หรงผิง ตายในวันสิ้นโลก ก่อนวิญญาณจะล่องลอยข้ามมิติมาอยู่ในร่างของหญิงสาวอีกคนที่มีชื่อและแซ่เดียวกัน แต่ที่แตกต่างกันคือ... ที่โลกแห่งนี้เธอเป็นมารดาตัวร้าย!! ที่มีสามีและลูกน้อยอีก 2 คน
View Moreตอนที่ 1 ตัวฉันอีกคน
เซียวหรงผิง
ตื่นขึ้นมาด้วยอาการเหมือนว่าโลกทั้งใบกำลังหมุนอย่างรุนแรง จนทำให้เธอรู้สึกเวียนศีรษะอยากจะอาเจียนออกมา และยังมีอาการปวดหัวอย่างรุนแรงเพิ่มเข้ามาอีกด้วยหรงผิง
อาเจียนอย่างหนัก ทั้งที่ไม่มีอะไรออกมาเลย และยังมองเห็นภาพการใช้ชีวิตของใครบางคนที่เธอไม่รู้จัก... ความรู้สึกบางอย่างบอกว่าตัวเธอนั้นตายไปแล้ว แต่ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าคนที่ตายแล้วจะยังมีความรู้สึก เจ็บปวดและทรมานเหมือนตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งมันเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดมาก เพราะเธอรู้ดีว่าตัวเองได้ตายไปแล้ว...หรงผิงดิ้นรนเอาตัวรอดในโลกที่มีแต่ความแห้งแล้ง โลกที่มนุษย์ต่างต้องการอาหาร โลกที่มีฝูงผีดิบอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง เธอสามารถอยู่รอดมาได้หลายปี
จนมนุษย์เริ่มมีวิวัฒนาการ ร่างกายของคนที่เหลือรอดเริ่มมีการปรับเปลี่ยน หรือที่ทุกคนเข้าใจว่ามันคือพรสวรรค์หรือพลังวิเศษในการเอาตัวรอด ทุกคนจะมีพลังแตกต่างกัน แล้วแต่ว่าร่างกายจะปรับเปลี่ยนเป็นแบบไหน
ซึ่งเธอก็ได้รับพลังวิเศษนี้ด้วยเช่นกัน และด้วยพลังที่ได้รับนี้ จึงทำให้เธอตกเป็นเป้าหมายของคนอีกหลายกลุ่ม เพราะเธอได้รับมิติที่สามารถเข้าไปอยู่อาศัยและหลบซ่อนในนั้นได้ และในมิติยังมีที่ดินที่อุดมสมบูรณ์ แค่มีเมล็ดพันธุ์เพียงเม็ดเดียวก็สามารถปลูกพืชชนิดนั้นได้จำนวนมาก
ผลผลิตในมิติฟาร์มจะเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้เธอมีอาหารสำหรับกลุ่มของตัวเอง ซึ่งกลุ่มที่เธออาศัยอยู่มีแต่ญาติ ๆ เพียงเท่านั้น เมื่อมีมิติฟาร์ม กลุ่มของเธอก็ไม่จำเป็นต้องดิ้นรนออกไปหาอาหารเหมือนแต่ก่อน แค่ตามหาเมล็ดพันธุ์พืชที่ตัวเองต้องการเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว
ในมิติฟาร์มไม่ได้มีแค่พื้นดินที่อุดมสมบูรณ์ ยังมีแหล่งน้ำสะอาดที่สามารถนำมาดื่มกินได้ด้วย เธอมีพร้อมทุกอย่าง สามารถอยู่รอดได้โดยที่ไม่ต้องดิ้นรน แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่คิด เพราะสิ่งที่เธอมีทำให้เธอตายเร็วขึ้น คนหลายกลุ่มต้องการตัวเธอ และคนที่เธอเชื่อใจกลับเป็นคนกระจายข่าวว่าเธอได้รับมิติฟาร์มที่สามารถผลิตอาหารได้มากมาย
จากความลับที่รู้เพียงญาติหรือก็คือกลุ่มของตัวเอง กลับกลายเป็นรู้จนทั่ว สำหรับเธอแล้วฝูงผีดิบไม่น่ากลัวเท่ากับมนุษย์ที่อิจฉาอยากได้อยากดี จากที่วิ่งหนีผีดิบเพื่อเอาตัวรอด กลับกลายเป็นวิ่งหนีมนุษย์ที่ต้องการตัวเธอไว้ใช้ประโยชน์
และแน่นอนว่าเธอตายด้วยน้ำมือมนุษย์...
เพียงแค่ว่า... หากไม่ได้ครอบครอง... ก็จงกำจัดทิ้งไปเสีย...
แทนที่จะเก็บเธอไว้ เพราะเธอคือแหล่งผลิตอาหารชั้นดี แต่พวกเขากลับคิดว่ากำจัดทิ้งไปดีกว่าให้ตกไปอยู่กับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แล้วกลุ่มที่ได้ตัวเธอไปครองจะสามารถต่อรองและกดขี่กลุ่มอื่นได้ ถึงไม่มีเธอ พวกเขาก็เอาตัวรอดมาได้ตั้งนาน และบางกลุ่มสามารถปลูกพืชเลี้ยงสัตว์ได้ ถึงจะได้ผลผลิตไม่มากก็ตาม ด้วยเหตุนี้เธอเลยถูกกำจัดทิ้ง...
หลังจากอาเจียนจนหมดเรี่ยวหมดแรงแล้ว หรงผิงก็คิดทบทวนความทรงจำเดิมของตัวเอง ก่อนจะกะพริบตาเพื่อปรับให้รับกับแสงจ้าที่สาดส่องเข้ามา
ตอนนี้เธอเริ่มรับรู้ถึงความทรงจำอีกสายหนึ่ง ซึ่งมันไม่ใช่ความทรงจำของเธอเลย มันคือความทรงจำของแม่ใจร้ายคนหนึ่ง ซึ่งไม่เข้าใจว่าตัวเองรับรู้เกี่ยวกับเรื่องราวของแม่ตัวร้ายคนนี้ได้อย่างไร
เพล้ง!! เสียงชามหล่นกระแทกพื้น จนทำให้หรงผิงหันไปมองอย่างสงสัย
"หนะ หนู... ไม่ได้เอาของแม่ไปนะ อันนี้ย่าให้มา" เสียงเล็กรีบบอกอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
"ของย่าจริง ๆ ครับ"
หรงผิงขมวดคิ้วมองอย่างสงสัย เธอจำเด็กสองคนนี้ได้จากความทรงจำของแม่ตัวร้าย ทั้งสองเป็นฝาแฝดชายหญิง
เด็กผู้ชายชื่อ เฉินจือหมิง เด็กผู้หญิงชื่อ เฉินซือหง
ทั้งสองมีอายุ 5 ปีเดี๋ยวนะ!! หากจำไม่ผิด เธอกับแม่ตัวร้ายมีชื่อเหมือนกัน!! แล้วก่อนหน้านั้นเจ้าตัวเล็กก็เรียกเธอว่าแม่!!
"แม่เป็นอะไรไหม" ซือหงกระซิบถามพี่ชายและแอบมองแม่ที่ยังคงนั่งเงียบ ไม่ดุด่าที่เธอทำชามหล่นเสียงดัง
"แม่เพิ่งฟื้นจากไข้" จือหมิงช่วยน้องสาวเก็บแป้งจี่จากพื้นแล้วรีบดันน้องสาวให้ออกไปให้ห่างจากแม่
"เดี๋ยวก่อน!! " หรงผิงเรียกเจ้าตัวเล็กให้หยุดก่อน เพราะเธอต้องการตรวจสอบอะไรบางอย่าง
"แม่อย่าตีน้องเล็กเลย หากจะตีให้ตีผมแทน" จือหมิงเอาตัวเองบังร่างเล็กของน้องสาว ถึงจะกลัว แต่เขาไม่อยากให้น้องสาวโดนตีอีกแล้ว
"ไม่ได้ตี แค่อยากถามว่าแม่หลับไปนานแค่ไหน" หรงผิงหลับตาลงช้า ๆ เธอเห็นภาพความทรงจำที่แม่ตัวร้ายคนนี้ตบตีลูกอย่างโหดร้าย ที่สำคัญเด็กทั้งสองเป็นลูกแท้ ๆ ยังจะกล้าทำอีก!!
"3 วัน" จือหมิงเป็นคนตอบ และยังไม่กล้ากระดุกกระดิกไปไหนทั้งนั้น
"กินข้าวหรือยัง" หรงผิงมองเด็กแฝดที่ผอมแห้ง ยิ่งทำให้หดหู่ใจมากกว่าเดิมเสียอีก
"ย่าให้แป้งจี่มาแล้วค่ะ" ซือหงค่อย ๆ โผล่หน้ามาตอบแล้วแอบมองแม่อย่างกลัว ๆ
"อืม ไปกินเถอะ" ตอนนี้เธออยากตั้งสติและทำความเข้าใจกับเหตุการณ์ที่กำลังใจในตอนนี้
ผ่านวันสิ้นโลก ผ่านฝูงผีดิบ ผ่านการได้รับพลังวิเศษ ผ่านหลายสิ่งหลายอย่างมาแล้ว คิดว่าการตายคือจุดจบ แต่เท่าที่รับรู้และสัมผัสได้ มันไม่ใช่จุดจบ!!
หรือมันคือจุดเริ่มต้นใหม่ แต่ไม่คิดว่าการมาเริ่มต้นใหม่ของเธอจะมาอยู่กับยัยแม่ใจร้ายคนนี้ได้
"ยัยแม่ตัวร้ายแบบเธอสมควรตายแล้วล่ะ เพราะหากอยู่ต่อ ไม่รู้ว่าเธอจะสร้างบาดแผลทางใจให้เด็กสองคนนั้นอีกมากเท่าไร เธอคิดว่าตัวเองลำบาก แต่เธอรู้ไหมว่าที่ที่ฉันจากมา ลำบากกว่าที่เธอเป็นอยู่หลายเท่า" หรงผิงหลับตาลงนึกถึงสิ่งที่ตัวเองอยากจะพูดให้เจ้าของร่างเดิมได้รับรู้
เธอไม่สงสารว่าเด็กทั้งสองจะขาดแม่ เพราะจากที่ได้รับรู้จากความทรงจำ...
"มีแม่แบบนี้ อย่ามีเลยจะดีกว่า!! "
"หากเธอคือตัวฉันอีกคน... และหากฉันมาเป็นตัวเธอแล้ว ถึงฉันไม่เคยเป็นแม่คน ไม่เคยเลี้ยงเด็กมาก่อน แต่ฉันมั่นใจว่าตัวเองไม่ลงมือทุบตีเด็กน้อยตาดำ ๆ อย่างแน่นอน และจะไม่ยอมให้เด็กทั้งสองอดอยาก ทั้งที่ตัวเองมีกินอย่างสบาย อย่าได้กลับมาทำร้ายเด็กที่บริสุทธิ์อีกต่อไปเลย" หรงผิงหวังว่าทุกคำพูดของเธอจะส่งไปถึงอีกคน
ไม่ใช่ว่าเธออยากจะอยู่ในร่างนี้ จนไม่อยากให้ยัยแม่ตัวร้ายกลับมา หากเลือกได้ขอไปเกิดใหม่ หรือหากให้ไปอยู่ในร่างของคนอื่นจริง ๆ ขออยู่ในร่างคนที่ไม่โหดร้ายแบบนี้ยังจะดีกว่า
ยัยแม่ตัวร้ายคนนี้ลงมือทุบตีลูกเพียงเพื่อต้องการเรียกร้องความสนใจจากสามี เพื่อให้สามีกลับมาหา ทำร้ายลูกเพียงเพื่อต้องการให้สามีรัก ปล่อยให้ลูกอดมื้อกินมื้อทั้งที่ตัวเองมีกินครบสามมื้อ และยังมีอีกหลายอย่างที่บ่งบอกถึงความใจร้ายของคนคนนี้
หรงผิงมั่นใจว่าตัวเองมาอยู่ในร่างของมารดาตัวร้าย เพราะความรู้สึกทั้งหมดชัดเจนมาก หากให้เธอมาอยู่แล้ว อย่าเอานังตัวร้ายกลับมาก็แล้วกัน แต่หากจะให้เธอจากไป ก็ขอให้คนที่ดีที่เหมาะจะเป็นแม่ของเด็กมาอยู่แทน
อย่าให้แม่ตัวจริงกลับมาเลย เพราะจากเด็กดี ๆ อาจกลายเป็นอย่างอื่นที่เราไม่อาจคาดคิดได้ หากคนเราถูกกระทำอย่างโหดร้ายตั้งแต่เด็ก จากเด็กจิตใจดี ๆ ก็อาจบิดเบี้ยวได้ เธอไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้นเลย
หากส่งเธอมาแล้วก็อย่าให้แม่จริง ๆ กลับมา ส่งไปอยู่ในโลกที่เธอจากมาก็ได้ จะได้รู้ถึงรสชาติแห่งความลำบาก... ว่าความลำบากที่แท้จริงเป็นเช่นไร...
ตอนพิเศษ 3วันตรุษจีนของพวกเราณ โรงพยาบาลประจำมณฑล"เราจะได้กลับกี่โมง... ปกติพ่อกับแม่ไม่เคยมารับเราช้า แต่ทำไมวันนี้ถึงช้าได้เล่า" เสียงบ่นดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมทั้งชะเง้อมองไปยังเส้นทาง เฝ้ามองว่าคนที่ตัวเองรอจะมารับเมื่อไร"หิว ง่วง หรือว่ายังไง" ซือหงมองเพื่อนที่บ่นเป็นรอบที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ เพราะพูดบ่อยมากจนจำไม่ได้แล้ว"หิว วันนี้ที่บ้านต้องมีอาหารมากมายแน่ ๆ " ซือเล่อหันมาบอกเพื่อนอย่างจริงจังซือหงกับซือเล่อเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เรียนระดับประถม และเรียนด้วยกันมาตลอดจนถึงตอนทำงานก็ยังทำที่เดียวกันอีกด้วย พวกเธอเป็นเพื่อนสนิทกัน ชอบอะไรคล้าย ๆ กัน แม้แต่อาชีพที่เลือกเรียนยังเหมือนกันเลยสองสาวเป็นนักศึกษาแพทย์ปีสุดท้ายที่ต้องมาทำงานในโรงพยาบาลประจำมณฑล อีกไม่นานก็เรียนจบแล้ว แต่ใช่ว่าจะจบเลยทีเดียว ยังมีต่อเฉพาะทางอีก ซึ่งสองสาวยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะต่อด้านไหนดีทั้งสองสนิทกันจนถึงขั้นไปกินไปนอนบ้านของอีกคนได้ โดยที่คนในครอบครัวรับรู้ จนพ่อแม่ของทั้งสองคิดว่ามีลูกสาวเพิ่มเข้ามาในครอบครัวอีกคนแล้ว"หิวหรืออยากเห็นหน้าพี่ใหญ่ วันนี้วันตรุษจีน... " ซือหงพูดพร้อมทั้งหรี่ตาจ้องจับผิ
ตอนพิเศษ 2:: เซียวหรงผิงสาวน้อยจากวันสิ้นโลก ::หรงผิงขดตัวซ่อนอยู่ในมุมอับ ทั้งที่รอบ ๆ พื้นที่เงียบสงัด แต่เจ้าตัวกลับรับรู้ถึงภัยที่กำลังคืบคลานใกล้เข้ามา รู้ดีว่าด้านนอกนั้นคือสิ่งใด...เซียวหรงผิง คือชื่อที่พ่อกับแม่ตั้งให้ ผิงผิง คือชื่อที่พวกท่านชอบเรียกหา แต่นั่นเมื่อนานมาแล้ว ตอนนี้เธอไม่ต้องการให้ใครเรียก ผิงผิง อีกแล้ว เพราะมันทำให้เธอคิดถึงพวกท่านหรงผิงดีใจที่พวกท่านจากไปตั้งแต่ช่วงแรก อาจฟังดูใจร้าย แต่เชื่อเถอะว่าคนที่จากไปในช่วงเชื้อโรคแพร่ระบาด หรือในช่วงแรกนั้น... คนพวกนั้นโชคดีกว่าคนที่อยู่มาถึงทุกวันนี้โลกที่เธออยู่มีความเจริญก้าวหน้าด้วยเทคโนโลยี ทุกอย่างสะดวกสบาย เมื่อมีข้อดีก็ย่อมมีข้อเสีย รวมถึงมีรอยรั่วให้สิ่งแปลกปลอมแทรกซึม เธอไม่รู้ว่าสาเหตุหลักจริง ๆ แล้วเชื้อไวรัสนี้มาจากที่ใด แต่การแพร่ระบาดเริ่มในกลุ่มเล็ก ๆ คนที่ติดเชื้อจะถูกแยกและถูกเจ้าหน้าที่กักตัวไว้เพื่อดูอาการในช่วงแรกทุกคนคิดว่าคนที่ติดเชื้อคือโชคร้าย เธอคือหนึ่งในนั้นที่คิดว่าพ่อกับแม่โชคร้ายที่ติดเชื้อตั้งแต่แรก ท่านทั้งสองถูกส่งเข้าไปรักษาที่โรงพยาบาล โดยที่ตัวเธอถูกจับตรวจร่างกาย เพื่อหาเ
ตอนพิเศษ 1:: เซียวหรงผิงมารดาตัวร้าย ::เซียวหรงผิงค่อย ๆ ขยับตัว พยายามที่จะเปิดเปลือกตา... เพื่อลืมตาตื่น ความทรงจำบอกว่าเธอตกน้ำเย็นจัด จึงทำให้ป่วยเป็นไข้นอนซมตั้งแต่กลับมาถึงบ้านเมื่อนึกย้อนกลับไปว่าเพราะเหตุใดจึงทำให้ตัวเองตกลงไปในน้ำ ก็ทำให้มีแต่อารมณ์กรุ่นโกรธ!! ไม่พอใจชาวบ้านที่พากันลือพูดข่าวมั่ว ๆ กล่าวหาว่าสามีของเธอกำลังจะกลับมาหย่า!! จะหย่าได้อย่างไร ในเมื่อไม่ยอมหย่าซะอย่าง ใครจะทำไม!!สามีของเธอไม่เคยกล้ากับเธอเลยสักครั้ง ถึงตัวไม่กลับมาแต่ส่งเงินให้ตลอด มีกินมีใช้ไม่เคยขาดมือ ก็ลองปล่อยให้ขาดมือดูซิ!! คนที่ต้องอดก็คือลูกของเขาทั้งสองคนอีกนั่นแหละ!! เธอจำได้ดีว่าโทรเลขไปขู่สามี หากครั้งนี้ยังไม่กลับมา อย่าได้เห็นหน้าลูกอีกเลย"ทำไมมันปวดหัวอย่างนี้วะ!! ไอ้แฝดหายหัวไปไหนหมด ไม่แหกตาดูหรือว่าฉันยังไม่ได้กินอะไรเลย พวกแกสองตัวอยากให้ฉันตายหรืออย่างไร อยากลองดีใช่ไหม แม่จะฟาดให้หลังลายเลย!! " แม้จะรู้สึกได้ว่าเสียงของตัวเองเปลี่ยนไป แต่เพราะรู้ว่าตัวเองไม่สบายอาจทำให้เสียงเปลี่ยนไปเท่านั้นเอง"ยังไม่โผล่หัวออกมาอีก!! วันนี้พวกแกสองตัวอดข้าวไปเลยนะ อย่าให้เห็นว่ากินอิ่มนอ
ตอนที่ 46 บทส่งท้าย(มารดาที่ดี)หรงผิงจับลูกสาววัยสิบสองปีทำผมที่เด็กสาวกำลังนิยมในช่วงนี้ ที่ลูกสาวทำผมจัดเต็ม เพราะวันนี้ทางโรงเรียนจัดงานแข่งขันกีฬาสี และยังประกาศผลสอบให้กับนักเรียนอีกด้วย"ทำไมน้องเล็กต้องทำหลายอย่างด้วย" จือหมิงนั่งกินโจ๊กไปด้วยมองน้องสาวไปด้วย"คุณครูประจำชั้นบอกว่าจะมีคะแนนกิจกรรมมอบให้ เลยทำทุกอย่างที่ครูเสนอ" ซือหงตอบไปตามตรง ไม่อยากทำแต่อยากได้คะแนน เพราะผลการเรียนมีผลต่อการที่จะยื่นเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย รุ่นพี่พูดแบบนี้ทั้งนั้น"หากเป็นแต่ก่อน พี่คงคิดว่าน้องเล็กน่าจะถูกหลอก แต่ตอนนี้ไม่น่าจะถูกหลอกง่าย ๆ นอกจากไปหลอกคนอื่นเขามากกว่า" จือหมิงก็ยังคงเย้าแหย่น้องน้อยไปด้วย แต่ที่เขาบอกออกไปนั้นคือเรื่องจริง!!น้องสาวของเขาไม่ใช่เด็กที่ขี้กลัวเหมือนแต่ก่อนแล้ว แม่เป็นแบบไหน น้องสาวของเขาเป็นแบบนั้นเลย และน่าจะร้ายมากกว่าแม่เสียอีก!! เพราะตอนนี้เขาจดจำแม่ปากร้าย แม่ใจร้ายไม่ได้แล้ว เขาจำได้แต่แม่ใจดีถึงแม่จะไม่ค่อยพูด แต่แม่สอนในหลายสิ่งหลายอย่างให้เขากับน้องสาว สอนให้รู้จักเข้มแข็ง สอนให้รู้จักแบ่งปันแก่ผู้อื่นเสมอ และสอนให้สู้คน ไม่ยอมให้คนมารังแก หรือเอา
ตอนที่ 45 เป็นลูกที่ดีหรงผิงยืนมองพ่อกับแม่ที่กำลังนั่งรอคิวให้เจ้าหน้าที่เรียกเข้าไปเพื่อตรวจสุขภาพประจำปี ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะมาอยู่ที่โลกใบนี้เกือบ 3 ปีแล้ว การงานของเธอมั่นคง มีโรงงานเป็นของตัวเอง โดยมีครอบครัวเฉินและครอบครัวเซียวดูแลเหมือนเดิมมาตั้งแต่แรกทุกคนช่วยงานกันเป็นอย่างดี เคยเป็นแบบไหนก็ยังเป็นแบบนั้นเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือทุกคนมีรายได้ดี มีเงินเก็บ และลูกหลานทั้งสองบ้านก็ได้เรียนหนังสือทุกคน"ทำไมต้องมาตรวจให้สิ้นเปลืองด้วย" เหลียนฟางมองลูกสาวที่เดินมานั่งใกล้ ๆ ก็อดที่จะบ่นไม่ได้"ไม่อยากอยู่เลี้ยงหลานเลี้ยงเหลนหรืออย่างไร" หรงผิงถามกลับ แกล้งขู่แม่ไปอย่างนั้นเอง"ฉันไม่ได้เป็นอะไร!! " เหลียนฟางรู้ดีว่าลูกสาวหมายถึงเรื่องอะไรความจริงแล้วปากบ่นไปแบบนั้นเอง มันคือความเคยชิน แต่ในใจกลับตื้นตันที่ลูกสาวใส่ใจ ห่วงพ่อแม่พี่ชาย ต้องให้ทุกคนมาตรวจสุขภาพประจำปี เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่มาไม่เคยรู้ว่ามีตรวจสุขภาพประจำปีประจำเดือนด้วย แต่พอลูกสาวคนนี้เริ่มเปลี่ยนไปก็เหมือนเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ ให้ครอบครัวได้เรียนรู้อยู่เรื่อย ๆ คำพูดของย่าทวดเป็นจริงเสมอ... ในตอนแรกที่ลูกสาวเปลี่ยนไ
ตอนที่ 44 ได้เป็นภรรยาอย่างเต็มตัว Nc+++กว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางก็ผ่านมาอีกสามเดือน จนตอนนี้หรงผิงมาอยู่ที่โลกใบนี้เป็นปีแล้ว จากลูกอายุห้าขวบ ตอนนี้อายุหกขวบกว่า ๆ แล้วตอนนี้เด็กแฝดก็ไปเรียนแล้วด้วย เธอไม่รู้เลยว่ามีหลายอย่างเปลี่ยนไป เพราะว่ามัวแต่จัดการกับงานต่าง ๆ แต่พอทุกอย่างเข้าที่เข้าทางจึงทำให้มีเวลามองย้อนกลับไป จึงได้รู้ว่าทุกอย่างเปลี่ยนไปมาก!!สองครอบครัวมีกินมีใช้ ฐานะดีขึ้น แต่ก็ยังใช้ชีวิตเหมือนเดิมไม่ฟุ่มเฟือย แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ การที่สองครอบครัวสนิทกันมากขึ้น แบ่งปันสิ่งของกันเสมอ และที่เห็นได้ชัดอีกเรื่องคือ... ครอบครัวบ้านเฉินได้กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันครบทั้งหมดพี่ใหญ่บ้านเฉินลาออกจากการเป็นทหารกลับมาดูแลการผลิตในโรงงานให้เธอ เพราะพี่ชายทั้งสองของเธอต้องเข้ามาทำงานในมิติเลยไม่ได้ไปดูแลโรงงาน ทุกคนแบ่งหน้าที่กันทำอย่างลงตัวตอนนี้หน้าที่หลักของเธอคือทำบัญชีเองทั้งหมด แม้แต่ค่าแรงที่จ่ายให้ทุกคน เธอก็คือคนตัดสินใจ แต่ส่วนมากจะขอความคิดเห็นจากสามี เท่าที่รับรู้เธอจ่ายค่าแรงสูงกว่าราคาการจ้างงานทั่วไปแต่พอปรึกษากันแล้ว คิดว่าคนที่ทำงานให้เป็นญาติพี่น
ตอนที่ 43 สร้างเนื้อสร้างตัวซือหยางยืนมองสิ่งของต่าง ๆ ที่อยู่เบื้องหน้าของตัวเอง เขาเข้ามาที่มิติฟาร์มของภรรยานับครั้งไม่ถ้วน ผ่านมาหลายเดือนแล้ว แต่ก็ยังไม่ค่อยคุ้นชินสักเท่าไรพอเข้ามาทำงานด้วยตัวเอง จึงได้รู้ว่าช่วงที่ภรรยาทำงานคนเดียวนั้นต้องทำงานหนักมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนเดียวต้องขับรถเกี่ยวข้าว แล้วต้องออกแรงสาวมุ้งดักปลาที่มีปลาจำนวนมากอยู่ในนั้น และไม่ใช่ออกแรงสาวเพียงรอบเดียวก็แล้วเสร็จ อย่างน้อยต้องมีถึงสิบกว่ารอบ ถึงจะครบตามจำนวนที่ต้องการ"น้องเล็กไปไหน" เซียวหยวนเดินออกมาหาน้องเขยที่กำลังยืนมองพื้นที่อยู่หน้าลานเกษตร"หลับครับ... ผมไม่อยากปลุก" ซือหยางรู้ว่าไม่สามารถช่วยอะไรในเรื่องที่ผ่านมาได้มาก เลยอยากชดเชยให้ภรรยาได้นอนพักบ้างในช่วงเวลานี้"เดี๋ยวตื่นมาบ่นอีก" เซียวฉวนเดินมาสมทบ หลังจากทำงานในส่วนที่ตัวเองรับผิดชอบเรียบร้อยแล้ว"งานเสร็จแล้ว ไม่น่าบ่นหรอกครับ" ซือหยางบอกไปแบบนั้นเอง... เขารู้ดีว่าภรรยาจะบ่นทุกครั้งที่ไม่ปลุกให้ตื่นมาช่วยทำงาน "น้องเล็กเหมือนคนอยู่ไม่สุข ต้องหยิบจับโน่นนี่ทำตลอด" เซียวฉวนส่ายหน้าไปมาเมื่อนึกถึงน้องสาว"กี่เดือนแล้วนะที่เราสามารถเข้
ตอนที่ 42 ค่อย ๆ เรียนรู้กันไปวันเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ นับตั้งแต่วันที่หรงผิงเปิดเผยเรื่องมิติฟาร์มก็ผ่านมานานนับเดือนแล้ว เรื่องมิติฟาร์มยังเป็นความลับ รู้กันเพียงพ่อแม่ พี่ชายทั้งสองคน และสามีของเธอเพียงเท่านั้น ส่วนเจ้าแฝดยังไม่รู้ เธอยังไม่เคยพาลูกเข้าไปเลยสักครั้ง เพราะทั้งสองยังเด็ก กลัวจะทำความลับนี้หลุดออกไป จึงคิดว่าปิดไว้ก่อน รอให้โตกว่านี้ก่อนค่อยเปิดเผยทีหลัง ยังมีเวลาอีกมากมาย "เรียนเป็นหมอได้ไหมคะ" ซือหงที่สะพายกระเป๋าไปสมัครเรียนในวันนี้ก็เฝ้าถามคำถามนี้กับพ่อและแม่ทุกครั้งที่ตัวเองนึกขึ้นได้"เรียนเป็นหมอได้ค่ะ" หรงผิงจัดผมให้ลูกสาวอีกครั้ง เพราะมันไม่ค่อยเรียบร้อยสักเท่าไร"แล้วลูกล่ะ อยากเป็นอะไร" ซือหยางถามลูกชายที่ยืนยิ้มมองแม่กับน้องสาวอยู่ใกล้ ๆ "เป็นทหารเหมือนเดิมครับ" เขาอยากเป็นแบบพ่อทำงานหาเงินเยอะ ๆ แม่กับน้องจะได้ไม่ต้องทำงาน และแน่นอนเขาเคยบอกให้ทุกคนรู้แล้วว่าเขาอยากเป็นทหาร!!ซือหยางจับมือลูกชายไว้แล้วยิ้มกับท่าทางของลูกชาย การเป็นทหารมีหลายรูปแบบ หากเรียนมานั้นหมายถึงต้องมียศมีตำแหน่งแน่นอน แต่เขาสามพี่น้องคือสมัครเข้าไปเป็นทหารการสมัครเข้าไปเป็นทหารจะ
ตอนที่ 41 เปิดโลกใบใหม่หลังจากที่ได้รับคำสอนจากครอบครัวก็ทำให้หรงผิงต้องมาเปิดใจคุยกับพ่อเจ้าแฝดอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งแรก เพราะได้คำสอนต่าง ๆ มามาก จึงทำให้เธอยอมที่จะเปิดใจ และคิดว่าต้องเริ่มปรับตัวให้เหมือนตัวเองมีครอบครัวจริง ๆ ไม่เหมือนแต่ก่อนที่จะคิดและทำอะไรแค่คนเดียวเสมอ"ลูกเริ่มเรียนรู้การเป็นแม่ที่ดีแล้ว ลูกก็เริ่มเรียนรู้การเป็นภรรยาไปด้วย ค่อยเป็นค่อยไป ไม่มีใครทำได้ตั้งแต่ครั้งแรก ทุกคนต้องเรียนรู้ด้วยกันทั้งนั้น"หรงผิงนึกถึงคำสอนของพ่อที่ปกติจะเป็นคนที่ไม่ค่อยพูด กับคนภายนอกคือแค่ยิ้มทักทายเท่านั้น แต่กับเธอ พ่อกลับบอกสอนและพูดด้วยประโยคยาว ๆ และคำสอนแต่ละอย่างของพ่อมันดีมากไม่น่าเชื่อว่าสังคมที่ผู้ชายคิดว่าตัวเองเป็นใหญ่ไม่สามารถใช้ได้กับพ่อ เพราะพ่อไม่เคยกดขี่ข่มเหงคนในบ้าน สิ่งไหนทำได้ให้ช่วยกันทำ เสร็จก็ได้พักแล้ว เธอโชคดีที่มาอยู่ที่นี่ อยู่ตรงนี้ รู้สึกว่าตัวเองมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบจริง ๆ"แม่กินก่อนค่ะ" ซือหงสะกิดแม่ที่มองออกไปนอกบ้าน ไม่ยอมกินข้าวสักที"เดี๋ยวพ่อก็กลับครับ" จือหมิงคิดว่าแม่คงรอพ่ออยู่แน่ ๆหรงผิงหันมายิ้มให้ลูกทั้งสองก่อนจะก้มหน้
Comments