ตอนที่ 6 แม่ใจร้ายตายไปแล้ว
เช้าวันใหม่ สองพี่น้องรีบตื่นแต่เช้ามืดเพื่อมาช่วยแม่ทำงาน
ทั้งสามถือกระป๋องเดินไปที่ลำธารในบริเวณที่ทำหลุมดักปลา ทั้งสองจำได้ดีว่าวันแรกได้ปลากลับบ้านไปตั้งหนึ่งตัว!! แม่ใจดีทำน้ำแกงปลาให้กินอีกด้วย บอกเลยว่ามันอร่อยมาก!!นับตั้งแต่วันนั้น พวกเขาจะมาดูปลาแต่เช้ามืดทุกวัน ซือหงหักนิ้วนับจำนวนวันที่แม่ใจดีมาอยู่ด้วย จากการนับแบบผิด ๆ ถูก ๆ ทำให้เธอนับได้จำนวนห้าวันแล้ว แต่พี่ชายบอกว่าเจ็ดวัน!! ซึ่งยังไม่แน่ใจว่าใครที่นับวันผิดหรือถูก!!
"หากวันนี้ได้ปลา แม่จะทำน้ำแกงแล้วให้พวกลูกเอาไปให้ย่า" หรงผิงบอกลูกทั้งสอง ตอนนี้เธอเริ่มชินกับการดูแลฝาแฝดแล้ว
ตลอดเวลา 10 วันที่เธอมาอยู่ที่นี่ เธอค่อย ๆ ปรับเปลี่ยน ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่ เสื้อผ้า อาหารการกิน ตอนนี้ฝาแฝดกินข้าวครบ 3 มื้อ มีนมกินก่อนนอนทุกวัน มีเสื้อผ้าที่สะอาดใส่ บ้านเรือนถูกจัดให้น่าอยู่มากขึ้น ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาจากพวกเธอทั้งสามคน ไม่ใช่แค่เธอคนเดียวที่เปลี่ยนแปลง เจ้าแฝดก็มีส่วนร่วมด้วยเช่นกัน
ตั้งแต่ทำหลุมดักปลา ก็มีปลามาติดทุกวัน อย่างน้อยก็ยังได้วันละตัว บางวันได้ถึงห้าตัว ตอนนี้เธอทำปลาตากแห้ง ปลาบางตัวก็ขังไว้ในกระป๋อง รอนำมาทำอาหาร ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ เธอยังไม่เคยทำอาหารจานเนื้อให้เด็ก ๆ กินเลย เพราะตอนนี้เงินแทบไม่มีติดตัว จะไปซื้อก็ไม่ได้ จึงทำได้เพียงเมนูไข่กับปลาให้เด็ก ๆ กินไปก่อน
ความจริงเธอมองหาอาชีพไว้บ้างแล้ว แต่บางอย่างมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะเธอเป็นมารดาตัวร้ายที่ผู้คนรังเกียจ ไม่มีใครสนับสนุนหรือให้ความช่วยเหลือในการจ้างงาน เพิ่งเข้าใจว่าการเอาตัวรอดให้มีชีวิตอยู่ในวันสิ้นโลกแตกต่างจากยุคนี้มากทีเดียว วันสิ้นโลกมีกินแค่อิ่ม มีที่หลับนอนที่ปลอดภัยในแต่ละวัน แต่ยุคนี้ไม่ใช่แค่เอาตัวรอด แต่ต้องดิ้นรนสร้างอาชีพเพื่ออนาคตอีกด้วย
"ได้เลยค่ะ หนูจะใส่ชุดใหม่ไปบ้านย่าด้วย" พูดจบซือหงก็หัวเราะคิกคัก แล้วคิดไปถึงตอนที่หิ้วหม้อแกงไปให้ย่า คนต้องทักชุดสวยของเธอแน่ ๆ
ตอนนี้สองพี่น้องไม่กลัวแม่แล้ว เพราะแม่ใจร้ายหายไปหลายวันแล้ว เหลือแต่แม่ใจดี และแม่ใจดียังสอนให้พวกเธอกล้าที่จะพูด ทั้งยังใจดีสอนหนังสือและนับเลขอีกด้วย ถึงแม้ตอนนี้จะยังไม่มีสมุดจด แต่แม่ก็ใช้ลานหน้าบ้านเป็นสมุดสอนพวกเธอทั้งสองคน
บอกเลยว่าแม่ใจดีมาก!! ใจดีที่สุด!!
"แม่อยากไปบ้านย่าด้วยกันไหมครับ" จือหมิงอยากให้แม่ไปด้วย อยากเอาแม่ไปอวดทุกคนว่า แม่ของเขานั้นใจดีมาก แม่ของเขาเปลี่ยนไปแล้ว
"อือ ลองดู" หรงผิงไม่รู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอหลีกเลี่ยงการเข้าไปในหมู่บ้านตั้งแต่วันที่ถูกรุมต่อว่าที่ร้านค้าแล้ว ถึงจะยอมรับว่าร่างเดิมทำผิด แต่เพราะเธอคือคนที่อยู่ในร่างตอนนี้ เลยคิดว่าหลีกเลี่ยงได้ก็ควรหลีกเลี่ยง
หรงผิงรู้ว่าที่ผ่านมาย่าของเด็ก ๆ ก็มาแอบดู เพราะปกติหลานจะเข้าไปหา แต่ตลอดสิบวันที่ผ่านมาเด็ก ๆ ไปได้ไปเพราะอยู่ช่วยงาน และพอมีเวลาทั้งสองจะเรียนหนังสือด้วย จึงทำให้เด็กทั้งสองไม่ได้เข้าไปที่บ้านของย่าเลย
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ทั้งสามคนก็ช่วยกันทำอาหาร เตรียมเอาไปบ้านย่า หรงผิงทำใจไว้บ้างแล้วว่าตัวเองอาจโดนอะไรกลับมา อาจเป็นคำพูดและสายตาจากคนพวกนั้น แต่เมื่อรับปากเด็ก ๆ แล้วจึงต้องตามมาด้วย
เธอคิดว่ามาเพื่อแสดงความจริงใจ อาจทำให้สถานการณ์ดีขึ้นมาบ้าง แต่หากมันไม่ดีขึ้นจะได้หลีกเลี่ยงการพบเจอ เพราะเธอไม่ใช่คนที่จะยอมให้คนอื่นมารังแกได้ง่าย ๆ เหมือนกัน
"แม่เดินเร็ว ๆ " ซือหงออกแรงฉุดมือแม่ให้เดินเข้าบ้านย่า
"ย่า!! หนูเอากับข้าวมาให้ แม่ทำอาหารอร่อยมาก" ซือหงตะโกนเรียกย่าเหมือนทุกครั้ง แต่ที่แตกต่างคือเปลี่ยนจากมาขอข้าวกินเป็นเอากับข้าวมาให้แทน
"หายไปนาน ไม่มาหาย่าเลย กินข้าวมาหรือยัง" หลี่รุ่ยจิว ถามหลานสาวโดยที่ไม่มองหน้าลูกสะใภ้เลยสักนิดเดียว
ถึงจะไม่ชอบ แต่ก็ไม่อยากแสดงออกให้หลานทั้งสองได้รับรู้ ถึงอย่างไรก็เป็นแม่ของหลาน และหากพูดไม่ดี พอหลานกลับไปอาจถูกแม่ทำร้ายได้อีก ถึงแม้ที่ผ่านมาจะแอบไปดู และรู้ว่าทั้งสามคนอยู่กันอย่างสงบ ไม่มีการลงมือตบตี แต่ก็ยังไม่ไว้ใจลูกสะใภ้คนนี้อยู่ดี
"ฉันทำกับข้าวมาให้" หรงผิงตัดสินใจพูดออกไป เพราะรู้ดีว่าอีกคนทำเป็นมองไม่เห็นเธอ
"คิดอย่างไรถึงทำมาให้ ใส่อะไรมาให้กิน แม่อย่ารับเอาไว้นะ" เหอชุนหลิน สะใภ้ใหญ่รีบห้ามแม่สามีทันที เพราะกลัวว่าจะเอาอะไรไม่ดีเข้ามาในบ้าน
"ป้าใหญ่ น้ำแกงปลาอร่อยมาก พวกเราไปจับปลามาเอง ช่วยกันทำแล้วเอามาให้ ไม่ได้ใส่อะไรที่ไม่ดีเลย" ซือหงรีบบอก เพราะเธอก็กินแกงหม้อนี้เหมือนกัน
"แม่เปลี่ยนไปแล้วครับ" จือหมิงช่วยยืนยัน เพราะเขาเห็นแม่เงียบ ไม่ตอบโต้อะไรเลย
"พอรู้ตัวหล่อนก็มาทำดีกับบ้านแม่สามีหรืออย่างไร" ชุนหลินจ้องมองอีกคนที่ดูอย่างไรก็เปลี่ยนเป็นคนดีได้ยาก
"เด็ก ๆ เอาไปวางไว้แล้วกลับกันดีกว่า" หรงผิงหันบอกเด็ก ๆ วันนี้ได้มาพิสูจน์แล้วว่ามันไม่ง่ายที่จะทำให้คนอื่นยอมรับ ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็ต่างคนต่างอยู่ดีกว่า
"ไม่ต้องเอาไว้หรอก เอากลับไปไว้ให้เด็ก ๆ กินเถอะ ที่บ้านมีอาหารพอกินอยู่แล้ว อย่าปล่อยให้ลูกอดก็พอแล้ว" รุ่ยจิวหันมาบอกลูกสะใภ้
"ทิ้งไปเลยไม่ดีกว่าหรืออย่างไร อาจใส่ยาอะไรก็ได้ หากเจ้าแฝดเป็นอะไรขึ้นมาจะบอกพี่หยางว่าอย่างไร" ซูเยว่ สะใภ้เล็กรีบเดินมาห้ามแม่ เพราะเจ้าแฝดเคยกินอาหารที่แม่ใจร้ายใส่ย่าถ่ายแล้วท้องเสียหนักทั้งคู่!!
"อาเล็ก... แม่ใจร้ายตายไปแล้ว ตอนนี้มีแต่แม่ใจดี" ซือหงเขย่าแขนอาสะใภ้เพื่อให้ฟังที่เธอบอกบ้าง ปกติแล้วทุกคนก็ใจดี มักเรียกเธอกินข้าวอยู่แล้ว ใจดีกับแม่ของเธอเพิ่มอีกสักคนจะเป็นไรไป เธอชอบแม่คนนี้จริง ๆ
"หล่อนคงรู้และได้ยินข่าวมาแล้ว แต่ต่อให้มาทำดีกับพวกเราก็คงช่วยอะไรไม่ได้ ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับเจ้ารองตัดสินใจ" รุ่ยจิวหันมาบอกลูกสะใภ้ และคิดว่าสิ่งที่ลูกสะใภ้กำลังทำมันไม่มีประโยชน์อะไร มันสายเกินไปแล้ว เพราะลูกชายของเธอตัดสินใจที่จะหย่าขาดจริง ๆ
"เข้าใจแล้วค่ะ เด็ก ๆ จะอยู่บ้านย่าหรือกลับพร้อมกัน" หรงผิงตอบกลับพร้อมทั้งถามเด็ก ๆ ไปด้วย
"ให้เด็ก ๆ อยู่นี่ก่อน ช่วงบ่าย ๆ ฉันจะไปส่งเอง" รุ่ยจิวอยากพูดคุยสอบถามหลานทั้งสองให้รู้เรื่องมากกว่านี้
"ค่ะ" หรงผิงตอบกลับแล้วเดินกลับทันที ทำอย่างไรได้ อย่างไรพวกเขาก็เป็นญาติกัน ให้อยู่ด้วยกันก็ไม่เห็นเป็นไร
รุ่ยจิวมองลูกสะใภ้เดินออกไปจนสุดสายตา สะใภ้คนนี้ทั้งสวยและดูดี หากทำตัวดีสักหน่อยก็มีแต่คนรักและเอ็นดู แต่กลับทำตัวตรงกันข้าม โหดร้ายกับลูกมากเกินไปจนลูกชายของเธอทนไม่ไหว
ถึงขั้นค่อย ๆ ให้ชาวบ้านเก็บรวบรวมหลักฐาน และก็เป็นชาวบ้านอีกนั่นแหละที่ยอมไปเป็นพยานในการยื่นหย่าขาดในครั้งนี้อีกด้วย ที่รู้ข่าวนี้เพราะลูกชายโทรเลขมาแจ้งข่าวไว้ว่าต้นเดือนหน้าจะกลับมาจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย
"ย่า... พวกเราตั้งใจทำมากเลยนะครับ" จือหมิงมองหม้อแกงแล้วมองหน้าย่า
"ย่ารู้แล้ว ไหนขอย่าดูหน่อย วันนี้แต่งตัวสวยแต่งตัวหล่อทั้งคู่เลย" รุ่ยจิวจับหลานทั้งสองหมุนตัวแล้วยิ้มตาม
"ไปเล่นกับพี่ไป อยู่หลังบ้านโน่นแหละ" ชุนผิงเดินเข้ามาบอกหลาน เพราะเธอต้องการคุยกับแม่สามี
"ย่า ป้าใหญ่ อาเล็ก แม่เปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ นะ!! แม่ใจร้ายตายไปแล้ว เหลือแต่แม่ใจดี" ซือหงอยากให้ทุกคนมองแม่ของเธอใหม่
"จริงครับ แม่เปลี่ยนไปแล้ว" จือหมิงก็อยากให้ทุกคนได้เห็นแม่ใหม่จริง ๆ
"รู้แล้ว ไปเล่นกับพี่ ๆ ที่อยู่หลังบ้านได้เลย วันนี้มีเวลาวิ่งเล่นนานเลยกว่าที่ย่าจะไปส่ง" ซูเยว่ดันหลานทั้งสองให้ไปเล่นกับพี่น้องคนอื่น ๆ ก่อนจะก้มมองหม้อน้ำแกงอย่างชั่งใจ
ซือหงมองเส้นทางกลับบ้านด้วยความเป็นห่วง กลัวว่าแม่จะเสียใจแล้วแม่จะกลับเป็นคนใจร้ายเหมือนเดิม เธออยากกลับไปเฝ้าแม่ไว้เหมือนที่ผ่านมา ทำไมไม่มีใครเชื่อว่าแม่ใจร้ายตายไปแล้ว ตอนนี้เหลือแต่แม่ใจดีคนนี้คนเดียวเท่านั้น...
ตอนพิเศษ 3วันตรุษจีนของพวกเราณ โรงพยาบาลประจำมณฑล"เราจะได้กลับกี่โมง... ปกติพ่อกับแม่ไม่เคยมารับเราช้า แต่ทำไมวันนี้ถึงช้าได้เล่า" เสียงบ่นดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมทั้งชะเง้อมองไปยังเส้นทาง เฝ้ามองว่าคนที่ตัวเองรอจะมารับเมื่อไร"หิว ง่วง หรือว่ายังไง" ซือหงมองเพื่อนที่บ่นเป็นรอบที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ เพราะพูดบ่อยมากจนจำไม่ได้แล้ว"หิว วันนี้ที่บ้านต้องมีอาหารมากมายแน่ ๆ " ซือเล่อหันมาบอกเพื่อนอย่างจริงจังซือหงกับซือเล่อเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เรียนระดับประถม และเรียนด้วยกันมาตลอดจนถึงตอนทำงานก็ยังทำที่เดียวกันอีกด้วย พวกเธอเป็นเพื่อนสนิทกัน ชอบอะไรคล้าย ๆ กัน แม้แต่อาชีพที่เลือกเรียนยังเหมือนกันเลยสองสาวเป็นนักศึกษาแพทย์ปีสุดท้ายที่ต้องมาทำงานในโรงพยาบาลประจำมณฑล อีกไม่นานก็เรียนจบแล้ว แต่ใช่ว่าจะจบเลยทีเดียว ยังมีต่อเฉพาะทางอีก ซึ่งสองสาวยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะต่อด้านไหนดีทั้งสองสนิทกันจนถึงขั้นไปกินไปนอนบ้านของอีกคนได้ โดยที่คนในครอบครัวรับรู้ จนพ่อแม่ของทั้งสองคิดว่ามีลูกสาวเพิ่มเข้ามาในครอบครัวอีกคนแล้ว"หิวหรืออยากเห็นหน้าพี่ใหญ่ วันนี้วันตรุษจีน... " ซือหงพูดพร้อมทั้งหรี่ตาจ้องจับผิ
ตอนพิเศษ 2:: เซียวหรงผิงสาวน้อยจากวันสิ้นโลก ::หรงผิงขดตัวซ่อนอยู่ในมุมอับ ทั้งที่รอบ ๆ พื้นที่เงียบสงัด แต่เจ้าตัวกลับรับรู้ถึงภัยที่กำลังคืบคลานใกล้เข้ามา รู้ดีว่าด้านนอกนั้นคือสิ่งใด...เซียวหรงผิง คือชื่อที่พ่อกับแม่ตั้งให้ ผิงผิง คือชื่อที่พวกท่านชอบเรียกหา แต่นั่นเมื่อนานมาแล้ว ตอนนี้เธอไม่ต้องการให้ใครเรียก ผิงผิง อีกแล้ว เพราะมันทำให้เธอคิดถึงพวกท่านหรงผิงดีใจที่พวกท่านจากไปตั้งแต่ช่วงแรก อาจฟังดูใจร้าย แต่เชื่อเถอะว่าคนที่จากไปในช่วงเชื้อโรคแพร่ระบาด หรือในช่วงแรกนั้น... คนพวกนั้นโชคดีกว่าคนที่อยู่มาถึงทุกวันนี้โลกที่เธออยู่มีความเจริญก้าวหน้าด้วยเทคโนโลยี ทุกอย่างสะดวกสบาย เมื่อมีข้อดีก็ย่อมมีข้อเสีย รวมถึงมีรอยรั่วให้สิ่งแปลกปลอมแทรกซึม เธอไม่รู้ว่าสาเหตุหลักจริง ๆ แล้วเชื้อไวรัสนี้มาจากที่ใด แต่การแพร่ระบาดเริ่มในกลุ่มเล็ก ๆ คนที่ติดเชื้อจะถูกแยกและถูกเจ้าหน้าที่กักตัวไว้เพื่อดูอาการในช่วงแรกทุกคนคิดว่าคนที่ติดเชื้อคือโชคร้าย เธอคือหนึ่งในนั้นที่คิดว่าพ่อกับแม่โชคร้ายที่ติดเชื้อตั้งแต่แรก ท่านทั้งสองถูกส่งเข้าไปรักษาที่โรงพยาบาล โดยที่ตัวเธอถูกจับตรวจร่างกาย เพื่อหาเ
ตอนพิเศษ 1:: เซียวหรงผิงมารดาตัวร้าย ::เซียวหรงผิงค่อย ๆ ขยับตัว พยายามที่จะเปิดเปลือกตา... เพื่อลืมตาตื่น ความทรงจำบอกว่าเธอตกน้ำเย็นจัด จึงทำให้ป่วยเป็นไข้นอนซมตั้งแต่กลับมาถึงบ้านเมื่อนึกย้อนกลับไปว่าเพราะเหตุใดจึงทำให้ตัวเองตกลงไปในน้ำ ก็ทำให้มีแต่อารมณ์กรุ่นโกรธ!! ไม่พอใจชาวบ้านที่พากันลือพูดข่าวมั่ว ๆ กล่าวหาว่าสามีของเธอกำลังจะกลับมาหย่า!! จะหย่าได้อย่างไร ในเมื่อไม่ยอมหย่าซะอย่าง ใครจะทำไม!!สามีของเธอไม่เคยกล้ากับเธอเลยสักครั้ง ถึงตัวไม่กลับมาแต่ส่งเงินให้ตลอด มีกินมีใช้ไม่เคยขาดมือ ก็ลองปล่อยให้ขาดมือดูซิ!! คนที่ต้องอดก็คือลูกของเขาทั้งสองคนอีกนั่นแหละ!! เธอจำได้ดีว่าโทรเลขไปขู่สามี หากครั้งนี้ยังไม่กลับมา อย่าได้เห็นหน้าลูกอีกเลย"ทำไมมันปวดหัวอย่างนี้วะ!! ไอ้แฝดหายหัวไปไหนหมด ไม่แหกตาดูหรือว่าฉันยังไม่ได้กินอะไรเลย พวกแกสองตัวอยากให้ฉันตายหรืออย่างไร อยากลองดีใช่ไหม แม่จะฟาดให้หลังลายเลย!! " แม้จะรู้สึกได้ว่าเสียงของตัวเองเปลี่ยนไป แต่เพราะรู้ว่าตัวเองไม่สบายอาจทำให้เสียงเปลี่ยนไปเท่านั้นเอง"ยังไม่โผล่หัวออกมาอีก!! วันนี้พวกแกสองตัวอดข้าวไปเลยนะ อย่าให้เห็นว่ากินอิ่มนอ
ตอนที่ 46 บทส่งท้าย(มารดาที่ดี)หรงผิงจับลูกสาววัยสิบสองปีทำผมที่เด็กสาวกำลังนิยมในช่วงนี้ ที่ลูกสาวทำผมจัดเต็ม เพราะวันนี้ทางโรงเรียนจัดงานแข่งขันกีฬาสี และยังประกาศผลสอบให้กับนักเรียนอีกด้วย"ทำไมน้องเล็กต้องทำหลายอย่างด้วย" จือหมิงนั่งกินโจ๊กไปด้วยมองน้องสาวไปด้วย"คุณครูประจำชั้นบอกว่าจะมีคะแนนกิจกรรมมอบให้ เลยทำทุกอย่างที่ครูเสนอ" ซือหงตอบไปตามตรง ไม่อยากทำแต่อยากได้คะแนน เพราะผลการเรียนมีผลต่อการที่จะยื่นเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย รุ่นพี่พูดแบบนี้ทั้งนั้น"หากเป็นแต่ก่อน พี่คงคิดว่าน้องเล็กน่าจะถูกหลอก แต่ตอนนี้ไม่น่าจะถูกหลอกง่าย ๆ นอกจากไปหลอกคนอื่นเขามากกว่า" จือหมิงก็ยังคงเย้าแหย่น้องน้อยไปด้วย แต่ที่เขาบอกออกไปนั้นคือเรื่องจริง!!น้องสาวของเขาไม่ใช่เด็กที่ขี้กลัวเหมือนแต่ก่อนแล้ว แม่เป็นแบบไหน น้องสาวของเขาเป็นแบบนั้นเลย และน่าจะร้ายมากกว่าแม่เสียอีก!! เพราะตอนนี้เขาจดจำแม่ปากร้าย แม่ใจร้ายไม่ได้แล้ว เขาจำได้แต่แม่ใจดีถึงแม่จะไม่ค่อยพูด แต่แม่สอนในหลายสิ่งหลายอย่างให้เขากับน้องสาว สอนให้รู้จักเข้มแข็ง สอนให้รู้จักแบ่งปันแก่ผู้อื่นเสมอ และสอนให้สู้คน ไม่ยอมให้คนมารังแก หรือเอา
ตอนที่ 45 เป็นลูกที่ดีหรงผิงยืนมองพ่อกับแม่ที่กำลังนั่งรอคิวให้เจ้าหน้าที่เรียกเข้าไปเพื่อตรวจสุขภาพประจำปี ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะมาอยู่ที่โลกใบนี้เกือบ 3 ปีแล้ว การงานของเธอมั่นคง มีโรงงานเป็นของตัวเอง โดยมีครอบครัวเฉินและครอบครัวเซียวดูแลเหมือนเดิมมาตั้งแต่แรกทุกคนช่วยงานกันเป็นอย่างดี เคยเป็นแบบไหนก็ยังเป็นแบบนั้นเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือทุกคนมีรายได้ดี มีเงินเก็บ และลูกหลานทั้งสองบ้านก็ได้เรียนหนังสือทุกคน"ทำไมต้องมาตรวจให้สิ้นเปลืองด้วย" เหลียนฟางมองลูกสาวที่เดินมานั่งใกล้ ๆ ก็อดที่จะบ่นไม่ได้"ไม่อยากอยู่เลี้ยงหลานเลี้ยงเหลนหรืออย่างไร" หรงผิงถามกลับ แกล้งขู่แม่ไปอย่างนั้นเอง"ฉันไม่ได้เป็นอะไร!! " เหลียนฟางรู้ดีว่าลูกสาวหมายถึงเรื่องอะไรความจริงแล้วปากบ่นไปแบบนั้นเอง มันคือความเคยชิน แต่ในใจกลับตื้นตันที่ลูกสาวใส่ใจ ห่วงพ่อแม่พี่ชาย ต้องให้ทุกคนมาตรวจสุขภาพประจำปี เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่มาไม่เคยรู้ว่ามีตรวจสุขภาพประจำปีประจำเดือนด้วย แต่พอลูกสาวคนนี้เริ่มเปลี่ยนไปก็เหมือนเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ ให้ครอบครัวได้เรียนรู้อยู่เรื่อย ๆ คำพูดของย่าทวดเป็นจริงเสมอ... ในตอนแรกที่ลูกสาวเปลี่ยนไ
ตอนที่ 44 ได้เป็นภรรยาอย่างเต็มตัว Nc+++กว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางก็ผ่านมาอีกสามเดือน จนตอนนี้หรงผิงมาอยู่ที่โลกใบนี้เป็นปีแล้ว จากลูกอายุห้าขวบ ตอนนี้อายุหกขวบกว่า ๆ แล้วตอนนี้เด็กแฝดก็ไปเรียนแล้วด้วย เธอไม่รู้เลยว่ามีหลายอย่างเปลี่ยนไป เพราะว่ามัวแต่จัดการกับงานต่าง ๆ แต่พอทุกอย่างเข้าที่เข้าทางจึงทำให้มีเวลามองย้อนกลับไป จึงได้รู้ว่าทุกอย่างเปลี่ยนไปมาก!!สองครอบครัวมีกินมีใช้ ฐานะดีขึ้น แต่ก็ยังใช้ชีวิตเหมือนเดิมไม่ฟุ่มเฟือย แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ การที่สองครอบครัวสนิทกันมากขึ้น แบ่งปันสิ่งของกันเสมอ และที่เห็นได้ชัดอีกเรื่องคือ... ครอบครัวบ้านเฉินได้กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันครบทั้งหมดพี่ใหญ่บ้านเฉินลาออกจากการเป็นทหารกลับมาดูแลการผลิตในโรงงานให้เธอ เพราะพี่ชายทั้งสองของเธอต้องเข้ามาทำงานในมิติเลยไม่ได้ไปดูแลโรงงาน ทุกคนแบ่งหน้าที่กันทำอย่างลงตัวตอนนี้หน้าที่หลักของเธอคือทำบัญชีเองทั้งหมด แม้แต่ค่าแรงที่จ่ายให้ทุกคน เธอก็คือคนตัดสินใจ แต่ส่วนมากจะขอความคิดเห็นจากสามี เท่าที่รับรู้เธอจ่ายค่าแรงสูงกว่าราคาการจ้างงานทั่วไปแต่พอปรึกษากันแล้ว คิดว่าคนที่ทำงานให้เป็นญาติพี่น