共有

บทที่ 5

“ย่าคะ บ้านเรามีเก๋ากี้หรือเปล่าคะ” เด็กหญิงถามหญิงชราเมื่อเห็นข้อความที่ลอยอยู่ในหม้อว่าต้องเติมสิ่งใดลงไป

“ตายจริง! ย่าว่าแล้วลืมอะไร ดีนะที่หลานพูดขึ้น” กู้หนิงเช็ดมือก่อนจะเดินไปหยิบในสิ่งที่หลานสาวต้องการมาใส่ในหม้อ

“ว่าแต่หนูรู้ได้ยังไงว่าย่ายังไม่ได้ใส่อะไร” หญิงชราหลังจากใส่สิ่งที่ตนลืมแล้ว หันมามองหน้าหลานสาวอย่างสงสัยก่อนถาม

“ฮ่า ๆ หนูเดาเอาค่ะ ปกติเวลาย่าทำสิ่งนี้มักจะต้องใส่ลงไปทุกครั้งนี่คะ” หลินซีหัวเราะกลบเกลื่อนตอบออกไป

“หนูนี่ช่างสังเกตดีนะ” กู้หนิงกล่าวชม จากนั้นเธอก็เดินไปหั่นผักที่ล้างเรียบร้อยแล้วเพื่อจะนำมาผัด

“ย่าคะ ให้หนูเป็นคนทำกับข้าวเองนะคะ” เด็กหญิงกล่าวอาสา แม้ว่าฝีมือของเธอจะไม่ถึงขั้นเลิศรสแต่ก็จัดได้ว่าอร่อย ดังนั้นเธอจึงคิดอยากแบ่งเบาภาระของผู้เป็นย่าอีกทั้งยังได้สร้างความสนิทสนมภายในตัวไปด้วย

“ลูกสาวแม่แน่ใจหรือจ๊ะ” เจียวเหมยหลังจากเก็บข้าวของที่นำมาจากโรงพยาบาลเข้าที่เรียบร้อยแล้วเดินเข้าครัวมาทันได้ยินคำพูดของลูกเข้าพอดีจึงได้กล่าวแซวออกมา

“แม่ลองชิมดูได้เลยค่ะ หนูรับรองได้ว่าทุกคนจะต้องติดใจ” หลินซีตอบออกมาอีกครั้ง

การกระทำของหลินซีในเรื่องนี้ไม่จัดว่าเป็นเรื่องแปลกอะไร เนื่องจากเด็กหญิงมักจะช่วยแม่เข้าครัวอยู่บ่อยครั้ง ทว่ารสชาติของอาหารก็ไม่ได้จัดว่าอร่อยอย่างที่เจ้าตัวคุย

“ตามใจหลานเถอะ ว่าแต่เธอจะไปทำงานเมื่อไหร่กัน หยุดมาหลายวันแล้วผู้อำนวยการหม่าจะไม่ว่าอะไรเอาหรือ” กู้หนิงพูดอย่างเอาใจหลานก่อนถามถึงเรื่องงานของลูกสะใภ้

“พรุ่งนี้ค่ะ ฉันใช้วันลาของทั้งปีเลยทีเดียว จะได้หยุดอีกทีคาดว่าคงเป็นช่วงก่อนปีใหม่สามวันแล้วละค่ะ” หญิงวัยกลางคนกล่าวตอบหญิงชราตามจริง

“แม่คะ หนูขอโทษนะคะ เป็นเพราะหนูแท้ ๆ ทำให้แม่ต้องมาเหนื่อยไปด้วย” เด็กหญิงผู้ได้ยินคำตอบของแม่กล่าวอย่างสำนึกผิด หากว่าเธอไม่แต่งชุดกระโปรงผ้าที่เหมาะกับช่วงหน้าร้อน ที่ผู้หญิงคนนั้นให้ในช่วงอากาศเย็น หล่อนก็คงไม่ป่วยจนทำให้คนในครอบครัวเดือดร้อนกันไปทั่ว

“เรื่องมันผ่านมาแล้วช่างมันเถอะ ลูกแค่จำเอาไว้เป็นบทเรียนก็พอแล้ว” ผู้เป็นแม่กล่าวปลอบลูกสาวที่กำลังมีสีหน้าหมองด้วยความรู้สึกผิดตามที่เจ้าตัวพูด

“เลิกทำหน้าเศร้าได้แล้ว รีบทำกับข้าวเถอะยังมีปลาอีกตัวที่ยังต้องการจัดการอีกอย่างนะ ว่าแต่หลานต้องการเอามาทำอะไรดีล่ะ”

“ทำปลานึ่งบ๊วยค่ะ” หลินซีตอบโดยไม่ต้องคิดเนื่องจากอาหารจานนี้ผู้เป็นย่าของเธอชอบ

“ตามใจ” กู้หนิงเอ่ยขึ้นก่อนจะไปเตรียมวัตถุดิบโดยมีเจียวเหมยคอยช่วยอีกแรง

ส่วนหลินซีก็จัดการตั้งกระทะเพื่อจะทำผัดผัก ด้านประตูหน้าห้องครัวเหล่าชายต่างวัยทั้งสี่พากันมองภาพด้านหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตา

“พ่อครับ น้องสาวเปลี่ยนไปแล้ว” หลินชิวพูดขึ้นโดยที่สายตายังจับจ้องทุกอากัปกิริยาของน้องที่กำลังทำอาหารด้วยความคล่องแคล่ว

“เปลี่ยนไปในทางที่ดีก็ดีแล้วนี่ ต่อจากนี้บ้านของเราจะได้อยู่กันอย่างสงบรักใคร่ปรองดอง” ปู่ผู้ชราขยับขาแว่นกล่าวขึ้น สีหน้ามีความสุข

“ผมเห็นด้วยกับคำพูดของปู่” หลินชุนกล่าวอย่างเห็นตาม

กับข้าวที่หลินซีกำลังทำในบัดนี้ก็เกิดกลิ่นหอมไปทั่วบ้านชวนให้ผู้คนอยากลิ้มลอง

“น้องสาวทำอะไรครับ ทำไมกลิ่นมันหอมแบบนี้” หลินชิวได้เดินเข้าไปในครัวมองสิ่งที่น้องกำลังทำพร้อมถามออกมา

“ผัดผักค่ะ พี่รองหิวหรือคะ” เด็กหญิงตอบในขณะที่กำลังผัดผักตามระยะเวลาที่ตนเห็นจากขีดที่ปรากฏออกมาในกระทะ

จนกระทั่งขีดนั้นหมดลง เด็กหญิงก็หยุดมือพร้อมกับตักสิ่งที่ตนทำใส่จาน “พี่รอง ชิมดูสิคะว่ารสชาติเป็นยังไงบ้าง” คนเป็นน้องได้ใช้ช้อนตักสิ่งที่ตัวเองทำจ่อไปยังริมฝีปากของพี่ชายคนที่สอง

“ระ..ร้อน แต่ว่าอร่อยมากเลย น้องสาวพี่เก่งใหญ่แล้ว” เด็กหนุ่มอ้าปากรับในสิ่งที่น้องป้อนโดยไม่เป่าพูดออกมาเสียงดัง

“อร่อยจริง ๆ นะคะ ไม่ใช่ว่าพี่พูดเอาใจฉันนะ” หลินซีถามย้ำอีกครั้งอย่างไม่มั่นใจ เนื่องจากเธอแค่ลองทำตามสิ่งที่เห็นเพื่อทดสอบดูเท่านั้น

“ขอพี่ชิมด้วยสิครับ” หลินชุนผู้ไม่อยากน้อยหน้าน้องชายคนรองกล่าวออกมาบ้างเมื่อเดินมาถึงตัวน้องทั้งสองคน

“ได้สิคะ พี่ใหญ่ระวังร้อนนะคะ เดี๋ยวจะเหมือนพี่รอง” คนเป็นน้องตักสิ่งที่ตนทำใส่ช้อนป้อนให้คนเป็นพี่ โดยที่หลินชุนนั้นเป่าสิ่งที่อยู่ในช้อนก่อนจะอ้าปากกินสิ่งที่น้องป้อนอย่างระวัง

เด็กหนุ่มเคี้ยวสิ่งที่อยู่ในปากอย่างช้า ๆ “อร่อยมากเลย” หลินชุนพูดหลังจากกลืนสิ่งที่เคี้ยวลงคอไปแล้ว

“ไหน ให้แม่กับย่าชิมดูบ้างสิ” เจียวเหมยเดินเข้าไปหาบุตรทั้งสามพูด

จากนั้นหญิงต่างวัยทั้งคู่ก็กล่าวชมออกมาเช่นเดียวกับเด็กหนุ่มทั้งสองคน

“หลานย่าเก่งมาก” กู้หนิงกล่าวชมอย่างนึกทึ่งเพราะไม่คิดว่าหลานสาวจะทำอาหารได้อร่อยถึงเพียงนี้

“ได้ยินย่าพูดแบบนี้หนูใจชื้นขึ้นเยอะเลยค่ะ” หลินซีกล่าวประจบพร้อมกอดแขนผู้เป็นย่าแน่น

“อย่ามัวแต่ปากหวานอยู่เลย รีบไปทำปลานึ่งที่หนูต้องการเถอะ ดูสิว่ารสชาติของจานปลาจะเป็นยังไง” หญิงชรากล่าวอย่างเก้อเขินเนื่องจากยังไม่ชินกับการกระทำของผู้เป็นหลาน

เด็กหญิงก็รีบไปทำอาหารทันทีอย่างไม่ขัด ซึ่งในขณะที่เธอกำลังทำอาหารอยู่นั้นผู้ที่ยืนมองต่างคิดเหมือนกันว่าพวกเขากำลังดูการแสดง เนื่องจากเด็กหญิงทำทุกอย่างด้วยความคล่องแคล่ว ทั้งมือและนิ้วก็สัมพันธ์กันอย่างเหลือเชื่อ

อย่าว่าแต่คนในครอบครัวจะตกตะลึงเลยแม้แต่ตัวหลินซีเองก็รู้สึกทึ่งในความสามารถของตนเช่นกัน ทุกสิ่งที่เธอหยิบจับนั้นเป็นไปอย่างอัตโนมัติ

คล้ายรู้อยู่แล้วว่าสิ่งที่ทำต้องใช้เครื่องปรุงอะไรต้องใส่ปริมาณเท่าไหร่ ‘มันเกิดอะไรกับมือของเรากัน’ หลินซีคิดอย่างไม่เข้าใจ

“เสี่ยวซี มือน้องเป็นอะไร” หลินชิวผู้เห็นว่าน้องสาวยืนมองมือของตัวเองอยู่นาน เด็กหนุ่มจึงได้เดินเข้าไปจับมือเล็กของน้องพร้อมพลิกไปมาก่อนถามออกมาอย่างนึกสงสัย

“ไม่มีอะไรค่ะ ฉันแค่รู้สึกว่ามือของตัวเองคู่นี้สามารถทำอาหารได้อร่อยมากขนาดนี้ ยังไงก็ต้องดูแลให้ดี” หลินซีกล่าวเบี่ยงประเด็น

“แม่คะ หลานสาวแม่อวยตัวเองเสียแล้ว” เจียวเหมยยกยิ้มสัพยอกลูกสาวหลังได้ยินคำตอบของหล่อน

“ฮ่า ๆ สิ่งที่เสี่ยวซีกล่าวออกมาก็เป็นเรื่องจริงนี่ เก่งแบบนี้ช่างเหมือนย่าไม่มีผิด” หญิงชราหัวเราะออกมาพร้อมแสร้งกล่าวยกยอตัวเองด้วย ทำให้ภายในครัวเกิดเสียงหัวเราะหลังได้ยินคำกล่าวของผู้สูงวัย

หลินซีมองภาพความสุขตรงหน้าทำให้หล่อนรู้สึกขอบคุณผู้ที่ส่งตัวเองกลับมาเป็นล้นพ้น พร้อมกับสัญญาว่าเธอจะใช้ชีวิตให้ดีอย่างแน่นอนจนทำให้เด็กหญิงหลงลืมเรื่องเกี่ยวกับสิ่งที่ตนสงสัยไปเสียสิ้นว่าตกลงแล้วมันคืออะไร

ดังนั้นมื้ออาหารกลางวันของครอบครัวหลินจึงทำให้ทุกคนเจริญอาหารกันเป็นอย่างมากเนื่องจากรสชาติที่อร่อยแล้วยังรวมถึงความปรองดองของสมาชิกในครอบครัวด้วย

หลังจากกินอาหารและเก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว สมาชิกบ้านหลินจึงได้มานั่งพูดคุยกันในห้องโถงหลัก “พวกหลานใกล้จะเปิดเรียนกันแล้วใช่ไหม” ชายชราเปิดปากถามหลานทั้งสามคน

“ใช่ครับ/ค่ะ” สามพี่น้องตอบรับพร้อมกัน

“เสี่ยวซี หลานไปเรียนมาภาคการศึกษาหนึ่งแล้วเป็นอย่างไรบ้างคุ้นกับโรงเรียนใหม่หรือยัง” อดีตครูใหญ่ของโรงเรียนประจำอำเภอถามกับหลานสาวอย่างเป็นห่วง

“หนูสบายมากค่ะ” หลินซีตอบอย่างสดใสแม้ว่าในชีวิตที่แล้วเธอจะไม่ค่อยมีความสุขกับโรงเรียนมัธยมประจำมณฑล มากนักเพราะฟังคำผู้หญิงคนนั้นพูดเปรียบเทียบระหว่างสถานที่แห่งนี้กับเมืองหลวง

ดังนั้นหลังจากปิดภาคฤดูหนาวเธอก็จึงได้ชวนพ่อแม่ให้ย้ายไปเมืองหลวงทำให้ในตอนนั้นเธอเรียนที่นี่ได้เพียงหนึ่งปี

เด็กหญิงคิดขึ้นอย่างเสียดาย หากเธอได้เรียนอยู่ที่นี่ต่อเพื่อนในวัยเด็กสมัยประถมโม่เซียงคงไม่ประสบเคราะห์กรรมบางอย่างจนทำให้ชีวิตเหมือนตกนรกทั้งเป็น

แม้ว่าในภายหลังเมื่อเติบใหญ่หล่อนจะประสบความสำเร็จก็ตาม ‘เซียงเซียง ฉันจะช่วยเธอเอง’ ทว่าท้ายที่สุดเรื่องราวเหล่านั้นก็ยังคงเป็นตราบาปติดตัวเธอ ‘ฉันจะต้องช่วยเธอให้ได้เพื่อนของฉัน’ หลินซีนิ่งคิด

เหตุที่เจ้าตัวต้องการจะช่วยเหลือโม่เซียงเป็นเพราะเพื่อนของเธอคนนี้ได้ช่วยหาหลักฐานเกี่ยวกับการทำความผิดของพี่ใหญ่และนำมามอบให้เธอ

“พี่ชายของเธอเป็นคนดี ฉันอยากช่วยเขา เธอรับหลักฐานเหล่านี้ไปซะ” คำพูดของหญิงสาวในชุดนักข่าวของสถานีช่องหนึ่งที่โด่งดังมากในยุคนั้นกล่าวกับเธอ
この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード

最新チャプター

  • 1989 เปลียนรัก (ยัย) ตัวร้าย   บทที่ 113

    หญิงสาวตัดสินใจเดินทางกลับบ้านเกิดพร้อมกับคุณย่าผู้อายุมากแต่ยังคงแข็งแรง “ย่าหาคู่ดูตัวมาให้หลานเลือกตั้งหลายคน หลานไม่รู้สึกถูกใจใครบ้างเลยเหรอ ลองดูคนสุดท้ายก่อนดีไหม หากหลานไม่พอใจย่าจะไม่หาให้อีกแล้ว” ผู้เป็นย่าบอกกับหลานสาวอย่างอ่อนใจ “ฉันไปตามนัดก็ได้ค่ะ แต่ย่าต้องอย่า

  • 1989 เปลียนรัก (ยัย) ตัวร้าย   บทที่ 112

    “เอาไว้ฉันจะลองคิดดูอีกที ตอนนี้ได้เวลาที่พวกเธอจะต้องเตรียมตัวแล้ว ไม่อย่างนั้นสามีของคุณ ๆ ทั้งหลายอาจจะมากล่าวโทษฉันที่รั้งตัวเจ้าสาวแสนสวยให้อยู่ตรงนี้” ซุนเหมียวตอบแบ่งรับแบ่งสู้ในขณะเดียวกันก็กล่าวล้อเลียนสหายไปด้วย เสียงเพลงบรรเลงทำนองแว่วหวานดังขึ้น จากนั้นพิธีการต่าง ๆ ก็ดำเนินไ

  • 1989 เปลียนรัก (ยัย) ตัวร้าย   บทที่ 111

    คำตอบของหลินซีนำพาให้ลู่หยางรู้สึกดีใจแทนสหายของตนเป็นอย่างมาก “เราไปบอกเขากันครับ” ลู่หยางจับมือหญิงคนรักเพื่อให้เดินเข้าไปด้วยกัน อู๋ท่งหันมาตามเสียงฝีเท้าจากด้านหลัง ลู่หยางจึงได้ปล่อยมือจากหลินซีกวักมือให้เขาเดินเข้ามาหา “ใครมาเหรอคะ” ฟางเซียนเอ่ยถามเสียงอ่อนห

  • 1989 เปลียนรัก (ยัย) ตัวร้าย   บทที่ 110

    ความโกลาหลได้เกิดขึ้นภายในห้องอีกครั้ง หลินชิวรีบวิ่งย้อนกลับออกไปเพื่อตามหมอ หลินชุนรีบเดินกลับไปโทรบอกทางบ้าน ส่วนลู่หยางไม่สนใจสภาพของตนอีก เขารีบสาวเท้าเดินมาข้างเตียงอย่างรวดเร็ว ฟู่ซินอี๋เองก็เดินมายืนอีกฝั่งเช่นเดียวกัน หลินซีฉีกยิ้มกว้างให้ชายหนุ่มทั้งสองคนก่อนจะมาหยุ

  • 1989 เปลียนรัก (ยัย) ตัวร้าย   บทที่ 109

    แม้ใจจะห่วงเพื่อนทว่าแพทย์ที่มาด้วยกันนั้นมีเฉพาะทาง ที่เก่งกว่าเธอหลายคน แต่สำหรับลู่หยางมีเธอเพียงเท่านั้น ‘เซียนเซียนฉันผิดต่อเธอแล้ว หากช่วยเขาให้ปลอดภัยได้ฉันยินดีให้เธอลงโทษ’ชะตาของคนก็เป็นเช่นนี้ไม่ใช่เหรอ เธอเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งเพียงเท่านั้น หากตัดสินใจเลือกคนที่รั

  • 1989 เปลียนรัก (ยัย) ตัวร้าย   บทที่ 108

    “เจอแล้ว!” หลินซีอุทานเสียงดัง “หล่อนอยู่ตรงไหน” ชุนรีบถามน้องสาวน้ำเสียงแฝงความยินดีไม่ต่างกัน “ฉันจะพาไปค่ะ” หลินซีออกตัววิ่งนำพี่ชายไปอย่างรวดเร็ว“พี่ชายท่ง มาทางนี้ค่ะ” หลินซีป้องปากตะโกนเรียกชายหนุ่มร่างสูงอีกคนที่อยู่ห่างไปไม่ไกลเมื่อเธอวิ่งมาถึงบริเวณที่เพื่อนของตนติด

続きを読む
無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status