共有

บทที่ 6

เด็กหญิงนั่งเหม่อคิดถึงอดีตเพื่อนสาวผู้ที่เคยสดใส จนกระทั่งได้ยินเสียงของพี่ชายทำให้หล่อนได้รู้สึกตัว

“เสี่ยวซี น้องเตรียมอุปกรณ์การเรียนพร้อมหรือยัง มีอะไรขาดหรือเปล่า” หลินชุนถามน้องสาวผู้มักหลงลืมอยู่เป็นประจำ

“ฉันคิดว่าไม่นะคะ หากมีอะไรขาดก็ค่อยไปหาซื้อเอา” เด็กหญิงตอบออกมาอย่างไม่คิดอะไร

“น้องลืมไปหรือเปล่าครับว่าบริเวณโรงเรียนไม่มีสถานที่ให้ซื้อ หากอยากได้อะไรต้องไปถึงตัวมณฑล” หลินชิวแย้ง

“แหะ ๆ ฉันลืมไปสนิทเลยค่ะ จะว่าไปพ่อคะ ทำไมพ่อไม่เปิดร้านเครื่องเขียนหน้าโรงเรียนล่ะคะ หรือว่าจะรวมเอาร้านอาหารเข้ามาด้วยก็ได้เพราะแถวนั้นไม่ได้มีแค่โรงเรียนที่ตั้งอยู่อย่างเดียว

ไหนจะโรงพยาบาลประจำชุมชน ที่ทำการไปรษณีย์ โรงพัก โรงงานที่แม่ทำงาน อีกทั้งไหนจะโรงงานเหล็ก โรงงานรองเท้าก็ตั้งอยู่โดยรอบด้วย หากว่าเปิดร้านอาหารเช้าหนูว่าน่าจะขายดี” เด็กหญิงยิ้มแห้งตอบกลับผู้เป็นพี่ก่อนจะร่ายยาวออกมาให้คนในครอบครัวฟัง

“ลูกคิดว่าทำได้แน่เหรอ เพราะส่วนใหญ่คนมักจะประหยัดโดยการห่อข้าวมาจากบ้านหรือไม่ก็กินก่อนมาทำงานกันทั้งนั้น

ส่วนเรื่องของร้านเครื่องเขียนพ่อเองก็ไม่รู้ว่ามีอะไรบ้าง เพราะร้านค้าของเราที่เปิดอยู่ก็เป็นเกี่ยวกับพืชผลจากทางไร่ ทางสวน ที่ได้มาจากชาวบ้านทั้งนั้น” หลินไท่ถามลูกสาวสีหน้าลังเลระคนประหลาดใจที่ลูกสาวของตนมีความคิดแบบนี้

“ถ้าอย่างนั้นหนูมีความคิดบางอย่าง พ่อจะลองฟังดูก่อนไหมคะ” หลินซีพูดเข้าเรื่อง

เนื่องจากการขายของกินเป็นกิจการในอดีตที่พ่อของตนเคยทำเมื่อตอนย้ายไปอยู่ในเมืองหลวง ทำให้ต่อมาที่บ้านจึงได้เป็นเจ้าของร้านอาหารอันเลื่องชื่อ

ก่อนที่สิ่งเหล่านั้นจะถูกฉกชิงไปอย่างหน้าด้าน ๆ พร้อมกับความตายของพ่อแม่ ‘คราวนี้อย่าได้หวังว่าใครหน้าไหนจะมาชุบมือเปิบไปได้ง่าย ๆ อย่างเด็ดขาด’ เด็กหญิงคิดแววตาวาวโรจน์

“พรุ่งนี้เช้าเราลองไปสำรวจแถวนั้นกันดูดีไหมคะว่ามีอะไรขายบ้างแล้วเราค่อยมาตัดสินใจกันอีกที” หลินซีเสนอความคิดตนออกมา

“ตามใจลูกก็แล้วกัน ถ้าอย่างนั้นก็ออกไปพร้อมแม่เลยเถอะ” เจียวเหมยไม่คิดค้าน

หากว่าสามีสามารถเปิดร้านภายในตัวอำเภอได้จะดีมาก เพราะจะได้ไม่ต้องเดินทางเข้าไปถึงตัวมณฑล

ในครั้งแรกที่หลินไท่ตัดสินใจเปิดร้านในตัวมณฑลนั้นเป็นเพราะทั้งสามีและเธอเห็นว่าภายในอำเภอมีชาวบ้านเดินทางเข้ามาขายสินค้ากันเยอะ ซึ่งผิดกับตัวมณฑลที่ห่างไกลจากพืชผลทางการเกษตรเหล่านี้

เช้าวันต่อมาอากาศยังคงเย็นอยู่เนื่องจากเพิ่งจะสิ้นสุดฤดูหนาวไปไม่กี่วัน

หลินซีผู้ซึ่งนอนอยู่บนเตียงของตนกำลังทำเปลือกตาขยุกขยิกก่อนที่เธอจะลืมตาตื่น ‘ยังคงเป็นห้องของเราในบ้านของคุณปู่’ เด็กหญิงกวาดตามองไปรอบห้อง

เธอเพ่งมองปฏิทินที่แขวนอยู่กับผนังก่อนที่จะยกยิ้มออกมา จากนั้นเด็กหญิงก็ลงมือเก็บข้าวของภายในห้องที่ตนไม่ต้องการโดยเฉพาะสิ่งของที่ได้มาจากหญิงคนนั้น

เด็กหญิงเดินเข้าเดินออกเพื่อนำของที่ไม่ต้องการมาทิ้งอยู่หลายรอบจนพี่ชายคนโตผู้กำลังเดินออกมาจากห้องมองการกระทำของน้องสาวอย่างแปลกใจ

“เสี่ยวซี น้องทำอะไรแต่เช้าครับ” เด็กหนุ่มพูดขึ้นพร้อมกับหาวออกมา

“หนูกำลังเก็บสิ่งของที่ตัวเองไม่ต้องการอยู่ค่ะ เสียงดังรบกวนพี่หรือคะ” เด็กหญิงผมสั้นเอียงคอมองพี่ใหญ่สีหน้าเกรงใจ

“ไม่หรอกครับ พี่ตื่นเวลานี้เป็นปกติอยู่แล้ว น้องบอกว่าอยากออกกำลังกายนี่ ถ้าอย่างนั้นเริ่มออกไปวิ่งกับพี่เลยดีไหม” หลินชุนกล่าวชวน

“ก็ดีค่ะ หนูเก็บของเสร็จพอดี ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไปกันเถอะ แล้วพี่รองล่ะคะไม่ไปกับเราด้วยหรือ” ผู้เป็นน้องนำมือมาปัดกางเกงขายาวที่ตนสวมพูดขึ้นพร้อมถามถึงพี่ชายอีกคน

“คิดถึงพี่หรือครับ” เด็กหนุ่มผู้มีไฝเม็ดเล็กใต้ตาซ้ายกล่าวพร้อมกับอ้าปากหาวเมื่อเดินออกมาจากห้องได้ยินคำพูดของน้องสาวเข้าพอดี

“ค่ะ คิดถึงมาก พวกเราออกไปวิ่งกันเถอะ” หลินซีเดินเข้าไปกอดแขนของพี่ทั้งสองเพื่อดึงให้ออกไปวิ่งด้านนอกด้วยกัน

เด็กทั้งสามวิ่งออกกำลังกายโต้ลมเย็นไปรอบหมู่บ้าน ซึ่งทำให้หลินซีรู้สึกสดชื่นเป็นอย่างมากสามพี่น้องเจอใครก็กล่าวทักทาย

เช่นเดียวกับชาวบ้านที่ยกยิ้มพูดคุยกับสามพี่น้องบ้านหลินเช่นเดียวกัน แม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกแปลกใจที่เห็นหลินซีมากับพี่ชายทั้งสองของตนด้วย

“เสี่ยวซี วันนี้ก็มาวิ่งกับเสี่ยวชุน เสี่ยวชิวด้วยหรือ” หญิงวัยกลางคนผู้หนึ่งซึ่งรู้จักกับแม่ของสามพี่น้องถามขึ้นอย่างแปลกใจ

“ค่ะ หนูอยากให้ร่างกายแข็งแรงจะได้ไม่ป่วยอีก คุณป้าพวกเราขอตัวก่อนนะคะ” เด็กหญิงตอบพร้อมรอยยิ้มก่อนจะกล่าวขอตัวอย่างสุภาพ

พวกเขาสามคนก็ได้พากันวิ่งมาจนถึงที่ดินตีนภูเขาของผู้เป็นย่า หลินซีจึงได้มองขึ้นไปยังบนภูเขาลูกตรงหน้า

“พี่ใหญ่ พี่รอง ฉันอยากปลูกไม้ผลบนภูเขาพี่ทั้งสองคิดว่าย่าจะเห็นด้วยไหมคะ” หลินซีกล่าวขึ้น

เนื่องจากในอนาคตที่ดินบนภูเขาลูกนี้ได้กลายเป็นสวนผลไม้อันเลื่องชื่อจากการลงแรงของย่าที่ปลูกมันขึ้นหลังจากที่ครอบครัวของเธอทั้งหมดจากไป

“พี่ว่าย่าคงเห็นด้วยนั่นแหละ ดีกว่าให้มันรกอยู่อย่างตอนนี้” หลินชุนกล่าวตามจริง

“พี่ก็ไม่คิดว่ามีปัญหาหรอก แต่ว่าน้องจะต้องลงแรงด้วยนะไม่ใช่คิดอย่างเดียว” หลินชิวกล่าวดักคอ

“เรื่องนี้แน่นอนอยู่แล้วค่ะ” เด็กหญิงฉีกยิ้มกว้างอย่างสดใส ในเมื่อเธอต้องการมาเปลี่ยนแปลง ดังนั้นเรื่องพวกนี้เธอย่อมเต็มใจทำอยู่แล้ว

จากนั้นพวกเขาก็พากันวิ่งกลับบ้านของตน ซึ่งตอนนี้อาหารเช้าได้ถูกตระเตรียมไว้พร้อมแล้ว

“เด็ก ๆ ไปไหนกันหรือว่ายังไม่ตื่น” ชายวัยกลางคนถามถึงลูกชายหญิงเมื่อเห็นว่าบ้านเงียบผิดปกติ

“ไม่มีใครอยู่ในห้องเลยค่ะ ฉันคิดว่าพวกเขาน่าจะพากันไปวิ่ง” เจียวเหมยบอกในขณะจัดตะเกียบ

ยังไม่ทันที่ฝ่ายสามีจะได้พูดอะไรเพิ่ม คนทั้งสองก็ได้ยินเสียงของบุตรสาวดังขึ้น

“พวกเรากลับมาแล้วค่ะ” เสียงสดใสของเด็กหญิงตะโกนบอกคนในครอบครัวหลังจากเปิดประตูเข้าบ้านมา

“กลับมาแล้วก็ไปล้างหน้าล้างมือมากินข้าวกันเถอะ เสี่ยวชุน เสี่ยวชิว ลูกสองคนไปช่วยย่ายกกับข้าวในครัวออกมาด้วย” เจียวเหมยกล่าวหลังจากมองเห็นลูกทั้งสาม

“หนูก็จะไปช่วยด้วยค่ะ” หลินซีขันอาสาพร้อมกับเดินไปด้านในครัวก่อนผู้เป็นพี่ชายทั้งสองคน

“ลูกเราเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ ค่ะสามี” เจียวเหมยกระซิบเสียงเบากับคนข้างกายหลังลูกสาวเดินหายลับไปทางครัวก่อนพี่ชายทั้งสอง

“เปลี่ยนไปในทางที่ดีก็ดีแล้วนี่ครับ” หลินไท่ยิ้มกว้างตอบภรรยา

หลังจากมื้ออาหารเช้าแสนอร่อยจากฝีมือของย่าจบลง สามพี่น้องก็ได้นั่งรถเพื่อเข้าไปตัวอำเภอกับพ่อ ซึ่งจุดประสงค์ของหลินซีก็คือการมาสำรวจร้านรวงต่าง ๆ

“พ่อคะ เห็นหรือยังว่าร้านของกินแทบไม่มีเลย ดังนั้นนี่เป็นโอกาสทองของเราแล้วละค่ะ” หลินซีพูดขึ้นเมื่อรถได้เข้ามาถึงตัวอำเภอแล้วมองเห็นแต่ชาวบ้านนำผักมาขายเพียงเท่านั้น

“ก็ข้าวของยังแพงอยู่นี่ลูก อีกทั้งผู้คนก็ยังคงยึดติดอยู่กับเหตุการณ์ในอดีตอยู่ก็เลยทำให้ยังไม่มีร้านค้ามากนัก ว่าแต่ลูกคิดว่าเราจะสามารถเปิดร้านได้จริงอย่างนั้นหรือ” หลินไท่ถามบุตรสาวโดยที่สายตาไม่ได้ละไปจากถนนเบื้องหน้า

เนื่องจากรถยนต์ในยุคนี้มีน้อย ทำให้ผู้คนไม่กลัวเกรงรถ เป็นรถที่จะต้องเกรงว่าจะไปชนคนเหล่านั้นเข้ามากกว่า

จนกระทั่งถึงโรงงานทอผ้าของมารดา หลังจากบอกลา ผู้เป็นแม่แล้วสี่คนพ่อลูกก็เคลื่อนตัวรถออกมายังจุดหมายที่เด็กหญิงต้องการต่อไป

“พ่อคะ จอดรถตรงนั้นก่อนค่ะ” หลินซีชี้นิ้วบอกเมื่อเห็นเป้าหมายของตนอยู่ด้านหน้าห่างจากรถไปไม่ไกล

พ่อผู้ไม่เคยขัดก็ทำตามความต้องการของลูกสาวทันที ก่อนถามออกมาอย่างสงสัย “มีอะไรหรือลูก”

“พวกเราลงจากรถกันก่อนเถอะค่ะ” เด็กหญิงพูดโดยยังไม่ตอบคำถาม

หลังจากคนทั้งสี่ลงจากรถเรียบร้อย ทั้งพ่อและพี่ก็มองไปทางเด็กหญิงด้วยสายตามีคำถาม

“ทุกคนลองมองไปรอบ ๆ นะคะ แล้วลองบอกมาว่าเห็นอะไรบ้าง” เด็กยิ้มกว้างในขณะบอกกับคนทั้งสาม

“ตรงนั้นเป็นร้านอาหารรัฐ ข้างกันเป็นที่พัก อีกด้านก็ที่พัก ฝั่งนั้นเป็นโรงเรียนของพวกลูก ด้านนี้เป็นโรงพยาบาลชุมชน เยื้องกันเป็นสถานีบรรเทาสาธารณะภัย ส่วนฝั่งโน้นเป็นสถานีตำรวจ ติดกันเป็นที่ทำการไปรษณีย์ ห่างจากตรงนี้ไปสองกิโลเป็นสถานีรถไฟ พ่อเข้าใจแล้ว” หลินไท่เป็นคนตอบบุตรสาวหลังจากที่เขามองไปรอบด้านของสถานที่แห่งนี้

“พ่อหมายความว่ายังไงหรือครับ” หลินชุนถามขึ้นอย่าง มึนงง

“ก็หมายความว่าน้องเล็กต้องการให้พ่อเปิดร้านอาหารเช้าตรงนี้ยังไงล่ะพี่ชาย จะว่าไปหากเปิดได้ก็สามารถเปิดขายอาหารได้ทั้งวันเหมือนกันนะ เพราะตรงนี้เป็นแหล่งชุมชนอีกทั้งรอบ ๆ ก็ไม่มีร้านขายอาหารด้วยนอกจากร้านอาหารรัฐเพียงแห่งเดียว” หลินชิวเป็นผู้ตอบก่อนจะวิเคราะห์ออกมาตามที่เห็น

“พี่รองเข้าใจถูกต้องแล้วละค่ะ พ่อว่ายังไงคะหากว่าหนูอยากจะให้พ่อซื้อร้านค้าตรงนี้” หลินซียกยิ้มกล่าวชมพี่ก่อนหันไปถามชายวัยกลางคนให้เป็นผู้ตัดสินใจ

“เจ้าของเขาจะขายหรือลูก” หลินไท่กล่าวขึ้นอย่างลังเล

“พ่อคิดจะซื้อหรือครับ” หลินชุนถามออกมา

“ถ้าเขาขายพ่อก็จะซื้อ เพราะตรงนี้ถือว่าเป็นทำเลทองทีเดียว” หลินไท่ไม่ปฏิเสธ

“พวกเราไปยังหน่วยงานจัดซื้อของรัฐกันค่ะ อาคารหลังนี้เป็นของรัฐ” หลินซีพูดขึ้น

หากถามเธอรู้ได้ยังไง ก็เป็นเพราะความทรงจำจากชาติก่อนนั่นแหละเหมือนเธอจะได้ยินเพื่อนในห้องพูดถึงอาคารไม้หลังนี้อยู่แต่จำไม่ได้ว่าเป็นใครเพียงเท่านั้น
この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード

最新チャプター

  • 1989 เปลียนรัก (ยัย) ตัวร้าย   บทที่ 113

    หญิงสาวตัดสินใจเดินทางกลับบ้านเกิดพร้อมกับคุณย่าผู้อายุมากแต่ยังคงแข็งแรง “ย่าหาคู่ดูตัวมาให้หลานเลือกตั้งหลายคน หลานไม่รู้สึกถูกใจใครบ้างเลยเหรอ ลองดูคนสุดท้ายก่อนดีไหม หากหลานไม่พอใจย่าจะไม่หาให้อีกแล้ว” ผู้เป็นย่าบอกกับหลานสาวอย่างอ่อนใจ “ฉันไปตามนัดก็ได้ค่ะ แต่ย่าต้องอย่า

  • 1989 เปลียนรัก (ยัย) ตัวร้าย   บทที่ 112

    “เอาไว้ฉันจะลองคิดดูอีกที ตอนนี้ได้เวลาที่พวกเธอจะต้องเตรียมตัวแล้ว ไม่อย่างนั้นสามีของคุณ ๆ ทั้งหลายอาจจะมากล่าวโทษฉันที่รั้งตัวเจ้าสาวแสนสวยให้อยู่ตรงนี้” ซุนเหมียวตอบแบ่งรับแบ่งสู้ในขณะเดียวกันก็กล่าวล้อเลียนสหายไปด้วย เสียงเพลงบรรเลงทำนองแว่วหวานดังขึ้น จากนั้นพิธีการต่าง ๆ ก็ดำเนินไ

  • 1989 เปลียนรัก (ยัย) ตัวร้าย   บทที่ 111

    คำตอบของหลินซีนำพาให้ลู่หยางรู้สึกดีใจแทนสหายของตนเป็นอย่างมาก “เราไปบอกเขากันครับ” ลู่หยางจับมือหญิงคนรักเพื่อให้เดินเข้าไปด้วยกัน อู๋ท่งหันมาตามเสียงฝีเท้าจากด้านหลัง ลู่หยางจึงได้ปล่อยมือจากหลินซีกวักมือให้เขาเดินเข้ามาหา “ใครมาเหรอคะ” ฟางเซียนเอ่ยถามเสียงอ่อนห

  • 1989 เปลียนรัก (ยัย) ตัวร้าย   บทที่ 110

    ความโกลาหลได้เกิดขึ้นภายในห้องอีกครั้ง หลินชิวรีบวิ่งย้อนกลับออกไปเพื่อตามหมอ หลินชุนรีบเดินกลับไปโทรบอกทางบ้าน ส่วนลู่หยางไม่สนใจสภาพของตนอีก เขารีบสาวเท้าเดินมาข้างเตียงอย่างรวดเร็ว ฟู่ซินอี๋เองก็เดินมายืนอีกฝั่งเช่นเดียวกัน หลินซีฉีกยิ้มกว้างให้ชายหนุ่มทั้งสองคนก่อนจะมาหยุ

  • 1989 เปลียนรัก (ยัย) ตัวร้าย   บทที่ 109

    แม้ใจจะห่วงเพื่อนทว่าแพทย์ที่มาด้วยกันนั้นมีเฉพาะทาง ที่เก่งกว่าเธอหลายคน แต่สำหรับลู่หยางมีเธอเพียงเท่านั้น ‘เซียนเซียนฉันผิดต่อเธอแล้ว หากช่วยเขาให้ปลอดภัยได้ฉันยินดีให้เธอลงโทษ’ชะตาของคนก็เป็นเช่นนี้ไม่ใช่เหรอ เธอเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งเพียงเท่านั้น หากตัดสินใจเลือกคนที่รั

  • 1989 เปลียนรัก (ยัย) ตัวร้าย   บทที่ 108

    “เจอแล้ว!” หลินซีอุทานเสียงดัง “หล่อนอยู่ตรงไหน” ชุนรีบถามน้องสาวน้ำเสียงแฝงความยินดีไม่ต่างกัน “ฉันจะพาไปค่ะ” หลินซีออกตัววิ่งนำพี่ชายไปอย่างรวดเร็ว“พี่ชายท่ง มาทางนี้ค่ะ” หลินซีป้องปากตะโกนเรียกชายหนุ่มร่างสูงอีกคนที่อยู่ห่างไปไม่ไกลเมื่อเธอวิ่งมาถึงบริเวณที่เพื่อนของตนติด

続きを読む
無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status