Home / แฟนตาซี / 1969 ซินซินไม่ใช่ดาวหายนะ / ตอนที่11 ซินซินกับการเตรียมพร้อมรับพายุ

Share

ตอนที่11 ซินซินกับการเตรียมพร้อมรับพายุ

เมื่อทุกคนได้รู้กันหมดแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ได้มานั่งปรึกษากันว่าควรจะทำอย่างไร 

“เราไปปล่อยข่าวลือกันดีไหมลูกแต่เราต้องทำอย่างแนบ เนียนโดยอาศัยกันบอกปากต่อปากว่าจะมีพายุหิมะเกิดขึ้น แล้วเราก็นำสิ่งของที่จำเป็นมาขายในตลาดที่ถูกลงเล็กน้อย ถ้าขายถูกมากเกินไปเราอาจจะเป็นที่สงสัยได้” จินเป่าพูดขึ้นมาในสิ่งที่เขาคิดได้

 “พ่อจ๋าเยี่ยมไปเลยใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ขึ้นอยู่กับโชค ชะตาของเขาเอง เรื่องปล่อยข่าวลือให้หนูจัดการเองจ้ะ รับรองว่าไม่มีใครรู้แน่ว่ามาจากไหน” ซินซินยืดอกน้อย ๆ ของตนขึ้นพร้อมตบอย่างมั่นใจ

ผู้ใหญ่ทุกคนเมื่อได้เห็นภาพนี้ต่างก็หัวเราะชอบใจกันยกใหญ่ ยกเว้นเจ้าจิวจิวที่เอามือปิดหน้าเพราะอับอายในตัวเพื่อนรักของตน

เมื่อได้บทสรุปแล้วช่วงสาย ๆ หลังจากที่หมอกจางลงแล้ว จินเป่า ซินซิน ฮัวเหมย และจางหยางก็พากันไปที่ตัวอำเภอด้วยกัน ซินซินต้องนำสบู่ออกมาให้อาฮัวเหมยรวมทั้งข้าว ธัญพืชชนิดต่าง ๆ เสื้อกันหนาวผ้าห่ม มาเตรียมเอาไว้ให้อาขายด้วย 

ดังนั้นสิ่งของจึงมีมากมายหลายอย่างกองพะเนินเป็นภูเขาย่อม ๆ เลยทีเดียว ทุกคนต่างก็แปลกใจว่าทำไมสิ่งของที่  ซินซินนำออกมาถึงยังไม่หมดเพราะที่เอาออกมานี้ก็มากขึ้นทุกวัน

ซินซินไม่ได้รับรู้ความคิดนี้ของทุกคนแต่ถ้าเธอรู้เธอก็คงจะตอบกลับไปว่าเอาไว้สักวันทุกคนก็จะรู้เองตอนนี้ก็ขอเก็บเป็นความลับไปก่อน เมื่อซินซินได้นำสิ่งของที่คิดว่าจำเป็นออกมาหมดแล้วเจ้าตัวน้อยก็ต้องเข้าไปในตลาดมืดเพื่อทำการปล่อยข่าว

ทางด้านฮัวเหมยและจางหยางก็พากันไปที่โรงงานเหมืองแร่ ที่ฮัวเหมยทำงานอยู่เพื่อไปทำเรื่องให้ฮัวเหมยลาออก และทำการนัดแนะกับลูกค้าของตนว่าต่อไปนี้ต้องไปรับสินค้าที่บ้านแทน หากมีใครถามก็บอกว่ามาเยี่ยมเพื่อนเก่า 

“เถ้าแก่จางวันนี้ผมเห็นว่าใกล้หน้าหนาวแล้วผมจึงมีเสื้อกันหนาวมาให้ดูเผื่อเถ้าแก่จะสนใจ” จินเป่าพูดกับเถ้าแก่จางเมื่อมาถึงร้าน

 “เข้ามาด้านในกันก่อนอากาศหนาวขนาดนี้ลื้อก็ยังพาลูกมาด้วยนะ มาตัวเล็กเข้ามานั่งในร้านของลุงก่อนลุงมีขนมและน้ำเต้าหู้ร้อน ๆ ให้กิน” เถ้าแก่จางบอกกับเจ้าตัวเล็กที่แกเอ็นดูในความฉลาดและรู้ความของเด็กน้อยตั้งแต่ที่จินเป่าพามาขายของด้วยเมื่อปีก่อน

 “ไหนเอาเสื้อมาให้อั๊วดูสิ” เถ้าแก่จางพูดพร้อมกับหยิบเสื้อที่จินเป่าส่งมาให้ดู เถ้าแก่จางจับเนื้อผ้าและพลิกซ้ายขวากลับด้านนอกด้านในอยู่อย่างนั้นสักพักแล้วก็ยิ้มออกมาด้วยความชอบใจ ซินซินน้อยคิดว่าเธอตกเถ้าแก่ใหญ่รายนี้ได้แล้วเป็นแน่แท้จึงได้นั่งอมยิ้มอย่างอารมณ์ดี

 “โอ๊ะเจ้าตัวน้อยลูกของลื้อนี่น่ารักดีแท้ เมื่อไหร่อั๊วจะมีลูกกับเขาบ้างก็ไม่รู้แต่งงานกันมาก็ตั้งหลายปีแล้วจนลื้อมีลูกไปสองคนแล้ว อั๊วเองก็สามสิบห้าแล้วด้วย” เถ้าแก่จางก็พูดขึ้นมาอย่างเศร้าสร้อย

 “หนูให้ค่ะคุณลุง” ซินซินเกิดความสงสารคุณลุงเถ้าแก่ผู้ใจดีนี้จึงได้มอบรูปเด็กผู้ชายรูปร่างอวบอ้วนผิวขาวให้กับเถ้า   แก่จาง เมื่อเถ้าแก่จางรับไปดูก็รู้สึกถูกใจเป็นอย่างมาก แต่ตัวเขาเองก็แปลกใจว่าเจ้าตัวน้อยนี้เอารูปเด็กหน้าตาน่ารักนี้มาให้กับเขาทำไม

 “หนูน้อยให้ลุงทำไมเหรอลูก” เถ้าแก่จางถามเจ้าตัวน้อยด้วยความสงสัย

 “ให้คุณป้ามองเช้าและเย็นทุกวัน น้องจะมาเกิดค่ะ” ซินซินตัวน้อยตอบพร้อมกับรอยยิ้มอย่างไร้เดียงสา ด้านเถ้าแก่เมื่อได้ยินคำตอบแบบนี้เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมากเพราะอาจจะเป็นความคิดแบบเด็ก ๆ ก็ได้

 “ขอบใจหนูนะลูก เป็นเด็กดีจริง ๆ รู้จักปลอบใจคน” เถ้าแก่จางพูดพร้อมกับนำมือที่ใกล้จะอวบอ้วนนั้นมาลูบหัวเจ้าตัวน้อย

  “เถ้าแก่เคยได้ยินข่าวหรือเปล่าว่าบ้านเมืองของเราจะเกิดพายุหิมะ ความรุนแรงยังไม่รู้แน่ชัดแต่ผมคิดว่าเราควรเตรียมตัวตุนเสบียงเอาไว้ก็ดี โดยเฉพาะร้านเถ้าแก่ที่เป็นร้านอาหารด้วย” จินเป่าได้เริ่มแผนการตามที่ลูกสาวตัวน้อยบอกเอาไว้

  “ลื้อคิดว่ามันจะมีพายุหิมะจริงเหรอ แต่ตั้งแต่ที่เรารู้จักกันมานาน อั๊วสั่งของตุนไว้ก็ได้แล้วลื้อจะขายแพงขึ้นไหม” เถ้าแก่จางถาม เขาถือคติที่ว่าเหลือดีกว่าขาด

 “ไม่แพงหรอกครับเถ้าแก่ อีกสักอาทิตย์หากหิมะเริ่มตกเถ้าแก่ค่อยมาสั่งกับผมก็ได้” จินเป่าพูดขึ้นเพื่อให้เถ้าแก่ได้เห็นเองกับตาว่าหิมะจะเริ่มตกลงมา

 ในขณะที่คนทั้งสองกำลังพูดกันอยู่นั้นลูกค้าที่มากินข้าวเถ้าแก่ก็ได้ยินข่าวเรื่องพายุหิมะไปด้วย และเมื่อเขาออกจากร้านไปเขาก็ไปเจอคนที่รู้จักและก็ได้พูดถึงเรื่องพายุขึ้นมา จนตอนนี้ต่างก็ได้มีข่าวเรื่องพายุหิมะกระจายเข้าไปทั่วทั้งอำเภอแล้ว

 “จางหยางคุณได้ยินข่าวถึงเรื่องพายุหิมะนี้หรือเปล่าตอนนี้ประชาชนต่างก็พากันแตกตื่นตกใจกันมากขึ้น เราในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐคงต้องให้ความเชื่อมั่นกับประชาชนว่าหากมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นจริงเราจะสามารถให้การช่วยเหลือได้” รองนายกประจำมณฑลด้านการปกครองหัวหน้าของจางหยางพูดขึ้น

 “แหมท่านลู่ ผมว่าท่านน่าจะกังวลเกินเหตุไปก็ได้นะครับ ผมยังไม่เห็นว่าจะมีหิมะตกลงมาเลยด้วยซ้ำ ชาวบ้านเหล่านั้นก็อาจจะได้ยินข่าวโคมลอยที่ไหนมาก็ได้” จงเจิง รองนายกประจำมณฑลฝ่ายบรรเทาสาธารณภัยพูดแย้งออกมา

เลขาของทั้งสองอย่างจางหยางและอี้ฝานก็ได้แต่มองหน้ากันพร้อมกับส่ายหัวให้กับหัวหน้าของตนที่ชอบทำตัวเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด ทั้ง ๆ ที่ทั้งสองต่างก็เป็นเพื่อนรักกันแต่ที่มักจะชอบทำตัวเป็นศัตรูกันแม้จะมีสาเหตุก็ตาม       

แต่ความเล่นใหญ่นี้ต่างหากที่เลขาทั้งสองต้องส่ายหน้าจึงเป็นเหตุให้คนภายนอกเข้าใจผิดอยู่เสมอว่าถ้ารองลู่และรองหมิงอยู่ด้วยกันทุกคนต้องรีบหลีกหนีกันให้ไกล ด้วยเกรงว่าอาจจะเกิดลูกหลงจากการปะทะกันของทั้งสองได้

 “ท่านรองหมิงดูท่านพูดเข้าเพราะถ้าเกิดภัยพิบัติจากพายุหิมะขึ้นมาจริง ๆ ผมว่าทางฝ่ายบรรเทาสาธารณภัยของท่านน่าจะเดือดร้อนที่สุดนะท่าน หากท่านไม่เตรียมการรับมือไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เมื่อเกิดเหตุขึ้นมาจริง ๆ ท่านก็อย่ามาร้องไห้ให้ฝ่ายปกครองของผมช่วยนะครับ” รองลู่พูดขึ้นอย่างคิดว่าตนเหนือกว่า ทั้งสองต่างก็โต้แย้งกันไปมาและไม่มีใครยอมใคร จนเดินเข้ามาในห้องของรองนายกลู่จิวซือ ทางด้านเลขาของทั้งสองก็ต้องเดินตามเข้ามาด้วย

 เมื่อทั้งหมดเข้ามาในห้องและปิดประตูเรียบร้อยหมดแล้ว ท่านรองหมิงจงเจิงก็เดินเข้าไปกอดคอของท่านรองลู่จิวซืออย่างที่เคยทำเป็นประจำยามที่อยู่ด้วยกัน ภาพนี้ก็ไม่ได้ทำให้เลขาทั้งสองแปลกใจนักเพราะได้เห็นจนชินตาแล้ว

 “จิวซือเอ็งว่าจะเกิดภัยพิบัติจากพายุหิมะจริงเหรอ กันเองจะได้หาเตรียมเสบียงรอไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้วเราจะแอบเตรียมไว้ที่ไหนดี” รองหมิงถามเพื่อนของตน

 “เอ็งก็หาเช่าโกดังว่าง ๆ ไว้สิ หาคนที่ไว้ใจได้มารับหน้าที่นี้ เอ็งปล่อยคอข้าได้แล้วและก็ไปนั่งให้เรียบร้อยด้วย” รองลู่กล่าวกับเพื่อนของตน

 “เมื่อไหร่เราจะไม่ต้องทำเป็นทะเลาะกันสักทีวะข้าล่ะเบื่อ จะแย่ ต้องปั้นหน้าว่าไม่ชอบหน้าเอ็งจนหน้าข้าเมื่อยไปหมด แล้วว่ะ” 

“เอ็งก็ทนเอาหน่อย ข้าเองก็เหนื่อยพอกับเอ็งนั่นแหละแต่จะให้ทำยังไงวะเบื้องบนเขาสั่งมาแบบนี้นี่หว่า ข้ากับเอ็งก็ต้องมาช่วยกันเป็นหูเป็นตากันแล้วล่ะว่าใครที่มันทำการขายพรรคให้กับคนอื่น” รองลู่พูดตอบโต้เพื่อนของตนพร้อมกับถอนหายใจไปด้วย

 “แล้วข้าจะไปหาเสบียงได้จากไหนวะเอ็งก็รู้ว่ายุคนี้มันขาดแคลนขนาดไหน พวกเรานี่ยังโชคดีที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐยังมีให้กินไม่อดอยาก แต่เรื่องเสบียงชาวบ้านที่ไหนจะมีมาขายให้กัน” รองหมิงเองก็พูดขึ้นมาด้วยความหนักใจ

 “ผมขออนุญาตท่านทั้งสองครับ” จางหยางที่ได้ยินรองนายกทั้งสองพูดกันถึงเรื่องเสบียงเขาก็ได้ตัดสินใจที่จะเป็นคนอาสาหามาให้เอง รองทั้งสองเมื่อได้ยินเสียงของจาง หยางพวกเขาก็หันมามองเลขาหนุ่มมากความสามารถตรง หน้านี้พร้อมกัน

 “อนุญาต มีอะไรเหรอจางหยางลองว่ามา” ท่านรองลู่เป็นฝ่ายอนุญาตเลขาของตน

 “กระผมมีแหล่งเสบียงที่เชื่อถือได้ครับ ผมอยากจะอาสารับหน้าที่ซื้อเสบียงเองครับรับรองได้ของคุณภาพดีและราคาก็ถูกกว่าท้องตลาดแน่นอน” จางหยางพูดขึ้นพร้อมกับมองหน้าเจ้านายทั้งสองไปด้วย

 “ถ้าเป็นอย่างที่คุณพูดผมอนุญาตให้คุณจัดซื้อได้เลย แต่กว่าจะได้งบประมาณมาผมว่าคงต้องรอให้หิมะตกก่อนเป็นแน่เพราะคุณเองก็รู้ว่ารองนายกฝ่ายงบประมาณคือใคร” รองลู่ก็พูดด้วยความหนักใจขึ้นมาอีกเช่นกัน

 “เอาอย่างนี้ก็แล้วกันเดี๋ยวผมจะให้เงินส่วนตัวของผมกับคุณไปก่อน แต่คุณก็ช่วยเก็บหลักฐานการซื้อเอาไว้ด้วย เมื่อเกิดภัยพิบัติขึ้นจริง ๆ ก็ค่อยนำมาเบิกเพื่อเอาเงินมาคืนผม แต่ถ้ามันไม่เกิดอะไรเราก็แค่นำมาสำรองไว้ในหน่วยก่อนแล้วก็เบิกงบมาคืนทีหลังก็ได้ ผมรวยผมไม่รีบฮ่า ๆ” รองนายกหมิงพูดติดตลกออกมาเพื่อให้ทุกคนไม่เคร่งเครียด

 “เอาอย่างนี้ก็แล้วกันข้าเองก็จะช่วยเอ็งออกด้วยครึ่งหนึ่ง เรามาซื้อเสบียงเก็บไว้สักห้าหมื่นก่อนก็แล้วกัน ออกกันคนละสองหมื่นห้าข้าเองก็พอมีเงินอยู่บ้างถึงไม่รวยเท่ากับเอ็งก็เถอะ” รองนายกลู่ก็พูดขึ้นแต่ก็ยังไม่วายกัดเพื่อนของตนไปเบา ๆ ด้วยความหมั่นไส้

 “รับทราบครับ ผมจะทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุดท่านทั้งสองไม่ต้องกังวลครับ” จางหยางรับปากขึ้นมาอย่างแข็งขัน

 “ท่านครับถ้าอย่างนั้นผมก็ขอไปช่วยหยางหยางด้วยนะครับ เพราะผมพอจะรู้จักคนที่มีโกดังใหญ่ที่พอจะไม่เป็นที่จับตามองของใครได้” อี้ฝานก็เสนอตัวเองออกมาบ้างเขาก็อยาก จะช่วยเพื่อนเช่นกัน

 “ตกลงเรื่องเสบียงผมทั้งสองคนยกให้เป็นความรับผิดชอบของพวกคุณ ขอให้พวกคุณจงทำงานรับใช้ประชาชนให้เต็มที่ตามคติพรรคของพวกเรา

ตกเย็นของวันนั้นจางหยางก็ได้ขี่จักรยานของตนมายังบ้านพี่เมียของตนตามลำพังโดยเขาไม่ได้ให้ฮัวเหมยมาด้วยเพราะเป็นห่วงทั้งตัวภรรยาและลูกที่อยู่ในท้อง

เมื่อมาถึงร้องเรียกคนในบ้านอยู่สักพักก็เห็นพี่เมียของตนเป็นคนมาเปิดประตูู เขาทักทายตามมารยาทแล้วก็รีบเดินเข้าไปในบ้าน

 “พี่ครับ หลานชายหลานสาวไปไหนกันเหรอครับ” เมื่อเข้ามาในบ้านได้เขาก็รีบถามหาหลาน ๆ ของภรรยาทันที เขารักเด็กสองคนนี้มากโดยเฉพาะเจ้าตัวน้อยเขาอยากมีลูกชายมีเหตุผลเหมือนซานซานและลูกสาวขี้อ้อนเหมือนซินซิน

 “อยู่ในครัวกันนะ เจ้าตัวน้อยอยากกินบัวลอยน้ำขิงก็เลยไปอ้อนให้ย่าและแม่ทำให้กิน ส่วนซานซานกำลังทำการบ้านอยู่ในห้องว่าแต่มานี่เกี่ยวกับเรื่องเสบียงหรือเปล่า” จินเป่าถามน้องเขยของตน

 “ใช่ครับพี่ ผมจึงรีบมาบอกหลานสาวตัวน้อยว่าตอนนี้ผมได้เป็นผู้รับผิดชอบหน้าที่ในการหาเสบียงเตรียมพร้อมไว้ก่อนครับ”

 เมื่อจินเป่าได้ยินสิ่งที่น้องเขยพูดออกมาเขาเองก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งเพราะแผนการช่วยเหลือผู้คนของลูกสาวสำเร็จมาหนึ่งขั้นแล้ว

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • 1969 ซินซินไม่ใช่ดาวหายนะ   ตอนที่ 21 ซินซินกับการโดนทำโทษ

    เมื่อเด็ก ๆ พากันกลับบ้านมาแล้วคนในบ้านที่พากันกลับบ้านมาก่อนก็โล่งใจเพราะพ่อกับทวดหมิงกำลังจะออกไปตามหาลูกและหลานของตนเนื่องจากพวกเขาทั้งสามเมื่อกลับมาจากทุ่งนาแล้วไม่เห็นเด็ก ๆ พอถามคนที่อยู่บ้านจึงได้รู้ว่าเด็ก ๆ พากันออกไปข้างนอกกับซานซานพวกเขาจึงได้แต่ร้อนใจเพราะตอนที่พวกเขาทั้งสามกลับมาก็ห้าโมงเย็นแล้ว“ปี้ชายจินไก่ย่างฮับ” เสียงแฝดผู้น้องพูดกับซานซานเมื่อเดินเข้ามาภายในบ้านแล้ว จินเป่าและทวดหมิงเมื่อได้ยินเสียงเล็ก ๆ ของเด็ก ๆ ก็พากันวิ่งออกมาดู“มานี่กันทั้งสี่คนเลยทำไมป่านนี้ถึงเพิ่งกลับมากันรู้ไหมว่าทุกคนในบ้านเป็นห่วงพวกลูกมากขนาดไหน ซานซานลูกพาน้อง ๆ ไปถึงไหนมาพ่อจะทำโทษพวกลูกบ้างแล้ว” จินเป่าพูดกับลูก ๆ ของตนด้วยความโล่งใจและโมโห“เอาหน่าพวกเด็ก ๆ ก็กลับมาแล้วหลานก็เลิกโมโหเถอะ แต่เรื่องลงโทษตาเองก็เห็นด้วยนะ” ทวดหมิงพูดกับจินเป่า แต่ประโยคหลังหันไปมองหน้าเด็กน้อยทั้งสี่“พวกเราขอโทษครับ/ค่ะ/ฮะ” ทั้งสี่คนก้มหน้ายอมรับผิดแล้วขอโทษพ่อและทวดของตน“คราวหลังพวกซานซานห้ามพาน้องออก

  • 1969 ซินซินไม่ใช่ดาวหายนะ   ตอนที่ 20 ซินซินกับความรักอันสุกงอมของท่านย่า

    ตั้งแต่ที่ซินซินและซานซานมีน้องทุกวันทั้งสองจะต้องมานั่งเล่นกับน้องชายตลอด เด็กน้อยเองก็ช่างเป็นเด็กที่น่ารักและรู้ความมากจนซินซินคิดว่าน้องชายคนใหม่ทั้งสองไม่น่าจะอายุแค่หนึ่งปีได้เลยพ่อได้ตั้งชื่อให้กับน้องชายทั้งสองพ้องกับผู้เป็นพี่ชายและพี่สาว โดยแฝดผู้พี่ให้ชื่อว่าซินซาน และแฝดคนน้องให้ชื่อว่าซานซิน ทั้งสองเป็นเด็กเลี้ยงง่ายมากและถึงแม้ว่าหน้าตาจะเหมือนกันแต่นิสัยนั้นแตกต่างกันอย่างชัดเจนซินซานนั้นจะมีความสุขุมนิ่ง ๆ เมื่อเจอกับคนอื่นแต่ถ้าเป็นคนในครอบครัวเจ้าตัวมักจะยิ้มแย้มอยู่เสมอ ส่วนซานซินนั้นมักจะขี้อ้อนแต่ถ้าเวลาเจอกับคนอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัวเจ้าตัวเล็กนี้ก็จะแค่ยิ้มเหมือนกับเด็กอารมณ์ดีธรรมดาเพียงเท่านั้น แล้วก็จะไม่ให้คนที่ไม่คุ้นเคยมาถูกตัวเหมือนกับแฝดพี่ของตนทุกคนในครอบครัวต่างก็คิดเหมือนกันว่าเจ้าตัวเล็กสองคนนี้ช่างหวงเนื้อหวงตัวเสียจริง กาลเวลาก็ผันผ่านไปเรื่อย ๆ ตามฤดูกาลตอนนี้เริ่มเข้าสู่ฤดูร้อนแล้วซึ่งก็เป็นอะไรที่ร้อนมากจริง ๆพ่อ ทวดหมิง และแม่ซูเหมยก็พากันไปทำงานในทุ่งนาหมดแล้ว ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนเช่นนี้ซินซินเมื่อเห็นทั้งสา

  • 1969 ซินซินไม่ใช่ดาวหายนะ   ตอนที่ 19 ซินซินกับน้ำตานางเงือก

    เมื่อเจ้าตัวน้อยตื่นนอนแล้วเธอก็ยังคงงง ๆ อยู่แล้วพยายามทบทวนความฝันว่าเจ้าแม่บอกว่ายังไงบ้าง ตอนนี้ผ่านมาสามอาทิตย์แล้วจากหิมะที่ตกหนักขึ้นก็เริ่มที่จะเบาบางลง วันนี้ตั้งแต่คนบ้านซูตื่นนอนแล้วมาทานอาหารเช้าร่วมกันทุกคนต่างก็พากันแปลกใจที่เจ้าตัวน้อยของบ้านนั่งเงียบผิดปกติ เหมือนกับกำลังคิดถึงเรื่องอะไรบางอย่าง“ซินซินหนูเป็นอะไรคะกับข้าววันนี้ก็เป็นของโปรดของหนู ทำไมถึงได้กินน้อยจัง” ซูเหมยถามลูกสาวตัวน้อยด้วยความเป็นห่วง“คือตอนรุ่งเช้าหนูฝันถึงเจ้าแม่หนี่วาค่ะ ท่านมาบอกว่ามีคนต้องการขอความช่วยเหลือจากหนูท่านให้หนูไปที่ทะเลสาบ จิวหูก็จะรู้เองค่ะ หนูก็เลยคิดว่าจะเป็นใครกัน” เจ้าตัวน้อยตอบกับทุกคนในครอบครัว“ถ้าท่านบอกมาอย่างนั้นเดี๋ยวพ่อพาลูกไปดูก็แค่นั้นเอง ลูกไม่ต้องมานั่งคิดอะไรเยอะหรอกครับรีบทานข้าวเถอะ เมื่อท้องอิ่มเราก็จะได้มีกำลังไงครับ” จินเป่าพูดกับลูกสาว“ทวดว่าเราทุกคนพากันไปหมดบ้านนี่แหละเหลือจินเยว่กับฮุยฟางไว้สองคนก็พอเผื่อมีใครมาที่บ้านจะได้รู้” ทวดหมิง บอกกับสมาชิกทุกคน“ตกลงครับ/ค่ะ”ดังน

  • 1969 ซินซินไม่ใช่ดาวหายนะ   ตอนที่ 18 ซินซินกับเรื่องราวของคุณปู่

    “ซินซินครับหนูพูดแบบนี้ไม่น่ารักนะครับลูก เรื่องของคุณปู่คุณย่าเราตัดสินใจแทนไม่ได้นะครับ” จินเป่าพูดสอนลูกสาวตัวน้อย“หนูขอโทษค่ะ หนูจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีกแล้ว” เจ้าตัวน้อยทำหน้าตาสลดลง เธอยอมรับว่าเธอดีใจที่ได้เห็นผู้เป็นปู่จนเธอลืมคิดว่าเรื่องบางอย่างก็ไม่ควรพูดออกมา เสียทีนะเราที่เคยเป็นผู้ใหญ่มาก่อนเมื่อผู้ใหญ่ทุกคนเห็นว่าเจ้าตัวน้อยที่น่ารักมีสีหน้าเศร้าหมองจากการสำนึกผิดของตนแล้วก็พากันใจอ่อนด้วยความสงสาร“รู้จักว่าตัวเองทำผิดแล้วยอมรับผิดย่าและทุกคนก็จะให้อภัย” เยว่จินพูดกับหลานสาวพร้อมลูบหัวปลอบโยนเจ้าตัวน้อยไปด้วย“ค่ะคุณย่า” เจ้าตัวน้อยเมื่อได้รับการปลอบโยนจากผู้เป็นย่าก็ยิ้มอย่างดีใจตอนนี้เธอยังคงอยู่ในอ้อมกอดของคุณปู่อยู่ ตอนเยว่จินเข้ามาใกล้อี้เฟิงเพื่อลูบหัวเจ้าตัวเล็กในอ้อมแขนของเขาทำให้เขาได้กลิ่นหอมจากหญิงในดวงใจจนหัวใจของอี้เฟิงเต้นแรงมากขึ้นจนเขากลัวว่ามันจะเต้นแรงจนจะสามารถทะลุอกของเขาออกมาได้ไหมแต่สำหรับการแสดงออกทางใบหน้าเขาต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากที่จะไม่แสดงอาการเขินอายออกมา ทำไมม

  • 1969 ซินซินไม่ใช่ดาวหายนะ   ตอนที่ 17 ซินซินกับต้นไม้สายลับ

    หลังจากที่ทุกคนอยู่คุยกันที่บ้านของซูจ้านไปสักพัก จนตอนนี้เวลาก็บ่ายมากแล้วพวกเขาทุกคนก็ต่างมีความเห็นตรงกันว่าน่าจะกลับบ้านของจินเป่าได้แล้ว“อาจ้านพ่อกับแม่ไปก่อนนะอย่าลืมล่ะว่าถ้ามีเวลาก็ไปหาพ่อกับแม่ที่บ้านนั้น แล้วก็บอกลูกเมียของแกไว้ด้วยล่ะจะได้ไม่ต้องแวะไปหาพ่อที่โรงถ่านหินนั่นอีกแล้ว และเมียแกกับลูกสะใภรวมทั้งหลานชายของแกจะกลับมาเมื่อไหร่กันล่ะ หรือว่าทางฐานทัพที่ซูอวิ้นอยู่ก็มีหิมะตกหนักเหมือนกัน จนรถเดินทางไม่ได้” ซูหมิงถามผู้เป็นลูกชาย“ใช่ครับพ่อวันก่อนผมโทรไปสอบถามที่ฐานที่ซูอวิ้นประจำการอยู่บอกว่ารถไม่สามารถเดินทางได้ ทุกคนจึงต้องอยู่กับเขาอีกสักพักจนหิมะหยุดและสามารถเปิดทางเดินรถได้โน่นแหละครับ”“ถ้าอย่างนั้นแกก็ปิดบ้านแล้วไปอยู่บ้านน้องสาวของแกกับพ่อแม่ไม่ดีกว่าเหรอ ช่วงนี้โรงงานก็ปิดอยู่นี่” ฮุยฟางก็ถามผู้เป็นลูกขึ้นมาบ้าง“ยังไปไม่ได้หรอกครับถึงโรงงานจะปิดผมก็ยังต้องตรวจเอกสารบางอย่างอยู่ แล้วช่วงนี้เจ้าหลานเขยก็ต้องไปลงพื้นที่เพื่อช่วยผู้ประสบภัยด้วยทำให้ฮัวเหมยต้องอยู่คนเดียวผมก็ต้องแวะไปดูหลานสาวบ่อย ๆ เพราะเจ้าหลานเ

  • 1969 ซินซินไม่ใช่ดาวหายนะ   ตอนที่ 16 ซินซินกับญาติทางคุณย่าผู้ใจดี

    เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากครอบครัวบ้านซูกินข้าวกันเสร็จเรียบร้อยแล้วพ่อและลูกชายหญิงก็พากันออกไปด้านนอก ตอนนี้หิมะได้กองทับถมกันตามพื้นทำให้มองไปทางไหนก็เห็นแต่สีขาวโพลนไปหมด ซินซินเห็นดังนี้จึงคิดว่าควรจะใช้รถลากสำหรับการเดินทางผ่านหิมะดีกว่า“พ่อจ๋าเราใช้รถลากเลื่อนสำหรับการเดินทางผ่านหิมะกันดีไหม หนูจะขอพรให้เรามีรถลากเลื่อนพร้อมสุนัขตัวโตสักหกตัวให้สามารถลากรถพาพวกเราทั้งสามเข้าไปเมืองได้” เจ้าตัวน้อยถามความคิดเห็นของผู้เป็นพ่อ“ก็ดีเหมือนกันนะลูก ขอแบบมีหลังคากันหิมะด้วยได้ไหมครับ”หลังจบคำพูดของผู้เป็นพ่อก็มีรถลากเลื่อนคันใหญ่ขนาดที่ผู้ใหญ่สามคนนั่งได้สบาย ๆ พร้อมสุนัขตัวโตขนปุยสีเทาขาวตาสีฟ้าปรากฎขึ้นพร้อมกับรถลากหกตัว แต่ละตัวสูงเท่าเอวของจินเป่าที่มีความสูงถึงหนึ่งร้อยแปดสิบเลยทีเดียว จินเป่าและซานซานที่ได้เห็นรถพร้อมสุนัขที่ลูกสาวและน้องสาวขอพรออกมาต่างก็ตกใจจนตาโตกันไปแล้ว“ฮ่า ๆ พ่อคะพี่คะเรามาขึ้นรถสุดหรูกันเถอะค่ะ” เจ้าแสบตัวน้อยหัวเราะพ่อของตนและพี่ชายเมื่อทั้งสามขึ้นมานั่งบนรถลากเลื่อนคันนี้แล้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status