หน้าหลัก / รักโบราณ / 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก / บทที่ 11 ลงทุนเพื่อหวังผลกำไร

แชร์

บทที่ 11 ลงทุนเพื่อหวังผลกำไร

ผู้เขียน: จินเหมยเทียน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-01-05 20:45:03

บทที่ 11 ลงทุนเพื่อหวังผลกำไร

เพียะ!! เมื่อหลิวเจียอิงไม่สามารถยั้งอารมณ์กรุ่นโกรธได้ก็ลงมือตบตีทันที

"มึงอย่าอยู่เลยอีนังกาฝาก เลวทั้งแม่ทั้งลูก!! สารเลวทั้งครอบครัว!! " นางหลิวไม่สนใจสิ่งใด ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ไม่สนใจว่ามีคนกำลังเดินเข้ามา ไม่ใช่แค่คนงาน ยังมีกลุ่มคุณครูของเยว่หรูเดินมาด้วย

เมื่อทุกคนเห็นภาพตรงหน้า ต่างวิ่งเข้ามาช่วยแยกนางหลิวออกจากเยว่หรูทันที เยว่หรูโดนดึงเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของใครก็ไม่รู้เพราะมันชุลมุนวุ่นวายไปหมด 

"เจ็บไหมลูก" เสียงสั่นเครือของมารดาสอบถาม พร้อมกับจับลูกหันซ้ายหันขวาตรวจดูว่าบาดเจ็บตรงไหนบ้าง

"เจ็บ... ข้าวเราหกหมดเลย" เยว่หรูตอบพร้อมกับเม้มปากแน่น... แล้วชี้นิ้วไปทางปิ่นโตที่นอนแอ้งแม้งที่พื้น อาหารกลางวันของเธอกระจัดกระจายเต็มพื้น

"ช่างมันลูก เยว่หรูเจ็บตรงไหนบ้าง" จางหยวนและภรรยาคือคนที่วิ่งมาดึงตัวลูกสาวออกมาตั้งแต่แรก จางหยวนผลักแม่เลี้ยงออกไปให้ห่างจากลูกสาวของเขาอย่างไม่สนใจ

หากเป็นแต่ก่อนเขาก็ยังพอที่จะพูดจาและไว้หน้าอยู่บ้าง ถึงจะไม่ชอบ แต่เห็นแก่พ่อของเขาเลยไม่สนใจแม่เลี้ยงมากนัก แต่ครั้งนี้ เขาเห็นแม่เลี้ยงทำร้ายลูกสาวต่อหน้าต่อตา ทั้งที่มีคนอยู่ที่นี่ตั้งมากมายยังกล้าที่จะลงมือทำร้ายเลย หากไม่มีคนอยู่ด้วยอาจลงมือฆ่าลูกสาวของเขาก็ได้ ใครจะไปรู้

"เจ็บตามตัวและหน้าค่ะ" จริง ๆ เยว่หรูก็ไม่ได้เจ็บมากหรอก แต่เพราะลงทุนแล้วก็ต้องเก็บเกี่ยวผลและกำไรไว้ทั้งหมด

"เยว่หรูมานี่ก่อน" กลุ่มคุณครูประจำชั้นของเธอเดินเรียกให้เข้าไปหาเพื่อดูว่าเธอบาดเจ็บตรงไหนบ้าง แล้วจะทำการสอบสวนเกี่ยวกับเรื่องที่เกิด

เยว่หรูเลยเดินไปหาคุณครูที่ยืนอยู่ไม่ห่างกันมากนัก คุณครูมองข้าวของที่กระจัดกระจายอยู่ที่พื้น รวมถึงอาหารกลางวันด้วยก็พากันถอนหายใจ ต้องบอกว่าอาหารเป็นสิ่งหายากในยุคนี้ การที่เห็นอาหารที่ตกกระจายในพื้นทำให้หลาย ๆ คนปวดใจกับภาพนี้ยิ่งนัก

"หนูตั้งใจเอาอาหารมากินพร้อมพ่อกับแม่ แต่ว่าตอนนี้มันไม่เหลือแล้ว" เมื่อเห็นว่าทุกคนพากันมองอาหารที่พื้น เยว่หรูก็ตีหน้าเศร้าพูดขยี้เรื่องอาหารให้คนที่อยู่ในบริเวณนี้ได้ยินชัด ๆ

ถึงแม้มันจะหดหู่หัวใจที่เห็นหลายคนสนใจเรื่องอาหารที่หกกระจัดกระจายบนพื้นมากกว่า... สนใจที่เด็กคนหนึ่งถูกผู้ใหญ่ทำร้าย คนที่นี่สนใจเรื่องอาหารมากกว่าอย่างอื่น เรื่องเด็กโดนทุบตีมันมีให้เห็นบ่อย ๆ บางคนเลยมองเป็นเรื่องปกติ พอตบตีเสร็จก็บอกว่าสั่งสอนลูกหลาน สารพัดข้ออ้างที่นำมาบอกเพื่อลงมือกับลูกหลานของตนเอง ยังดีที่ไม่ได้เป็นแบบนั้นทุกคน อย่างน้อยก็มีครอบครัวเธอนี่แหละที่ไม่สนใจอย่างอื่นมากกว่าคนในครอบครัว

"ฉันไม่ผิด!! นังเด็กนั่นมันต่อปากต่อคำกับฉันเอง!! มันไม่ใช่อย่างที่ทุกคนเห็น มันมารยา!! " นางหลิวโวยวายเสียงดัง ไม่พอใจและยังโมโหที่โดนนังเด็กนี่ยอกย้อน

"เรื่องนี้ต้องสอบสวนทีละคน ใครจะเป็นคนพูดก่อน" หัวหน้าหมู่บ้านเป็นคนพูดขึ้น จะปล่อยเลยตามเลยก็ไม่ได้... เนื่องจากตอนนี้มีทั้งหัวหน้ากองคอมมูนและคุณครูอีกหลายคน

"ฉันเล่าก่อน นังเด็กนี่มันเดินหอบหิ้วของมา ฉันก็ทักทายมันปกติ แต่มันหันมาด่าฉัน เรียกฉันป้าทั้งที่มันต้องเรียกฉันว่าย่า ในเมื่อมันไม่รู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ ฉันก็สั่งสอนมันในฐานะญาติผู้ใหญ่... " นางหลิวเล่าในส่วนของของตน ทุกคำนั้นเน้นเรื่องสั่งสอนเด็ก คนส่วนมากก็อ้างแบบนี้ทั้งนั้น พออ้างแบบนี้ก็ไม่มีใครเอาผิดได้แล้ว

"เยว่หรู เล่าให้ครูฟัง... ไม่ต้องกลัว" หมิงเว่ยเดินเข้ามาบอกนักเรียนของเขา เพื่อเพิ่มความกล้าให้พูดออกมาให้หมด อย่าได้กลัว...

"หนูเดินมาดี ๆ แต่พอมาถึงตรงนี้... ย่าเขาก็เรียกหนูว่า นังเด็กเหลือขอ

และก็ด่าแบบที่เคยด่า ด่ารวมหมดทั้งพ่อและแม่ เหมือนทุกครั้งที่เขาเจอหนูนั่นแหละค่ะ" เยว่หรูพูดให้ดูเหมือนว่าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบ่อย ๆ และทุกคนที่อยู่บริเวณนี้รู้อยู่แล้วว่ามันมีคำไหนบ้าง เพราะทุกคนเห็นประจำ เยว่หรูยอมโดนต่อว่ามาเป็นเดือนโดยไม่ตอบโต้ก็เพื่อการนี้แหละ

"ด่าว่าอะไรบ้าง บอกได้ไหม" เมื่อเห็นนักเรียนทำท่าอ้ำอึ้งเหมือนไม่กล้าพูด เหล่าคุณครูก็เข้ามาถามนักเรียนทันที

"เอ่อ... ครูคะ... บางคำมันค่อนข้าง... หนูพูดได้ใช่ไหม" เยว่หรูยังอ้ำอึ้งทำหน้าเหมือนลำบากใจที่จะพูดเรื่องนี้

"ทำไมถึงจะพูดไม่ได้" เมื่อเห็นท่าทางของเยว่หรูแล้วก็ไม่เข้าใจมากนัก

"เพราะ... หนูเคยอ่านในหนังสือว่าด้วยเรื่องกฎหมายข้อบังคับ มันมีบางคำที่ย่าพูดออกมา... เอ่อ... ทหารแดงจะไม่มาจับหนูใช่ไหม... ถ้าหนูพูดคำพวกนั้นออกไป" เยว่หรูเอาเรื่องกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้อง เนื่องด้วยคนที่นี่รู้เรื่องกฎหมายน้อยมาก แต่กลับกลัวการทำผิดกฎหมายมาก และชาวบ้านเชื่อว่าหากพูดคำต้องห้ามออกมา สามารถแจ้งทหารแดงจับไปสอบสวนได้เลย ทุกคนรู้ว่ามันมี... แต่ทุกคนไม่รู้ว่ามีคำไหนบ้างเท่านั้นเอง...

"ถ้าเช่นนั้นไม่ต้องบอกหรอก" เมื่อมีเรื่องที่สุ่มเสี่ยง ชาวบ้านที่ไม่อยากเจอทหารแดงก็รีบเอ่ยแทรก

"ฉันไม่ได้พูด!! นังเด็กนี่มันกุเรื่องใส่ร้ายฉัน!! " นางหลิวไม่ยอมเด็ดขาด คำที่นางหลิวด่าทอก็พูดทุกวันอยู่แล้ว จะผิดอะไร...

"เงียบเลยนางหลิว!! รู้ไหมว่ามีคำไหนถูกหรือผิด คำที่พูดออกมาอาจมีคำต้องห้ามก็ได้ แกยิ่งชอบด่าทอครอบครัวนี้อยู่ด้วย สารพัดคำที่สรรหามาว่า แกอยากเจอทหารแดงมาที่หมู่บ้านหรือยังไง ฮะ!! " ชาวบ้านเริ่มต่อว่านางหลิว ทุกคนก็ต่างหลีกเลี่ยงทหารแดงกันทั้งนั้น เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าตัวเองจะทำผิดหรือพูดคำต้องห้ามอะไรไว้บ้างหรือเปล่า

เยว่หรูคิดเอาคืน... และหาทางไม่ให้ครอบครัวของย่าหลิว หรือที่เธอตั้งฉายาให้ใหม่ว่ายัยป้าข้างบ้าน เพื่อไม่ให้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับครอบครัวเธออีก แต่ไม่คิดว่าเธอจะได้ทำตามแผนในวันนี้ และมันก็คุ้มเพราะว่าที่นี่มีพยานรู้เห็นจำนวนมาก มีทั้งหัวหน้าหมู่บ้าน หัวหน้ากองคอมมูน และยังมีคุณครูที่โรงเรียนของเธออยู่ด้วย พยานตัวใหญ่ ๆ ทั้งนั้น...

เรื่องที่เจอครูที่นี่ เธอไม่ได้แปลกใจ... ครูปล่อยให้เลิกเรียนเร็ว เพราะต้องการที่จะมาคุยกับหัวหน้าหมู่บ้านและหัวหน้าคอมมูนเกี่ยวกับการที่จะให้นักเรียนมาช่วยงานในอาทิตย์หน้า อาจเพราะโชคเข้าข้าง เธอถึงได้เจอยัยป้านี่พอดี และเหมือนถึงคราวที่ยัยป้าจะได้ชดใช้คืน เธอลงทุนโดนตบและเสียอาหารกลางวันเชียวนะ!! เธอต้องเก็บเกี่ยวผลผลิตและกำไรให้มากกว่าที่ลงทุน เธอไม่ยอมขาดทุนแน่นอน...

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 53 ตอนพิเศษ

    บทที่ 53 ตอนพิเศษ"หนิงหนิงต้องเดินตามตา เข้าใจไหมครับ" จางหยวนบอกหลานสาวสุดน่ารักของเขา ที่วันนี้แต่งตัวมาพร้อมเก็บใบชา มีตะกร้าใบเล็กสะพายอยู่ทางด้านหลัง พร้อมทำงานเป็นอย่างมาก"คุณตาเชื่อใจหนิงหนิงได้เลยค่ะ" หานเผยหนิงวัยห้าขวบที่ตอนนี้กลายมาเป็นคนงานเก็บใบชาของคุณตาก็รับปากอย่างแข็งขัน"ยายว่ารอพี่ใหญ่กับพี่รองดีกว่าไหม" ลู่หลินที่มองหลานสาวก็อดเอ็นดูในความน่ารักไม่ได้ หลานสาวของเธอนั้นถอดแบบแม่มาแทบทั้งหมด มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่ได้จากคนเป็นพ่อ นั่นยิ่งทำให้หลานสาวของเธอน่ารักน่ามองมากกว่าเดิม"ไม่ได้ค่ะคุณยาย หากพี่ใหญ่พี่รองมา หนิงหนิงก็สู้ไม่ได้" หนิงหนิงต้องเก็บได้เยอะกว่า งานนี้หนิงหนิงต้องชนะ!!"หากแม่มาเจอ โดนดุอย่าหาว่ายายไม่เตือน" ลู่หลินแกล้งขู่หลานสาวตัวน้อยที่ดูจะกลัวแม่มากกว่ากลัวพ่อ"ไม่ค่ะคุณยาย วันนี้คุณแม่มีงานที่โรงพยาบาล และตอนบ่ายคุณพ่อจะรับไปโรงงานค่ะ หนิงหนิงปลอดภัยแน่นอนค่ะ" หนิงหนิงรีบบอกคุณยายทันที เธอจำได้ ก้นเธอไม่เจ็บแน่นอนเพราะคุณแม่ไม่อยู่"ถ้าอย่างนั้นไปกันเลย" จางหยวนผู้ที่ตามใจหลานมากกว่าตามใจลูก มีหรือที่จะขัดใจหนิงหนิงตัวน้อยได้ เจอหลานออดอ้อนนิ

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 52 บทส่งท้าย ครอบครัว

    บทที่ 52 บทส่งท้าย ครอบครัววันเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ จากเคยนับวันว่ามาอยู่ที่นี่นานแล้วหรือยัง กลายเป็นว่าเลิกนับวันเวลาแล้ว ตอนนี้ที่นับคืออายุของลูก ๆ ของเธอที่กำลังโต ช่วงระยะเวลาที่ผ่านมานั้นต้องบอกว่ายุ่งกับการทำงานและการเลี้ยงลูก ยังดีที่พ่อกับแม่ของเธอมาช่วยเลี้ยง ไม่อย่างนั้นบอกเลยว่าเธอกับสามีไม่น่าจะเลี้ยงแฝดสามได้ และด้วยความที่แทบไม่มีเวลาพัก สามีของเธอบอกเลยว่า... พอแล้ว... มีสามคนก็พอแล้ว ไม่เอาอีกแล้ว ไม่รู้ว่าเข็ดที่ลูกซนหรือว่ายังไงเยว่หรูทำงานที่โรงพยาบาลและทำงานที่บ้านด้วย ที่ตอนนี้ขยับขยายให้เป็นโรงงานขนาดเล็กผลิตยาสมุนไพรส่งทางสาธารณสุข โดยมีสามีของเธอเป็นคนดูแลตรงนี้ ส่วนในเรื่องของโรงงานตระกูลหานนั้นก็จัดแบ่งให้คนสนิทมาช่วยงาน แต่เขาก็ยังเป็นคนตัดสินใจในทุกเรื่อง ดีที่ได้สามีของพี่เหมยมาช่วยงาน ทำให้ทุกอย่างไม่ยุ่งยากมากนักในส่วนเรื่องของพระเอกที่เยว่หรูกลัวนั้น ก็ยังได้ข่าวเขาบ้างบางครั้งจากอาจารย์หม่า หรือบางทีเขาก็มาหาสามีเธอ แต่ก็ยังไม่เห็นจะแต่งงานสักที เยว่หรูกับพี่เหมยลุ้นอยู่ว่าคนไหนคือนางเอกตัวจริงของนิยายเรื่องนี้ แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เห็นนางเอกเลยในส

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 51 วันที่รอคอย

    บทที่ 51 วันที่รอคอย"คุณหมอคะ ไม่ต้องตื่นเต้นนะคะ" ลู่จิวหรือพี่เหมยเดินเข้ามาให้กำลังใจคุณหมอถึงหน้าห้องคลอดเลยทีเดียว"พี่เหมย... หมอกลัว" เยว่หรูบอกไปตามตรง เนื่องจากเธอท้องแฝด การคลอดเลยต้องผ่าคลอด และคนที่ติดต่อหมอต่างชาติให้มาทำคลอดให้เธอนั้นก็คืออาจารย์หม่านั่นเอง "อย่างน้อยก็ยังสามารถผ่าคลอดได้" ลู่จิวรู้ดีว่าคุณหมอกังวลเป็นอย่างมากเพราะทางการแพทย์ในสมัยนี้ยังไม่ก้าวหน้าเท่ายุคที่จากมา อุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่พร้อม ยังดีที่อาจารย์หม่าคอยช่วยเหลือ ไม่อย่างนั้นเธอจะกังวลหนักมากกว่านี้แล้ว"แล้วพี่มาอยู่นี่ใครดูลูกชาย อย่าบอกนะว่าไปทำงานกับพ่ออีกแล้ว ลูกชายพี่ยังไม่สามเดือนเลยนะ" เยว่หรูถามหาหลานชายที่มีอายุเพียงสองเดือนกว่าพี่เหมยคลอดลูกในวันที่เยว่หรูจบการศึกษา ซึ่งได้ดั่งใจที่สามีพี่เหมยอยากได้ นั่นคือลูกชายตัวอ้วนกลมจ้ำม่ำ พี่ห่าวซวนนั้นหลงลูกมาก บางวันต้องหอบพาลูกไปทำงานที่โรงงานด้วย ตอนนี้พี่ห่าวซวนคือคนที่เข้าไปดูแลโรงงานของตระกูลหานแทนสามีของเยว่หรู เนื่องจากสามีของเยว่หรูต้องคอยดูแลเธอและดูแลโรงงานผลิตยาสมุนไพรส่งสาธารณสุขด้วย ทุกคนเลยต้องแบ่งงานกันทำ"สามีจะรออยู่ตรงนี้ ไม่

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 50 เรียนจบ

    บทที่ 50 เรียนจบวันนี้คือวันที่ทางสมาพันธ์จะมอบใบประกาศสำเร็จการศึกษาให้แก่เยว่หรู ซึ่งเร็วกว่าที่กำหนดไว้ เพราะตอนที่อาจารย์หม่าเคยแจ้งนั้นบอกว่าหลังกลับจากค่ายแรงงานประมาณสามเดือน แต่นี่เพิ่งจะสองเดือนก็มีหนังสือรับรองออกมาแล้ว จึงทำให้วันนี้ครอบครัวเยว่หรูทุกคนมารวมตัวกันอยู่ที่สมาพันธ์วันนี้แม่ของเยว่หรูอยู่ในชุดกี่เพ้าสีเหลือง ทำให้ขับผิวขาว ๆ ของแม่ดูสวยดูดีจนพ่อนั่งยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ส่วนพ่อเลี้ยงนั้นอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตและกางเกงขากระบอก รองเท้าหนังอย่างดี ทุกอย่างที่ใส่มานั้นเป็นเยว่หรูจัดเตรียมไว้ให้ น้อยคนนักที่จะได้ใส่แบบนี้ ยิ่งทำให้พ่อเลี้ยงนั้นแทบไม่กล้าเดินไปไหนเลยทีเดียวส่วนสามีของเยว่หรูนั้นไม่ต้องจัดให้ เขาก็สามารถแต่งตัวให้ออกมาดูดีอยู่แล้ว วันนี้อาจารย์หมิงเว่ยมาร่วมแสดงความยินดีด้วย ซึ่งเยว่หรูนับถืออาจารย์หมิงเว่ยมาก เขาคือคนที่คอยช่วยเหลือตั้งแต่ที่เธอยังไม่ค่อยรู้อะไรมากนักส่วนพี่สาวหลิงฟางก็มีเพียงจดหมายส่งหากันเท่านั้น เพราะพี่สาวหลิงฟางย้ายไปอยู่เมืองอื่น เยว่หรูทำได้เพียงส่งยาสมุนไพรและสิ่งของไปให้ ยังไม่มีโอกาสได้ไปเยี่ยมเลย ต้องบอกว่าเยว่หรูตอบแทนทุกค

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 49 จุดไต้ตำตอ

    บทที่ 49 จุดไต้ตำตอเยว่หรูอยู่ค่ายจนถึงวันทำงานวันสุดท้าย ซึ่งเป็นที่แน่นอนแล้วว่าสามีไม่ได้ตามมาอย่างที่เคยบอกไว้ เยว่หรูคิดว่าเขาคงจัดการเรื่องงานไม่เรียบร้อย ซึ่งมันดี... เพราะเยว่หรูไม่อยากให้เขาตามมาสักเท่าไหร่"ทำเหมือนคนนอนไม่พอเลยนะเยว่หรู" อาจารย์หม่าถือชามอาหารมานั่งข้าง ๆ ลูกศิษย์"เมื่อคืนหนูฝันค่ะ เลยทำให้ตื่นกลางดึก พอตื่นแล้วนอนไม่ค่อยหลับเลยค่ะ" เยว่หรูบอกไปตามความจริง"หากวันนี้ไม่ไหวก็ไม่ต้องทำอะไรมากเข้าใจไหม" วันนี้ไม่ค่อยมีอะไรมากนักเพราะเป็นวันสุดท้ายของการเรียนรู้แล้ว"แล้วเรื่องที่อาจารย์รักษาคุณโจวละคะ ยังต้องทำต่อเนื่องไหม" เยว่หรูถามเรื่องการบำบัดคนที่เครียดสะสมอย่างพระเอก ในตอนแรกอาจารย์บอกให้เธอลองรักษาด้วยตัวเอง แต่เธอไม่อยากทำก็อ้างว่าโน่นนี่นั่นไม่ค่อยสะดวกมากนัก ซึ่งอาจารย์หม่าก็ไม่ว่าอะไร"เยว่เยว่" เสียงเรียกดังมาจากทางประตู ทำให้เยว่หรูต้องหันไปมองทันที"อาจารย์บอกแล้ว เขามาแน่... ไม่ช้าก็เร็ว" อาจารย์หม่าบอกลูกศิษย์ตัวน้อยที่กำลังนั่งกลอกตาไปมา"พรุ่งนี้ก็กลับแล้วนะคะ" ความหมายของเธอชัดเจนคือ ...จะมาทำไม..."ไม่เจอกันตั้งหลายวัน พูดแบบนี้กับสามีได

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 48 เปลี่ยนศัตรูให้เป็นมิตร

    บทที่ 48 เปลี่ยนศัตรูให้เป็นมิตรเยว่หรูเรียนรู้แล้วว่าคนที่อยู่ที่นี่ส่วนมากจะมีภาวะหยินหยางไม่สมดุล พอไม่สมดุลก็นำพาไปสู่การเจ็บป่วยได้ง่าย เยว่หรูทำงานร่วมกับอาจารย์หม่าและมีหมอเท้าเปล่าที่คอยแนะนำสิ่งต่าง ๆ "เยว่หรูไปพักก่อนก็ได้" อาจารย์ที่รับปากครอบครัวของลูกศิษย์ก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่อย่างที่ตัวเองรับปากแล้ว เพราะเยว่หรูนั้นทำงานทุกอย่าง ช่วยทุกคนที่สามารถเข้าไปช่วยได้ ทำงานหนักกว่านักศึกษาคนอื่นเสียอีกทั้งที่ตัวเองท้องอยู่"ยังทำไหวค่ะอาจารย์ ไม่ได้เหนื่อยอะไร" เยว่หรูบอกไปตามความจริง ความรู้ทั้งนั้น เรียนรู้ไว้ไม่เสียหาย "ทำเท่าที่ไหว เข้าใจไหม" หากเป็นอะไรขึ้นมาแล้วรับรองเลยว่าไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ อย่างแน่นอนเยว่หรูทำงานจนเรียบร้อยทั้งหมด พอถึงเวลาที่เธอเองออกมานั่งพักผ่อนมองดูผู้คนที่อยู่ในค่าย มีทั้งทหารและยังมีนักโทษที่มาใช้แรงงานกำลังทยอยกลับค่ายกัน กลุ่มคนชุดนี้จะถูกตรวจสุขภาพในวันพรุ่งนี้ ต้องถือว่าค่ายแห่งนี้ถูกดูแลอย่างนี้ ไม่ได้กดขี่มากนัก แม้ว่าคนพวกนั้นจะเป็นนักโทษ ต้องบอกว่าสถานที่กักกันหรือค่ายแรงงานจะแบ่งแยกนักโทษ "เป็นยังไงบ้างคุณหมอ" เสียงเรียกถามทำให้เยว่หร

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status