอยยิ้มกว้างหลังจากนี้นางคงได้ใช้ชีวิตตนเองอย่างสงบสุขเสียที“เหตุใดเจ้าต้องทำกับน้องสาวตนเองถึงเพียงนี้” นางคงลืมไปชั่วครู่ว่าภายในจวนนี้ยังมีมารดาเลี้ยง และบิดาผู้ลำเอียงของนางอยู่ต่งซูเหวินถอนหายใจหนัก ๆ ก่อนจะหันกลับไปเผชิญหน้ากับสองสามีภรรยาทางด้านหลัง นางรู้อยู่แล้วว่ามารดาเลี้ยงต้องมาหาเรื่องนางหากซูหนี่ถูกนำตัว

  • ได้โอกาสอีกคราข้าไม่ขอเป็นอนุ   ถูกต้องหรือถูกใจ

    41ถูกต้องหรือถูกใจ“ถวายบังคมองค์ชาย องค์ชายท่านมาที่นี่ได้อย่างไร” ต่งซูเหวินถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจ นางไม่คิดว่าจะได้เจอองค์ชายสี่ที่หน้าจวนในยามนี้ ท้องฟ้าเริ่มไร้แสงผู้คนเริ่มเก็บตัวอยู่ในบ้านเรือนตนเองเพราะอีกไม่นานตะวันจะลับฟ้าผู้ใดจะคิดเล่าว่าจะมีองค์ชายมายืนหน้าจวนตนเองพร้อมม้าอีกหนึ่งตัวเช่นนี้“ขออภัยท่านหญิงที่ข้าเสียมารยาทมาหาท่านในยามนี้ แต่ข้าไม่รู้ว่าจะพูดคุยเรื่องนี้กับผู้ใดได้อีกนอกจากท่าน ในหัวเอาแต่คิดถึงเรื่องที่ท่านหญิงพูดเมื่อคราวก่อน”“องค์ชายทรงร้อนใจเช่นนี้ เชิญเถอะเพคะ” แม้นางจะหมดรักในตัวเขาตั้งแต่ชาติก่อนแล้ว แต่ความห่วงใยนี้ก็คงมิอาจตัดได้หมด ฟังจากเรื่องราวทั้งหมดผู้ที่น่าเห็นใจนอกจากนางก็คือเขา เพราะนางเห็นใจครอบครัวจึงยอมแต่งเป็นพระชายารองอีกครั้ง ส่วนเขาเห็นใจมารดาจึงยอมทำผิดใหญ่หลวงบุตรต้องกตัญญูแต่หากว่าบิดามารดามิได้ใฝ่สิ่งดี บาปกรรมก็ล้วนตกอยู่ที่บุตรท

  • ได้โอกาสอีกคราข้าไม่ขอเป็นอนุ   สาเหตุของการตาย

    40สาเหตุของการตาย“เจ้าเล่าให้ละเอียดหน่อย นี่เรื่องจริงหรือไม่” นางถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ทั้งยังตกใจมากเมื่อคิดว่ามีผู้อื่นย้อนเวลามาเหมือนนางเช่นนี้ แล้วยังเป็นผู้ที่อยู่ข้างกายนางตลอด อีกทั้งยังปิดบังนางมาตลอดไม่เคยบอกสิ่งใดแก่นางแต่หากเขาได้ย้อนเวลากลับมานั่นหมายถึงเขาก็มีเรื่องอยากแก้ไข แล้วเรื่องนั้นคงต้องเกี่ยวกับนางไม่เช่นนั้นบุตรชายเสนาบดีอย่างเขา คงไม่ยอมมาลำบากอยู่ข้างนางเช่นนี้“หลายปีก่อนตอนรวมแผ่นดินข้ากับมารดาถูกจับเป็นเฉลย เพื่อให้ท่านพ่อยอมทรยศแต่ได้รองทัพต่งแอบลอบเข้าไปช่วยเหลือสุดท้ายหนีออกมาได้ ข้าและท่านแม่บาดเจ็บได้ท่านคอยดูแลตอนอยู่นอกแคว้น ข้าจำได้แม่นยำว่าคุณหนูจิตใจดีมากเพียงใด หลังจากช่วยเหลือไว้คุณหนูกับรองแม่ทัพต่งก็จากไปโดยฝากข้าและท่านแม่ไว้กับชาวบ้านนอกแคว้น ทั้งยังมอบเงินไว้ให้ท่านแม่รักษาตัวด้วย”“...”“ต่อมาพบว่าตระกูลต่งสิ้นแล้ว จึงได้แต่เสียใจ

Plus de chapitres
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status