Beranda / รักโบราณ / 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก / บทที่ 12 ผลกำไรที่ได้รับ

Share

บทที่ 12 ผลกำไรที่ได้รับ

last update Terakhir Diperbarui: 2025-01-05 20:45:11

บทที่ 12 ผลกำไรที่ได้รับ

เยว่หรูรดน้ำผักอย่างอารมณ์ดี ถึงแม้ใบหน้าข้างหนึ่งจะบวมเป่งจากการถูกยัยป้าข้างบ้านตบ ไม่สิ... ป้าข้างบ้านไม่กล้าขนาดนี้ ส่วนมากแค่ชอบถาม อยากรู้อยากเห็นมากกว่า บางทีก็มีประโยชน์ เหมือนมีกล้องวงจรปิดประจำบ้านให้ด้วย แขกไปใครมาสามารถรู้หมด ไม่ต้องเสียเงินติดตั้งด้วย แถมรายงานผลรวดเร็วทันใจอีกต่างหาก

เมื่อรดน้ำผักเรียบร้อยแล้ว เยว่หรูก็เดินเก็บใบไม้แห้งทั้งหลายมาโยนใส่หลุมไว้ทำปุ๋ยใบไม้แห้ง ทำงานไปด้วยร้องเพลงไปด้วยอย่างอารมณ์ดี... ไม่ว่าเสียงร้องจะเหิน สำเนียงจะเพี้ยนแค่ไหนก็ยังร้องอย่างอารมณ์ดี...

การลงทุนของเยว่หรูนั้นถือว่าประสบผลสำเร็จเป็นอย่างมาก ทุกคนในหมู่บ้านเข้าข้างเธอเพียงแค่เห็นยัยป้านั่นด่าทอบ่อย ๆ นี่คือเหตุผลหนึ่งที่ตลอดระยะเวลาเดือนกว่าที่เธอไม่ตอบโต้ไม่พูดไม่เถียง เพื่อทำให้ทุกคนได้เห็นในสิ่งที่ยัยป้าทำ แต่พอเจอวันที่เธอเอาคืน ไม่ว่าด้วยคำพูดหรือการยั่วยุให้ยัยป้าโดดลงมาทำร้ายเธอเลยทำให้คนไม่เชื่อในสิ่งที่ยัยป้าพูด

ถึงมันจะดูสิ้นคิด แต่หากไม่ทำแบบนั้นเธอจะเอาอะไรไปสู้ ตบตีไม่มีทางชนะเพราะตัวเธอเล็กนิดเดียว จากที่ใช้สมองอันน้อยนิดคิดก็มีแต่เรื่องนี้... ยอมเจ็บสักหน่อยเพื่อเป็นหลักฐาน และยอมโดนด่าทอต่อว่าเสีย ๆ หาย ๆ เพื่อสร้างพยาน ยังไงยัยป้านั่นก็ด่าครอบครัวเธอทุกครั้งที่เจอ มันเลยง่ายที่จะให้ชาวบ้านมาเป็นพยานเรื่องนี้ 

ความโชคดีของเธอที่ไปอ่านหนังสือในห้องสมุด แล้วอ่านเจอเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยสามารถเอามาอ้างได้ ถึงแม้ว่ายัยป้าจะไม่ได้พูดคำต้องห้าม แต่ชาวบ้านทุกคนไม่รู้ว่ามีคำต้องห้ามคำไหนบ้าง หากมีเรื่องเกี่ยวกับทหารแดงเข้ามาเกี่ยวข้อง ชาวบ้านจะไม่ยุ่งด้วยเด็ดขาด เพราะไม่มีใครอยากให้ตัวเองเดือดร้อน ส่วนมากสิ่งที่เกี่ยวกับทหารแดงจะเป็นการจับกุมคนที่เห็นต่างทางการเมืองหรือพวกปฏิวัติทางวัฒนธรรม

ชาวบ้านทั้งหมดที่อยู่บริเวณนั้นเข้าข้างเยว่หรูทันที โดยชาวบ้านไม่ถามถึงเลยว่าพูดคำไหนหรือว่าพูดยังไง พวกเขาตัดสินทันที และด้วยความที่เยว่หรูทำตัวดีมาตลอดระยะเวลาเกือบสองเดือนที่มาอยู่ที่นี่... เลยยิ่งทำให้ชาวบ้านเชื่อมากกว่าเดิม

เยว่หรูเลยหาผลประโยชน์จากเรื่องนี้ทันที โดยที่ขอให้ครู หัวหน้าหมู่บ้าน และหัวหน้ากองคอมมูนช่วยเหลือและเป็นพยาน โดยเธอแจ้งเรื่องว่าหากเธอและครอบครัวเป็นอะไรไป ไม่ว่าจะมากหรือน้อย สามารถให้คนไปจับยัยป้าได้เลย เพราะว่าครอบครัวเธอไม่มีปัญหากับใครเลย มีคนเดียวเท่านั้นที่ชอบมาหาเรื่องครอบครัวเธอ

"เยว่หรู... กินข้าวก่อนเร็ว" ลู่หลินเรียกลูกสาวให้มากินข้าวจะได้กินยา เธอไม่เข้าใจทำไมลูกสาวถึงยังร้องเพลงอย่างอารมณ์ดีทั้งที่แก้มบวมเป่งขนาดนั้น

"พ่อยังไม่กลับมาเลย" เยว่หรูเดินเข้ามานั่งที่แคร่หน้าบ้าน... พร้อมกับชะเง้อไปทางหน้าบ้าน

"ปู่คงขอร้องอีกตามเคย" ลู่หลินค่อนข้างเห็นใจสามีที่โดนเอารัดเอาเปรียบ ทั้งที่ทำงานหนักขนาดนี้

"แต่เราตัดขาดและแยกออกมาแล้ว ลงบันทึกไว้ทั้งหมดแล้วด้วย พวกเขาไม่กล้ารังแกพ่อหรอก หรือว่าเราไปตามพ่อก่อนค่อยมากินข้าวทีหลัง..." เยว่หรูพูดเพื่อให้แม่สบายใจ เรื่องเมื่อวานมันไม่ได้จบแค่นั้น เพราะคุณครูเรียกค่าเสียหายหรือก็คือค่ายาให้เธอด้วย ทุกคนกลัวว่าเธอจะเข้าเมืองไปแจ้งทหารแดง เลย ต่างช่วยพูดและตอบแทนเป็นอาหาร ข้าวสาร ธัญพืชต่าง ๆ อาหารกลางวันที่เยว่หรูเสียไปนั้น ได้กลับมามากกว่าเดิม จนสามารถให้ครอบครัวเธออยู่ดีกินดีไปอีกหลายวันเลยทีเดียว

"อย่าเลย... เราไปอาจทำให้พ่อลำบากใจมากกว่าเดิม ลูกไม่ต้องรอพ่อหรอก จะต้องกินยา... รีบกินข้าว" เยว่หรูพยักหน้าและเริ่มกินข้าว ใจจริงอยากรอนั่นแหละ แต่ไม่อยากทำให้แม่เป็นห่วง... จะได้รีบกินยาให้เรียบร้อย 

"เยว่หรู เรื่องที่ลูกพูดกับย่า มันจริงใช่ไหม... " ลู่หลินที่เห็นลูกสาวไม่ทุกข์ไม่ร้อนก็เลยถามอีกรอบ

"หมายถึงเรื่องไหนคะ เพราะเมื่อวานเราพูดกันหลายเรื่องมาก" ที่พูดเมื่อวานมันมีทั้งเรื่องจริงและเรื่องที่ต่อเติมเสริมแต่งเข้ามา... เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ

"เรื่องเกี่ยวกับทหารแดง" เรื่องดุด่านั้นไม่ต้องถามก็รู้อยู่แล้ว แม่เลี้ยงของสามีนั้นปากจัด ดุด่าไม่ไว้หน้าใคร และไม่ใช่แค่ครอบครัวเธอที่เคยโดน หากใครทำให้ไม่พอใจก็จะเสียงดังโวยวาย ร้องหาความเป็นธรรมให้ตัวเองทันที

"จริงค่ะ... หนูไปเจอที่ห้องสมุด ถามครูแล้วด้วย... ว่าเป็นเรื่องจริง" เยว่หรูไม่ได้โกหกเรื่องนี้ ในเมื่อแม่ไม่เจาะจงเกี่ยวกับคำถามก็ตอบคำถามในมุมกว้าง ๆ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าแม่อยากรู้ว่ายัยป้านั่นพูดคำต้องห้ามจริงไหม... แล้วเรื่องอะไรเธอจะบอกความจริงให้เดือดร้อนด้วย หากคนคนนั้นจ้องแต่จะทำร้าย... เธอก็สามารถพลิกลิ้นเพื่อป้องกันตัวเอง การที่เธอไม่ทำร้ายคนอื่น ใช่ว่าจะยอมให้คนอื่นมาทำร้าย...

"หวังว่าย่าจะกลัวบ้าง จะได้ไม่มายุ่งกับพวกเราอีก" ลู่หลินก็คิดแบบนั้น ที่ก้มหน้าไม่ว่าอะไรเวลาถูกดุด่าเพราะเห็นแก่สามี ที่สามีก้มหน้ายอมก็เพราะเห็นแก่พ่อ แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนก่อน เพราะแม่เลี้ยงสามีลงมือตบตีลูกสาวนางต่อหน้าคนจำนวนมาก และที่หนักกว่าอย่างอื่นคือทางโรงเรียนไม่ยอมให้นักเรียนของเขาถูกตบตี... ถึงจะเป็นญาติก็ตาม

ด้วยเหตุนี้เลยมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ครูบอกว่าลูกสาวของเธอคือตัวแทนของโรงเรียนที่จะลงสอบแข่งขัน การที่ด่าทอทุบตีก็เท่ากับไม่สนับสนุนนโยบายการศึกษา จริง ๆ มันมีเยอะกว่านั้น แต่เพราะลู่หลินไม่ได้เรียนเลยไม่ค่อยรู้เรื่องมากนัก รู้แค่ว่าต่อไปนี้ในหมู่บ้านก็คงไม่มีใครกล้าต่อว่าหรือดุด่าลูกสาวเธอแล้ว... เพราะกลัวโดนข้อกล่าวหาคัดค้านไม่สนับสนุน

"ลูกจะไปสอบแข่งจริง ๆ ตามที่ครูบอกเหรอเยว่หรู" เมื่อนึกเรื่องนี้ขึ้นได้เลยต้องถามให้มั่นใจ ไม่รู้ว่าลูกต้องไปแข่งอะไร รู้แต่ว่าเกี่ยวกับเรื่องเรียน

"ใช่ค่ะ... หนูไปปรึกษาครูมา หนูเลยอยากลองไปสอบแข่ง เพราะหากหนูไปแข่งผ่านเข้ารอบจะมีค่าตอบแทน... และหนูยังจะได้เจอคนเก่ง ๆ อีกด้วย" หากโลกเดิมต้องบอกว่าหาคอนเนกชัน เพราะหากเธออยากมีชีวิตดีขึ้น... ก็ต้องเจอคนมาก ๆ เพื่อมองหาโอกาสให้ตนเอง

"พ่อกลับมาแล้ว กินข้าวกันค่ะ" พอตอบแม่เสร็จก็หันไปเจอพ่อที่กำลังเดินเข้าบ้านมาพร้อมกับกระสอบใส่อะไรบางอย่าง

"ลูกกินยาหรือยัง" จางหยวนเดินเข้ามานั่งแล้วจับดูหน้าลูกสาวที่ตอนนี้บวมเป่งจนน่าตกใจ

"ยังเลย... จะให้กินหลังกินข้าวเสร็จนี่แหละค่ะ คุณกินข้าวก่อน แล้ววันนี้ไม่ต้องไปลงงานจริง ๆ เหรอคะ" ลู่หลินทั้งถามและตอบสามี

"หัวหน้ากองบอกให้เราหยุดดูแลลูก วันจันทร์ค่อยไปลงงานเหมือนเดิม ส่วนวันหยุดเขาไม่หักค่าแรง ไม่หักแต้ม" จางหยวนตอบภรรยาพร้อมกับรับชามข้าวต้มมากิน 

"พ่อทะเลาะกับปู่ไหมคะ" พอกินข้าวเสร็จ เยว่หรูก็ถามทันที

"พ่อไม่ได้ทะเลาะกับปู่... ปู่ก็ขอร้องเหมือนทุกครั้งที่มีเรื่อง... " จางหยวนพูดแล้วหยุดแค่นั้น... เพราะเขาไม่อยากจะคิดถึงมันมากนัก พ่อให้เขาคิดว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน แต่เขาไม่สามารถสัมผัสถึงคำว่าครอบครัวในบ้านหลังนั้นได้เลย และครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาบอกปัดว่าเขาไม่สามารถช่วยได้ โรงเรียนเป็นคนแจ้งและเอาเรื่องเพื่อปกป้องนักเรียน ถ้าอยากเจรจาต้องไปคุยกับทางโรงเรียนเอง

"พ่ออย่าคิดมาก หากย่าเขาไม่มายุ่งกับเรา... ปัญหามันก็ไม่เกิดไม่ใช่เหรอ ทำไมต้องให้เราหรือทางโรงเรียนไม่เอาเรื่องด้วย หากย่าไม่ทำร้ายเรา จะมีใครมาจับตัวไปล่ะ" เยว่หรูพูดเพื่อให้พ่อเข้าใจจะได้สบายใจขึ้น

มันคือความจริง... หากไม่มายุ่งก็ไม่มีเรื่อง ไม่ใช่ว่าเขาจับไปแล้วเสียหน่อย เขาแจ้งเพื่อป้องกัน ในส่วนที่มีเรื่องเมื่อวานก็ได้ค่าเสียหายมาแล้ว เท่ากับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนั้นจัดการจบแล้ว ทำไมครอบครัวของปู่ต้องมาขอให้พวกเธอไม่เอาเรื่อง หรือพวกเขายังไม่เข้าใจในเรื่องนี้... ควบคุมคนของตัวเองให้ดีก็ไม่เดือดร้อนแล้ว แต่หากอยากมีประสบการณ์โดนหิ้วหรือโดนจับ... ก็มาเลย... เยว่หรูจะช่วยสนับสนุนให้เอง...

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 53 ตอนพิเศษ

    บทที่ 53 ตอนพิเศษ"หนิงหนิงต้องเดินตามตา เข้าใจไหมครับ" จางหยวนบอกหลานสาวสุดน่ารักของเขา ที่วันนี้แต่งตัวมาพร้อมเก็บใบชา มีตะกร้าใบเล็กสะพายอยู่ทางด้านหลัง พร้อมทำงานเป็นอย่างมาก"คุณตาเชื่อใจหนิงหนิงได้เลยค่ะ" หานเผยหนิงวัยห้าขวบที่ตอนนี้กลายมาเป็นคนงานเก็บใบชาของคุณตาก็รับปากอย่างแข็งขัน"ยายว่ารอพี่ใหญ่กับพี่รองดีกว่าไหม" ลู่หลินที่มองหลานสาวก็อดเอ็นดูในความน่ารักไม่ได้ หลานสาวของเธอนั้นถอดแบบแม่มาแทบทั้งหมด มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่ได้จากคนเป็นพ่อ นั่นยิ่งทำให้หลานสาวของเธอน่ารักน่ามองมากกว่าเดิม"ไม่ได้ค่ะคุณยาย หากพี่ใหญ่พี่รองมา หนิงหนิงก็สู้ไม่ได้" หนิงหนิงต้องเก็บได้เยอะกว่า งานนี้หนิงหนิงต้องชนะ!!"หากแม่มาเจอ โดนดุอย่าหาว่ายายไม่เตือน" ลู่หลินแกล้งขู่หลานสาวตัวน้อยที่ดูจะกลัวแม่มากกว่ากลัวพ่อ"ไม่ค่ะคุณยาย วันนี้คุณแม่มีงานที่โรงพยาบาล และตอนบ่ายคุณพ่อจะรับไปโรงงานค่ะ หนิงหนิงปลอดภัยแน่นอนค่ะ" หนิงหนิงรีบบอกคุณยายทันที เธอจำได้ ก้นเธอไม่เจ็บแน่นอนเพราะคุณแม่ไม่อยู่"ถ้าอย่างนั้นไปกันเลย" จางหยวนผู้ที่ตามใจหลานมากกว่าตามใจลูก มีหรือที่จะขัดใจหนิงหนิงตัวน้อยได้ เจอหลานออดอ้อนนิ

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 52 บทส่งท้าย ครอบครัว

    บทที่ 52 บทส่งท้าย ครอบครัววันเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ จากเคยนับวันว่ามาอยู่ที่นี่นานแล้วหรือยัง กลายเป็นว่าเลิกนับวันเวลาแล้ว ตอนนี้ที่นับคืออายุของลูก ๆ ของเธอที่กำลังโต ช่วงระยะเวลาที่ผ่านมานั้นต้องบอกว่ายุ่งกับการทำงานและการเลี้ยงลูก ยังดีที่พ่อกับแม่ของเธอมาช่วยเลี้ยง ไม่อย่างนั้นบอกเลยว่าเธอกับสามีไม่น่าจะเลี้ยงแฝดสามได้ และด้วยความที่แทบไม่มีเวลาพัก สามีของเธอบอกเลยว่า... พอแล้ว... มีสามคนก็พอแล้ว ไม่เอาอีกแล้ว ไม่รู้ว่าเข็ดที่ลูกซนหรือว่ายังไงเยว่หรูทำงานที่โรงพยาบาลและทำงานที่บ้านด้วย ที่ตอนนี้ขยับขยายให้เป็นโรงงานขนาดเล็กผลิตยาสมุนไพรส่งทางสาธารณสุข โดยมีสามีของเธอเป็นคนดูแลตรงนี้ ส่วนในเรื่องของโรงงานตระกูลหานนั้นก็จัดแบ่งให้คนสนิทมาช่วยงาน แต่เขาก็ยังเป็นคนตัดสินใจในทุกเรื่อง ดีที่ได้สามีของพี่เหมยมาช่วยงาน ทำให้ทุกอย่างไม่ยุ่งยากมากนักในส่วนเรื่องของพระเอกที่เยว่หรูกลัวนั้น ก็ยังได้ข่าวเขาบ้างบางครั้งจากอาจารย์หม่า หรือบางทีเขาก็มาหาสามีเธอ แต่ก็ยังไม่เห็นจะแต่งงานสักที เยว่หรูกับพี่เหมยลุ้นอยู่ว่าคนไหนคือนางเอกตัวจริงของนิยายเรื่องนี้ แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เห็นนางเอกเลยในส

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 51 วันที่รอคอย

    บทที่ 51 วันที่รอคอย"คุณหมอคะ ไม่ต้องตื่นเต้นนะคะ" ลู่จิวหรือพี่เหมยเดินเข้ามาให้กำลังใจคุณหมอถึงหน้าห้องคลอดเลยทีเดียว"พี่เหมย... หมอกลัว" เยว่หรูบอกไปตามตรง เนื่องจากเธอท้องแฝด การคลอดเลยต้องผ่าคลอด และคนที่ติดต่อหมอต่างชาติให้มาทำคลอดให้เธอนั้นก็คืออาจารย์หม่านั่นเอง "อย่างน้อยก็ยังสามารถผ่าคลอดได้" ลู่จิวรู้ดีว่าคุณหมอกังวลเป็นอย่างมากเพราะทางการแพทย์ในสมัยนี้ยังไม่ก้าวหน้าเท่ายุคที่จากมา อุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่พร้อม ยังดีที่อาจารย์หม่าคอยช่วยเหลือ ไม่อย่างนั้นเธอจะกังวลหนักมากกว่านี้แล้ว"แล้วพี่มาอยู่นี่ใครดูลูกชาย อย่าบอกนะว่าไปทำงานกับพ่ออีกแล้ว ลูกชายพี่ยังไม่สามเดือนเลยนะ" เยว่หรูถามหาหลานชายที่มีอายุเพียงสองเดือนกว่าพี่เหมยคลอดลูกในวันที่เยว่หรูจบการศึกษา ซึ่งได้ดั่งใจที่สามีพี่เหมยอยากได้ นั่นคือลูกชายตัวอ้วนกลมจ้ำม่ำ พี่ห่าวซวนนั้นหลงลูกมาก บางวันต้องหอบพาลูกไปทำงานที่โรงงานด้วย ตอนนี้พี่ห่าวซวนคือคนที่เข้าไปดูแลโรงงานของตระกูลหานแทนสามีของเยว่หรู เนื่องจากสามีของเยว่หรูต้องคอยดูแลเธอและดูแลโรงงานผลิตยาสมุนไพรส่งสาธารณสุขด้วย ทุกคนเลยต้องแบ่งงานกันทำ"สามีจะรออยู่ตรงนี้ ไม่

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 50 เรียนจบ

    บทที่ 50 เรียนจบวันนี้คือวันที่ทางสมาพันธ์จะมอบใบประกาศสำเร็จการศึกษาให้แก่เยว่หรู ซึ่งเร็วกว่าที่กำหนดไว้ เพราะตอนที่อาจารย์หม่าเคยแจ้งนั้นบอกว่าหลังกลับจากค่ายแรงงานประมาณสามเดือน แต่นี่เพิ่งจะสองเดือนก็มีหนังสือรับรองออกมาแล้ว จึงทำให้วันนี้ครอบครัวเยว่หรูทุกคนมารวมตัวกันอยู่ที่สมาพันธ์วันนี้แม่ของเยว่หรูอยู่ในชุดกี่เพ้าสีเหลือง ทำให้ขับผิวขาว ๆ ของแม่ดูสวยดูดีจนพ่อนั่งยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ส่วนพ่อเลี้ยงนั้นอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตและกางเกงขากระบอก รองเท้าหนังอย่างดี ทุกอย่างที่ใส่มานั้นเป็นเยว่หรูจัดเตรียมไว้ให้ น้อยคนนักที่จะได้ใส่แบบนี้ ยิ่งทำให้พ่อเลี้ยงนั้นแทบไม่กล้าเดินไปไหนเลยทีเดียวส่วนสามีของเยว่หรูนั้นไม่ต้องจัดให้ เขาก็สามารถแต่งตัวให้ออกมาดูดีอยู่แล้ว วันนี้อาจารย์หมิงเว่ยมาร่วมแสดงความยินดีด้วย ซึ่งเยว่หรูนับถืออาจารย์หมิงเว่ยมาก เขาคือคนที่คอยช่วยเหลือตั้งแต่ที่เธอยังไม่ค่อยรู้อะไรมากนักส่วนพี่สาวหลิงฟางก็มีเพียงจดหมายส่งหากันเท่านั้น เพราะพี่สาวหลิงฟางย้ายไปอยู่เมืองอื่น เยว่หรูทำได้เพียงส่งยาสมุนไพรและสิ่งของไปให้ ยังไม่มีโอกาสได้ไปเยี่ยมเลย ต้องบอกว่าเยว่หรูตอบแทนทุกค

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 49 จุดไต้ตำตอ

    บทที่ 49 จุดไต้ตำตอเยว่หรูอยู่ค่ายจนถึงวันทำงานวันสุดท้าย ซึ่งเป็นที่แน่นอนแล้วว่าสามีไม่ได้ตามมาอย่างที่เคยบอกไว้ เยว่หรูคิดว่าเขาคงจัดการเรื่องงานไม่เรียบร้อย ซึ่งมันดี... เพราะเยว่หรูไม่อยากให้เขาตามมาสักเท่าไหร่"ทำเหมือนคนนอนไม่พอเลยนะเยว่หรู" อาจารย์หม่าถือชามอาหารมานั่งข้าง ๆ ลูกศิษย์"เมื่อคืนหนูฝันค่ะ เลยทำให้ตื่นกลางดึก พอตื่นแล้วนอนไม่ค่อยหลับเลยค่ะ" เยว่หรูบอกไปตามความจริง"หากวันนี้ไม่ไหวก็ไม่ต้องทำอะไรมากเข้าใจไหม" วันนี้ไม่ค่อยมีอะไรมากนักเพราะเป็นวันสุดท้ายของการเรียนรู้แล้ว"แล้วเรื่องที่อาจารย์รักษาคุณโจวละคะ ยังต้องทำต่อเนื่องไหม" เยว่หรูถามเรื่องการบำบัดคนที่เครียดสะสมอย่างพระเอก ในตอนแรกอาจารย์บอกให้เธอลองรักษาด้วยตัวเอง แต่เธอไม่อยากทำก็อ้างว่าโน่นนี่นั่นไม่ค่อยสะดวกมากนัก ซึ่งอาจารย์หม่าก็ไม่ว่าอะไร"เยว่เยว่" เสียงเรียกดังมาจากทางประตู ทำให้เยว่หรูต้องหันไปมองทันที"อาจารย์บอกแล้ว เขามาแน่... ไม่ช้าก็เร็ว" อาจารย์หม่าบอกลูกศิษย์ตัวน้อยที่กำลังนั่งกลอกตาไปมา"พรุ่งนี้ก็กลับแล้วนะคะ" ความหมายของเธอชัดเจนคือ ...จะมาทำไม..."ไม่เจอกันตั้งหลายวัน พูดแบบนี้กับสามีได

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 48 เปลี่ยนศัตรูให้เป็นมิตร

    บทที่ 48 เปลี่ยนศัตรูให้เป็นมิตรเยว่หรูเรียนรู้แล้วว่าคนที่อยู่ที่นี่ส่วนมากจะมีภาวะหยินหยางไม่สมดุล พอไม่สมดุลก็นำพาไปสู่การเจ็บป่วยได้ง่าย เยว่หรูทำงานร่วมกับอาจารย์หม่าและมีหมอเท้าเปล่าที่คอยแนะนำสิ่งต่าง ๆ "เยว่หรูไปพักก่อนก็ได้" อาจารย์ที่รับปากครอบครัวของลูกศิษย์ก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่อย่างที่ตัวเองรับปากแล้ว เพราะเยว่หรูนั้นทำงานทุกอย่าง ช่วยทุกคนที่สามารถเข้าไปช่วยได้ ทำงานหนักกว่านักศึกษาคนอื่นเสียอีกทั้งที่ตัวเองท้องอยู่"ยังทำไหวค่ะอาจารย์ ไม่ได้เหนื่อยอะไร" เยว่หรูบอกไปตามความจริง ความรู้ทั้งนั้น เรียนรู้ไว้ไม่เสียหาย "ทำเท่าที่ไหว เข้าใจไหม" หากเป็นอะไรขึ้นมาแล้วรับรองเลยว่าไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ อย่างแน่นอนเยว่หรูทำงานจนเรียบร้อยทั้งหมด พอถึงเวลาที่เธอเองออกมานั่งพักผ่อนมองดูผู้คนที่อยู่ในค่าย มีทั้งทหารและยังมีนักโทษที่มาใช้แรงงานกำลังทยอยกลับค่ายกัน กลุ่มคนชุดนี้จะถูกตรวจสุขภาพในวันพรุ่งนี้ ต้องถือว่าค่ายแห่งนี้ถูกดูแลอย่างนี้ ไม่ได้กดขี่มากนัก แม้ว่าคนพวกนั้นจะเป็นนักโทษ ต้องบอกว่าสถานที่กักกันหรือค่ายแรงงานจะแบ่งแยกนักโทษ "เป็นยังไงบ้างคุณหมอ" เสียงเรียกถามทำให้เยว่หร

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status