ช่วงบ่ายจ้าวเสี่ยวเหลียนอาศัยจังหวะที่ยายหลิวนอนกลางวัน เธอแอบออกไปข้างนอกเพื่อที่จะเอาเห็ดไปขาย สถานที่แรกที่หญิงสาวไปคือตามร้านขายยาต่างๆ ทั้งนี้ก็เพื่อสอบถามราคา“เถ้าแก่ ไม่ทราบว่ามีเห็ดขายหรือเปล่าคะ”เจ้าของร้านยามองหญิงสาวอย่างประเมินความสามารถในการซื้อ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนมาถามซื้อของราคาแพง แต่ก็มีไม่กี่คนที่สู้ราคาได้ ส่วนมากแค่มาสืบถามราคาเท่านั้น“จะเอาไปทำอะไร”“มาร้านขายยาแน่นอนว่าต้องมาซื้อยา ตกลงว่ามีขายหรือเปล่า” เสี่ยวเหลียนเห็นอีกฝ่ายไม่อยากจะต้อนรับ ก็เลยคิดจะไปร้านอื่น“ไอ้มีน่ะมี แต่ว่านังหนู รู้ใช่ไหมว่าที่ร้านไม่ได้ขายเห็ดทั่วไป จะสู้ราคาไหวเหรอ”“ลองพูดมาก่อนสิคะ ฉันจะเป็นคนบอกเองว่าไหวหรือไม่ไหว”เจ้าของร้านเห็นอาการไม่ประหม่าของอีกฝ่ายก็เริ่มลังเล และเอนเอียงไปทางที่คิดว่าหล่อนน่าจะมาซื้อจริงๆ เลยกวักมือเรียกให้ไปหลังร้านข้างในเก็บของหายากเอาไว้มากมาย และเชื่อว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะได้เข้ามาในห้องรับรองนี้ นั่งรอไม่นานเถ้าแก่ก็
หลายวันผ่านไปก็มาถึงวันหยุด จ้าวเสี่ยวเหลียนตั้งใจจะไปซื้อของเพื่อมาทำแปลงเพาะปลูกเห็ดหลินจือ ยุคนี้ของป่าเป็นที่ต้องการและหายาก อีกทั้งยังจำกัดการขาย ยิ่งหายากความต้องการก็มีมากเพิ่มขึ้นไปด้วยหญิงสาวแอบดูเห็ดที่เก็บเอาไว้ในมิติก็ต้องตกใจ เพราะเธอจำได้แม่นว่าเสียเงิน 30 หยวนที่ยายให้ไว้ครั้งก่อนที่ท่านจะกลับซูโจวได้ว่ามีแค่ 2 ดอกเท่านั้น แต่ทำไมวันนี้ถึงมีมากถึง 8 ดอก“อะไรกันเนี่ย” เธอหยิบเอาเห็ดหลินจือรูปร่างหน้าตาเหมือนกันไม่มีผิดออกมามานั่งนึกว่าตัวเองเอาเห็ดเข้าไปในมิติวันไหน ถ้าจำไม่ผิดคือเมื่อสี่วันที่แล้ว นั่นหมายความว่ามิตินี้สามารถเพิ่มจำนวนได้ในแต่ละวันเธอกำลังกลุ้มใจว่าจะขอเงินยายไปซื้ออุปกรณ์มาเพาะเห็ดยังไง เพราะเงิน 30 หยวนถ้าใช้อย่างประหยัดก็สามารถอยู่ได้หลายเดือนอีกทั้งยายยังขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่ประหยัดมาก ถ้าท่านรู้ว่าเธอใช้เงินหม
ผ่านพ้นวันหยุดชาติ จ้าวเสี่ยวเหลียนก็ไปเรียนตามปกติ เธอตั้งใจว่าจะลงสอบเทียบ จึงต้องอยู่อ่านหนังสือจนดึก โชคดีที่แยกห้องนอนกับยาย ทำให้ไม่ต้องรบกวนเวลาท่านพักผ่อน“ตื่นแล้วเหรอ” ยายหลิวกำลังเตรียมมื้อเช้าให้กับหลานสาว ก็พบว่าเจ้าตัวตื่นนอนพอดี“ทำไมตื่นเช้าจังเลยละคะ” เธอแหงนมองนาฬิกาบนผนังที่มีอยู่แล้ว พบว่าตอนนี้แค่ตีห้าเท่านั้น“ชินแล้วล่ะ ตื่นแล้วก็ไปล้างหน้าแต่งตัวค่อยมากินมื้อเช้า”“ค่ะ”ขณะที่กำลังนั่งกินโจ๊กข้าวฟ่างอยู่นั้น ยายหลิวก็พูดขึ้นว่า “ยายคิดว่าจะลองหาอะไรไปขาย”เสี่ยวเหลียนเงยหน้าขึ้น “ขายอะไรคะ”เธอไม่คิดว่ายายจะทำได้ เพราะแม้แต่แม่ค้าหาบเร่ ก็ยังต้องไปขอใบอนุญาต อีกอย่างยายไม่ใช่คนพื้นที่ แน่นอนว่าไม่สามารถประกอบธุรกิจเป็นของตัวเองได้ แม้จะเป็นเพียงแผงลอยก็เถอะ
คุณนายจางลุกขึ้นยืน ทว่ากลับถูกสามีดึงเอาไว้ ด้วยรู้ดีว่าภรรยานิสัยเป็นยังไง แม้แต่ท่านเองก็รู้สึกไม่พอใจ เพียงแต่เข้าใจอีกฝ่ายว่าทำไมถึงพูดออกไปแบบนั้น“อย่าทำให้คุณป้ากับแม่เสี่ยวเหลียนลำบากใจ” พ่อจางเตือนภรรยา“เหอะ ย้ายก็ย้ายสิ บ้านจางหลังใหญ่ ห้องว่างก็มีถมเถไป ทำไมจะต้องมาทนอะไรแบบนี้ด้วย”“ใจเย็นๆ ก่อนครับ” จางปินนวดขาให้กับผู้เป็นป้า เผื่อว่าท่านจะใจเย็นลงบ้างเสียงปาข้าวของดังออกมาจากห้อง ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นใคร หลิวซือแทบจะร้องไห้อยู่ตรงนี้ ไม่รู้จริงๆ ว่าควรพูดอะไรต่อ“ขายหน้าทุกคนแล้วล่ะค่ะ ยังไงวันนี้คงคุยไม่รู้เรื่องแล้ว คงต้องรบกวนให้ทุกท่านกลับไปก่อน” จ้าวเสี่ยวเหลียนพูดขึ้น“ไปเก็บของเถอะครับ” จางเสวี่ยอวี้พูดขึ้น“คะ”“พี่เขาพูดถูกนะเสี่ยวเหลียน อย่าทนอยู่ให้พวกเขาดูถูกอีกเลย ป้ารู้แล้วว่าบ้านนี้เป็นยังไง แล้วก็เต็มใจเป็นอย่างยิ่งที่จะให้คุณยายของหนูมาอยู่กับพวกเรา” คุณนายจางเกลี้ยกล่อมเสี่ยวเหลียนมองหน้าผู้เป็นแม่ ถ้าเธอกับยายไปแน่นอนว่าแม่ต้องถูกซ้อมแน่ๆ ถึงพ่อเลี้ยงจะรักแม่ของเธอมาก แต่เขาเป็นคนอารมณ์ร้อนและชอบใช้กำลัง มียายอยู่เขาอาจจะแค่ลงกับข้าวของ แต่ถ้ายาย
สะใภ้รองเห็นหน้าคนมาใหม่แล้วถึงกับกลืนน้ำลาย สุดท้ายแล้วบ้านหลี่ก็ถูกพ่อจางเชิญไปร่วมโต๊ะอาหารด้วย แม้ว่าจะเกินจำนวนที่จองเอาไว้ ทว่าระดับท่านนายพลแล้วไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ทุกคนได้ที่นั่งหมดแล้วก็เงียบ จางเสวี่ยอวี้รับหน้าที่ในการสั่งอาหาร ส่วนคุณนายจางเวลานี้ไม่แม้แต่จะมองหน้าคนบ้านหลี่ เพราะรู้สึกว่าพวกเขาทำกับลูกสะใภ้เกินไป แต่ท่านไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยวเหลียนก่อนหน้าที่ยายหลิวจะมาถึงเดิมทีเสี่ยวเหลียนปฏิเสธที่จะไปกับสองหนุ่มแล้ว แต่บังเอิญว่ายายหลิวมาถึงพอดี พวกเลยพาท่านมาด้วย แต่เพราะต้องการซื้อชุดให้เสี่ยวเหลียนใหม่ เลยพายายหลิวมารอที่ร้านอาหารก่อน แล้วทั้งสามคนก็ไปเดินเลือกชุดให้กับหญิงสาว“แม่ยายมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ เห็นแม่เฟินเอ๋อร์บอกว่าจะมาถึงในอีกสองสามวัน” หลี่เจียงพูดทำลายความเงียบ“สักพักแล้วล่ะ ถ้ามาช้ากว่านี้ก็คงจะไม่รู้ว่าหลานสาวของฉันถูกทิ้งให้อยู่บ้านคนเดียว” ยาย
ทางด้านบ้านหลี่ก็เดินเที่ยวเล่นกันตามประสาคนทำงานหนักไม่ค่อยได้ใช้เงิน โดยเฉพาะสะใภ้รอง เพราะย่าหลี่ยกเงินเดือนของแต่ละคนในเดือนนี้ให้สำหรับใช้จ่าย“คุณไม่ซื้ออะไรสักหน่อยเหรอ ดูสะใภ้รองสิ” หลี่เจียงพยักหน้าไปทางน้องชายที่ช่วยภรรยาถือของจนล้นมือ“ไม่ล่ะค่ะ เก็บเงินไว้ให้ลูกเรียนหนังสือดีกว่า” หลิวซือส่ายหน้าสำหรับเธอเสื้อผ้าซื้อปีละชุดก็ถือว่าดีมากแล้ว เพราะชีวิตส่วนมากแล้วใส่แต่ชุดโรงงาน อีกอย่างไม่ได้ออกงานสังคม ไม่จำเป็นต้องใส่ไปอวดใครหลี่เจียงส่ายหน้าให้กับความประหยัดของภรรยา แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเองก็พอใจ เพราะถ้าให้ใช้เงินมือเติบแบบน้องสะใภ้ก็คงจะไม่ไหว“อาโหยว นั่นมันจ้าวเสี่ยวเหลียนไม่ใช่เหรอ” สะใภ้รองแสร้งพูดเสียงดังให้คนอื่นได้ยินด้วยหลิวซือรีบเดินมาข้างหน้าเพื่อดูว่าใช่ลูกสาวของตัวเองหรือเปล่า ในใจเชื่อไปแล้วห้าส่วน อาจจะเพราะเห็นแค่ข้างหลัง แต่ดูจากชุดที่อีกฝ่ายสวมใส่แล้วไม่มีทางเป็นไปได้เลยแม้แต่น้อย“ใช่ที่ไหนกันละคะ” เธอรีบปฏิเสธให้ลูกสาว เพราะตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นกำลังเดินอยู่กับผู้ชายถึงสองคน ถ้าเป็นความจริงอย่าว่าแต่เรื่องแต่งงานเลย แค่งานหมั้นก็ไม่รู้ว่าจะได้เกิด