Home / แฟนตาซี / 1969 ซินซินไม่ใช่ดาวหายนะ / ตอนที่12 ซินซินกับมารผจญ

Share

ตอนที่12 ซินซินกับมารผจญ

เมื่อซินซินออกมาจากห้องครัวก็เห็นอาเขยนั่งอยู่ในห้องโถงและกำลังคุยกับพ่อของตนอยู่ เธอก็แปลกใจเล็กน้อยและก็ใช้ขาสั้น ๆ ของตนเดินเข้ามาหาพ่อและอาเขยทันที

 “สวัสดีค่ะคุณอา” ซินน้อยพยายามพูดให้ช้าลงพร้อมกับที่ตัวเองก็เดินไปเกาะเข่าพ่อของตนแล้วก็ส่งสายตาให้พ่ออุ้มตนเองขึ้นมานั่งบนตัก ผู้เป็นพ่อก็ไม่ทำให้ลูกสาวผิดหวังรีบอุ้มลูกสาวมานั่งที่ตักของตนทันที

 “สวัสดีครับตัวน้อยอาจะมาบอกว่าตอนนี้อาเป็นฝ่ายดูแลเรื่องเสบียงครับ ทางเจ้านายของอาได้ให้เงินมาให้อาซื้อสินค้าที่จำเป็นเอาไว้ห้าหมื่นหยวนครับแต่ต้องมีหลักฐานการซื้อด้วยหนูพอจะจัดการได้ไหม” จางหยางบอกกับหลานสาวตัวน้อยของตน

แล้วตัวเขาเองก็รู้สึกอิจฉาพี่เขยเป็นอย่างมากที่ได้มีลูกสาวตัวน้อยอย่างซินซินมาคอยออดอ้อน เขาเองก็อยากจะได้ลูกสาวบ้างเช่นกัน

 “เรื่องนี้ไม่มีปัญหาค่ะหนูจัดการได้ ส่วนของอาจะให้หนูเอาไปให้ที่ไหนคะเพราะเวลากระชั้นชิดเข้ามาใกล้มากแล้ว อาทิตย์หน้าหิมะแรกก็จะตกลงมาแล้วด้วยและก็จะหนักขึ้นทุกวัน แล้วหลังจากนั้นอาคงต้องทำงานหนักแน่ ๆ” เจ้าตัวน้อยก็พยายามค่อย ๆ พูดออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง

 “อาหาโกดังไว้เรียบร้อยแล้วครับ พรุ่งนี้หนูให้คุณพ่อพาหนูไปที่บ้านของอาได้เลยอาจะพาไปที่โกดัง ว่าแต่พี่จินเป่าสะดวกไหมครับ” จางหยางซึ่งบอกกับซินซินอยู่ก็ลืมไปว่าเขายังไม่ได้ถามพี่ภรรยาเลยว่าว่างหรือเปล่า

 “พี่ไม่มีปัญหาหรอก ลูกสาวพี่ว่ายังไงพี่ก็ว่าตามนั้นแหละ” จินเป่าตอบน้องเขยพลางลูบหัวลูกสาวของตนไปด้วย

 “ถ้าอย่างนั้นผมเองก็ขอตัวกลับก่อนนะครับเพราะทิ้งฮัวเหมยอยู่คนเดียวนานแล้ว กลัวเธอจะเป็นห่วงว่าผมหายไปไหนยังไม่กลับบ้านสักที” จางหยางพูดพร้อมกับเดินออกมาจากห้องโถงโดยมีจินเป่าตามมาส่งด้วยโดยทิ้งให้ลูกสาวนั่งรออยู่ในห้องโถงอันแสนอบอุ่นคนเดียว

 “อ้าวลูกเขยจะกลับแล้วเหรอ แม่นึกว่าจะอยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันก่อน” เยว่จินที่กำลังเดินออกมาจากในครัวก็เห็นลูกเขยและลูกชายของตนเดินออกมาจากห้องโถงพอดี

 “สวัสดีครับคุณแม่ ผมไม่อยากปล่อยให้ฮัวเหมยอยู่บ้านคนเดียวนะครับก็เลยว่าจะรีบกลับ เพราะตั้งแต่เลิกงานผมก็มาที่นี่เลยยังไม่ได้แวะกลับไปบอกเธอที่บ้านไว้ก่อนครับ” จาง หยางทำความเคารพแม่ภรรยาพร้อมบอกเหตุผลของตน

 “ถ้าอย่างนั้นก็ขี่รถดี ๆ นะลูกแม่ฝากดูแลลูกสาวของแม่ด้วย”

 “ครับแม่” จางหยางรับปากแม่ยาย เมื่อออกมาจากบ้านแล้วเขาก็ขี่รถจักรยานเข้าเมืองเพื่อกลับบ้านทันที

ซินซินตอนนี้กำลังนั่งกินบัวลอยน้ำขิงที่ตนไปอ้อนให้ย่าและแม่ทำให้กินอย่างเอร็ดอร่อย จนแก้มป่องออกมาทั้งสองข้าง เหมือนกระรอกตัวน้อย ๆ พ่อ แม่ และย่าที่ได้มาเห็นภาพนี้ก็ได้แต่ยิ้มให้ความเอ็นดูกับเจ้าเด็กจอมตะกละตรงหน้าซานซานเองก็ยิ้มให้กับความน่ารักของน้องสาวเช่นกัน

 “ซินซินเราไปในป่ากันเถอะมีต้นไม้แห่งภูตที่อยู่ในป่ากำลังส่งเสียงเรียกขอความช่วยเหลือมา จิวจิวจะต้องไปช่วยเพราะต้นไม้ชนิดนี้มีความจำเป็นต่อภูตบนโลกแห่งนี้เป็นอย่างมาก” ในขณะที่ซินซินกำลังเพลิดเพลินกับขนมอยู่ก็ได้ยินเสียงเพื่อนรักของตนพูดขึ้นมา

 “เราไปกันเองไม่ได้หรอกเราตัวกะเปี๊ยกกันแค่นี้ต้องมีผู้ใหญ่ไปด้วยรอให้ซินซินกินบัวลอยลูกนี้หมดก่อนนะ ซินซินจะไปชวนคุณพ่อให้ไปเป็นเพื่อน” พอซินซินพูดจบเจ้าตัวน้อยก็รีบนำบัวลอยลูกสุดท้ายเข้าปากของตนพร้อมกับเคี้ยวหนุบหนับอย่างรวดเร็ว

 “พ่อจ๋า พ่อช่วยพาหนูและจิวจิวเข้าป่าหน่อยได้ไหมคะ จิวจิวจะต้องไปช่วยต้นไม้แห่งภูตจ้ะ” ซินซินได้เดินมาหาพ่อของตนที่กำลังช่วยผู้เป็นแม่พับผ้าที่ผู้เป็นแม่เย็บเสร็จแล้วอยู่ที่พื้นหน้าเตาผิง พร้อมมองพ่อด้วยดวงตาใสแจ๋ว

 “แล้วมันจะเป็นอันตรายกับลูกและก็จิวจิวด้วยไหมจ๊ะ” แม่ที่กำลังเย็บผ้าถามผู้เป็นลูกสาวออกมา

 “แม่ไม่ต้องกังวลนะจ๊ะ หนูรับรองว่าพ่อและพวกหนูจะกลับมาอย่างปลอดภัยจ้ะ” ซินซินยิ้มหวานให้กับผู้เป็นแม่พร้อมกับเดินเข้าไปกอด

 “หนูต้องระวังตัวดี ๆ นะลูก แม่รู้ว่าหนูและจิวจิวพิเศษแต่แม่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้” ซูเหมยพูดขึ้นมาพร้อมกับกอดลูกน้อยของตน

ตั้งแต่เธอและครอบครัวได้รับรู้เรื่องของจิวจิวที่ลูกสาวตัวน้อยบอกว่าเป็นภูตแห่งจิตวิญญาณของเหล่าต้นไม้นั้น ครอบครัวของเธอก็คิดแล้วว่าลูกสาวของเธอจะต้องเป็นเทพธิดาจริง ๆ และจะต้องลงมาเกิดเพื่อช่วยเหลือผู้คนที่อดอยากในยุคนี้เป็นแน่โดยมีจิวจิวลงมาเป็นผู้คอยช่วยเหลือ

เพราะตั้งแต่จิวจิวมาอยู่ต้นไม้ภายในบ้านก็ต่างเติบโตขึ้นมากแข่งกันออกดอกออกผลกันยกใหญ่ทำให้ที่บ้านเองก็ไม่เคยขาดแคลนพืชผักและสามีของเธอเองก็นำไปขายให้ร้านอาหารของ เถ้าแก่จางเป็นประจำ

 “ไว้ไปกันพรุ่งนี้เช้าดีไหมลูกเพราะตอนนี้มันเย็นมากแล้ว พ่อเกรงว่าหากเราเข้าป่ากันในเวลานี้อาจจะเจอเข้ากับสัตว์ร้ายเอาได้นะลูก” 

 เมื่อได้ยินที่พ่อพูดซินซินก็หันไปมองจิวจิวเพื่อนตัวน้อยของตน เมื่อเห็นว่าจิวจิวเห็นด้วยแล้วก็หันหน้ากลับมามองผู้เป็นพ่อและแม่ที่กำลังรอคำตอบอยู่

 “ตกลงค่ะพรุ่งนี้เรากินข้าวเสร็จแล้วก็ไปในป่ากันเลยนะคะ”

คืนนั้นเมื่อคนทั้งบ้านหลับกันไปหมดแล้วทางด้านภายใน ป่าก็เกิดความโกลาหลขึ้นเป็นอย่างมาก โดยที่เจ้าตัวน้อย     ซินซินก็ได้แต่นอนเกาพุงป่อง ๆ ของตัวเองพร้อมกับจิวจิวที่นอนอยู่บนหัวของผู้เป็นเพื่อนไม่ได้รับรู้เรื่องราวแม้แต่นิดเดียว

 “พ่อจ๋า วันนี้เราต้องไปหาอาจางหยางก่อนไม่ใช่เหรอคะ หนูเองก็เกือบลืมไปแล้วเพิ่งจะนึกขึ้นมาได้เมื่อตะกี้นี่เอง” เจ้าตัวน้อยพูดกับพ่อ

 “ถ้าอย่างนั้นเราก็รีบไปจัดการเรื่องอาจางหยางของลูกก่อน แล้วพอกลับมาก็ค่อยเข้าไปในป่ากันลูกว่าดีไหมครับ” 

 “ตกลงค่ะ” 

 “สองพ่อลูกมากินข้าวกันได้แล้วจ้า” พ่อกับลูกเมื่อได้ยินเสียงของซูเหมยก็รีบพากันเดินออกมายังห้องกินข้าวทันที

เมื่อทั้งสองกินข้าวกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็พากันขี่จักรยานไปหาจางหยางที่ตัวอำเภอโดยที่ทั้งสองได้ขี่จักรยานไปส่ง        ซานซานที่ได้ออกจากบ้านมาพร้อมกันก่อน

เมื่อมาถึงบ้านของอาจางหยางทั้งสองคนก็เห็นว่าอาจาง หยางก็จูงจักรยานออกมาจากบ้านพอดี เมื่อทั้งสามได้พบกันและทักทายกันเรียบร้อยแล้วอาจางหยางก็ขี่จักรยานนำสองพ่อลูกไปยังโกดังที่ตนและเพื่อนได้เช่าเอาไว้แล้ว

ทั้งสามขี่จักรยานฝ่าลมหนาวมาประมาณสิบนาทีก็ได้มาเจอโกดังที่ว่าซึ่งอยู่ในที่ค่อนข้างลึกลับพอสมควร เมื่อมาถึงแล้วทั้งหมดก็จอดจักรยานด้านหน้าโกดัง ส่วนอาจางหยางก็รีบเดินไปเปิดประตูโกดังรอ

เมื่อซินซินเข้าไปด้านในพร้อมกับผู้เป็นพ่อและอาเขยของตนแล้วมหกรรมการเสกสิ่งของต่าง ๆ ก็เริ่มขึ้น โดยซินซินก็ได้แยกสิ่งของเหล่านั้นไว้ให้เป็นหมวดหมู่ด้วย จากโกดังที่ว่างเปล่าตอนนี้กลับเต็มไปด้วยสิ่งของมากมาย

ถึงแม้ว่าเขาจะเคยเห็นหลานตัวน้อยเสกสิ่งของออกมาก่อนหน้านี้แล้วก็ตาม แต่ตอนนี้เขาก็ยังคงตกใจอยู่ดีเพราะเขาไม่คิดว่าหลานสาวตัวน้อยจะเสกสิ่งของออกมาได้อย่างมากมายจนเกือบจะเต็มโกดังที่เขาเช่าไว้แล้ว

 “พอแล้วลูกอาว่ามันน่าจะเกินห้าหมื่นหยวนที่อามีให้หนูแล้วนะ เดี๋ยวจะมีคนสงสัยเอาได้” อาจางหยางรีบพูดหยุดหลานสาวตัวน้อยของตน 

 เมื่อซินซินได้ยินเสียงห้ามของผู้เป็นอาเธอก็หยุดมือลงทันที พร้อมกับยื่นใบเสร็จรายการสินค้าให้กับผู้เป็นอาด้วย ทางด้านจางหยางก็ยื่นเงินห้าหมื่นให้กับเจ้าตัวน้อยเช่นกัน

 “ขอบคุณค่ะคุณอา แค่นี้หนูก็เป็นเศรษฐีตัวน้อย ๆ แล้วอิอิ” ซินซินตัวน้อยกล่าวขอบคุณผู้เป็นอาและยิ้มออกมาอย่างชอบใจ ทำให้ทั้งผู้เป็นอาและผู้เป็นพ่อต่างก็ยกยิ้มด้วยความเอ็นดู

 “ของมันจะไม่เยอะไปเหรอลูก” จางหยางก็ถามเจ้าตัวน้อยด้วยความกังวล

 “หนูสมทมการบริจาคครั้งนี้ด้วยค่ะ คุณอาก็บอกไปว่าคนที่ขายสินค้าให้เขาฝากมาบริจาคด้วยก็แล้วกันค่ะ เขาคงจะไม่มาสนใจอะไรมากหรอกเมื่อถึงเวลานั้น”

 “ตกลง เอาตามที่หนูว่ามาก็แล้วกัน”

เมื่อจัดการเรื่องสิ่งของเรียบร้อยแล้วทั้งพ่อและลูกสาวก็พากันกลับบ้านเพื่อที่จะได้เตรียมตัวเข้าป่า เมื่อกลับมาถึงบ้านทั้งพ่อและลูกก็มาสวมเสื้อผ้าให้มิดชิดและเอาตะกร้าสะพายขึ้นหลังพร้อมทั้งจินเป่าเองก็เตรียมเชือกและอาวุธ ไปด้วย

ทั้งคู่กำลังจะเดินเข้าไปในป่าก็มาเจอกับคนที่ไม่อยากเจออย่างคนบ้านตระกูลหลงเสียได้ ทั้งคู่ซึ่งไม่อยากสนใจคนตระกูลนี้ก็ไม่ได้คิดจะทักทายหรือว่าพูดอะไรก็พากันจูงมือจะเดินเลี่ยงไป 

“แหม ๆ เห็นผู้หลักผู้ใหญ่ก็ไม่คิดจะทักทายกันเลยนะ ช่างสั่งสอนลูกสาวมาดีเสียจริง” เสียงกานเจียวเมียของหลงเทียน ผู้เป็นพี่ชายคนโตของจินเป่าจีบปากจีบคอพูดขึ้นมา 

“จินเป่านายจะเข้าป่าไปหาของป่าหรือล่าสัตว์กันล่ะ ถ้าหาอะไรได้ก็เอาไปแบ่งให้ปู่กับย่าที่บ้านบ้างสิท่านทั้งสองก็อายุมากแล้วนายเองก็เป็นหลานคนหนึ่งเหมือนกัน” หลงเทียนผู้มีนิสัยเห็นแก่ตัวเจ้าเล่ห์ก็พูดขึ้นมา

 “แล้วทำไมพี่กับพี่รองและน้องสี่ไม่เข้าป่าไปล่าสัตว์กันเองล่ะครับพวกพี่เป็นผู้ชายและก็มีกันตั้งสามคน ส่วนผมพี่ก็เห็น ๆ อยู่ว่ามากับลูกสาวผมคงไม่มีปัญญาล่าสัตว์มาให้ใครได้หรอกครับ” จินเป่าก็พูดกับคนที่มีสายเลือดเดียวกับตนอยู่ครึ่งหนึ่ง

 “ก็รู้ว่าเข้าป่าแล้วจะเอาลูกสาวตัวซวยนี่เข้ามาด้วยทำไมกันล่ะ ใคร ๆ เขาก็รู้ว่าเด็กที่ไหนจะทำให้แม่คลอดก่อนกำหนดเมื่อเกิดมาก็ทำให้ปู่กับย่าเลิกรากัน พามันเข้าป่ามาด้วยวันนี้พวกฉันก็คงไม่ได้อะไรกลับไปกันหรอก” ฝ่ายเจียวเจียวที่เห็นว่าสามีของตนโดนน้องต่างแม่พูดแบบนี้ใส่ ตนจึงได้คิดเอาเรื่องลูกสาวของน้องสามีมาพูดบ้าง

ทางด้านจินเป่าเมื่อได้ยินเมียพี่ชายของตนว่าร้ายลูกสาวสุดรักของเขา เขาก็โกรธจนอยากจะเข้าไปตบตีคนตรงหน้า ทางด้านซินซินเมื่อเห็นว่าผู้เป็นพ่อโกรธที่มีคนมาว่าร้ายเธอ เธอจึงได้บีบมือของคนเป็นพ่อไว้แน่น ๆ 

จินเป่าได้ก้มลงมามองมือของตนที่ถูกลูกน้อยบีบไว้แน่น ก็ได้ทำให้ตัวเองมีสติขึ้นมาและเขาก็ไม่ได้คิดอยากจะโต้เถียงอะไรอีกจึงได้เดินเข้าป่าไปพร้อมกับลูกน้อยด้วยความอดทนอดกลั้น

‘อยากได้เนื้อสัตว์ป่าใช่ไหม เอาไปเลยหมูป่าตัวใหญ่ ๆ ขอให้หนีเอาชีวิตรอดกันให้ได้นะ’ ซินซินได้กล่าวขึ้นในใจ

เมื่อทั้งพ่อและลูกสาวหายลับเข้าไปในป่าลึกแล้ว ทางด้านชายป่ารอบนอกที่หลงเทียนและเจียวเจียวผู้เป็นภรรยากำลังเก็บฟืนกันอยู่ ครืดคราด ครืดคราด เสียงหายใจอย่างหนักหน่วงของหมูป่าตัวยักษ์ก็ได้พุ่งออกมาจากป่าด้านใน โดยที่สองคนผัวเมียนี่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว 

 “กรี๊ด” เสียงกรีดร้องได้ดังขึ้นจากเจียวเจียวเมียของหลงเทียนได้เรียกสติให้หลงเทียนที่กำลังก้ม ๆ เงย ๆอยู่ได้เงยหน้าขึ้นมามองและขาของเขาก็อ่อนลงพร้อมที่เขาเองก็ได้นั่งลงกองกับพื้นทันทีกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า

 “ช่วยด้วย ไปนะอย่าวิ่งตามฉันมา ไปให้พ้นเจ้าหมูบ้า” เสียงเจียวเจียวร้องไล่หมูป่าในขณะที่ตัวเองก็วิ่งหนีมันไปด้วย ทางด้านหลงเทียนเมื่อตั้งสติได้แล้วก็รีบวิ่งหนีไปทันทีโดยที่ตัวมันไม่คิดจะเป็นห่วงเมียของตนแม้แต่น้อย

 ทางด้านซินซินกับพ่อก็ไม่อาจรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นรอบนอกได้ เพราะตอนนี้ทั้งสามรวมทั้งจิวจิวที่ปรากฎกายออกมาอยู่บนหัวของซินซินได้เดินเข้าถึงป่าชั้นในแล้ว และป่าชั้นนี้ก็อุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมากเพราะไม่มีใครกล้าเข้ามา

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • 1969 ซินซินไม่ใช่ดาวหายนะ   ตอนที่ 21 ซินซินกับการโดนทำโทษ

    เมื่อเด็ก ๆ พากันกลับบ้านมาแล้วคนในบ้านที่พากันกลับบ้านมาก่อนก็โล่งใจเพราะพ่อกับทวดหมิงกำลังจะออกไปตามหาลูกและหลานของตนเนื่องจากพวกเขาทั้งสามเมื่อกลับมาจากทุ่งนาแล้วไม่เห็นเด็ก ๆ พอถามคนที่อยู่บ้านจึงได้รู้ว่าเด็ก ๆ พากันออกไปข้างนอกกับซานซานพวกเขาจึงได้แต่ร้อนใจเพราะตอนที่พวกเขาทั้งสามกลับมาก็ห้าโมงเย็นแล้ว“ปี้ชายจินไก่ย่างฮับ” เสียงแฝดผู้น้องพูดกับซานซานเมื่อเดินเข้ามาภายในบ้านแล้ว จินเป่าและทวดหมิงเมื่อได้ยินเสียงเล็ก ๆ ของเด็ก ๆ ก็พากันวิ่งออกมาดู“มานี่กันทั้งสี่คนเลยทำไมป่านนี้ถึงเพิ่งกลับมากันรู้ไหมว่าทุกคนในบ้านเป็นห่วงพวกลูกมากขนาดไหน ซานซานลูกพาน้อง ๆ ไปถึงไหนมาพ่อจะทำโทษพวกลูกบ้างแล้ว” จินเป่าพูดกับลูก ๆ ของตนด้วยความโล่งใจและโมโห“เอาหน่าพวกเด็ก ๆ ก็กลับมาแล้วหลานก็เลิกโมโหเถอะ แต่เรื่องลงโทษตาเองก็เห็นด้วยนะ” ทวดหมิงพูดกับจินเป่า แต่ประโยคหลังหันไปมองหน้าเด็กน้อยทั้งสี่“พวกเราขอโทษครับ/ค่ะ/ฮะ” ทั้งสี่คนก้มหน้ายอมรับผิดแล้วขอโทษพ่อและทวดของตน“คราวหลังพวกซานซานห้ามพาน้องออก

  • 1969 ซินซินไม่ใช่ดาวหายนะ   ตอนที่ 20 ซินซินกับความรักอันสุกงอมของท่านย่า

    ตั้งแต่ที่ซินซินและซานซานมีน้องทุกวันทั้งสองจะต้องมานั่งเล่นกับน้องชายตลอด เด็กน้อยเองก็ช่างเป็นเด็กที่น่ารักและรู้ความมากจนซินซินคิดว่าน้องชายคนใหม่ทั้งสองไม่น่าจะอายุแค่หนึ่งปีได้เลยพ่อได้ตั้งชื่อให้กับน้องชายทั้งสองพ้องกับผู้เป็นพี่ชายและพี่สาว โดยแฝดผู้พี่ให้ชื่อว่าซินซาน และแฝดคนน้องให้ชื่อว่าซานซิน ทั้งสองเป็นเด็กเลี้ยงง่ายมากและถึงแม้ว่าหน้าตาจะเหมือนกันแต่นิสัยนั้นแตกต่างกันอย่างชัดเจนซินซานนั้นจะมีความสุขุมนิ่ง ๆ เมื่อเจอกับคนอื่นแต่ถ้าเป็นคนในครอบครัวเจ้าตัวมักจะยิ้มแย้มอยู่เสมอ ส่วนซานซินนั้นมักจะขี้อ้อนแต่ถ้าเวลาเจอกับคนอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัวเจ้าตัวเล็กนี้ก็จะแค่ยิ้มเหมือนกับเด็กอารมณ์ดีธรรมดาเพียงเท่านั้น แล้วก็จะไม่ให้คนที่ไม่คุ้นเคยมาถูกตัวเหมือนกับแฝดพี่ของตนทุกคนในครอบครัวต่างก็คิดเหมือนกันว่าเจ้าตัวเล็กสองคนนี้ช่างหวงเนื้อหวงตัวเสียจริง กาลเวลาก็ผันผ่านไปเรื่อย ๆ ตามฤดูกาลตอนนี้เริ่มเข้าสู่ฤดูร้อนแล้วซึ่งก็เป็นอะไรที่ร้อนมากจริง ๆพ่อ ทวดหมิง และแม่ซูเหมยก็พากันไปทำงานในทุ่งนาหมดแล้ว ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนเช่นนี้ซินซินเมื่อเห็นทั้งสา

  • 1969 ซินซินไม่ใช่ดาวหายนะ   ตอนที่ 19 ซินซินกับน้ำตานางเงือก

    เมื่อเจ้าตัวน้อยตื่นนอนแล้วเธอก็ยังคงงง ๆ อยู่แล้วพยายามทบทวนความฝันว่าเจ้าแม่บอกว่ายังไงบ้าง ตอนนี้ผ่านมาสามอาทิตย์แล้วจากหิมะที่ตกหนักขึ้นก็เริ่มที่จะเบาบางลง วันนี้ตั้งแต่คนบ้านซูตื่นนอนแล้วมาทานอาหารเช้าร่วมกันทุกคนต่างก็พากันแปลกใจที่เจ้าตัวน้อยของบ้านนั่งเงียบผิดปกติ เหมือนกับกำลังคิดถึงเรื่องอะไรบางอย่าง“ซินซินหนูเป็นอะไรคะกับข้าววันนี้ก็เป็นของโปรดของหนู ทำไมถึงได้กินน้อยจัง” ซูเหมยถามลูกสาวตัวน้อยด้วยความเป็นห่วง“คือตอนรุ่งเช้าหนูฝันถึงเจ้าแม่หนี่วาค่ะ ท่านมาบอกว่ามีคนต้องการขอความช่วยเหลือจากหนูท่านให้หนูไปที่ทะเลสาบ จิวหูก็จะรู้เองค่ะ หนูก็เลยคิดว่าจะเป็นใครกัน” เจ้าตัวน้อยตอบกับทุกคนในครอบครัว“ถ้าท่านบอกมาอย่างนั้นเดี๋ยวพ่อพาลูกไปดูก็แค่นั้นเอง ลูกไม่ต้องมานั่งคิดอะไรเยอะหรอกครับรีบทานข้าวเถอะ เมื่อท้องอิ่มเราก็จะได้มีกำลังไงครับ” จินเป่าพูดกับลูกสาว“ทวดว่าเราทุกคนพากันไปหมดบ้านนี่แหละเหลือจินเยว่กับฮุยฟางไว้สองคนก็พอเผื่อมีใครมาที่บ้านจะได้รู้” ทวดหมิง บอกกับสมาชิกทุกคน“ตกลงครับ/ค่ะ”ดังน

  • 1969 ซินซินไม่ใช่ดาวหายนะ   ตอนที่ 18 ซินซินกับเรื่องราวของคุณปู่

    “ซินซินครับหนูพูดแบบนี้ไม่น่ารักนะครับลูก เรื่องของคุณปู่คุณย่าเราตัดสินใจแทนไม่ได้นะครับ” จินเป่าพูดสอนลูกสาวตัวน้อย“หนูขอโทษค่ะ หนูจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีกแล้ว” เจ้าตัวน้อยทำหน้าตาสลดลง เธอยอมรับว่าเธอดีใจที่ได้เห็นผู้เป็นปู่จนเธอลืมคิดว่าเรื่องบางอย่างก็ไม่ควรพูดออกมา เสียทีนะเราที่เคยเป็นผู้ใหญ่มาก่อนเมื่อผู้ใหญ่ทุกคนเห็นว่าเจ้าตัวน้อยที่น่ารักมีสีหน้าเศร้าหมองจากการสำนึกผิดของตนแล้วก็พากันใจอ่อนด้วยความสงสาร“รู้จักว่าตัวเองทำผิดแล้วยอมรับผิดย่าและทุกคนก็จะให้อภัย” เยว่จินพูดกับหลานสาวพร้อมลูบหัวปลอบโยนเจ้าตัวน้อยไปด้วย“ค่ะคุณย่า” เจ้าตัวน้อยเมื่อได้รับการปลอบโยนจากผู้เป็นย่าก็ยิ้มอย่างดีใจตอนนี้เธอยังคงอยู่ในอ้อมกอดของคุณปู่อยู่ ตอนเยว่จินเข้ามาใกล้อี้เฟิงเพื่อลูบหัวเจ้าตัวเล็กในอ้อมแขนของเขาทำให้เขาได้กลิ่นหอมจากหญิงในดวงใจจนหัวใจของอี้เฟิงเต้นแรงมากขึ้นจนเขากลัวว่ามันจะเต้นแรงจนจะสามารถทะลุอกของเขาออกมาได้ไหมแต่สำหรับการแสดงออกทางใบหน้าเขาต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากที่จะไม่แสดงอาการเขินอายออกมา ทำไมม

  • 1969 ซินซินไม่ใช่ดาวหายนะ   ตอนที่ 17 ซินซินกับต้นไม้สายลับ

    หลังจากที่ทุกคนอยู่คุยกันที่บ้านของซูจ้านไปสักพัก จนตอนนี้เวลาก็บ่ายมากแล้วพวกเขาทุกคนก็ต่างมีความเห็นตรงกันว่าน่าจะกลับบ้านของจินเป่าได้แล้ว“อาจ้านพ่อกับแม่ไปก่อนนะอย่าลืมล่ะว่าถ้ามีเวลาก็ไปหาพ่อกับแม่ที่บ้านนั้น แล้วก็บอกลูกเมียของแกไว้ด้วยล่ะจะได้ไม่ต้องแวะไปหาพ่อที่โรงถ่านหินนั่นอีกแล้ว และเมียแกกับลูกสะใภรวมทั้งหลานชายของแกจะกลับมาเมื่อไหร่กันล่ะ หรือว่าทางฐานทัพที่ซูอวิ้นอยู่ก็มีหิมะตกหนักเหมือนกัน จนรถเดินทางไม่ได้” ซูหมิงถามผู้เป็นลูกชาย“ใช่ครับพ่อวันก่อนผมโทรไปสอบถามที่ฐานที่ซูอวิ้นประจำการอยู่บอกว่ารถไม่สามารถเดินทางได้ ทุกคนจึงต้องอยู่กับเขาอีกสักพักจนหิมะหยุดและสามารถเปิดทางเดินรถได้โน่นแหละครับ”“ถ้าอย่างนั้นแกก็ปิดบ้านแล้วไปอยู่บ้านน้องสาวของแกกับพ่อแม่ไม่ดีกว่าเหรอ ช่วงนี้โรงงานก็ปิดอยู่นี่” ฮุยฟางก็ถามผู้เป็นลูกขึ้นมาบ้าง“ยังไปไม่ได้หรอกครับถึงโรงงานจะปิดผมก็ยังต้องตรวจเอกสารบางอย่างอยู่ แล้วช่วงนี้เจ้าหลานเขยก็ต้องไปลงพื้นที่เพื่อช่วยผู้ประสบภัยด้วยทำให้ฮัวเหมยต้องอยู่คนเดียวผมก็ต้องแวะไปดูหลานสาวบ่อย ๆ เพราะเจ้าหลานเ

  • 1969 ซินซินไม่ใช่ดาวหายนะ   ตอนที่ 16 ซินซินกับญาติทางคุณย่าผู้ใจดี

    เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากครอบครัวบ้านซูกินข้าวกันเสร็จเรียบร้อยแล้วพ่อและลูกชายหญิงก็พากันออกไปด้านนอก ตอนนี้หิมะได้กองทับถมกันตามพื้นทำให้มองไปทางไหนก็เห็นแต่สีขาวโพลนไปหมด ซินซินเห็นดังนี้จึงคิดว่าควรจะใช้รถลากสำหรับการเดินทางผ่านหิมะดีกว่า“พ่อจ๋าเราใช้รถลากเลื่อนสำหรับการเดินทางผ่านหิมะกันดีไหม หนูจะขอพรให้เรามีรถลากเลื่อนพร้อมสุนัขตัวโตสักหกตัวให้สามารถลากรถพาพวกเราทั้งสามเข้าไปเมืองได้” เจ้าตัวน้อยถามความคิดเห็นของผู้เป็นพ่อ“ก็ดีเหมือนกันนะลูก ขอแบบมีหลังคากันหิมะด้วยได้ไหมครับ”หลังจบคำพูดของผู้เป็นพ่อก็มีรถลากเลื่อนคันใหญ่ขนาดที่ผู้ใหญ่สามคนนั่งได้สบาย ๆ พร้อมสุนัขตัวโตขนปุยสีเทาขาวตาสีฟ้าปรากฎขึ้นพร้อมกับรถลากหกตัว แต่ละตัวสูงเท่าเอวของจินเป่าที่มีความสูงถึงหนึ่งร้อยแปดสิบเลยทีเดียว จินเป่าและซานซานที่ได้เห็นรถพร้อมสุนัขที่ลูกสาวและน้องสาวขอพรออกมาต่างก็ตกใจจนตาโตกันไปแล้ว“ฮ่า ๆ พ่อคะพี่คะเรามาขึ้นรถสุดหรูกันเถอะค่ะ” เจ้าแสบตัวน้อยหัวเราะพ่อของตนและพี่ชายเมื่อทั้งสามขึ้นมานั่งบนรถลากเลื่อนคันนี้แล้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status